ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 158 กั้นกระแสน้ำ (2)
บทที่ 158 กั้นกระแสน้ำ (2)
จัตุรัสแดง
ในลานใหญ่กลางป่า
สตรีกางร่มนั่งอยู่ข้างบ่อ มองดูสายน้ำกลางบ่อส่องสภาพของนางในตอนนี้อย่างเงียบงัน
นางนั่งอยู่ในท่านี้มานานแล้ว
ช่วงนี้ ทุกๆ วันนางจะมานั่งรอข้างบ่อ หวังว่าผู้คุมจัตุรัสจะกลับมาอย่างกะทันหัน แม้จะทราบว่านี่เป็นแค่ความเพ้อฝัน แต่สตรีกางร่มยังคงทำเช่นนี้
ฮือ… ฮือ…
ผีป่าวิญญาณเลวด้านในห้องข้างที่อยู่รอบๆ เริ่มร่ำไห้อีกแล้ว โคมไฟสีแดงที่แขวนทั่วจวนเหลือแค่สิบกว่าใบ หนำซ้ำส่วนใหญ่ยังมืดสลัว
มีแต่โคมไฟสองสามใบที่ยังนับว่าสว่าง เจ้านายกลับยังอยู่ด้านนอก ไม่ได้กลับมา
ปัจจุบันจัตุรัสแดงเหลือแค่สตรีกางร่มคนเดียว ที่เหลือแม้แต่ติดต่อยังติดต่อไม่ได้
ฮือๆ… ฮือๆ…
เสียงภูตผีร่ำไห้ดังไม่ขาดสาย
แต่ไม่ทันไร ในเสียงร่ำไห้ก็มีเสียงฝีเท้าเบาๆ ใกล้เข้ามาอย่างแช่มช้า
ตุบ… ตุบ… ตุบ…
นั่นเป็นเสียงทึบที่รองเท้าหนังเหยียบบนดินโคลนหนา
สตรีกางร่มสะดุ้ง เอียงตัวมองประตูจวน
“เสี่ยว…ปิงหรือ” นางเอ่ยเบาๆ
เอี๊ยด
ประตูจวนถูกผลักออกช้าๆ
เงาคนสูงใหญ่สวมชุดดำ คลุมศีรษะด้วยหมวกติดเสื้อ เดินเข้ามาอย่างช้าๆ
“ที่นี่คือจัตุรัสแดงหรือ หายากจริงๆ…” คนผู้นี้มีเสียงแหบพร่า ทั้งทุ้มต่ำมีพลังของบุรุษ
“มนุษย์หรือ กล้า…บุกมา… ถึงที่เลยหรือ” สตรีกางร่มลุกพรวดอย่างโมโห “เสี่ยวปิง!” นางตะโกนเรียก นั่นคือความประหลาดลี้ลับที่คอยเฝ้าจวน แม้ไม่มีสติปัญญา แต่พลังไม่เลวเลย
“เสี่ยวปิง? เจ้ามองหานางหรือ” คนสวมชุดดำเยื้องกรายเข้ามาลานตรงกลาง โยนน่องขาของสตรีที่ขาวผ่องเรียวยาวข้างหนึ่งออกมาจากด้านหลัง
“เจ้า!” สตรีกางร่มอดถอยหลังไปก้าวหนึ่งไม่ได้ ตกใจระคนโมโห นางรู้จักพลังของเสี่ยวปิงดี แม้จะสู้นางไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ต่างกันมาก และในฐานะของความประหลาดลี้ลับที่ดูแลที่นี่ อย่างไรก็ไม่อาจถูกกำจัดทิ้งง่ายๆ โดยไม่ส่งเสียงแม้แต่น้อย
แต่ว่าความจริงตรงหน้าบอกนางว่า เสี่ยวปิงไม่ได้ส่งเสียงจริงๆ ถูกกำจัดในเสี้ยววินาที
“อยากจะมาจัตุรัสแดงด้วยตัวเองมานานแล้ว แต่ไม่เคยมีเวลาและโอกาส” บุรุษชุดดำเอ่ยอย่างราบเรียบ “ครั้งนี้เดินเล่นสบายๆ ได้”
“หาที่ตาย!” สตรีกางร่มในที่สุดก็อดกลั้นไม่ไหว กรีดร้องขึ้นมา
ครึ่กๆ!
