ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 844 แผนการเล็กๆ
ตอนที่ 844 แผนการเล็กๆ
ฉีเยว่เกิดในพื้นที่ภูเขาที่ยากจนในมณฑลกุ้ยโจวและพลาดการเรียนที่มหาวิทยาลัยซิงหัวเนื่องจากคะแนนในการทำข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยพลาดไปเพียงเล็กน้อย ซึ่งหลังจากนั้นเขาก็ได้เข้าทำงานในบริษัทขนาดกลางในฐานะผู้จัดการฝ่ายการตลาดและไม่ว่าเขาจะทำงานหนักแค่ไหนและขยันแค่ไหนมันก็ยากเสมอสำหรับเขาที่จะเติบโตในเมืองนี้ได้
อย่างไรก็ตามเขามีแฟนสาวที่สวยมากและเขาก็หวังว่าจะทำงานหนักในเมืองนี้เพื่อสร้างโลกที่เขาสามารถอยู่ร่วมกับแฟนสาวและแก่เฒ่าไปด้วยกันได้ แต่ทว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ความฝันสำหรับเขาเพราะความฝันนี้มันห่างไกลอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ชางกวนหยานยู่น้องชายของชางกวนเจ้อเป็นคนที่มักจะดูถูกเหยียดหยามผู้ใต้บังคับบัญชาอยู่เสมอ ซึ่งเขาได้ตกหลุมรักแฟนสาวของฉีเยว่ดังนั้นเขาจึงโจมตีฉีเยว่และกลั่นแกล้งอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตามผู้หญิงคนนี้ก็มีความเพียรที่ลบล้างไม่ได้ในหัวใจของเธอจนชางกวนหยานยู่ไม่สามารถทำอะไรเธอได้และไม่ได้ในสิ่งที่เขาต้องการ
หลังจากนั้นมาชางกวนหยานยู่ก็เรียกฉีเยว่ไปพบเป็นการส่วนตัวและยื่นข้อเสนอในการเลื่อนตำแหน่งให้เขาในฐานะผู้จัดการฝ่ายขายโฆษณาของบริษัทแม่อย่างกลุ่มทะเลสี่ทิศและเงื่อนไขก็คือฉีเยว่ต้องเลิกกับแฟนสาวของเขา ซึ่งภายใต้เงินและอำนาจนั้นฉีเยว่กลับไม่สามารถต้านทานได้และตอบตกลงทำสัญญากับชางกวนหยานยู่ในที่สุด
อาจกล่าวได้ว่าฉีเยว่ก็เป็นคนเลวทรามเช่นกันแต่คนจำนวนมากที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่างก็จะยอมแพ้ต่อความรักเพื่อเงินและอำนาจเสมอ ซึ่งฉีเยว่ก็ยอมแพ้เพื่อความฝันของเขาอย่างไรก็ตามหลังจากที่เขาเข้าสู่กลุ่มทะเลสี่ทิศแล้วเหล่าผู้บริหารของบริษัทก็ไม่ได้สนับสนุนเขามากนักและท้ายที่สุดความพยายามทั้งหมดของเขาก็ไร้ผล ดังนั้นถึงแม้ว่าสถานะของเขาจะสูงขึ้นและสภาพความเป็นอยู่ของเขาจะดีขึ้นก็ตามแต่เขากลับรู้สึกเหนื่อยล้ากว่าเดิมอย่างมาก
คนที่ทำให้เกิดเรื่องทั้งหมดนี้ในความเห็นของเขาเกิดจากชางกวนหยานยู่และบริษัททะเลสี่ทิศ ดังนั้นเขาจึงต้องการแก้แค้นทั้งบริษัททะเลสี่ทิศและชางกวนหยานยู่ไปพร้อมๆกัน
หลังจากฟังคำพูดของฉีเยว่แล้วเย่เชียนก็ขมวดคิ้วแน่นเพราะพูดตามตรงเย่เชียนไม่ได้รู้สึกประทับใจเลยแม้แต่น้อยกับคนแบบนี้ คนที่ยอมละทิ้งความรักเพื่อเงินและอำนาจไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามมันก็เป็นเรื่องที่ยกโทษให้ไม่ได้อย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม นี่ก็เป็นเรื่องน่าเศร้าของชาวเร่ร่อนที่เข้ามาสู้ชีวิตหลายๆคน
เมื่อเย่เชียนจ้างใครสักคนแล้วเขาก็ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนแบบไหนเพราะความภักดีและงานที่มอบหมายเท่านั้นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ซึ่งต่อให้ฉีเยว่จะเป็นคนเลวสักแค่ไหนแต่เย่เชียนก็ไม่สนใจตราบใดที่คนเหล่านั้นสามารถทำประโยชน์ให้กับเขา “ก็นะโลกใบนี้มันไม่ยุติธรรมตั้งแต่แรกแล้ว” เย่เชียนพูดเบาๆ “งั้นบอกกับผมทีว่าคุณสามารถทำอะไรกับบริษัททะเลสี่ทิศได้บ้าง”
