ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 89 วังวน
ผมใช้เวลาทั้งหมดสองปีในการนำกลุ่มเขี้ยวหมาป่าขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของเหล่ากองกำลังทหารรับจ้างจากการล้มล้าง เสือดาวทมิฬ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นดั่งราชาของเหล่าทหารรับจ้าง จนพวกเราได้กลายเป็นราชาแห่งกองกำลังทหารรับจ้างที่แท้จริง…
คุณรู้มั้ยว่าพวกเขาเรียกผมว่าอะไร ? พวกเขาเรียกว่า ราชาหมาป่าเย่เชียน ฮ่า ๆ ๆ เยี่ยมไปเลยใช่มั้ย ? แต่บางครั้งผมก็รู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยล้ามาก ซึ่งจริง ๆ แล้วมันน่าจะเป็นความเหนื่อยล้าทางจิตใจเสียมากกว่า ผมรู้ว่าผมไม่สามารถหยุดได้ เพราะถ้าหากผมหยุดเมื่อไหร่ก็จะมีคนมาแทนที่ผมทันที ถ้าหากมันเป็นแบบนั้น สักวันหนึ่งทั้งผมและเขี้ยวหมาป่าก็อาจจะหายไปจากโลกนี้ตลอดกาล…
โรโร่ว ในเมื่อคุณเป็นผู้หญิงของผม… ผมจึงคิดว่าผมควรบอกให้คุณรู้เกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของผม สำหรับคนสองคนที่รักกันมาก ความซื่อสัตย์เป็นสิ่งสำคัญต่อกันใช่มั้ย ? ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนดีด้วยการฆ่าคนเลวเลย แต่ผมเชื่อว่าผมจะเป็นสามีที่ดีได้ และผมจะไม่ยอมปล่อยให้คนรักของผมต้องทนทุกข์ทรมานหรือเสียใจเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่ว่าผมจะต้องเผชิญหน้ากับใครก็ตามแต่ ผมก็จะไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรคุณ”
เย่เชียนพูดอย่างรวบรัด แต่หลินโรโร่วก็สามารถจินตนาการได้ว่าชีวิตของเย่เชียนก่อนหน้านี้นั้นเป็นอย่างไร
มันไม่ง่ายเลย ความจริงที่ถูกเปิดเผยนี้อาจจะทำให้ลำบากใจไม่มากก็น้อย ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกนานมาแล้วว่าเย่เชียนนั้นเป็นคนที่มีภาระมากมายให้ต้องจัดการ แต่เธอก็ไม่คาดคิดว่าเรื่องทั้งหมดจะเป็นเช่นนี้
ทว่าถึงอย่างนั้น เรื่องราวเหล่านี้มันก็ไม่สำคัญสำหรับเธอ เพราะไม่ว่าเย่เชียนจะเป็นแค่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยธรรมดา ๆ หรือจะเป็นทหารรับจ้างในการฆ่าคนก็ตาม ในสายตาของเธอ เย่เชียนเป็นคนเข้มแข็งที่ไม่มีวันพ่ายต่อศัตรู และเขาจะปกป้องดูแลครอบครัวของเขาทุกวิถีทางที่เป็นไปได้
“เป็นยังไงบ้าง ? เรื่องราวของผมมันน่าตื่นเต้นใช่มั้ยล่ะ ? บางครั้งผมก็คิดนะว่าถ้าผมเขียนเรื่องนี้ลงในหนังสือและตีพิมพ์ มันคงจะขายดีเป็นเทน้ำเทท่า แต่ผมคงไม่มีปัญญาไปทำแบบนั้นหรอก ฮ่า ๆ ๆ”
