ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 842 ความแตกต่าง
ตอนที่ 842 ความแตกต่าง
เมื่อหูวหนานเจียงและหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเสนอให้มีการแต่งตั้งยศจอมพลให้กับเย่เชียนนั้นหม่าเต๋อหงเป็นคนที่คัดค้านอย่างมากและเขาก็ไม่สนใจว่าเย่เชียนจะมีประโยชน์มากแค่ไหนและไม่ว่าจอมพลคนนี้จะเป็นเพียงชื่อหรืออำนาจที่แท้จริงก็ตามแต่สำหรับเขาแล้วการได้รับยศเช่นนี้ในฐานะทหารรับจ้างแล้วย่อมเป็นการดูถูกทหารจีนอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ทว่าผลโหวตเป็นเอกฉันท์เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเห็นด้วยเท่านั้น
อย่างไรก็ตามนี่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ได้ชื่นชมเย่เชียนแต่อย่างใดเพราะเขาเองก็ชื่นชมการกระทำของเย่เชียนจริงๆ อย่างไรก็ตามคนที่ไม่มีความรักชาติและไม่มีความรับผิดชอบและจิตสำนึกในภารกิจก็ไม่สมควรที่จะถูกเรียกว่าเป็นทหารสำหรับเขา
เมื่อเห็นว่าเย่เชียนหยิบกริชฉีจือเต๋าออกมาหม่าเต๋อหงก็ประหลาดใจอย่างมาก หากไม่ใช่เพราะอายุของเย่เชียนที่ห่างกับเย่เจิ้งหรานเกินไปเขาก็คงจะคิดว่าเย่เชียนกับเย่เจิ้งหรานนั้นเป็นคนๆเดียวกันอย่างแยกไม่ออกและถึงแม้ว่าจะมีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนแรกแต่หม่าเต๋อหงก็รู้ดีว่าเย่เจิ้งหรานนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัสเมื่อเขาต่อสู้กับฟู่จื้อซาน
ถ้าไม่ใช่เพราะเย่เชียนยังอายุน้อยเกินไปเขาก็คงจะคิดว่าเย่เชียนเป็นคนที่ขโมยกริชเล่มนั้นไปจากเย่เจิ้งหรานไปแล้ว อย่างไรก็ตามเนื่องจากกริชฉีจือเต๋าปรากฏตัวต่อหน้าเขาดังนั้นเขาจึงต้องไปบอกตระกูลเย่โดยเร็วที่สุดต่อให้เขาจะไม่ค่อยพอใจเย่เจียอู๋มากนักก็ตาม
หม่าเต๋อหงก็หันไปมองหม่าห่าวยู่และตะโกนเสียงดังว่า “กลับไปที่ห้อง..จากนี้ไปเอ็งห้ามออกไปไหนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากฉันก่อนไม่งั้นฉันจะลงโทษเอ็ง!”
หม่าห่าวยู่ทำหน้าบึ้งเล็กน้อยและลุกขึ้นอย่างไม่เต็มใจและเดินขึ้นไปชั้นบน อย่างไรก็ตามเขาจะไม่กังวลกับคำพูดของหม่าเต๋อหงอย่างจริงจังเพราะเขาเป็นทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลหม่าและพูดกันตามตรงว่าอนาคตของตระกูลหม่านั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวเขาเอง ดังนั้นเขาจึงไม่เชื่อว่าหม่าเต๋อหงจะโหดร้ายกับเขาเช่นนั้นจริงๆ
หลังจากที่เห็นหม่าห่าวยู่จากไปหม่าเต๋อหงก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรหาเย่เจียอู๋ทันที ซึ่งหมายเลขที่คุ้นเคยนี้ไม่มีการติดต่อมาเป็นเวลา 20 ปีแล้ว หากเหตุการณ์นี้ไม่เกิดขึ้นหม่าเต๋อหงก็คงจะไม่โทรหาเย่เจียอู๋อย่างแน่นอน เมื่อเริ่มโทรออกเสียงของเย่เจียอู๋ก็ดังมาจากฝั่งตรงข้ามทันที “ว่าไงตาแก่..ในที่สุดแกก็โทรมาหาฉันได้สักที” เย่เจียอู๋
“ฮึ่ม!” หม่าเต๋อหงสูดลมหายใจอย่างเย็นชาและพูดว่า “วันนี้ที่ฉันโทรหาแกก็เพื่อจะบอกอะไรบางอย่าง..ฉันเห็นกริชฉีจือเต๋า”
“หนึ่งในเจ็ดศาสตราวุธมหัศจรรย์น่ะเหรอ?..แกแน่ใจหรือว่านั่นคือฉีจือเจ๋าจริงๆ?..แกจำผิดหรือเปล่า?” เย่เจียอู๋ตกใจและถามด้วยความประหลาดใจ
“ฉันไม่ได้แก่และเลอะเลือนเหมือนแกหรอกนะ..ตาและสมองของฉันยังปกติอยู่มันคือกริชฉีจือเต๋าอย่างแน่นอน” หม่าเต๋อหงพูด
“แกเห็นที่ไหน” หัวใจของเย่เจียอู๋สั่นไหวอย่างชัดเจน
“ที่บ้านของฉันนี่แหละ” หม่าเต๋อหงพูด “ก็ชายหนุ่มที่ช่วยห่าวยู่ในผับบาร์เอาไว้เขามาที่บ้านของฉันวันนี้และฉีจือเต๋าก็อยู่กับเขา..ว่าแต่ตอนที่มันหายไปเจิ้งหรานไม่ได้พูดอะไรเลยเหรอ..เขาไม่ได้บอกแกเลยงั้นหรือ?”
