ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 856 เยือนเมืองปินไห่
ตอนที่ 856 เยือนเมืองปินไห่
เย่เชียนนั้นปฏิบัติต่อทหารด้วยความเคารพอย่างสูงเสมอมาและอาจเป็นเพราะเขาเป็นทหารด้วย ซึ่งถึงแม้ว่ากองทัพแห่งชาติจะไม่นับถือและเคารพทหารรับจ้างและคิดว่าพวกเขาไม่คู่ควรที่จะถูกเรียกว่าทหารก็ตามแต่ก็ไม่มีใครสามารถลบล้างคุณงามความดีที่ทหารรับจ้างสร้างขึ้นในโลกใบนี้ได้และไม่มีใครดูหมิ่นพวกเขาได้เลย
ถึงแม้ว่าจะมีแกะดำอยู่ในกองทัพแต่เย่เชียนก็เชื่ออย่างแน่นอนว่าเขายังคงเป็นทหารเลือดเหล็กที่แท้จริง ยกตัวอย่างเช่นคนแบบเจียงซินนั้นเย่เชียนรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ควรค่าแก่การเคารพ อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ต้องเอาชนะเจียงซินหากต้องการที่จะช่วยเขา
อันที่จริงทักษะการต่อสู้ของเถียหนานนั้นไม่ได้แย่เลยแม้แต่น้อย ดังนั้นเมื่อเขาเผชิญหน้ากับเย่เชียนเขาจึงเลือกที่จะยับยั้งความแข็งแกร่งของเขาเอาไว้จนทำให้เย่เชียนนั้นได้เปรียบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเวลาเผชิญหน้ากับศัตรูเราห้ามแสดงความเมตตาเด็ดขาด หากเลือกที่จะโจมตีเราต้องเป็นเหมือนสิงโตที่วิ่งเข้าหากระต่ายและต้องทำให้ดีที่สุดและถ้าหากเราประมาทเราก็จะมีแต่จะสูญเสีย
“เขี้ยวหมาป่า!..สมคำร่ำลือจริงๆ..ฉันแพ้แล้ว!” เถียหนานสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วพูด
“ลอบโจมตีเนี่ยนะมันเป็นความสามารถที่ไหนกัน..มันเป็นการเล่นทีเผลอ!” สมาชิกของหน่วยพิทักษ์มังกรที่ด้านข้างพูดอย่างโกรธจัด
“ถ้าแพ้ก็คือแพ้มันไม่มีข้อแก้ตัวแล้ว..สิ่งที่เขาพูดเมื่อกี้ถูกต้องเพราะเมื่อจัดการกับศัตรูเราต้องทำให้ดีที่สุดไม่งั้นเราเองที่จะเป็นฝ่ายแพ้” เถียหนานตะคอกอย่างรุนแรง
หม่าเต๋อหงก็พยักหน้าเล็กน้อยเพราะเขายินดีเป็นอย่างยิ่งที่เย่เชียนมีทักษะดังกล่าว เมื่อคืนที่ผ่านมาหม่าเต๋อหงก็ถามถึงสถานการณ์ของเย่เชียนด้วย แต่สิ่งที่เย่เชียนพูดนั้นมีแต่สิ่งที่คลุมเครือเท่านั้นและไม่ได้บอกว่าเขาเรียนทักษะของเขามาที่ไหนและไม่ใช่ว่าเย่เชียนไม่เชื่อหม่าเต๋อหงแต่เย่เชียนรู้สึกว่าเขาไม่จำเป็นต้องบอกอย่างชัดเจนเพราะท้ายที่สุดเขาและหม่าเต๋อหงก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกันแต่เป็นเพียงเพราะความสัมพันธ์ของพ่อเท่านั้นที่ทำให้เขายังอยู่ตรงนี้ไม่เช่นนั้นเย่เชียนก็ไม่รู้เลยว่าเขาจะมาที่นี่ทำไม