เย่เชียนไม่ต้องการให้บรรยากาศมันตึงเครียดและหดหู่จนเกินไป เขาจึงพยายามทำให้บรรยากาศดูน่าอภิรมย์ขึ้น
หลินโรโร่วมองเย่เชียนด้วยสายตาที่อ่อนโยนและซุกตัวเข้าไปซบอกเขา เธอรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยมากจริง ๆ เมื่ออยู่กับเขา
“คุณช่วยนัดให้ผมไปพบพ่อกับแม่ของคุณทีสิ… เพราะผมคงไม่สามารถปล่อยให้พวกเขามอบว่าที่ภรรยาของผมให้คนอื่นได้” เย่เชียนยิ้มเล็กน้อยแต่ทว่าสีหน้าของเขาดูจริงจังมาก
“ลุงและป้าจะบอกพวกเขาเกี่ยวกับวันนี้อย่างแน่นอน เพราะงั้นถึงแม้ว่าคุณจะไม่พูด พวกเขาก็จะมาหาคุณเองแหละ เย่เชียน… ถึงยังไงพวกเขาก็เป็นพ่อแม่ของฉัน ดังนั้นคุณ…”
หลินโรโร่วยังพูดไม่จบ เย่เชียนก็พูดขึ้นมาอย่างร้อนรน “คุณนี่ช่างโง่จริง ๆ คุณคิดอะไรของคุณอยู่เนี่ย ?” เย่เชียนสะกิดจมูกเธอเบา ๆ หนึ่งครั้งและพูดว่า “ไม่ต้องกังวลไปหรอก พวกเขาเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ และผมก็มีวิธีในแบบของผม”
“ขอบคุณนะ…” หลินโรโร่วพูดอย่างผ่อนคลาย
เย่เชียนยิ้ม “ค่ำคืนที่แสนมีค่านับพันนี้… ช่างเป็นค่ำคืนที่ยาวนานจริง ๆ เพราะงั้นเราคงต้องหาอะไรทำกันแล้วล่ะ ไม่อย่างนั้นมันจะน่าเบื่อไปหน่อย”
หลินโรโร่วหน้าแดงก่ำและคลอเคลียอยู่ที่อ้อมกอดของเย่เชียน เธอหวังว่าเธอจะอยู่อย่างนี้ไปตลอด
“ไปกันเถอะที่รัก” ไม่เพียงพูดเปล่า เย่เชียนอุ้มหลินโรโร่วไปที่ห้องน้ำ จากนั้นก็พูดต่อไปว่า “เราไปอาบน้ำกันเถอะ”
“อ๊ายยยยย…!” เมื่อถูกเย่เชียนอุ้ม หลินโรโร่วก็อดไม่ได้ที่จะตกใจจนร้องลั่น
ทั้งคู่ต่างก็เขินอายกันมาก ทว่าเย่เชียนเก็บอาการ ส่วนหลินโรโร่วทุบหน้าอกของเย่เชียนเบา ๆ และพูดว่า “ฉันเกลียดคุณที่สุดเลย!”
เย่เชียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ แม้ว่าเขาเพิ่งจะปฏิเสธที่เธอจะมอบร่างกายให้กับเขาเมื่อครู่นี้ แต่เขาก็ยังแกล้งเธอ อันที่จริงเขาก็แค่อยากจะอาบน้ำกับเธอ เท่านั้นมันก็เพียงพอสำหรับคืนนี้แล้ว
เมื่อทั้งสองร่างกายเปลือยเปล่า ใบหน้าของหลินโรโร่วก็แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำคล้ายกับผลแอปเปิลที่สุกเต็มที่
เย่เชียนไม่ได้ล่วงเกินอะไรเธอเลย เขาเพียงแค่อุ้มเธอลงไปในอ่างอาบน้ำและถูร่างกายให้เธออย่างอ่อนโยน ผิวของหลินโรโร่วนั้นขาวนุ่มละมุนมาก อาจพูดได้ว่ามันเหมือนกับครีมทาผิวที่หากสัมผัสอย่างแรงมันก็อาจจะสลายหายไปได้
“นี่คือรอยสักเหรอ ?” หลินโรโร่วลูบไล้ที่หน้าอกของเย่เชียนและถามเบา ๆ
“ไม่ใช่หรอก… มันมาจากการถูกเหล็กร้อน ๆ จี้” เย่เชียนตอบเหมือนเรื่องปกติ
หลินโรโร่วสั่นสะท้านในทรวงอกและถามว่า “โห! มันคงเจ็บปวดมากเลยใช่มั้ย ?”
