ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 863 เคว้งคว้างและอ้างว้าง
ตอนที่ 863 เคว้งคว้างและอ้างว้าง
แท้จริงแล้วมันไม่ใช่เลยเพราะส่วนที่สำคัญที่สุดของนาฬิกาของคู่รักอยู่ในสองคำแรกคือคู่รักนั่นเอง จี้เหวินแม่ม่ายดำจือเหวินไม่ได้ชอบนาฬิกาเรือนนี้แต่เป็นการจับคู่ของนาฬิกาทั้งสองเรือนเข้าด้วยกันต่างหากและเธอก็หวังว่าเย่เชียนจะเก็บนาฬิกาส่วนของผู้ชายเอาไว้และนึกถึงเธอ
แม้ว่าถึงแม้ว่าเย่เชียนจะไม่ได้ปฏิเสธโดยตรงในตอนนี้แต่เขาก็จงใจขัดจังหวะเพราะเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการพูดถึงเรื่องนี้ ดังนั้นแม่ม่ายดำจือเหวินจะพูดอะไรได้อย่างไร แต่เธอก็ยังคงรู้สึกขอบคุณเย่เชียนมากสำหรับการไปซูเปอร์มาร์เก็ตกับเธอและไม่ว่าเย่เชียนจะคิดยังไงกับเธอแต่อย่างน้อยๆเธอก็ไม่ได้มีความสุขแบบนี้มาเป็นเวลานานแล้ว
หลังจากกลับมาที่บ้านบอดี้การ์ดก็ต้องตกใจเมื่อเห็นเย่เชียนและแม่ม่ายดำจือเหวินจับมือกันและกลับมาพร้อมกับผักและวัตถุดิบต่างๆ ซึ่งสีหน้าของพวกเขาดูประหลาดใจมากกว่าการได้เห็นมนุษย์ต่างดาวเสียอีกเพราะพวกเขาไม่เคยเห็นแม่ม่ายดำจือเหวินด้วยท่าทางที่มีความสุขเช่นนี้มาก่อนและพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะหวังให้เย่เชียนอยู่ที่นี่ตลอดไปเพราะในกรณีนี้มันอาจทำให้แม่ม่ายดำจือเหวินเป็นแบบนี้เสมอและพวกเขาก็จะได้ไม่ต้องเผชิญกับความเคร่งขรึมและคงามกดดันจากแม่ม่ายดำจือเหวินตลอดทั้งวัน
หลังจากเข้าไปในบ้านแล้วแม่ม่ายดำจือเหวินก็เริ่มทำครัวและเย่เชียนก็เดินเข้าไปเพื่อต้องการช่วยแต่แม่ม่ายดำจือเหวินผลักเขาออกมาเบาๆจากนั้นก็กดเย่เชียนลงบนโซฟาแล้วยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับพูดว่า “ห้องครัวมีเอาไว้สำหรับผู้หญิง..ผู้ชายอย่างเธอจะเข้าไปทำอะไรในนั้นกันล่ะ..เธอนั่งดูทีวีอยู่ตรงนี้เถอะ”
เมื่อเห็นแม่ม่ายดำจือเหวินก็สวมผ้ากันเปื้อนและดูเหมือนแม่บ้านจริงๆและทันใดนั้นก็มีภาพลวงตาบางอย่างในใจของเย่เชียนและเมื่อเห็นแม่ม่ายดำเดินเข้าไปในครัวเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวอย่างแรงและความคิดแปลกๆของเขาออกจากหัวไป
เมื่อได้ยินเสียงในครัวเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะมองไปเป็นครั้งคราวเพราะแม่ม่ายดำจือเหวินกำลังยุ่งอยู่ในครัวและกลิ่นหอมก็ฟุ้งกระจายออกมาจากห้องครัวจนรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ตั้งใจจริงๆ
แม่ม่ายดำจือเหวินที่กำลังยุ่งอยู่ในครัวก็อดคิดในใจไม่ได้ว่าถ้าผู้ชายคนนี้เป็นคนรักของเขาล่ะก็มันจะวิเศษขนาดไหนเพราะเธอปิดกั้นหัวใจของเธอไปนานแล้วแต่เธอไม่เคยคิดว่าเย่เชียนจะทำลายกำแพงนั้นไปได้ง่าย ซึ่งภาพของเย่เชียนเป็นเหมือนกับฝันร้ายที่เข้าไปพัวพันในใจของเธอโดยตรงและไม่สามารถขับไล่ออกไปได้เลย