“เป็นยังไงบ้างคุณหม่า..ผมเลือกคนไม่ผิดใช่มั้ย” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด “ผมสบายใจมากถ้าเขาเป็นผู้นำภารกิจครั้งนี้และเขาก็ไม่ได้เป็นคนของหน่วยพิทักษ์มังกรด้วยเพราะงั้นเขาจะไม่มีความกังวลหรือลังเลเมื่อต้องทำสิ่งที่จำเป็น”
หม่าเต๋อหงก็มีความชัดเจนว่าเจียงซินนั้นเป็นบุคคลที่เก่งที่สุดของหน่วยพิทักษ์มังกรและไม่มีสิ่งใดที่เจียงซินไม่สามารถทำได้อย่างแน่นอน ในหน่วยพิทักษ์มังกรนั้นเจียงซินเป็นคนที่มีศักยภาพมากที่สุดและเป็นคนที่หม่าเต๋อหงฝึกฝนและสนับสนุนเขามาโดยตลอดแต่น่าเสียดายที่ตอนนี้เจียงซินได้จบลงบนเส้นทางที่ไม่มีวันหวนกลับได้
แม้ว่าจะเป็นเถียหนานแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถหยุดยั้งเจียงซินได้และหม่าเต๋อหงก็ไม่อยากเห็นทหารของเขาตายด้วยน้ำมือของพวกตำรวจและคนของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งมันไม่สามารถยอมรับได้และเขาก็อยากจะฆ่าคนของตัวเองด้วยน้ำมือของตัวเองมากกว่าปล่อยให้พวกเขาตายอย่างไร้ประโยชน์
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูดถูกเพราะเย่เชียนนั้นไม่ใช่คนของหน่วยพิทักษ์มังกรและท้ายที่สุดแล้ว ดังนั้นเย่เชียนจึงสามารถที่จะทำตามความถูกต้องโดยไม่ลังเลหรือกังวลใจและจะไม่รู้สึกลำบากใจ ด้วยเหตุผลนี้มันจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการหยุดยั้งเจียงซิน
หม่าเต๋อหงก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า “ตกลง..นั่นคือการตัดสินใจสุดท้าย..เถียหนานคุณกับเย่เชียนจะต้องรีบไปที่เมืองปินไห่ในทันทีและเย่เชียนจะเป็นคนคุมปฏิบัติการและภารกิจในครั้งนี้!”
“รับทราบครับ!” เถียหนานทำความเคารพและตะโกนว่า “ผมสัญญาว่าจะทำภารกิจให้สำเร็จ!”
เมื่อมองไปที่เย่เชียนแล้วหม่าเต๋อหงก็ก้าวไปข้างหน้าและตบไหล่ของเย่เชียนเบาๆแล้วพูดว่า “ถ้าเป็นไปได้ฉันก็หวังว่า..เฮ้อเอาเถอะลืมมันไปซะ..ช่วยให้เขาหลับอย่างสบายด้วย!” เมื่อพูดจบหยาดน้ำตาก็ร่วงหล่นจากหางตาของมาเต๋อหงเพราะนายทหารและลูกน้องที่เขารักมากที่สุดต้องมีจุดจบแบบนี้มันจึงทำให้หัวใจของเขาเจ็บปวดอย่างมาก
เย่เชียนก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งและคิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันโดยไม่ได้ตั้งใจและเขาก็รู้สึกประหลาดใจกับคำพูดที่คลุมเครือของหม่าเต๋อหงว่าเขากำลังหวังอะไรอยู่ เขาต้องการที่จะให้เย่เชียนปล่อยเจียงซินไป? เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะคิดอย่างลับๆว่าถ้ามันเป็นความรู้สึกส่วนตัวหม่าเต๋อหงก็คงจะเลือกแบบนั้นจริงๆ อย่างไรก็ตามไม่มีใครรู้ดีไปกว่าหม่าเต๋อหงแล้วว่าถ้าหากลูกน้องที่เขาฝึกฝนมาได้ทรยศต่อองค์กรและพี่น้องและออกไปสู่สังคมภายนอกแล้วมันจะก่อให้เกิดภัยคุกคามครั้งใหญ่แค่ไหน ดังนั้นไม่ว่าเขาจะลังเลใจเพียงใดเขาก็ยังต้องแน่วแน่และเด็ดขาด
