ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 848 สู่สนามรบ
ตอนที่ 848 สู่สนามรบ
หมาป่ากินเนื้อแต่สุนัขกินขี้นี่คือความจริงที่เป็นนิรันดร์เพราะโลกใบนี้เป็นโลกที่คนอ่อนแอจะถูกผู้ที่แข็งแกร่งกลืนกิน
เมื่อหมาป่ารู้จุดประสงค์และเป้าหมายแล้วโลกจะยอมจำนนและหลับใหลอยู่ใต้เท้าของพวกมัน ความอดกลั้นไม่ได้น่ากลัวและมันก็สามารถทนกับความดูถูกและการเยาะเย้ย แต่สิ่งที่เลวร้ายก็คือการที่หมาป่าตัวนี้สูญเสียเป้าหมายของตัวเองและในที่สุดก็กลายเป็นสุนัขจรจัด แต่หมาป่านั้นมีชีวิตอยู่เพื่อพิชิตศัตรูทั้งหมดและพิชิตโลกที่อยู่ตรงหน้า
ในสมัยก่อน ณ ทวีปตะวันออกกลางฐานบัญชาการกลางขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่านั้นสมาชิกทุกคนจะได้รับการฝึกฝนที่โหดร้ายโดยครูฝึกอย่างมารุยามะมิซูกิที่คอยเฝ้าดูดวงดาวที่กำลังทะยายไปสู่ท้องฟ้าเหล่านี้และรอยยิ้มที่น่าพึงพอใจก็ก่อตัวขึ้นที่มุมปากของเธอเพราะองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าจำเป็นต้องพัฒนาและเหล่าผู้มากพรสวรรค์เหล่านี้ก็เป็นอนาคตของเขี้ยวหมาป่า ซึ่งดวงตาของมารุยามะมิซูกิในเวลานั้นเหลือบไปมองชายหนุ่มคนหนึ่งเป็นครั้งคราวและเป็นชายหนุ่มที่อายุไม่ถึง 20 ปีและดวงตาของเขาก็มีความมุ่งมั่นและนี่คือชายหนุ่มที่เธอและกัปตันเทียนเฟิงพบในประเทศจีนที่เป็นเด็กขอทานเร่ร่อนที่ถูกดูถูกเหยียดหยามอยู่ข้างถนน ซึ่งมารุยามะมิซูกิเห็นบางสิ่งบางอย่างในตัวของเขาและนั่นก็คือการฆ่าฟัน
ในตอนนั้นเย่เชียนอยู่ในองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่ามาสามปีแล้วและเขาก็เคยชินกับการฝึกฝนที่โหดร้ายเช่นนี้ทุกวันและเขาก็กระตือรือร้นที่จะฝึกมากขึ้นเพราะด้วยวิธีนี้เขารู้สึกว่าเขาไม่ใช่ปรสิตและขยะสังคมอีกต่อไป อย่างไรก็ตามเขาก็กลัวที่จะทำภารกิจให้สำเร็จเพราะมันหมายความว่าเขากำลังจะไปที่สนามรบและเมื่ออยู่ในสนามรบชีวิตและความตายอาจไม่สามารถตัดสินใจด้วยตัวเองได้และต้องเผชิญกับการต่อสู้ที่โหดเหี้ยมที่สุดและการนองเลือดอย่างโหดเหี้ยม
มารุยามะมิซูกิเฝ้าดูเย่เชียนค่อยๆเติบโตทีละเล็กทีละน้อยเพราะเดิมทีเขาเป็นเด็กที่อ่อนแอแต่ในระยะเวลาเพียง 3 ปี เย่เชียนก็ได้กลายเป็นผู้ชายที่แท้จริงและแน่นอนว่าไม่ใช่ชายชาติทหารเพราะชายชาติทหารตัวจริงต้องมีประสบการณ์การต่อสู้ในสนามรบเพื่อเติบโตขึ้น
“รวมแถว!” มารุยามะมิซูกิก็ออกคำสั่งและสมาชิกเขี้ยวหมาป่าทั้งหมดก็รวมตัวกันอย่างรวดเร็ว ณ เวลานี้เขี้ยวหมาป่าเป็นเพียงองค์กรทหารรับจ้างระดับกลางเท่านั้นแต่ก็มีฐานทัพย่อยถึง 30 แห่งทั่วโลก
หัวใจของเย่เชียนก็เต้นแรงขึ้นทันทีและเห็นได้ชัดว่าเขากำลังจะเริ่มปฏิบัติภารกิจและเมื่อมองไปที่ไป๋ฮวยที่อยู่ตรงหน้าเขาแล้วดวงตาของเย่เชียนก็แสดงความตื่นเต้นและความตึงเครียดและไป๋ฮวยก็ยิ้มเล็กน้อยจากนั้นก็เดินไปหาเย่เชียนและตบไหล่เขาแล้วพูดว่า “นายกลัวมั้ย”
เย่เชียนพยักหน้าเล็กน้อยและมองไปยังชายหนุ่มที่อยู่ข้างหน้าเขาซึ่งอายุเท่าๆกันกับเขา
