ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 860 หัวใจเต้นรัว
ตอนที่ 860 หัวใจเต้นรัว
อันที่จริงคำพูดของเย่เชียนก็ยังคงเกินจริงเล็กน้อยเพราะถึงแม้ว่าหม่าเต๋อหงจะต้องการแก้ไขปัญหาแต่ตัวตนสมาชิกของหน่วยพิทักษ์มังกรก็ล้วนเป็นความลับของรัฐและประเทศชาติ นอกจากนี้หม่าเต๋อหงก็ไม่เต็มใจที่จะให้ใครรู้เรื่องนี้และตำรวจจะสอบสวนหนิวเปิ่นอย่างละเอียดและสักถามข้อมูลอย่างจริงจัง
ซึ่งเย่เชียนนั้นไม่ได้ต้องการที่จะแข็งข้อเกินไปกับแม่ม่ายดำจือเหวินเพราะเย่เชียนก็ชื่นชมผู้หญิงคนนี้อยู่บ้างและยังรู้สึกว่าเธอมีเสน่ห์ในแบบผู้หญิงที่เปล่งประกายออกมาจากตัวของเธอ อย่างไรก็ตามเรื่องของหนิวเปิ่นนั้นเย่เชียนก็ต้องแก้ไขความอัปยศนี้
“หัวหน้าจือผมผิดไปแล้ว..ผมจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกในอนาคต..ได้โปรดช่วยผมด้วย” หนิวเปิ่นคร่ำครวญและในเวลานี้เขาลืม ความเจ็บปวดไปหมดแล้วเพราะเขากลัวจนลืมความเจ็บปวด
แม่ม่ายดำจือเหวินก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า “ขอโทษด้วยฉันช่วยอะไรคุณไม่ได้”
คำพูดเหล่านี้เหมือนกับสายฟ้าจากท้องฟ้าที่ฟาดลงมากลางใจของหนิวเปิ่นและเขาก็มีความเศร้าโศกภายในดวงตาของพร้อมกับครุ่นคิดอย่างดุเดือดในใจว่า ‘นังงูพิษ..ฉันรับใช้เธอมานานแต่เธอกลับปล่อยให้ฉันตาย’ เขาติดตามเธอมาหลายปีแต่ในที่สุดเขาก็ต้องจบชีวิตลงเช่นนี้ ในหัวใจของเขานั้นเขาสัมผัสได้เพียงความหนาวเหน็บและความเกลียดชังต่อจือเหวินที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ‘ในเมื่อเธอไม่คิดที่จะช่วยฉันถ้างั้นก็ต้องพึ่งตัวเอง’ หนิวเปิ่นคิดอย่างลับๆว่าตราบใดที่เขาจากไปที่นี่ได้เขาก็จะหนีไปต่างประเทศโดยเครื่องบินในทันที
หนิวเปิ่นยืนขึ้นจากพื้นโดยไม่สนใจความเจ็บปวดในมือจากนั้นก็หยิบมีดปอกผลไม้บนโต๊ะกาแฟแล้วจ่อไปที่คอของแม่ม่ายดำจือเหวิน ท้ายที่สุดเขาก็เคยติดตามหยางเทียนเพื่อต่อสู้กับผู้คนมานับไม่ถ้วนดังนั้นเขาจึงมีความสามารถในการต่อสู้อยู่บ้าง จากนั้นเขาก็หันกลับมาและใช้มืออีกข้างหนึ่งล็อคคอของเธอเอาไว้
“อย่าขยับถ้าขยับอีกก็อย่ามาโทษที่ผมโหดร้ายก็แล้วกัน” หนิวเปิ่นพูดอย่างประหม่า
แม่ม่ายดำจือเหวินก็ถอนหายใจอย่างเย็นชาและพูดว่า “หนิวเปิ่นคุณรู้ไหมว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่”
“แน่นอนว่าต้องรู้อยู่แล้ว” หนิวเปิ่นพูดด้วยรอยยิ้มที่บ้าคลั่ง “ผมติดตามหยางเทียนและคุณมานานหลายปีแต่คุณกลับปล่อยให้ผมตายง่ายๆแบบนี้เนี่ยนะ..คุณไม่ต้องการผมแล้วจะเขี่ยผมทิ้งแบบนี้งั้นเหรอมันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก..ถ้าผมต้องตายผมก็จะลากคุณลงนรกไปด้วย!”