“บริษัททะเลสี่ทิศจับตามองเครือน่านฟ้ากรุ๊ปมาโดยตลอดและคราวนี้เรื่องนี้ก็ถูกควบคุมและจัดการโดยบริษัททะเลสี่ทิศอย่างสมบูรณ์แบบ..จุดประสงค์ไม่ใช่แค่การทำให้ชางกวนเจ้อเป็นผู้จัดการของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปแล้วใช้อำนาจของเขาเพื่อโค่นล้มทำลายเครือน่านฟ้ากรุ๊ปจากภายใน..พวกเขาทำได้หมดไม่ว่าจะฆ่าซูเฉียนหรือคุณเพราะงั้นตราบใดที่คุณยอมรับเงื่อนไขของผมล่ะก็ผมสามารถช่วยคุณจัดการกับบริษัททะเลสี่ทิศได้ก่อนที่เขาจะกำจัดคุณ” ดวงตาของฉีเยว่เต็มไปด้วยความเกลียดชังและความมุ่งมั่นที่จะแก้แค้น
เย่เชียนก็ยิ้มเบาๆและพูดว่า “จริงๆแล้วผมหวังให้บริษัททะเลสี่ทิศโจมตีฉันและส่งคนมาฆ่าผมเหมือนกัน..แต่ผมก็อยากรู้จริงๆว่าคุณจะทำให้บริษัททะเลสี่ทิศพังทลายได้ยังไง..พูดก็พูดเถอะว่าคุณเองก็เป็นแค่ผู้จัดการฝ่ายขายเล็กๆภายในบริษัทและเหล่าผู้บริหารก็ไม่ได้ไว้วางใจคุณเลย..แบบนี้คุณจะทำอะไรได้”
“ผมได้สืบค้นมาว่าการลงทุนประจำปีของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปในธุรกิจโฆษณานั้นอยู่ที่ประมาณยี่สิบล้านหยวนต่อปีและเราสามารถเริ่มต้นได้จากเรื่องนี้” ฉีเยว่พูด
“มาคุยเรื่องรายละเอียดกัน” เย่เชียนพูด
“ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างซูเฉียนกับชางกวนเจ้อที่ไม่ค่อยดีนักจึงทำให้ธุรกิจโฆษณาของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปถูกส่งต่อไปยังบริษัทอื่นและตราบใดที่คุณมอบธุรกิจโฆษณาของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปให้กับบริษัททะเลสี่ทิศล่ะก็ผมสามารถหาวิธีให้พวกเขาลงนามในสัญญาได้และตราบเท่าที่มีการลงนามในสัญญาแล้วคุณจะต้องชะลอการชำระเงินล่วงหน้าและคุณจะทำให้บริษัททะเลสี่ทิศประสบปัญหาอย่างหนักหน่วงจากนั้นคุณก็สามารถฟ้องร้องบริษัททะเลสี่ทิศได้..จากนั้นก็เรียกค่าเสียหายจากพวกนั้น” ฉีเยว่พูด “กฎหมายมีระเบียบและขั้นตอนที่ชัดเจนมากหากสัญญาฝ่าฝืนหลักความเสมอภาคและผลประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่ายก็จะถือเป็นสัญญาที่ไม่ถูกต้องและในเวลานั้นคุณสามารถทำให้สัญญานี้เป็นโมฆะได้อย่างสมบูรณ์แบบ”
เย่เชียนไม่เข้าใจสิ่งเหล่านี้แต่ฟังดูน่าสนใจเลยทีเดียว “กลุ่มบริษัททะเลสี่ทิศมีเงินทุนหลายร้อยล้านเหรียญและด้วยเงินจำนวนเล็กน้อยนี้มันไม่สามารถทำให้ขนหน้าแข้งพวกนั้นร่วงหรอก..มันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลย” เย่เชียนพูด “แต่ผมก็สนใจแผนการนี้มาก..คิดซะว่ามันเป็นการตบหน้ากลุ่มทะเลสี่ทิศก็แล้วกัน”
สำหรับบริษัทใหญ่อย่างกลุ่มทะเลสี่ทิศแล้วเงินจำนวนยี่สิบล้านหยวนไม่เพียงพอที่จะทำลายพวกเขาและถึงแม้ว่าเขาจะพยายามหาทางรับเงินชดเชยและเรียกร้องค่าเสียหายถึงร้อยล้านหยวนก็ตามแต่ก็คาดว่ากลุ่มทะเลสี่ทิศก็คงจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ อย่างไรก็ตามสิ่งที่เย่เชียนสนใจก็คือการที่บุคลากรบริษัทกลุ่มทะเลสี่ทิศที่สามารถรู้ถึงการเคลื่อนไหวของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปเป็นอย่างดีนั่นเอง
หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดว่า “เงื่อนไขของคุณคืออะไร?”