เสียงกรีดร้องของนางเหมือนเป็นคลื่นน้ำ พริบตาเดียวก็กระจายไปทั่วจวน
ฟิ้วๆๆ…!
ประตูห้องข้างหลายบานถูกชนเปิด เงาผีสีขาวกึ่งโปร่งใสหลายสายลอยออกมา พุ่งเข้าหาบุรุษชุดดำเหมือนกับปลาแหวกว่าย
เงาผีเหล่านี้ทั้งหมดมีใบหน้าเป็นสตรี บนใบหน้าปรากฏความเคียดแค้น ความดุร้าย ความเจ็บปวด และความบิดเบี้ยว ทั้งหมดเป็นผีป่าวิญญาณเลวที่จัตุรัสแดงรวบรวมมาหลายปี
โคมแดงที่แขวนใต้ชายคาก็ยิงไฟสีแดงหลายสายออกมา ส่วนปลายของเปลวไฟทุกสายปรากฏใบหน้าชิงชังของสตรีเช่นกัน
กรี๊ด!
เสียงกรีดร้องเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผีสตรีที่กรูออกจากจัตุรัสแดงไม่ทราบมีกี่ตน ศักยภาพที่จัตุรัสแดงรวบรวมมาหลายปี ตอนนี้แสดงออกมาในทีเดียว
เงาผีสีขาวแน่นขนัดครอบคลุมฟ้าดิน ลอยวนเวียน แทบปกคลุมทั่วทั้งร่างของบุรุษชุดดำ
เปลวไฟจากโคมไฟมุดเข้าไปกลางช่องว่างของเงาผี เติมเต็มรูโหว่ อึดใจเดียวก็กลายเป็นการล้อมโจมตีอันเด็ดขาดที่ไม่อาจหลบหลีกดั่งแหฟ้าตาข่ายดิน
สตรีกางร่มถือร่มแดงยืนอยู่ด้านนอก ร่มในมือหมุนด้วยความเร็วสูง
“ไม่ว่า…เจ้าจะเป็นใคร…ก็ต้องตาย…!”
ค่ายกลร้อยภูตผีนี้แม้แต่นางก็ต้านไม่ไหว เมื่อทำงาน ถ้าไม่ตายก็ไม่เลิกรา คนผู้นี้กล้าบุกรุกจัตุรัสแดง ยังฆ่าเสี่ยวปิง อภัยให้ไม่ได้
เงาผีจำนวนมากล้อมรอบคนผู้นั้น พร้อมพุ่งโจมตีอย่างคลุ้มคลั่ง ยังมีเปลวเพลิงคอยฉวยโอกาสลอบจู่โจม
เสียงภูตผีร่ำไห้ปกคลุมจวนทั้งจวน
แต่สิ่งที่แปลกก็คือ บุรุษชุดดำผู้นั้นยังคงยืนนิ่ง คล้ายไม่ได้ถูกเงาผีจู่โจม
กระแสปราณโปร่งใสจางๆ ชั้นหนึ่งวนรอบตัวเขา มันเผาไหม้เงาผีที่พุ่งเข้าไปทั้งหมดให้ร้องโหยหวนพลางถอยหลัง
“นี่เป็นระดับของจัตุรัสแดงในตอนนี้หรือ” เสียงของบุรุษชุดดำทะลุเงาผีออกมา “ช่างน่าผิดหวังเสียจริง…”
“เจ้า…!” สตรีกางร่มแตกตื่นเดือดดาล ควงร่มแดงรุนแรงกว่าเดิม พลันร้องแหลม แล้วถูกดูดเข้าไปในร่มเหมือนกับของเหลว
ฟิ้ว!