“แล้วคุณต้องการอะไร” แม่ม่ายดำจือเหวิน ถามอย่างใจเย็นโดยไม่มีความกลัวเลยแม้แต่น้อยบนใบหน้าของเธอ
“ง่ายมากก็แค่ปล่อยผมไป..ตราบใดที่ผมออกจากที่นี่อย่างปลอดภัยผมสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายผม” หนิวเปิ่นพูด “หัวหน้าจือคุณต้องคิดให้ดีนะว่าคุณมีทั้งเกียรติและศักดิ์ศรีและแต่ผมมันก็เป็นแค่ลูกน้อง..คิดให้ดีๆล่ะ”
แม่ม่ายดำจือเหวินก็เยาะเย้ยและพูดว่า “หนิวเปิ่นคุณจะมาโทษฉันไม่ได้เพราะชะตากรรมของคุณในวันนี้เกิดจากคุณเองทั้งหมด..ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หยางเทียนล่ะก็คุณจะยังมีชีวิตอยู่จนถึงวันนี้หรือเปล่า..ไม่ต้องมาข่มขู่ฉันหรอกถ้าคุณอยากจะฆ่าฉันก็ฆ่าเลยสิเพราะคุณจะไม่มีวันได้ออกจากที่นี่”
เย่เชียนก็พยักหน้าด้วยความชื่นชมและไม่น่าแปลกใจที่แม่ม่ายดำจือเหวินประสบความสำเร็จในวันนี้ ไม่เคยมีใครประสบความสำเร็จได้โดยไร้เหตุผลเพราะโอกาสที่มอบให้กับทุกคนนั้นเท่าๆกันและไม่ว่าใครจะคว้าโอกาสเอาไว้ได้หรือไม่และมีความสามารถที่จะคว้าโอกาสนี้หรือไม่ก็ตาม เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็ปรบมือและพูดว่า “หนิวเปิ่น..ฉันจะบอกอะไรแกให้นะว่าต่อให้แกจะหลบหนีออกจากประเทศไปกบดานอยู่ที่ไหนก็ตามแต่แกจะไม่ได้มีชีวิตที่ดีและแกจะต้องเผชิญกับความโหดร้ายไม่รู้จบจากองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าของฉัน..ฉันจะไล่ล่าแกทั่วทุกมุมโลก..แกคงไม่สามารถหลบหนีไปตลอดชีวิตได้หรอก”
หนิวเปิ่นก็ตัวสั่นด้วยความกลัวและเขาก็พูดด้วยความกลัวว่า “เย่เชียนแกอย่ามาขู่ให้ฉันกลัวเลย..ฉันทนต่อความกลัวไม่ได้และถ้ามือของฉันสั่นเกินไปเธออาจจะตายได้นะ”
รอยยิ้มจางๆก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเย่เชียนและเขาก็พูดอย่างช้าๆว่า “ฉันไม่เคยถูกใครคุกคามมาก่อนและนอกจากนี้ไม่ว่าเธอจะอยู่หรือตายเธอก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับฉันเลย..ฉันเชื่อว่าต่อให้เธอตายไปเหล่าลูกน้องของเธอก็ไม่คิดที่จะแก้แค้นฉันหรอก”
หนิวเปิ่นก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งอย่างไรก็ตามนี่เป็นความหวังเดียวของเขาและโดยธรรมชาติแล้วเขาก็ไม่สามารถยอมแพ้ได้ “อย่าขยับไม่งั้นฉันจะฆ่าเธอจริงๆ!” เขาจ่อมีดเอาไว้ที่คอของแม่ม่ายดำจือเหวินแต่เขาก็ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาถึงรู้สึกกลัวอยู่ในใจ
เย่เชียนเหลือบมองไปที่แม่ม่ายดำจือเหวินและยิ้มให้เธอเล็กน้อยจากนั้นก็ขยิบตาให้เธอและทันใดนั้นร่างกายของเย่เชียนก็พุ่งออกไปราวกับลูกธนูจากคันสรและมือขวาของเขาก็ยื่นออกมาเพื่อคว้าข้อมือของหนิวเปิ่นอย่างรวดเร็ว ในขณะนี้คอของแม่ม่ายดำจือเหวินก็อยู่ห่างจากมีดและเมื่อเธอเห็นเช่นนั้นเธอก็หมุนตัวเตะไปที่เป้าของหนิวเปิ่นอย่างดุเดือด