“ไม่เลย” เย่เจียอู๋พูด “เมื่อเจิ้งหรานกับฟู่จื้อซานต่อสู้กันฉันก็รู้สึกประหลาดใจมากเมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้นำกริชฉีจือเต๋าออกมาใช้จนเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร..ฉันขอถามก่อนแล้วชายหนุ่มคนนั้นล่ะตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน”
“ไปแล้ว” หม่าเต๋อหงพูด “ทักษะและความสามารถของชายหนุ่มคนนี้ยอดเยี่ยมมากและดูเหมือนว่าเขาน่าจะฝึกศิลปะการต่อสู้ตำรับโบราณด้วย..ตาแก่ถ้าฉันไม่ได้เห็นฉีจือเต๋าจริงๆล่ะก็ชีวิตนี้ฉันคงไม่โทรไปหาแกหรอก..แกมันเห็นแก่ตัวทั้งๆที่รู้ว่าเจิ้งหรานได้รับบาดเจ็บแกกับเย่เจิ้งเซียงยังไม่ออกมาช่วยเขาแต่ยังบังคับให้เขาสู้ต่อจนตาย..อีกอย่างแกกลับปล่อยให้ลูกของเจิ้งหรานหายไปอีก..ชีวิตนี้ฉันจะไม่มีวันยกโทษให้แก”
เย่เจียอู๋พูดพร้อมกับถอนหายใจยาวๆว่า “เฮ้อ..หลายปีมาแล้วแกก็ยังโกรธอยู่อีกงั้นเหรอ..มันเป็นความจริงที่ฉันทำผิดในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแต่มันก็ผิดพลาดไปแล้วแกต้องการให้ฉันทำยังไง..ฉันเองก็จะส่งตระกูลเย่ให้กับเจิ้งหรานแต่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถแบกรับภาระของตระกูลเย่ได้เพราะงั้นเจิ้งเซียงจึงเป็นความหวังเดียวสำหรับตระกูลเย่ของฉัน..อีกอย่างความสามารถของฟู่จื้อซานนั้นก็โด่งดังในโลกศิลปะการต่อสู้ตำรับโบราณดังนั้นยกเว้นเจิ้งหรานแล้วใครจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้..แน่นอนว่าเจิ้งเซียงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลยแล้วแบบนี้แกจะให้ฉันส่งเจิ้งเซียงไปตายอย่างงั้นเหรอ?”