“ไม่ผิดหรอกที่นายจะกลัวเพราะถ้านายรู้ว่าตัวเองกลัวนายก็จะรู้วิธีป้องกันตัวเอง” ไป๋ฮวยพูด “เฉพาะผู้ที่กลัวความตายเท่านั้นที่สามารถมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้นได้”
เย่เชียนก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและมองไป๋ฮวยด้วยความประหลาดใจและไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร นั่นหมายความว่าถ้าเขาไม่กลัวตายเขาก็จะไม่สามารถมีชีวิตอยู่รอดได้อย่างงั้นหรือ? เย่เชียนอยากจะถามแต่ก็ไม่พูดอะไรใดๆ เมื่อเห็นเช่นนั้นไป๋ฮวยก็รู้ชัดเจนว่าเย่เชียนนั้นไม่เข้าใจดังนั้นเขาจึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เมื่อนายอยู่ในสนามรบนายจะเข้าใจสิ่งที่ฉันพูด”
หลังจากพูดจบไป๋ฮวยก็เพิกเฉยต่อเย่เชียนและวิ่งตรงไปที่จุดรวมพลทันที จากนั้นเย่เชียนก็มองดูชายหนุ่มผู้นี้ซึ่งอายุเท่ากันกับเขาแต่เห็นได้ชัดว่าเขาดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าตัวเขาเองและเขาก็มักจะได้ยินเหล่าพี่น้องเขี้ยวหมาป่าพูดกันว่าไป๋ฮวยนั้นอยู่ในสนามรบมาหลายครั้งแล้วและเขาก็เป็นทหารที่เก่งมากและในเขี้ยวหมาป่าก็ไม่มีใครสามารถเทียบกับเขาได้ ซึ่งเขานั้นไม่มีเพื่อนและเขาก็ไม่ค่อยคุยกับผู้คนแม้แต่พี่น้องเขี้ยวหมาป่าด้วยกัน นิสัยของเขาค่อนข้างที่จะสันโดษและอาจเป็นเพราะเขาดีเกินไปพี่น้องคนอื่นๆก็ไม่ค่อยเต็มใจที่จะคุยกับเขานัก เพราะต่อหน้าเขาแล้วมีเพียงเย่เชียนเท่านั้นที่พูดคุยกับเขาแต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร
กัปตันเทียนเฟิงเดินออกจากฐานไปและเหลือบมองไปที่สมาชิกเขี้ยวหมาป่าข้างหน้าเขาและพูดว่า “เราเพิ่งได้รับภารกิจมา..ทางตำรวจลิเบียขอให้เราช่วยพวกเขาในการลอบโจมตีกองกำลังติดอาวุธและฉันขออธิบายสถานการณ์นี้สั้นๆก่อนว่าผู้ก่อการร้ายกลุ่มนี้ล้วนเป็นทหารรับจ้างแนวหน้าของโลก..แดนนี่บอลล์ผู้นำของกองกำลังติดอาวุธทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการกองทหารต่างประเทศของสเปนในปี1982ปฏิบัติภารกิจระดับนานาชาติและหลบหนีจากสเปน..จากนั้นเขาก็ได้ก่อตั้งกองทัพทหารรับจ้างที่เชี่ยวชาญในการขายอาวุธผิดกฎหมายและนี่เป็นกองกำลังที่ทรงพลังมากและยังเป็นการต่อสู้ที่ยากที่สุดในประวัติศาสตร์ของเขี้ยวหมาป่าของเราด้วย..ดังนั้นฉันหวังว่าทุกคนจะคิดได้และแสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของตัวเองออกมา..ส่วนข้อมูลเฉพาะฉันจะอธิบายให้ทุกคนทราบเกี่ยวกับรายละเอียดบนเครื่องบินในภายหลัง..ฉันจะกำหนดหน้าที่ของสมาชิกแต่ละคนในภารกิจนี้”
เมื่อเสียงของกัปตันเทียนเฟิงจบลงสมาชิกเขี้ยวหมาป่าทั้งหมดต่างก็ตื่นเต้นและเป็นกังวลไปพร้อมๆกันและรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมรบกับพี่น้องเหล่านี้และมันก็เป็นความฝันของพวกเขาอีกด้วยเพราะด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่พวกเขาสามารถแสดงความแข็งแกร่งออกมาได้ อย่างไรก็ตามการสู้รบกับศัตรูดังกล่าวยังหมายความว่าพวกเขาจะต้องเสี่ยงมากขึ้นและพวกเขาจะเสียชีวิตลงเมื่อใดก็ได้