เย่เชียนก็ยิ้มและไม่สนใจหม่าเต๋อหงอีกต่อไปเพราะเขาได้ตัดสินใจอยู่ในใจแล้วเพราะงั้นทำไมเย่เชียนต้องกังวลกับสิ่งที่หม่าเต๋อหงพูดด้วยเพราะเย่เชียนเป็นคนที่เดินตามเส้นทางของตัวเองมาโดยตลอดและตราบใดที่เขาไม่ละเมิดกฎและความมั่นคงของประเทศเขาก็จะไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเป็นใครและทำอะไรผิดไป
เมื่อไปถึงเฮลิคอปเตอร์ของทหารเย่เชียนก็บินตรงไปยังเขตทหารเสิ่นหยางแล้วไปที่เมืองปินไห่ทันที
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ? เมื่อคิดถึงการมาเยือนที่นี่อีกครั้งแล้วเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่นึกถึงนำความทรงจำมากมายเพราะเย่เชียนเคยมาเยือนที่นี่เพื่อปฏิบัติภารกิจอย่างหนักหน่วงมาสักระยะหนึ่งแล้วเนื่องจากเหตุการณ์ที่มีดคลื่นโลหิตถูกขโมยไปทำให้เย่เชียนต้องมาเยือนภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน อย่างไรก็ตามในที่สุดตอนจบก็จบลงด้วยดีและอย่างน้อยๆการที่เย่เชียนมาที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนเย่เชียนก็ได้มีโอกาสรู้จักสุดยอดมาเฟียอย่างคลูลอฟส์อังเดรและมิตรภาพนี้ก็ทำให้เย่เชียนสามารถวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับโลกในอนาคตได้
ซึ่งดูเหมือนจะมีม่ายหญิงที่น่ารักและน่าสงสารบนแผ่นดินนี้แต่มันคงดูไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ที่จะใช้คำว่าน่ารักเพราะยังไงซะเธอก็ถูกผู้คนเรียกกันว่าแม่ม่ายดำเปรียบเสมือนแมงมุมสายพันธุ์ที่มีพิษร้ายแรงที่สุดดังที่หลินเฟิงพูดว่าผู้หญิงนั้นมีพิษสงที่ร้ายกาจที่สุดและจื้อเหวินแม่ม่ายดำก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
“เดี๋ยวผมจะอธิบายสิ่งต่างๆเกี่ยวกับเจียงซินให้คุณฟัง” บนเฮลิคอปเตอร์เถียหนานเหลือบมองไปที่เย่เชียนและพูด
เย่เชียนไม่ได้คัดค้านและพยักหน้าเล็กน้อยเพราะจุดประสงค์ของการมาครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อฆ่าเจียงซินเป็นหลัก ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการรู้เรื่องราวของเจียงซินมากนักเพราะถ้าไม่ใช่การร้องขอของหม่าห่าวยู่และหม่าเต๋อหงแล้วล่ะก็เย่เชียนคงจะไม่มีวันเดินลงไปในบ่อโคลนเช่นนี้และไม่ว่าหวงฟู่ชิงเตี๋ยนจะพูดอะไรเย่เชียนก็ไม่สนใจ