เย่เชียนยิ้มอย่างอ่อนโยนและตอบว่า “มันเจ็บมาก แต่มันก็แค่ช่วงแรกเท่านั้น ตอนนี้มันไม่เป็นอะไรแล้ว”
เมื่อมองไปที่แผลเป็นของเย่เชียน หลินโรโร่วรู้สึกราวกับว่าหัวใจของเธอถูกบดขยี้ให้เจ็บช้ำ เพราะรอยแผลเป็นเหล่านี้คือบาดแผลจากการฝึกฝนและการปฏิบัติภารกิจอันแสนหฤโหด มันมีทั้งรอยมีดและรอยกระสุนปืน เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตลอดแปดปีที่ผ่านมา ชีวิตของเย่เชียนจะผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมายขนาดนี้ เธอลูบไล้รอยแผลเป็นของเย่เชียนอย่างอ่อนโยนและเธอก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมาเบา ๆ
“คนโง่… คุณร้องไห้ทำไมน่ะ ?” เย่เชียนเช็ดน้ำตาของหลินโรโร่วอย่างนุ่มนวลและพูดว่า “รอยแผลเป็นพวกนี้มันนานมาแล้วนะ มันเป็นอดีตไปหมดแล้วและมันก็ไม่เจ็บปวดอีกต่อไปแล้วด้วย”
“สัญญากับฉันนะว่าในอนาคตคุณจะไม่ทำอะไรที่มันอันตรายอีก” หลินโรโร่วพูดเบา ๆ
เย่เชียนพยักหน้า “ผมสัญญากับคุณว่าในอนาคตไม่ว่าผมจะเจอกับอันตรายมากมายแค่ไหนก็ตาม… ผมจะไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอน เพราะผมต้องการปกป้องคุณและเคียงข้างคุณไปตลอดตราบชั่วชีวิตของผม”
หลินโรโร่วกอดและโน้มตัวเองเข้าไปในอ้อมแขนของเย่เชียนอย่างอ่อนหวาน และเมื่อทั้งสองใกล้ชิดกัน เย่เชียนจึงต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก เพราะสรีระช่วงล่างของเขานั้นมีปฏิกิริยาตอบสนองที่รุนแรงมากอย่างเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งแน่นอนว่ามันก็ทำให้หลินโรโร่วสัมผัสได้ถึงบางอย่างตรงหน้าท้องของเธอ ทันใดนั้นใบหน้าของเธอก็ยิ่งแดงก่ำมากขึ้นกว่าเดิม เธอจึงตัดสินใจเงยหน้าขึ้นมาและถามอย่างเคอะเขินว่า
“เอ่อ… คุณรู้สึกอึดอัดไหม ? คุณอยาก…”
ก่อนที่เธอจะพูดจบ เย่เชียนก็หัวเราะและพูดอย่างเร่งรีบว่า “อะไรนะสาวน้อย…? นี่คุณโตเป็นสาวแล้วเหรอ ?”
“ก็คุณเริ่ม… ก่อน… ฉันเกลียดคุณ!” หลินโรโร่วทุบหน้าอกของเย่เชียนเบา ๆ อย่างเขินอาย
……
เช้าวันรุ่งขึ้น เย่เชียนลุกขึ้นจากเตียงตั้งแต่เช้า ถึงแม้ว่าเขาจะต้องการโอบกอดหลินโรโร่วและนอนต่อไปอีกสักพักแต่ก็ทำไมได้ เนื่องจากเขาเคยชินกับการตื่นเช้าและออกกำลังวอร์มอัพร่างกายจนเป็นนิสัยและเป็นกิจวัตรประจำวันแบบนี้มาเป็นเวลานานแล้วจึงยากที่จะฝืนมันได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ
เมื่อมองหลินโรโร่วขณะที่เธอกำลังหลับอยู่ เย่เชียนก็ค่อย ๆ เข้าไปจูบเธอเบา ๆ ที่หน้าผาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้กำลังนอนหลับอย่างสบายใจ มุมปากของเธอยังคงมีรอยยิ้มราวกับว่าเธอกำลังมีความฝันที่สวยงามอยู่
‘ผู้หญิงที่จิตใจดีคนนี้ควรมีความสุขตลอดไป’ เย่เชียนคิดในใจ
ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา เย่เชียนไม่ได้ล่วงเกินเธอเลยแพ้เพียงนิดเดียว ถึงแม้ว่าเขาจะอยากทำมันแค่ไหนก็ตาม แต่เขาต้องการปลดปล่อยเธอจากความกังวลและปัญหาต่าง ๆ ให้หมดสิ้นไปเสียก่อน เย่เชียนไม่ใช่สุภาพบุรุษขนาดนั้น แต่ว่าเขามีความทุ่มเทและความเชื่อมั่นในตัวเองสูง
แต่อย่างไรก็ตาม เย่เชียนคงจะไม่ปล่อยให้โอกาสดี ๆ หลุดลอยไปได้อย่างแน่นอนในอนาคตอันใกล้นี้
ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น
เย่เชียนรีบรับโทรศัพท์เพราะกลัวว่าหลินโรโร่วจะตื่น เขาถือโทรศัพท์ไปที่ห้องนั่งเล่นและนั่งลงบนโซฟา จากนั้นก็รับสาย
“สวัสดีครับ คุณคือ ?” เย่เชียนถาม
“พี่สอง! พี่อยู่ที่ไหน ? ท่านหวังปิงต้องการพบพี่!” หลี่ฮ่าวโทรเข้ามาและพูดอย่างร้อนรน
“ได้เลย… เมื่อไหร่และที่ไหนล่ะ ?” เย่เชียนถามพลางฉีกมุมปากออกเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยยิ้มชั่วร้าย