ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 247 ขั้นตอน (1)
บทที่ 247 ขั้นตอน (1)
‘มารปีศาจมีวัตถุที่มีพลังอาวรณ์ด้วยหรือ’ ลู่เซิ่งยื่นมือกวักออกไป แหวนพลันลอยเข้าหาฝ่ามือของเขาทันที
‘กลับไปค่อยดู ตอนนี้จัดการสถานที่ก่อน’ เขาเก็บแหวน เดินไปทางซ้ายก้าวหนึ่ง พริบตาเดียวร่างก็หายไปจากที่เดิม ตอนที่ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ก็ไปถึงด้านหลังรถที่ล้มอยู่บนพื้นแล้ว
ยื่นมือออกไปจับยกขึ้น
รถม้าที่ระเบิดเป็นสี่ห้าส่วน เผยให้เห็นคนคนหนึ่งที่ซ่อนอยู่ด้านใน
คนผู้นี้สะพายหอกคู่ สีหน้าขาวซีด กลิ้งบนพื้นอยู่หลายตลบ คิดจะยันร่างขึ้น กลับเป็นฟางถานที่หนีไปก่อนหน้านี้
เขาเดิมทีนึกว่าจะหนีได้ แต่คิดไม่ถึงว่าด้านนอกด้ายเงินจถูกกั้นเอาไว้ มีสิ่งของที่แข็งสุดเปรียบปานขวางทางไป ด้วยความจนปัญญาจึงได้แต่หารถม้าซ่อนตัว นึกไม่ถึงจะเห็นภาพเหตุการณ์นี้เข้า
“อย่า…อย่าฆ่าข้า!” ฟางถานที่มุมปากยังมีเลือดไหล ดิ้นรนพลางร้องตะโกน
ฉึก!
ลู่เซิ่งแทงฝ่ามือใส่ตาของเขา จากนั้นชักออกมา
ปราณมารมากมายไหลเข้าไป ฟางถานร่างแข็งทื่อ แล้วเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็ว
ฟู่…ไม่นานศพก็กลายเป็นผงสีดำ ถูกลมพัดกระจายไป หนำซ้ำยังเป็นผงสีดำที่ที่สมบูรณ์ยิ่งกว่าใช้วิชาเก้าพิฆาตแดงฉานเสียอีก
ลู่เซิ่งสัมผัสได้ว่ามีปราณมารที่บริสุทธิ์สายหนึ่งกลับคืนสู่ร่างตัวเอง
‘หือ นี่คืออะไร…’ บนคัมภีร์ไม่ได้บอกว่าคู่ต่อสู้ที่ใช้ปราณมารฆ่าจะตอบแทนปราณมารที่มากกว่าเดิม
ลักษณะพิเศษแบบนี้ ในคัมภีร์มีพูดถึงว่า นั่นเป็นแค่มารที่แท้จริงถึงจะมี
ลู่เซิ่งชะงักเล็กน้อย ตอนนี้ไม่ใช่เวลาคิดเรื่องนี้ เขาแหงนหน้ามองอีกทางหนึ่ง
“อย่านะ! อย่าฆ่าข้า! อย่า!” จ่านหงเซินกระโดดออกมาจากหลังรถขนสินค้า ใบหน้าน้อยๆ ขาวซีด
สิ่งที่ทำให้ลู่เซิ่งหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ก็คือ นางเดิมทีที่สวมกระโปรงสั้นสีขาว ตอนนี้ชายกระโปรงมีรอยเปียกขยายขึ้น
จ่านหงเซิงถึงกับปัสสาวะราด
เดิมทีที่เขาฆ่าฟางถาน เป็นเพราะอีกฝ่ายเห็นความลับของตนแล้ว ดังนั้นจึงฆ่าปิดปาก ป้องกันไม่ให้แพร่งพราย
ทว่าตอนนี้…มีผู้ชมอีกคนหนึ่งคือจ่านหงเซิง ยุ่งยากแล้ว…
จ่านหงเซิงสุดท้ายก็เป็นน้องสาวของจ่านข่งหนิง ลู่เซิ่งมีความประทับใจต่อจ่านข่งหนิงไม่เลว หนำซ้ำก่อนหน้านี้ตอนที่เขากำลังจะเจอกับปีศาจงูที่ปลอมตัวมา จ่านหงเซิงยังรีบมา และดูเหมือนคิดจะเตือนภัยเขาด้วย
ลู่เซิ่งมีประสาทสัมผัสเหนือคนธรรมดา การเคลื่อนไหวทั้งหมดรอบด้านต่างก็แจ่มชัด จึงทราบอย่างชัดเจน
เขาฆ่าคนมีหลักการของตัวเอง ไม่ใช่เข่นฆ่าตามอำเภอใจ
ครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วกวักมือไปทางจ่านหงเซิง
“เจ้ามานี่” เขากล่าวอย่างราบเรียบ
ดูเหมือนได้แต่ใช้ข่ายกระเรียนหยินอีกรอบแล้ว
ช่วงนี้ข่ายกระเรียนหยินคล้ายเกิดการเปลี่ยนแปลงไม่น้อย สามารถทดลองกับจ่านหงเซิงได้พอดี อย่างไรขอแค่ไม่ทำให้ตาย ก็นับว่าใช้คืนน้ำใจของจ่านข่งหนิงแล้ว
นอจากนั้นตอนนี้มีเยื่อดำอยู่ ต่อให้ความแตก ก็คงไม่เลวร้ายเท่าก่อนหน้า อย่างมากสุดบอกว่าซุกซ่อนพลังไว้ เพียงแต่จะทำให้ศัตรูรู้ไพ่ตาย ยุ่งยากอยู่บ้าง