“แล้วแกยินดีที่จะส่งเจิ้งหรานไปตายงั้นเหรอ..เขาเป็นลูกชายแท้ๆของแกและเขาก็บาดเจ็บอยู่ในตอนนั้นแต่แกกลับปล่อยให้เขาไปสู้..แกไม่นึกถึงผลที่จะตามมาบ้างเหรอ” หม่าเต๋อหงพูดอย่างรุนแรง
“ฉันรู้ว่าฉันเป็นคนผิดแต่ตอนนั้นฉันไม่มีทางอื่นแล้ว..ตระกูลเย่อยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีทายาท” เย่เจียอู๋พูด
“ฮึ่มหลายปีผ่านไปแกก็ยังไม่รู้อีกว่าตัวเองผิดตรงไหน..ฉันรู้จักแกมานานหลายปีแล้วและคนแบบแกก็ไม่คู่ควรที่จะเป็นเพื่อนกับหม่าเต๋อหงคนนี้เลย..แกเป็นความอัปยศในชีวิตของฉันจริงๆ” หม่าเต๋อหงตัวสั่นด้วยความโกรธเพราะถ้าหากเย่เจิ้งหรานไม่ต้องออกไปต่อสู้เขาก็คงไม่ตาย เย่เจิ้งหรานนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญอันดับหนึ่งในโลกศิลปะการต่อสู้ตำรับโบราณแต่เขากลับจบลงด้วยชะตากรรมเช่นนั้นแล้วจะยอมรับได้อย่างไรและยิ่งไปกว่านั้นเย่เจิ้งหรานคือลูกบุญธรรมของเขา
“เอาเถอะหยุดพูดเรื่องนี้กันตกลงมั้ย?” เย่เจียอู๋หมดอารมณ์จะพูดต่อหลังจากถูกหม่าเต๋อหงตำหนิและรู้สึกผิดอย่างสุดซึ้งในใจ อันที่จริงเขาโทษตัวเองมาหลายปีแล้วและหัวใจของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและวิตกกังวล ซึ่งเย่เจิ้งหรานนั้นเป็นลูกชายแท้ๆของเขาและเป็นลูกชายที่เขาภาคภูมิใจอย่างมากดังนั้นเขาจะเต็มใจปล่อยให้ลูกชายไปตายได้อย่างไร? แต่เขาจะทำอะไรได้เพราะถ้าหากตระกูลเย่จะอยู่ต่อไปได้พวกเขาก็ต้องการทายาทและเย่เจิ้งเฟิงนั้นก็ไม่มีเจตนารมณ์และไม่มีความเหมาะสมใดๆทั้งสิ้นดังนั้นจึงเหลือเพียงคนเดียวก็คือเย่เจิ้งเซียง ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่สามารถปล่อยให้เย่เจิ้งเซียงไปต่อสู้กับฟู่จื้อซานได้และเขาก็ไม่สามารถปล่อยให้เย่เจิ้งเซียงไปตายได้เช่นกัน ทั้งหมดทั้งมวลแล้วสำหรับอนาคตของตระกูลเย่เขามีทางเลือกเพียงทางเดียวเท่านั้น
“ว่าแต่ทำไมแกถึงไม่หยุดชายหนุ่มคนนั้นเอาไว้ล่ะ..หนึ่งในเจ็ดศาสตราวุธนั้นเป็นของตระกูลเย่ของฉันและมันจะต้องไม่ตกไปอยู่ในมือของคนนอกอย่างเด็ดขาด!” เย่เจียอู๋พูด
“ทำไมฉันต้องเก็บเขาเอาไว้ด้วย..มันเป็นเรื่องของตระกูลเย่ไม่ใช่เรื่องของฉัน” หม่าเต๋อหงพูด
“แต่นั่นเป็นอาวุธคู่กายของเจิ้งหรานและนั่นก็เหมือนสมบัติลูกชายของแกด้วย..แกอยากให้มันตกไปอยู่ในมือของคนอื่นงั้นเหรอ..ตอนนี้ลูกชายของเย่เจิ้งหรานกลับมาแล้วเพราะงั้นนั่นก็ควรจะเป็นสมบัติและมรดกของเขา” เย่เจียอู๋พูด
“ลูกของเจิ้งหราน?..แกหมายถึงลูกชายแท้ๆของเจิ้งหรานงั้นเหรอ?..ลูกชายที่หายตัวไปนานขนาดนั้น?” หม่าเต๋อหงอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านและถามด้วยความตื่นเต้น
“ใช่” เย่เจียอู๋พูด “ในงานวันเกิดของฉันเมื่อไม่กี่วันก่อนเขากลับมาและในที่สุดเขาก็จำบรรพบุรุษของเขาได้..ฉันดีใจมากที่ได้พบหลานชายคนนี้ก่อนที่ฉันจะตายและตอนนี้เขาก็อยู่ที่เมืองปักกิ่งแล้วด้วย..ฉันบอกให้เขาไปเยี่ยมแกแล้ว..ว่าแต่เขายังไม่ได้ไปหางั้นเหรอ?”