หนิวเปิ่นกรีดร้องออกมาและร่างกายของเขาก็ล้มลงทันทีและหดตัวเป็นลูกบอลและเขาก็คร่ำครวญอย่างไม่หยุดยั้ง เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็เหลือบมองรองเท้าบู๊ตหนังของแม่ม่ายดำจือเหวินด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “ที่เหลือคุณจัดการได้เลย” แม่ม่ายดำจือเหวินเหลือบมองไปที่เย่เชียนและพูด
เย่เชียนก็พยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “ขอบคุณ!” หลังจากพูดจบเขาก็ค่อยๆก้าวไปข้างหน้าและนั่งยองๆแล้วเหลือบมองที่หนิวเปิ่น ซึ่งดวงตาของเย่เชียนก็ส่องประกายด้วยเจตนาฆ่าและเขาก็ใช้หมัดต่อยเข้าไปที่ใบหน้าของหนิวเปิ่นด้วยพลังปราณที่รุนแรงและหมุนวนอย่างรวดเร็วจนแม่ม่ายดำจือเหวินที่อยู่ข้างๆเขาก็รู้สึกได้ถึงลมพัดแรงๆและอดไม่ได้ที่จะตกใจ
เมื่อได้ยินเสียง “ปัง” หมัดของเย่เชียนก็ถูกปล่อยออกไปและในทันใดนั้นหัวของหนิวเปิ่นก็ระเบิดออกราวกับแตงโมและร่างกายของเขาก็กระเด็นออกไปติดกำแพง ซึ่งความโหดเหี้ยมนี้ทำให้แม่ม่ายดำจือเหวินรู้สึกหนาวและหวาดผวาอย่างมาก ส่วนเย่เชียนก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาและเช็ดมือของเขาอย่างช้าๆแล้วโยนมันทิ้งไป จากนั้นก็ยิ้มอย่างขอโทษแล้วพูดว่า “ผมต้องขอโทษด้วยผมทำให้บ้านของหัวหน้าจือต้องเลอะเทอะไปหมด”
แม่ม่ายดำจือเหวินก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วยิ้มอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า “ไม่เป็นไรค่ะ!” จากนั้นเธอก็พูดว่า “เข้ามาแล้วลากศพเขาออกไป..จะเอาไปฝังที่ไหนก็ได้และหลังจากนั้นก็มาทำความสะอาดพื้นกับกำแพงด้วย” จากนั้นเธอก็เหลือบมองไปที่เย่เชียนแล้วพูดว่า “คุณเย่เราไปคุยกันที่อื่นดีกว่าค่ะ”
เย่เชียนก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ได้ครับ!”
แม่ม่ายดำจือเหวินก็ยิ้มเล็กน้อยเพราะครั้งสุดท้ายที่เธอเห็นเย่เชียนเธอก็รู้ว่าเขานั้นแข็งแกร่งแค่ไหนแต่คราวนี้เธอก็ต้องตกใจยิ่งกว่าเดิมเพราะเธอไม่คิดเลยว่าเย่เชียนจะแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ ซึ่งเธอต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเย่เชียนไม่เช่นนั้นเรื่องนี้มันจะเกินกว่าที่เธอจะรับมือได้ ซึ่งในตอนนี้เธอสับสนเกี่ยวกับตัวตนของเย่เชียนอย่างมากและเธอก็ไม่รู้เลยว่าเย่เชียนมาจากรัฐบาลกลางจริงๆหรือมาจากลัทธิเต๋ากันแน่
ห้องของแม่ม่ายดำจือเหวินนั้นเรียบง่ายและสง่างามมากและตู้หนังสือก็เต็มไปด้วยหนังสือส่วนโต๊ะทำงานก็มีแล็ปท็อปของ IBM ซึ่งโต๊ะทำงานสะอาดมากและมีแจกันดอกลิลลี่เต็มไปหมด มันเป็นดอกไม้ที่แม่ม่ายดำจือเหวินชื่นชอบและนี่ก็เป็นตัวแทนความรักที่หยางเทียนมีต่อเธอในสมัยก่อน โดยบอกว่าเธอเป็นดอกลิลลี่ที่สดชื่นและมีกลิ่นหอมและบริสุทธิ์ไร้ที่ติ
เย่เชียนเหลือบมองดูอย่างไม่เป็นทางการและหนังสือส่วนใหญ่ในตู้หนังสือก็เป็นชีวประวัติตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบันc] tมีหนังสือไม่ต่ำกว่าสี่สิบหรือห้าสิบเล่มรวมทั้งหนังสือโบราณต่างๆเช่น บันทึกประวัติศาสตร์และจื่อจี้,ถงเจี้ยน สิ่งนี้ทำให้เย่เชียนประหลาดใจเล็กน้อยและไม่คาดคิดว่าผู้หญิงจะชอบอ่านหนังสือเหล่านี้