“เอาล่ะสหายคราวนี้พวกนายจะได้เป็นกัปตันทีม..ไป๋ฮวย,อู๋เต้อ,ไจแอนท์,เจสัน,เย่เชียน!..งานนี้จะถูกส่งต่อให้พวกนายและฉันก็หวังว่าพวกนายจะกลับมาพร้อมกับชัยชนะ..เราที่เหลือจะรอพวกนายกลับมาที่ฐานและดื่มไวน์ฉลองกัน!” กัปตันเทียนเฟิงพูด
เมื่อเสียงของกัปตันเทียนเฟิงจบลงหัวใจของเย่เชียนก็เต้นอย่างกะทันหันและนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ออกทำภารกิจและได้ภารกิจที่ยากลำบากเช่นนี้จริงๆดังนั้นมันคงเป็นเรื่องโกหกที่จะบอกว่าเขาไม่กลัว ซึ่งไป๋ฮวยที่อยู่ข้างๆเย่เชียนก็รับรู้ถึงความกังวลใจของเย่เชียนดังนั้นเขาจึงตบไหล่เย่เชียนเบาๆและส่งยิ่มให้
มารุยามะมิซูกิก็ตกตะลึงอยู่พักหนึ่งและมองไปที่กัปตันเทียนเฟิงด้วยความประหลาดใจและไม่เข้าใจว่าทำไมเย่เชียนถึงถูกให้เข้าร่วมในภารกิจครั้งนี้เพราะในมุมมองของมารุยามะมิซูกินี่เป็นงานที่สำคัญและยากมากและมันไม่ใช่การต่อสู้เพื่อฝึกฝนผู้คนเลย ซึ่งยังมีคนอื่นๆในเขี้ยวหมาป่าที่เหมาะสมกว่าเย่เชียนอย่างสิ้นเชิง
“เอาล่ะเก็บกระเป๋าแล้วเตรียมตัวได้!” กัปตันเทียนเฟิงพูด “เราจองตั๋วเอาไว้แล้วและจะมีคนมารับทุกคนไปที่สนามบิน..ฉันขอให้ทุกคนโชคดี!”
“ทำไมกันล่ะ..นายช่วยอธิบายหน่อยได้มั้ย” ในห้องพักมารุยามะมิซูกิมองไปที่เทียนเฟิงและถาม
“เธอต้องการคำอธิบายอะไร” กัปตันเทียนเฟิงพูดเบาๆและเดินไปที่แผนที่และร่างวงกลมลงบนแผนที่และนั่นคือที่ที่เย่เชียนและคนอื่นๆจะไปปฏิบัติภารกิจ
“นี่เป็นการสู้รบที่ดุเดือดและนายกับฉันก็ชัดเจนมากกว่าใครคือแดนนี่บอลล์..ซึ่งในโลกของทหารรับจ้างแล้วเขาถูกเรียกว่าเทพแห่งการสังหารและไม่มีใครรอดชีวิตไปจากเงื้อมมือของเขาได้และมันไม่ใช่การต่อสู้ที่จะสามารถส่งคนไปฝึกได้เลยแล้วทำไมนายถึงส่งเย่เชียนไป?” มารุยามะมิซูกิพูด “การที่นายส่งเขาไปนั่นไม่ได้หมายความว่าเขาถูกส่งไปตายหรอกเหรอ?”
“ตั้งแต่วันที่เราพาเขาเข้ามาในเขี้ยวหมาป่าเขาก็เหมือนตายไปแล้วและถ้าเขาอยากจะเติบโตขึ้นจริงๆเขาก็ต้องผ่านการออกรบและสงครามจริงซะก่อน!” กัปตันเทียนเฟิงพูดอย่างหนักแน่น “ตั้งแต่เขาเลือกทำในทหารรับจ้างอุตสาหกรรมนั่นหมายถึงการก้าวเข้าสู่ประตูนรก ความตายเป็นเพียงเรื่องของเวลาสำหรับเรา”
“อย่างที่บอก..ถึงแม้ว่ามันจะขึ้นอยู่กับการพิจารณาโดยรวมคุณก็ควรส่งคนอื่นที่เหมาะสมกว่าไปแทนเพราะท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าใครในเขี้ยวหมาป่าต่างก็มีประสบการณ์มากกว่าเขาทั้งนั้น..ดังนั้นสิ่งนี้จะไม่มีผลเสียในแผนการใดๆทั้งสิ้น” มารุยามะมิซูกิพูดต่อ “ใช่!..ฉันยอมรับว่าผลงานของเย่เชียนในช่วงสามปีที่ผ่านมาดีมากแต่ท้ายที่สุดเขาก็ยังไม่ได้ฆ่าใครเลยแม้แต่คนเดียวแต่คุณกลับโยนเขาลงในสนามรบที่โหดร้าย..คุณปล่อยให้เขาไปได้ยังไง..ถ้ามีอะไรผิดพลาดแม้แต่นิดเดียวเขาก็จะตาย”