“อ๊า!…” แม่ม่ายดำจือเหวินก็กรีดร้องออกมาและเย่เชียนก็ตกใจและรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วแล้วถามด้วยความเป็นห่วงว่า “เป็นอะไร?” จากนั้นเขาก็หยิบมือของแม่ม่ายดำจือเหวินขึ้นมาและเห็นว่านิ้วของเธอมีรอยมีดบาดเล็กๆซึ่งดูเหมือนว่าตอนที่เธอหั่นผักเธอก็เผลอไปหั่นโดนนิ้ว
“ทำไมพี่เหวินถึงได้ประมาทแบบนี้” เย่เชียนมองแม่ม่ายดำจือเหวินด้วยความเป็นห่วงและหยิบนิ้วของเธอเข้าปากแล้วดูดเลือด ด้วยการกระทำที่ใส่ใจนั้นหัวใจของแม่ม่ายดำจือเหวินก็เต็มไปด้วยความสุขและเธอก็อดไม่ได้ที่จะคิดอย่างลับๆแล้วถ้ามันเป็นแบบนี้ตลอดเวลาก็คงจะดี
“ไม่เป็นไรแค่แผลมีดบาดนิดหน่อยเธอออกไปเถอะ..ฉันจะทำอาหารต่อ” แม่ม่ายดำจือเหวินผลักเย่เชียนออกจากครัว
“มันเจ็บอย่างนี้แล้วจะทำอาหารได้ยังไง..เอาเถอะผมคิดว่าเรากินหม้อไฟกันอย่างเดียวก็ได้เพราะมันง่ายและสะดวกดี” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
แม่ม่ายดำจือเหวินก็ตกตะลึงครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า
หม้อไฟง่ายกว่ามากเพราะแค่ต้มน้ำและรอน้ำเดือดเราก็สามารถลวกอะไรก็ได้ตามที่เราต้องการ จากนั้นเธอก็มองไปที่เย่เชียนที่กำลังเก็บและล้างผักจนเธอรู้สึกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลกและแม้เพียงแค่ครู่เดียวมันก็เพียงพอแล้ว หลังจากที่ทุกอย่างพร้อมแล้วเย่เชียนก็วางเตาแม่เหล็กไฟฟ้าและจานบนโต๊ะ จากนั้นมองไปที่แม่ม่ายดำจือเหวินแล้วพูดว่า “เอาล่ะทุกอย่างพร้อมแล้วมาเริ่มกินกันเลยดีกว่า..ลองดูฝีมือการปรุงน้ำซุปของผมแต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมทำเพราะผมไม่เข้าใจอาหารจีนจริงๆ..ผมหวังว่ามันจะกินได้”
“ตราบใดที่ยังมีอารมณ์และหัวใจอยู่มันก็อร่อยเสมอ” แม่ม่ายดำจือเหวินยิ้มและคืนคำพูดของเย่เชียนกลับไป
เย่เชียนก็ฉีกยิ้มและเปิดขวดไวน์ Louis XIII และรินให้กับแม่ม่ายดำจือเหวิน “ฉันต้องขอบคุณเธอจริงๆ..ฉันไม่ได้มีความสุขแบบนี้มานานแล้ว..ฉันฉลองวันเกิดคนเดียวทุกปีและฉันก็ไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะมาอยู่กับฉันในปีนี้..ขอบคุณ” แม่ม่ายดำจือเหวินพูด “เป็นเวลาหลายปีที่ฉันต้องทำเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งราวกับว่าฉันแข็งแกร่งจริงๆแต่ฉันก็เป็นผู้หญิงเสมอและฉันก็มีด้านที่อ่อนแอของตัวเองเหมือนกัน..ฉันอยากมีไหล่ให้พิง..เหอเหอดูฉันสิ..ฉันเธอพูดแบบนี้ออกไปได้ยังไงฉันคงทำให้เธอหัวเราะ..เอาเถอะมาชนแก้วกัน!” หลังจากพูดจบแม่ม่ายดำจือเหวินก็เงยหน้าขึ้นและดื่มไวน์ในแก้วของเธอและจู่ๆหยดน้ำตาก็ไหลออกมาจากหางตาของเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ
หัวใจของเย่เชียนก็สั่นเทาเล็กน้อยและมีความเศร้าที่อธิบายไม่ได้เพราะแท้ที่จริงแล้วไม่ว่าผู้หญิงจะแข็งแกร่งเพียงใดแต่หัวใจของเธอก็ยังมีจุดอ่อนของเธอเสมอและไม่ว่าเธอจะยืนอยู่สูงแค่ไหนเธอก็ยังเป็นผู้หญิงที่ต้องการอ้อมแขนของผู้ชายอยู่ดี “ผมไม่รู้จริงๆว่าวันนี้เป็นวันเกิดของพี่เหวินเพราะงั้นผมเลยไม่ได้เตรียมของขวัญอะไรมาให้เลยผมขอโทษจริงๆ” เย่เชียนยิ้มอย่างขอโทษและพูด