แม่ม่ายดำจือเหวินเห็นความสงสัยภายในดวงตาของเย่เชียนและเธอก็ยิ้มเบาๆแล้วพูดว่า “หนังสือเหล่านี้ทั้งหมดเป็นของหยางเทียนเพราะเขาชอบอ่านชีวประวัติมากที่สุดและในบรรดาบันทึกทางประวัติศาสตร์สิ่งที่เขาชื่นชอบก็คือตำราสามก๊ก แต่ฉันไม่ชอบหนังสือพวกนี้ฉันชอบแค่เล่มนี้เท่านั้น” ในขณะที่พูดแม่ม่ายดำจือเหวินก็หยิบนิตยสารแฟชั่นออกมาจากลิ้นชัก เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้
เซี่ยงอวี่นั้นถือเป็นวีรบุรุษศิลปะการต่อสู้ที่เหนือชั้นและพลังอย่างที่ไม่มีที่สิ้นสุดแต่น่าเสียดายเพราะในที่สุดเขาก็ฆ่าตัวตายและวีรบุรุษก็ถูกฝังอยู่ใต้ดินในต่างแดนและยังคงอยู่ในทะเลทรายทางทิศตะวันตกและเฝ้ามองดูบ้านเกิดของพวกเขาจากไกลๆ
“คุณเย่..คุณคิดว่าฉันยังสวยอยู่หรือเปล่า?” แม่ม่ายดำจือเหวินจ้องมองเย่เชียนและพูด “ผู้หญิงอย่างเรามีขีดจำกัดไม่เหมือนผู้ชายที่แม้แต่ตอนที่อายุสี่สิบพวกเขาก็ยังดูดี..แต่ผู้หญิงตอนอายุสี่สิบคงจะดูโทรมสำหรับผู้ชาย”
“คอของคุณบาดเจ็บและมีเลือดออกอยู่..คุณมีผ้าพันแผลมั้ย?” เย่เชียนพูดเมื่อเห็นเลือดที่คอของแม่ม่ายดำจือเหวินและด้วยเหตุผลบางอย่างเมื่อเห็นเลือดสีแดงสดบนผิวขาวๆแล้วเย่เชียนก็รู้สึกว่ามันสวยงามมาก
แม่ม่ายดำจือเหวินก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและเอื้อมมือไปเช็ดที่คอของเธอจากนั้นก็ยิ้มเบาๆแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรมันก็แค่แผลถลอกเล็กๆน้อยๆน่ะไม่มีอะไรร้ายแรง” ขณะที่เธอพูดเธอเปิดลิ้นชักแล้วหยิบพลาสเตอร์แผลออกมา
“เดี๋ยวผมช่วยเอง” หลังจากที่เย่เชียนพูดจบโดยไม่รอให้แม่ม่ายดำจือเหวินตอบเย่เชียนก็เอื้อมมือออกไปและหยิบพลาสเตอร์ในมือของเธอแล้วฉีกมันออกจากนั้นก็ปิดที่บาดแผลเบาๆอย่างระมัดระวัง “ช่วงนี้อย่ากินเนื้อกับไข่มากล่ะไม่อย่างนั้นมันจะทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้..อย่าลืมล้างแผลด้วยน้ำอุ่นตอนกลางคืนเพื่อไม่ให้มันอักเสบด้วยล่ะ” เย่เชียนพูดเบาๆ
แม่ม่ายดำจือเหวินก็ถึงกับตกตะลึงเมื่อเห็นการกระทำของเย่เชียนแล้วเธอก็งุนงงและความรู้สึกแปลกๆก็ลอยอยู่ในหัวใจของเธอ เมื่อเห็นการแสดงออกที่ดูอ่อนโยนและใส่ใจของเย่เชียนแล้วแม่ม่ายดำจือเหวินก็อดไม่ได้ที่จะมองออกไปและรอยยิ้มจางๆ ก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเธอทันที
“แท้ที่จริงแล้วความงามของผู้หญิงไม่ใช่รูปลักษณ์..ถึงแม้ว่ารูปลักษณ์จะเป็นสิ่งสำคัญก็จริงแต่เสน่ห์นั้นสำคัญกว่า..เสน่ห์ของหัวหน้าจือนั้นไม่มีใครเทียบและผู้หญิงคนอื่นๆก็ไม่ได้มีเสน่ห์เหมือนกับคุณเลย..ผมกล้าพูดเลยว่าไม่มีผู้ชายคนไหนในโลกที่ไม่หลงในเสน่ห์ของหัวหน้าจือ” เย่เชียนพูดต่อ “จริงๆแล้วผู้หญิงเมื่อถึงอายุที่กำหนดพวกเธอจะมีความเป็นผู้หญิงมากขึ้นและมีเสน่ห์ดึงดูดใจอย่างมากต่อผู้ชาย..ซึ่งผู้หญิงเหล่านั้นหาที่เปรียบไม่ได้จริงๆ”