แสงสีแดงวูบผ่าน ร่มแดงเหมือนกับอาวุธมีคมสำหรับตัดเฉือน หมุนพุ่งใส่เงาดำอย่างรวดเร็ว
ตัวร่มไม่ทันไรก็ถึงด้านหน้าบุรุษชุดดำ ปลายร่มแหลมคม สั่นไหวทีหนึ่ง แล้วกรีดเป็นประกายเย็นเยียบสามจุดใส่ทรวงอกและท่อนล่างของอีกฝ่าย
บุรุษชุดดำครั้งนี้ไม่อาจมองการโจมตีเฉยๆ อีก ขณะที่ต้านเงาผีรอบๆ ก็รับมือการจู่โจมของสตรีกางร่มไปด้วย เขาที่เจอสภาพนี้รับมือแทบไม่ทันเช่นกัน
เขาจำเป็นต้องยื่นมือข้างหนึ่งออกมาป้องกันการทิ่มแทงอย่างต่อเนื่องของร่มแดงที่พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง
เคร้งๆๆๆ!
บุรุษชุดดำกระแทกฝ่ามือใส่ปลายร่ม ท่ามกลางเสียงโลหะปะทะกัน กลับไม่เหมือนการปะทะของร่างกายที่มีเลือดมีเนื้อ แต่ว่ากลับปะทะเข้ากับสิ่งที่แข็งแกร่งสุดเปรียบปานเหมือนกับโลหะ
เขาป้องกันสภาวะการโจมตีของร่มแดงด้วยมือเพียงข้างเดียว ทั้งสองคนปะทะกันอย่างรุนแรงเหมือนกับรอบข้างไม่มีใคร ท่ามกลางการกลุ้มรุมของเงาผี สะเก็ดไฟสาดกระจายจากจุดที่ทั้งสองปะทะกัน
“หมอก!”
ทันใดนั้นร่มแดงกางออก ปล่อยไอหมอกสีชมพูจำนวนมากออกมาปกคลุมบุรุษชุดดำ
สตรีกางร่มปรากฏร่างจริงใต้ร่ม มือเรียวซ่อนในไอหมอกอย่างไร้สุ้มเสียง คว้าใส่ใบหน้าบุรุษชุดดำ
มือนางยามอยู่กลางหมอกกลับเร็วอย่างน่าประหลาด เร็วกว่าตอนที่สู้กันเมื่อครู่มากกว่าหนึ่งเท่า
หมับ!
บุรุษชุดดำป้องกันไม่ทัน ศีรษะถูกคว้าไว้
แต่ขณะเดียวกันฝ่ามือของเขาก็ประทับใส่ร่มสีแดงอย่างรุนแรงเช่นกัน
เปรี้ยง!
สตรีกางร่มถอยหลังไปหลายก้าว ในมือคว้าผ้าดำที่เขาใช้ปิดบังใบหน้าไว้ได้
ควันขาวหลายสายลอยออกมาจากฝ่ามือขวาของบุรุษชุดดำอย่างเชื่องช้า ทิ้งรอยฝ่ามือที่ชัดเจนไว้บนตัวร่ม
“อือ…” บุรุษชุดดำคล้ายพบว่าผ้าคลุมหน้าของตัวเองถูกฉีกออกไป เขายื่นมือไปลูบใบหน้า บนแก้มไม่มีความเสียหายแม้แต่น้อย
เงยหน้ามองสตรีกางร่มที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
“น่าสนใจ…” เขาฉีกยิ้ม เผยให้เห็นฟันแหลมสีขาว
ตอนนี้สตรีกางร่มถือผ้าดำไว้อย่างงุนงง ร่มแดงในมือสั่นไหวอย่างรุนแรงเพราะความหวาดกลัว
“เป็น…เป็นเจ้า…!?”
“ใช่แล้ว…ข้าเอง” ลู่เซิ่งยิ้ม “ไม่เจอกันที่เมืองอินทรีคู่ ข้าก็เลยตั้งใจมาหาเจ้า…”
ฟุ่บ!