“เปล่า..ฉันอยู่บ้านมาตั้งหลายวันแล้ว” หม่าเต๋อหงบอก “รีบโทรหาเขาอีกครั้งและบอกให้เขามาสิ..ไม่อย่างนั้นก็บอกฉันมาว่าเขาอยู่ที่ไหนแล้วฉันจะไปหาเขาเอง..หลานชายของฉันลูกชายของเจิ้งหราน..นั่นคงเป็นหลายบุญธรรมของฉันสินะ..ฉันไม่รู้ว่าเขาจะเก่งเหมือนพ่อของเขาหรือเปล่า..ฮ่าๆ”
“อย่าตื่นเต้นนักเลย” เย่เจียอู๋พูด “ฉันได้เห็นการแสดงของเขาในระหว่างงานเลี้ยงวันเกิดแล้วเขาเก่งมาก..เขาแข็งแกร่งกว่ารุ่นลูกรุ่นหลานคนอื่นๆในตระกูลเย่ทั้งหมดและเป็นพรสวรรค์ที่คู่ควรอย่างมาก..เอาเถอะฉันจะโทรหาเขาอีกครั้งในภายหลังและบอกให้เขามาพบแกโดยเร็วที่สุด ”
“อย่ามาพูดเรื่องไร้สาระรีบๆโทรไปหาเขาเร็วๆสิ” หม่าเต๋อหงพูด “ตราบใดที่ชายหนุ่มคนนั้นยังอยู่ในเมืองหลวงพร้อมกับฉีจือเต๋าล่ะก็เขาจะไม่สามารถหนีไปได้และฉันจะตามหาเขาให้พบ..ถึงเวลาแล้วที่ฉันจะต้องทวงคืนสมบัติของหลานชายกลับมา”
หลังจากพูดจบแล้วหม่าเต๋อหงก็ไม่ได้รอให้เย่เจียอู๋พูดและวางสายอย่างรวดเร็ว เย่เจียอู๋ผู้ซึ่งรู้จักอารมณ์และนิสัยของหม่าเต๋อหงเป็นอย่างดีก็ทำได้เพียงยิ้มรับอย่างช่วยไม่ได้
หลังจากวางสายไปใบหน้าของหม่าเต๋อหงก็เต็มไปด้วยความสุขที่ควบคุมไม่ได้และเขาก็ตะโกนว่า “เข้ามา!”
เมื่อเสียงนั้นจบลงชายวัยกลางคนในวัยสามสิบก็เดินเข้ามาและเป็นคนขับรถยศผู้พันนั่นเอง “หัวหน้า!” ผู้พันพูดด้วยท่าทางของทหารและแน่นอนว่าเขาไม่ใช่คนขับรถของหม่าเต๋อหงจริงๆเพราะไม่ว่าหม่าเต๋อหงจะยิ่งใหญ่สักแค่ไหนแต่เขาก็ไม่สามารถใช้ทหารยศพันเอกเป็นข้ารับใช้ครอบครัวได้
“ไปตามหาพ่อหนุ่มคนนั้นซะ..ไม่ว่านายจะพลิกเมืองหลวงและขุดดินลึกลงไปแค่ไหนนายก็ต้องตามหามันให้ฉัน” หม่าเต๋อหงพูดอย่างเฉียบขาด
พันเอกก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจึงถามด้วยความประหลาดใจว่า “ครับท่าน..ว่าแต่มีเรื่องอะไรหรือ?”
“จำตอนที่ฉันบอกนายเกี่ยวกับเย่เจิ้งหรานลูกบุญธรรมชองฉันได้มั้ย?” หม่าเต๋อหงพูด
“ครับผม” พันเอกตอบหม่าเต๋อหงพูดถึงเย่เจิ้งหรานต่อหน้าเขามากกว่า 1 ครั้งและทุกๆครั้งที่เขาพูดถึงหม่าเต๋อหงมักจะดูภูมิใจมาก ซึ่งเขาก็รู้ดีว่าลูกบุญธรรมคนนี้สำคัญต่อหม่าเต๋อหงมากแค่ไหน
“ก่อนการต่อสู้อย่างเด็ดขาดระหว่างเย่เจิ้งหรานและฟู่จื้อซานนั้นเย่เจิ้งหรานไม่ได้นำอาวุธคู่กายออกมาใช้..ดังนั้นจึงเป็นเวลาหลายปีแล้วที่พวกเราทุกคนต่างก็คิดว่ากริชฉีจือเต๋าที่เป็นหนึ่งในศาสตราวุธโบราณมหัศจรรย์ได้สูญหายไป..อย่างไรก็ตามตอนนี้เย่เชียนได้ครอบครองมันเอาไว้และนั่นมันก็คืออาวุธของเย่เจิ้งหรานและควรจะเป็นสมบัติของลูกชายเย่เจิ้งหรานอย่างที่ควรเป็น” หม่าเต๋อหงกล่าว
“หัวหน้าคุณไม่ได้บอกว่าลูกของเย่เจิ้งหรานหายไปตั้งแต่เขายังเด็กหรอกหรือครับ..ซึ่งไม่มีใครรู้เลยว่าเขาหายไปไหน” พันเอกพูด
“ใช่..แต่เมื่อกี้ฉันโทรไปหาเย่เจียอู๋และเขาก็บอกว่าเขาพบลูกของเย่เจิ้งหรานแล้วและเขาก็ยังเป็นชายหนุ่มที่ยอดเยี่ยมมากอีกด้วย..ดังนั้นเขาควรจะสืบทอดอาวุธคู่กายของพ่อและสานต่อเจตนารมณ์ของพ่อ..ฉันเชื่อว่าเขาทำได้เพราะเขาคือหลานชายของฉัน!” หม่าเต๋อหงพูด