“ใครบอกว่าไม่ล่ะก็มีนาฬิกาคู่นั้นไง” แม่ม่ายดำจือเหวินพูดด้วยรอยยิ้มและมันเป็นเพียงรอยยิ้มที่เห็นได้ชัดว่ามีร่องรอยของการฝืนยิ้มอยู่แต่มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้น
เย่เชียนก็เอนตัวไปข้างหน้าอย่างช้าๆและค่อยๆใช้นิ้วเช็ดน้ำตาจากหางตาของแม่ม่ายดำจือเหวินเบาๆ เมื่อเห็นเช่นนั้นเธอก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและใบหน้าของเธอก็หลบไปข้างหลังเล็กน้อย อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ไม่ได้ถอนมือกลับและยังคงเช็ดน้ำตาของแม่ม่ายดำจือเหวินต่อไปจนเธอไม่ได้ขยับออกไปอีก
“ผม…” เย่เชียนอ้าปากและต้องการจะพูดอะไรบางอย่างแต่คำพูดนั้นกลับไม่หลุดออกมา
เมื่อได้ยินเช่นนั้นแม่ม่ายดำจือเหวินก็รีบใช้นิ้วสองนิ้วแตะที่ริมฝีปากของเย่เชียนเบาๆแล้วพูดว่า “ไม่ต้องพูดอะไรฉันเข้าใจ” หลังจากนั้นครู่หนึ่งเธอก็ถามว่า “เธอจะกลับเมื่อไหร่”
“คืนนี้” เย่เชียนพูด “เพราะยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างในปักกิ่งที่รอให้ผมไปจัดการอยู่..ผมไม่สามารถอยู่ที่นี่นานเกินไปได้”
แม่ม่ายดำจือเหวินก็แสดงความผิดหวังบนใบหน้าของเธอและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นฉัน..ฉันขอไปหาเธอที่ปักกิ่งได้มั้ย?”
เย่เชียนก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและพยักหน้าแล้วพูดว่า “ได้สิ”
แม่ม่ายดำจือเหวินก็ยิ้มเล็กน้อยแต่รอยยิ้มนั้นดูห่างไกลออกไปอย่างเห็นได้ชัด “มาเถอะมากินหม้อไฟกัน” แม่ม่ายดำจือเหวินสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วพูด จากนั้นเธอก็ตักอาหารขึ้นมาแล้วใส่ลงในชามของเย่เชียน
อาหารเย็นจบลงด้วยบรรยากาศที่แปลกประหลาดและค่อนข้างคลุมเครือ ซึ่งหลังจากล้างจานเสร็จเย่เชียนก็คุยกับแม่ม่ายดำจือเหวินครู่หนึ่งและเมื่อเขามองดูเวลาเขาก็พูดว่า “มันดึกแล้วผมต้องขอตัวกลับก่อน…คุณควรพักผ่อนมห้มากๆ..อันที่จริง คุณไม่ต้องทำงานอะไรที่มันยากเกินไปแล้ว”
แม่ม่ายดำจือเหวินก็พยักหน้าอย่างหนักหน่วงโดยไม่ได้พูดอะไรใดๆแต่มีร่องรอยของความไม่เต็มใจในดวงตาของเธอ
เย่เชียนลุกขึ้นและยิ้มให้เธอจากนั้นก็เดินออกไปข้างนอก เมื่อมองไปที่แผ่นหลังของเย่เชียนแล้วแม่ม่ายดำจือเหวินรู้สึกราวกับว่าหัวใจของเธอว่างเปล่าอย่างสมบูรณ์และรู้สึกเคว้งคว้างและเหงาไร้หนทาง ถ้าเป็นไปได้เธอก็หวังจริงๆว่าช่วงเวลาแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นเร็วๆนี้อย่างไรก็ตามสิ่งที่ควรไปก็มักจะต้องไปจากเธอเสมอ
ทันใดนั้นแม่ม่ายดำจือเหวินก็ลุกขึ้นจากโซฟาทันทีและวิ่งออกไปเพื่อกอดเย่เชียนจากด้านหลังจากนั้นเธอก็ฝังหัวของเธอลงบนแผ่นหลังของเย่เชียนและคร่ำครวญเบาๆว่า “อย่าไปเลยนะ..ช่วยอยู่กับฉันก่อน..ฉันไม่อยากอยู่คนเดียวในวันเกิดของฉันที่เผชิญกับความมืดมิดนอกหน้าต่าง..ฉันขอแค่คืนนี้คืนเดียวนะ..อย่างน้อยๆก็ทิ้งความทรงจำเอาไว้บ้าง..ได้มั้ย?”