“หลังจากจบเรื่องนี้แล้วผมต้องการเข้าร่วมเครือน่านฟ้ากรุ๊ป” ฉีเยว่พูด
เย่เชียนก็ส่ายหัวเล็กน้อยเพราะด้วยพลังของบริษัททะเลสี่ทิศและอำนาจของตระกูลชางกวนแล้วหากแผนของฉีเยว่ประสบความสำเร็จจริงๆชีวิตของฉีเยว่ก็คงจะสูญสิ้น เมื่อคิดเช่นนั้นเย่เชียนก็พยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ไม่มีปัญหา..ผมรับปาก”
ปากของฉีเยว่ก็ขดขึ้นเป็นรอยยิ้มที่พึงพอใจและดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกว่าเขาได้สิ่งที่เขาต้องการแล้วและกำลังจะมีความสุข “ตกลงครับ!” ฉีเยว่ยื่นมือออกมาแล้วพูด
เย่เชียนก็ยิ้มเบาๆและหยิบบุหรี่ออกมาแล้วจุดบุหรี่โดยไม่ได้ยื่นมือออกไปแต่อย่างใดเพราะคนอย่างฉีเยว่ไม่ควรค่าแก่การจับมือด้วย เมื่อเห็นสิ่งนี้ฉีเยว่ก็อดไม่ได้ที่จะดึงมือของเขากลับมาอย่างประหม่าและใบหน้าของเขาก็ดูอับอายเล็กน้อย
“ถ้าวันนึงเธอกับฉันได้พบกันอีกและเราไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป…” เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากบนเวทีของบาร์จนเย่เชียนอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองและพบว่าเป็นนักร้องหญิงที่ร้องเพลงในคืนที่ผ่านมา
การแสดงออกของฉีเยว่ก็หยุดนิ่งไปเช่นกันและเขาก็หันไปอย่างช้าๆและเมื่อเขาเห็นนักร้องสาวที่บาร์การแสดงออกของเขาก็หยุดนิ่งทันที ฉากนี้มองเห็นได้ชัดเจนโดยเย่เชียนและเขาก็อดคิดไม่ได้ว่า “เธอเป็นแฟนสาวของฉีเยว่งั้นเหรอ?”
เมื่อนักร้องสาวบนเวทีเห็นเย่เชียนเธอก็จ้องมองเขาด้วยความโกรธและเห็นได้ชัดว่ามันเป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ เธอยังคงรู้สึกขุ่นเคืองเย่เชียนและเมื่อดวงตาของเธอสังเกตเห็นร่างของฉีเยว่แล้วเธอก็หยุดร้องเพลงในทันทีและดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยความโกรธ
เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็ตบไหล่ของฉีเยว่เบาๆแล้วพูดว่า “สิ่งที่สูญเสียไปแล้วมันก็ยากที่จะเอากลับคืนมา..คุณควรจะปล่อยวาง..คุณจะกังวลไปทำไม?”