สตรีกางร่มหมุนร่ม พุ่งปราดถอยไปด้านหลังด้วยความเร็วสูง
หมับ
ไม่รอให้นางหนีไปไกล มือใหญ่สีเทาอมเขียวข้างหนึ่งก็จับขาขวาของนางไว้
“อย่าไปเลย ข้าหาตั้งนานกว่าจะเจอที่นี่…”
แสงสีแดงดำบนร่างสตรีกางร่มกะพริบหลายครั้ง ดิ้นไม่หลุดจากมือใหญ่ นางหันไปมอง เห็นลู่เซิ่งซึ่งเมื่อครู่ยังคิ้วตากระจ่าง ตอนนี้ร่างกำลังขยายใหญ่ บิดเบี้ยว และเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ตุ่มเนื้อกับกล้ามเนื้อจำนวนมากบิดพองบนตัวเขา แขนขาเขาขยายใหญ่ขึ้นอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่ภูตผีปีศาจที่น่าเกลียดที่สุดก็ไม่มีทางดุร้ายน่าสะพรึงกลัวแบบนี้
“กรี๊ด!” สตรีกางร่มกรีดร้อง
เงาผีนับไม่ถ้วนพุ่งมาจากเบื้องหลังนาง กรีดร้องพร้อมโถมตัวใส่ลู่เซิ่ง
ลู่เซิ่งในตอนนี้กลายเป็นสัตว์ประหลาดตัวใหญ่เกือบห้าหมี่ เขาวัวงอกขึ้นบนหน้าผาก ความหนั่นแน่นของกล้ามเนื้อจำนวนมากทำให้เขาดูไม่สมประกอบอยู่บ้าง ท่อนบนใหญ่โต ขาทั้งสองข้างกลับสั้นป้อม ก้อนกล้ามเนื้อเหมือนตุ่มเนื้อพองขึ้นบนหลัง ไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป
ตูม!
เงาผีจำนวนมากปะทะใส่ด้านหน้าเขา เหมือนชนใส่ชั้นป้องกันกึ่งโปร่งใสชั้นหนึ่ง ถูกปราณภายในของวิชาเก้าพิฆาตแดงฉานที่ร้อนลวกและมีแรงดันสูงดีดออกไป
เงาผีที่อ่อนแอหน่อยส่วนหนึ่งถูกเผาตายกลางอากาศทันที พวกที่แข็งแกร่งหน่อยคิดพุ่งชนใส่อีกครั้ง กลับถูกลู่เซิ่งใช้ฝ่ามือข้างหนึ่งระเบิดพวกมันตายไปหลายสิบตัว
เทียบกับร่างกายขนาดมโหฬารของเขา เงาผีตรงหน้าแทบเหมือนกับแมลงวัน บินวนไปวนมา ไร้ความสำคัญแม้แต่น้อย
“อ่อนแอ อ่อนแอเกินไปแล้ว!” เขาจับขาขวาของสตรีกางร่ม หิ้วนางไว้ด้านหน้าตัวเอง “บอกข้าได้หรือไม่ว่าเจ้าเห็นอะไรตอนอยู่เมืองอินทรีคู่ ”
สตรีกางร่มดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง เงาลวงกะพริบบนร่างอย่างต่อเนื่อง คิดจะแยกร่างหนี น่าเสียดาย ที่นี่เป็นหน่วยหลักของจัตุรัสแดง นางคาดไม่ถึงว่าจะมีคนทะลวงประตูเข้ามาโดยตรง เพราะประมาทไปชั่วขณะ จึงไม่ได้แยกร่างไว้ก่อน
ตอนนี้คิดขัดขืน ก็ยากราวปีนป่ายขึ้นสวรรค์แล้ว
“ปล่อย…อิงอิง!” นางดิ้นรนสุดแรง แต่สำหรับลู่เซิ่งที่ปัจจุบันหยินหยางควบแน่น ไม่มีผลแม้แต่น้อย ขอบคมกริบของร่มแดงที่กรีดผิวหนังเขา เพียงเกิดสะเก็ดไฟมากมายเท่านั้น
“อ้อ เจ้าชื่ออิงอิงหรือ เป็นชื่อที่เพราะจริงๆ” ลู่เซิ่งสะบัดสตรีกางร่ม “ร่างแยกเจ้าเล่า ทำไมครั้งนี้ไม่เห็น” เขากวาดมองรอบๆ แน่ใจว่าไม่เห็นร่างแยกของสตรีกางร่ม