เย่เชียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆและพยายามเอามือเธอออก อย่างไรก็ตามแม่ม่ายดำจือเหวินก็กอดเขาเอาไว้แน่นราวกับว่าเธอจะสิงร่างกายของเย่เชียนได้ทุกเมื่อ “หลายปีมานี้ฉันเหนื่อยมาก..ฉันเหนื่อยจริงๆ..ฉันอยากมีใครสักคนคอยปลอบใจเวลาที่ฉันเศร้าและมีไหล่ให้ฉันพิง..สัญญากับฉันได้มั้ยฉันขอแค่คืนนี้คืนเดียวเท่านั้น” แม่ม่ายดำจือเหวินพูดอย่างเศร้าโศก “บางคนบอกว่าถ้าผู้หญิงที่เป็นสาวพรหมจารีเมื่อตายไปเธอจะไปสู่นรกขุมที่สิบแปดและโดนควักหัวใจออก..ฉันไม่อยากเป็นแบบนั้นเลย..ชีวิตของฉันไม่มีความทรงจำดีๆเลย..เมื่อฉันแก่ตัวลงความทรงจำมันคงจะว่างเปล่ายกเว้นการต่อสู้ของฉัน”
เย่เชียนก็หันกลับมาอย่างช้าๆ “พี่เหวิน..ผม..” เย่เชียนยังคงไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรเมื่อคำนั้นมาที่ริมฝีปากของเขาแล้วเขาก็รู้สึกเสมอว่าเขากำลังเผชิญกับแม่ม่ายดำจือเหวินที่อ่อนแอในเวลานี้จนทำให้คำพูดมากมายไม่สามารถพูดออกมาได้เลย
“อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย..ฉันไม่อยากฟัง” แม่ม่ายดำจือเหวินส่ายหัวแล้วพูดว่า “ฉันต้องการแค่เธอเท่านั้น..ฉันแค่ต้องการใช้เวลาในวันเกิดกับเธอสองคน..รู้อะไรไหมหลังจากหลายปีมานี้ฉันไม่เคยหลับอย่างสบายใจเลยสักครั้งและต้องตื่นจากฝันร้ายทุกวัน..ฉันขอแค่ได้นอนหลับอย่างมีความสุขและปลุกฉันให้ตื่นจากความฝันด้วยรอยยิ้มสักครั้ง..ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงความฝันก็ตาม..ฉันเต็มใจ”
เมื่อต้องเผชิญกับคำสารภาพของแม่ม่ายดำจือเหวินแล้วเย่เชียนก็ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธเธออย่างไร ซึ่งเย่เชียนไม่ใช่สุภาพบุรุษและเขาก็มีแรงกระตุ้นของตัวเองเมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้หญิงอย่างแม่ม่ายดำจือเหวิน อย่างไรก็ตามเหตุผลบางอย่างบอกและย้ำเตือนเขาว่าเขาไม่ควรทำอย่างนั้น
ทันใดนั้นแม่ม่ายดำจือเหวินก็เงยหน้าขึ้นและจูบริมฝีปากของเย่เชียนอย่างเร่าร้อนและในขณะนั้นร่างกายของเย่เชียนดูเหมือนจะมีกระแสไฟฟ้าไหลเข้ามาและคนทั้งคนก็แข็งกลายเป็นหินเพราะร่างกายผู้หญิงที่โตเต็มวัยอย่างแม่ม่ายดำจือเหวินได้ติดอยู่กับร่างกายของเย่เชียนมันจึงเต็มไปด้วยสิ่งล่อใจและความอบอุ่นและความชื้นที่เขารู้สึกในปากของเขาและการเต้นของปลายลิ้นของเขาทำให้เกิดแรงกระตุ้นอย่างหาที่เปรียบมิได้
ในเวลานี้ในห้องนอนของแม่ม่ายดำจือเหวินร่างของทั้งสองก็พลิกไปพลิกมาและเสียงอันไพเราะของแม่ม่ายดำจือเหวินก็ดังกึกก้องอย่างไม่ขาดสาย ซึ่งหลังจากคืนนี้แม่ม่ายดำจือเหวินจะไม่ใช่แม่ม่ายอีกต่อไปแล้วเพราะเธอได้สูญเสียความชั่วร้ายและพิษสงของแม่ม่ายดำไปหมดแล้ว
เสียงครวญครางดังก้องกังวานไปทั่วทั้งบ้านและแม้แต่บอดี้การ์ดที่ด้านนอกก็ได้ยินอย่างชัดเจน