ฉีเยว่ก็แน่นิ่งไปชั่วขณะแล้วเขาก็ยิ้มอย่างน่าสังเวชและคิดว่าเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะมองย้อนกลับไปและแก้ไขอดีตใช่มั้ย? ทางเดียวสำหรับเขาคือการก้าวไปข้างหน้าและถึงแม้ว่าจะมีเหวอยู่ข้างหน้าแต่เขาก็ไม่สามารถหยุดได้ เมื่อคิดเช่นนั้นเขาก็หันไปมองเย่เชียนจากนั้นฉีเยว่ก็ลุกขึ้นยืนและพูดว่า “คุณเย่..ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
เย่เชียนก็พยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “โทรมาหาผมก็แล้วกันเมื่อทุกอย่างพร้อม”
“บอส..ฉันตัดสินใจโดยไม่ได้รับอนุญาตและพาเขามาพบบอสใช่มั้ย?” เย่หานหลินพูดหลังจากเห็นฉีเยว่จากไป “ฉันไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะเป็นคนที่มีเล่ห์เหลี่ยมถึงขนาดนี้..ฉันแค่คิดว่าเขาอยู่ในบริษัททะเลสี่ทิศแล้วน่าจะมีประโยชน์กับเรา..ถ้าฉันรู้ว่าเขาเป็นคนแบบนี้ฉันจะไม่พาเขามาพบบอสโดยเด็ดขาด..โทษทีนะบอส”
เย่เชียนก็ฉีกยิ้มและตบไหล่เย่หานหลินเบาๆแล้วพูดว่า “ไม่สำคัญว่าเขาจะมีเล่ห์เหลี่ยมแค่ไหนเพราะสิ่งสำคัญคือเขาสามารถทำประโยชน์ให้เราได้..ถึงแม้ว่าฉันจะไม่คาดหวังว่าเขาจะทำลายบริษัททะเลสี่ทิศได้ก็ตามแต่การทำแบบนั้นมันก็ไม่เลวเพราะพวกบริษัททะเลสี่ทิศได้โจมตีพวกเราแล้วหากเราไม่ตอบโต้เราก็จะถูกดูหมิ่น..นอกจากนี้ถ้าฉีเยว่อยากที่จะจัดการกับมันจริงๆผลที่ตามมาเราก็ไม่สามารถจินตนาการได้เลยเพราะคนชั่วย่อมมีความชั่วร้ายอยู่ในตัวเสมอ..ปล่อยให้สุนัขกัดเจ้าของไปและเราก็แค่นั่งเก็บเกี่ยวผลประโยชน์แค่นั้นก็พอ”
เย่หานหลินก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า
หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดต่อ “นายรู้ที่อยู่ของฉีเยว่หรือเปล่า..ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นแค่วายร้ายตัวเล็กๆแต่ฉันเกลียดคนประเภทนี้มาก..เพราะงั้นการถือมีดเอาไว้ย่อมได้เปรียบเสมอ”
“บอสที่นี่คือเมืองหลวงถ้าเราฆ่าใครสักคนมันจะเกิดผลร้ายแรงนะ” เย่หานหลินพูด
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “มีวิธีฆ่าตั้งหลายวิธีและนายไม่จำเป็นต้องทำเอง..การถือมีดนั้นไม่ได้หมายความว่าจะต้องฆ่าเสมอไป”
เย่หานหลินก็ตกตะลึงครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ได้เลยบอสฉันรู้ว่าต้องทำยังไง..ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันได้เลย”
เย่เชียนก็ยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วพูดว่า “ฉันเชื่อว่านายจะทำได้ดี..จำไว้ว่าถ้านายต้องการที่จะอยู่ยงคงกระพันตลอดไปนายก็ควรรู้วิธีใช้จุดอ่อนของศัตรูให้เกิดประโยชน์..ถ้าเราคว้าข้อได้เปรียบจากศัตรูได้และใช้มันเพื่อกดดันศัตรูและค่อยๆทำลายไปทีละนิดเหมือนระเบิดเวลา!”
เมื่อมองไปที่เย่เชียนแล้วเย่หานหลินก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัวอยู่ในใจและเขาเพียงรู้สึกว่าเย่เชียนนั้นน่ากลัวเกินไปตามแบบฉบับตัวละครในภาพยนตร์ฆาตกรรม
“ช่วยเรียกผู้หญิงคนนั้นให้ผมหน่อยได้มั้ย” หลังจากนั้นเย่เชียนก็โบกมือเรียกพนักงานเสิร์ฟและชี้ไปที่นักร้องสาวแล้วพูด
พนักงานเสิร์ฟก็อึ้งไปครู่หนึ่งและหลังจากรับเงินจากมือของเย่เชียนแล้วเขาก็พยักหน้าเห็นด้วยอย่างรวดเร็วแล้วหันหลังเดินจากไป ดวงตาของนักร้องสาวก็เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองอย่างสุดซึ้งต่อเย่เชียนแต่เธอก็ยังเดินมาและหลังจากนั่งลงฝั่งตรงข้ามเย่เชียนแล้วนักร้องสาวก็พูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “คุณต้องการอะไรอีก..ฉันบอกคุณอย่างชัดเจนไปแล้วเมื่อคืนนี้ว่าไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกใบนี้ที่สามารถซื้อได้ด้วยเงิน..ฉันใช้ชีวิตอยู่อย่างพอเพียงและต่อให้ชีวิตของฉันจะย่ำแย่ขนาดไหนแต่ฉันจะไม่เป็นเหมือนคนไร้ยางอายแบบนั้นเด็ดขาด..ฉันจะไม่มีวันยอมแลกของมีค่าที่สุดของฉันเพื่ออนาคต!”