เงาผีจำนวนมากพุ่งใส่เขาอย่างคลุ้มคลั่ง จากนั้นก็ถูกปราณภายในวิชาเก้าพิฆาตแดงฉานเผาไหม้จนกลายเป็นฝุ่นผง เหมือนแมงเม่าบินหากองไฟ
เส้นแสงในโคมไฟก็คอยวนเวียนอยู่รอบๆ พลางพุ่งใส่เขาเช่นกัน น่าเสียดายที่ถูกตาข่ายโลหิตของวิชาเก้าพิฆาตแดงฉานต้านไว้
“ได้โปรด…ปล่อย…อิงอิง…ฮึกๆ…” สตรีกางร่มดิ้นรนสักพักหนึ่ง ข่มกลั้นไม่ไหว ในที่สุดก็ร้องไห้ออกมา
“เสียงร้องไห้ของเจ้าเหมือนชื่อเจ้ามาก” ลู่เซิ่งยกนางขึ้นมาตรงหน้าตนอย่างสนใจ
เขาเขย่าเบาๆ สตรีกางร่มหยุดร้องไห้ เหมือนว่าเป็นเพราะติดอ่าง นางจำเป็นต้องหยุดสักพักถึงจะร้องไห้ต่อได้ จากนั้นลู่เซิ่งก็เขย่านางอีกเหมือนกับพบของน่าสนุก สตรีกางร่มถูกเขย่าอีกรอบ ก็สงบเงียบลงสักพัก
ทำซ้ำไปซ้ำมา ลู่เซิ่งหิ้วสตรีกางร่มเดินไปทั่วจัตุรัสแดง พลางเขย่านางไปด้วย
ร่างกายสูงเกือบห้าหมี่ของเขาเดินไปไม่กี่ก้าว ก็สั่นสะเทือนจวนทั้งจวนได้
คู่ต่อสู้ที่เคยสูสีกับเขาผู้นี้ ตอนนี้ไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน นางในมือของเขาตอนนี้ถูกจับเขย่าเหมือนกับกระดิ่งไปแล้ว
“ที่นี่มีสมบัติอะไรที่ข้าใช้ได้หรือไม่” ลู่เซิ่งเดินไปถึงหน้าประตูห้องนอนตรงกลางที่ใหญ่ที่สุดในจวน ยื่นมือกระชากประตูห้องออกอย่างง่ายดาย เหมือนกับฉีกกระดาษบนกำแพง
สตรีกางร่มถูกหิ้วห้อยหัว กะโปรงตกลง ใช้ร่มปิดส่วนล่างของตัวเองไว้ ถูกถามก็ไม่ส่งเสียงตอบ
เพราะเอาร่มออก ลู่เซิ่งยามนี้ค่อยสังเกตเห็นใบหน้าจริงๆ ของนางที่ในที่สุดก็เผยออกมา
นั่นเป็นใบหน้างดงามที่น่าเวทนา และแฝงความอ่อนแอเอาไว้ ทั้งซีดขาวเล็กน้อย ดูเหมือนอายุไม่เกินยี่สิบปี ใบหน้ารูปแตง ปากดั่งอิงเถา ตาแวววาว เหมือนกับพร้อมร้องไห้ตลอดเวลา
“อย่า…อย่ากินอิงอิง… ฮึกๆ…” พอตื่นเต้น สตรีกางร่มก็ติดอ่าง พูดจาไม่รู้เรื่องอีกครั้ง
“ข้าจะกินเจ้าทำไม” ลู่เซิ่งถามอย่างสงสัย
“ผู้คุมจัตุรัส…พี่สาวผู้คุมจัตุรัส…” นางร้องไห้ต่อ
ลู่เซิ่งเขย่า เสียงร้องพลันหยุดลง
“เดิมข้าไม่คิดจะมาจัตุรัสแดงเร็วแบบนี้ ใครใช้ให้เจ้าเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นเล่า”
ที่เขาปล่อยนางไว้โดยไม่ฆ่า เป็นเพราะต้องการตรวจสอบข้อมูล ขณะเดียวกันก็พิสูจน์ยืนยันการคาดเดาตอนที่ตนปิดด่าน ถึงอย่างไรพลังงานธาตุหยางที่น่ากลัวของวิชาเก้าพิฆาตแดงฉานก็เผาอีกฝ่ายตายได้ในพริบตาอยู่แล้ว หลังหยินหยางสมดุล ความเร็วของเขาก็เพิ่มขึ้นมา ไม่ได้งุ่มง่ามเท่าก่อนหน้า และไม่กลัวว่าอีกฝ่ายจะหลบหนีได้
……………………………………….