เทียนเฟิงก็หันกลับมาอย่างช้าๆและมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วพูดว่า “มีทหารรับจ้างคนไหนที่ไม่ต้องเผชิญกับความตายบ้าง..และนี่ก็เป็นเพราะฉันเชื่อเขาเพราะฉันเห็นในดวงตาของเขาและดวงตาที่หมาป่าควรจะมีและฉันก็เชื่อว่าเขาสามารถอยู่รอดได้..ฉันเชื่อว่าเขาสามารถเติบโตได้อย่างแท้จริงจากการสู้รบในครั้งนี้”
มารุยามะมิซูกิก็ถึงกับตกใจและไม่ได้พูดอะไรและการตัดสินใจของกัปตันเทียนเฟิงนั้นก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งสิ่งเดียวที่เธอทำได้ตอนนี้คือเชื่อในตัวเย่เชียนและต้องเชื่อว่าเขาจะสามารถกลับมาจากสนามรบได้อย่างปล่อยภัย ดังนั้นหลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วมารุยามะมิซูกิก็เดินออกไป
ข้างรถจี๊ปที่ริ่มถนนมารุยามะมิซูกิมองไปที่เย่เชียนและถามว่า “นายกลัวมั้ย?”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งเย่เชียนก็พยักหน้าและพูดว่า “ผมกลัวแต่ผมก็รอโอกาสแบบนี้มานานแล้ว”
“ตอนนี้ฉันไม่แน่ใจเลยด้วยซ้ำว่าฉันคิดถูกหรือผิดที่พานายกลับมาที่องค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าเพราะถ้าหากนายยังคงอยู่ในประเทศจีนต่อไปถึงแม้ว่าชีวิตของนายก็อาจจะไม่ได้ดีก็ตามแต่ท้ายที่สุดนายก็คงจะมีชีวิตเป็นของตัวเองได้..ชีวิตคนเรามีเพียงแค่ครั้งเดียวและเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับมนุษย์” มารุยามะมิซูกิพูด
“ถ้าจะอยู่อย่างไร้ประโยชน์แบบนั้นผมขอไปตายอย่างสมเกียรติยังจะดีกว่า..ถึงแม้ว่าชีวิตของคนเรานั้นจะสั้นก็เถอะแต่ตราบใดที่เรามีชีวิตที่ยอดเยี่ยมและมีความสุขกับมันนั่นก็เพียงพอแล้ว” เย่เชียนพูดอย่างหนักแน่น
มารุยามะมิซูกิก็เหลือบมองเย่เชียนด้วยความประหลาดใจและเมื่อเห็นความแน่วแน่และความเพียรในดวงตาของเขาแล้วเธอก็อดคิดไม่ได้ว่าบางทีเทียนเฟิงอาจจะพูดถูกแล้ว ดังนั้นเธอจึงหันไปเหลือบมองไป๋ฮวยแล้วมารุยามะมิซูกิก็พูดว่า “ไป๋ฮวยนายเป็นทหารผ่านศึกนายอาวุโสกว่าเย่เชียนและมีประสบการณ์มากกว่าเขาเพราะงั้นฝาดดูแลเขาให้ดีด้วย..ฉันหวังว่าพวกนายทุกคนจะกลับมาอย่างมีชีวิต”
“ถ้าผมไม่ตายก็ไม่มีใครสามารถทำร้ายเขาได้หรอก..ผมรับปาก” ไป๋ฮ่วยพูดอย่างหนักแน่น
เย่เชียนที่อยู่ข้างๆเขาก็ตกใจเมื่อได้ยินและเขาไม่ได้คาดหวังว่าไป๋ฮวยจะมีมุมแบบนี้ด้วย เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าไป๋ฮวยคิดที่จะช่วยชีวิตเขาเพราะก็ไม่ค่อยได้พูดคุยกับไป๋ฮวยมากนัก ถึงแม้ว่าเขาจะถือว่าไป๋ฮวยเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเขาในที่นี้ก็ตามแต่เขาก็ไม่เข้าใจว่าไป๋ฮวยจะคิดเหมือนกันหรือไม่เพราะท้ายที่สุดไป๋ฮวยก็มักจะอยู่อย่างสันโดนเสมอ อย่างไรก็ตามในขณะนี้เย่เชียนก็เข้าใจดีว่าเขากับไป๋ฮวยนั้นเป็นเพื่อนและพี่น้องกันและชีวิตนี้พวกเขาจะไม่มีวันพรากจากกัน
เมื่อรถขับออกจากฐานบัญชาการกลางสำนักงานใหญ่ของเขี้ยวหมาป่าแล้วมันก็ตรงไปยังสนามบินที่ใกล้ที่สุดทันที