เจียงซินเกิดในพื้นที่ชนบทแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนและพ่อแม่ของเขาก็เป็นชาวนาที่ยากจน ตอนอายุสิบหกเจียงซินเข้าร่วมกองทัพแห่งชาติและได้รับบรรจุเข้าสังกัดเขตกองทัพปักกิ่งและเนื่องจากผลงานที่โดดเด่นของเขานั้นเขาจึงได้รับการคัดเลือกให้เข้าบริษัทลาดตระเวนในอีกหนึ่งปีต่อมาและอีกครึ่งหลังเขาก็ได้เข้าสู่หน่วยพิทักษ์มังกรด้วยตำแหน่งหัวหน้าทีมอย่างเป็นทางการและเขาก็เป็นคนที่เก่งและมีพรสวรรค์มากที่สุด ในเวลาเพียง 3 ปีคุณสมบัติทางการทหารของเขาก็พัฒนาขึ้นอย่างมากจนทำให้เขาเป็นสุดยอดสมาชิกหน่วยพิทักษ์มังกร
อาจกล่าวได้ว่าอนาคตของเจียงซินนั้นสดใสและเหตุผลที่เขาทำงานหนักก็เพื่อคนรักในวัยเด็กของเขาและเขาก็คิดว่าเมื่อเขามีชื่อเสียงเขาจะสามารถแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ได้เขาจึงทำงานหนักกว่าใครๆเพราะผู้หญิงคนนี้คือความฝันของเขา หากเขาสูญเสียความฝันนี้ไปเขาก็ไม่รู้ว่าชีวิตของเขาคืออะไรและไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตอย่างไร
เนื่องจากตัวตนของหน่วยพิทักษ์มังกรนั้นพิเศษมากจึงไม่ได้รับการประกาศให้โลกภายนอกทราบและแม้แต่คนในกองทัพแห่งชาติก็รู้เพียงไม่กี่คน หลายครั้งที่พวกเขาแฝงตัวอยู่ในแนวองค์กรต่างๆและไม่เคยมีชีวิตที่อิสระเลยยกตัวอย่างเช่นเจียงซินนั้นอยู่ที่หน่วยพิทักษ์มังกรมาหกปีแล้วแต่เขาก็ไม่เคยได้พักร้อนเลยและเขามักจะรู้สึกว่าเขาเป็นหนี้ผู้หญิงคนนั้นแต่ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่เคยตำหนิเขาเลยสักครั้ง ซึ่งในจดหมายทุกฉบับหญิงสาวได้พูดอย่างเสน่หาและจะรอเขากลับมาเสมอ
หลังจากเรียนจบในมหาวิทยาลัยหญิงสาวก็ได้ทำงานที่เมืองปินไห่โดยทำงานตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็นและถึงแม้ว่าชีวิตของเธอจะไม่ค่อยดีนักแต่เธอก็พึงพอใจมากเพราะในใจเธอนั้นมีความรักและเธอรอเจียงซินมาขอเธอแต่งงานเมื่อเขาเพียบพร้อม อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าโลกจะเล่นตลกกับโชคชะตาของเขา
เดิมทีในปีนี้หม่าเต๋อหงต้องการให้เจียงซินลาหยุดในกรณีพิเศษเป็นเวลาหนึ่งเดือนเพื่อที่เขาจะได้กลับไปแต่งงาน อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้เกิดขึ้นในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่หญิงสาวทำงานนั้นเลวร้ายอย่างมากเพราะประธานบริษัทได้พาหญิงสาวคนนั้นไปดื่มกับลูกค้าคนหนึ่งและด้วยเหตุนี้เธอจึงเมาและหลังจากตื่นขึ้นความบริสุทธิ์ของเธอก็ได้ถูกทำลายลงและหญิงสาวก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นและเธอก็ไม่มีญาติในเมืองปินไห่เลย และอีกฝ่ายก็มีอำนาจและอิทธิพลอย่างมาก ดังนั้นเธอจะไปทำอะไรได้ในฐานะหญิงสาวตัวเล็กๆตัวคนเดียว
ประธานของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไม่เพียงแต่ไม่ช่วยเหลือหญิงสาวคนนั้นแต่ยังไม่ชดเชยค่าเสียหายใดๆให้เลยและยังใช้อำนาจเพื่อต่อสู้ทางกฎหมายกลับจนทำให้เธอโดนฟ้องข้อหาหมิ่นประมาทจนถูกจำคุกโดยสิ้นเชิง ซึ่งเมื่อไม่กี่วันก่อนแพทย์พบว่าเธอเป็นโรคเอดส์และเธอก็ไม่ได้คาดหวังว่าชีวิตของเธอจะจบลงแบบนี้และเธอก็ไม่ได้เก็บสิ่งที่มีค่าที่สุดของเธอเอาไว้ให้เจียงซินจนเธอก็ไม่สามารถที่จะอยู่ในโลกใบนี้ได้อีกต่อไปแต่ทว่าเธอก็ไม่มีโอกาสแม้แต่จะฆ่าตัวตายเลยด้วยซ้ำ
ถ้าไม่ใช่เพราะแม่บ้านคนทำความสะอาดที่ทำความสะอาดห้องฝากขังที่สงสารเธอจนให้เธอยืมโทรศัพท์มือถือล่ะก็เกรงว่าเธอคงจะไม่มีวันได้เจอคนที่เธอไว้ใจและรักที่สุดในชีวิตอีกแล้ว
หลังจากลงจากเฮลิคอปเตอร์ที่เขตทหารเสิ่นหยางแล้วพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นรถจี๊ปแบบออฟโรดและตรงไปยังเมืองปินไห่ทันที สถานที่เกิดเหตุของเรื่องนี้คือโรงแรมแห่งหนึ่งและเจ้าของโรงแรมกับประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์ก็เป็นคนๆเดียวกัน ซึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือผู้คนเรียกเขาว่าหนิวเยว่และนี่เป็นบุคคลที่รู้จักกันดีในภาคตะวันออกเฉียงเหนือแห่งนี้และทุกคนจะต้องไว้หน้าและเกรงใจชายผู้นี้
ถนนที่โรงแรมตั้งอยู่ถูกตำรวจปิดทางขวางเอาไว้และด้านนอกของโรงแรมก็มีรถตำรวจจอดอยู่หลายคัน ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 40 หรือ 50 นายยืนอยู่ด้านนอกโรงแรมด้วยชุดเกราะเต็มตัวและอาวุธครบมือ “ปัง!” มีเสียงปืนดังขึ้นในโรงแรมจนเหล่าเจ้าหน้าที่ตำรวจก็รีบหลบหลังรถตำรวจทันที อย่างไรก็ตามหัวใจของเถียหนานก็ดิ่งลงอย่างกะทันหันและเขาก็แอบตะโกนว่า “ไอ้บ้าเอ๊ย!”
ถ้าเจียงซินไม่ยิงหรือไม่ฆ่าใครลงไปเขาก็อาจมีโอกาสกลับตัวได้แต่เมื่อทำลงไปมันจะไม่มีโอกาสอีกเลย นี่คือทหารที่เขาสอนมาด้วยตัวเองและเป็นทหารที่ดีที่สุดของหน่วยพิทักษ์มังกรของเขา ดังนั้นหัวใจของเถียหนานจึงรู้สึกราวกับถูกตะขอเหล็กดึงอย่างแรงและมันก็เจ็บปวดเหลือทน
เย่เชียนก็หันไปเหลือบมองเถียหนานและตบไหล่เขาเบาๆแล้วพูดว่า “ทุกคนเลือกเส้นทางเดินของตัวเองและเนื่องจากเขาได้เลือกเส้นทางนี้แล้วมันก็เป็นการตัดสินใจของเขา..ผมเชื่อว่าต่อให้เขามีโอกาสเลือกอีกครั้งเขาก็จะเลือกทำมันอีกครั้ง..ดังนั้น การเลือกของเขาจึงไม่ผิดสำหรับเขา”