…
ขบวนรถสำนักสวนปลอดโปร่ง
ลิ่วซานจื่อกับแม่เฒ่าชิงคงยืนเคียงไหล่กัน มองไปยังทิศทางของการระเบิด ศิษย์กลุ่มหนึ่งติดตามอยู่ด้านหลัง คนแทบทั้งหมดมองไปทิศทางนั้นเช่นกัน
ควันหนากว้างใหญ่ไม่นานก็ถูกดับ ยิ่งมายิ่งเล็กลง
“เกิดอะไรขึ้น” แม้ชื่อของแม่เฒ่าชิงคงจะมีคำว่าแม่เฒ่าอยู่ กระนั้นความจริงใบหน้านางไม่ต่างจากหญิงสูงศักดิ์อายุสี่สิบปี กระโปรงยาวเปิดไหล่สีเหลืองห่านลากพื้น เสื้อรัดลำตัวสีเหลืองห่านขับเอวกิ่วของนาง ผมสีดำไม่มีหงอกสักเส้น ใบหน้าไร้รอยย่น มีแค่รูปร่างหน้าตาที่ดูชราเล็กน้อย ทว่าก็มีบุคลิกที่อ่อนโยนน่าดึงดูดปกปิดไว้
“เพิ่งได้รับข่าวว่ามีคนลอบโจมตี หนำซ้ำยังใช้อาวุธศักดิ์สิทธิ์ คนระดับสามขั้นบนวิเคราะห์ได้แล้ว การลอบโจมตีเป็นไปอย่างรวดเร็วยิ่ง เวลาสั้นมาก ผู้อาวุโสระดับสามขั้นบนสองสามคนเดาว่าอาจใช้อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชนิดยืดเวลา” ลิ่วซานจื่อตอบเสียงทุ้ม
“ชนิดยืดเวลา…ที่เห็นได้บ่อยสุดน่าจะเป็นขวานต้านเวลาแล้ว” แม่เฒ่าชิงคงพยักหน้า
“ตระกูลขุนนางหลายตระกูลมีขวานต้านเวลา นี่แยกแยะได้ยากแล้ว” ลิ่วซานจื่อนิ่วหน้า
ระหว่างที่ทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่ ก็มีศิษย์หน้าใหม่มาถึง คือจ่านข่งหนิง จ่านหงเซิง รวมถึงลู่เซิ่งด้วย
“คำนับท่านอาจารย์”
ทั้งสามคำนับทั้งสองคน
“เหตุใดเพิ่งมาตอนนี้” ลิ่วซานจื่อมองเสื้อผ้าขาดๆ บนตัวลู่เซิ่ง
“เรียนอาจารย์ พวกเราเจอด้ายเงินขวางไว้กลางทาง ด้านหน้าเข้าออกไม่ได้ ภายหลังจึงได้อ้อมมา กลับนึกไม่ถึงจะเจอปัญหาอย่างอื่นอีก” ลู่เซิ่งตอบอย่างฉาดฉาน
จ่านหงเซิงเว้นเล็กน้อย แอบมองลู่เซิ่ง พลันตอบอย่างอ้ำๆ อึ้งๆ
“ข้าก็เหมือนกัน…แต่ว่าสุดท้ายยังดี ยังดีที่ได้พบศิษย์พี่…ศิษย์พี่ลู่” หลังจากปีศาจงูตนนั้นตาย ด้ายเงินก็หายไป กลายเป็นขบวนรถตามปกติในตอนแรก พวกเขาออกมาโดยไม่ต้องกลัว จ่านหงเซิงยังเปลี่ยนเป็นเสื้อคลุมและกระโปรงยาว เสื้อตัวที่เปียกปัสสาวะก่อนหน้านี้น่าขายหน้าเกินไป
“เมื่อครู่ได้ยินอาจารย์พูดถึงขวานต้านเวลาหรือ นั่นเป็นสิ่งใด” ลู่เซิ่งซักถาม
ลิ่วซานจื่อให้ความสำคัญและพึงพอใจในตัวลู่เซิ่งยิ่ง ย่อมตอบคำถามของเขาอย่างเต็มที่
“ฉวยโอกาสตอนคนในระดับสามขั้นบนจัดการปัญหา ข้าจะบรรยายผลของขวานต้านเวลาให้พวกเจ้าฟัง” เขาเรียกเหอเซียงจื่อมาฟังด้วย
ตอนนี้เริ่มมีศิษย์สำนักคนอื่นๆ ทยอยมาถึง ทว่าสำนักมารกำเนิดมีแค่สองคน นับว่ามากันครบถ้วนแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงว่าศิษย์ด้านนอกจะพานพบอันตราย
“ขวานต้านเวลาเป็นรูปแบบหนึ่งในอาวุธศักดิ์สิทธิ์ มีความสามารถสร้างอาณาเขตพิเศษที่คนธรรมดาแยกแยะไม่ได้ขึ้นมา เป็นภาพหลอนที่ต่อให้ข้ายืนอยู่หน้าเจ้า เจ้าก็รู้สึกว่าข้าอยู่ไกลยิ่ง
ผลของอาณาเขตนี้จะยืดเวลาให้ช้าลง โลกภายนอกผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ด้านในเพิ่งผ่านไปไม่กี่อึดใจ” ลิ่วซานจื่อบรรยายอย่างละเอียด
“มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์แบบนี้ด้วยหรือ” ลู่เซิ่งตกใจ “ถ้าอย่างนั้นหากใช้มันลงมือในสถานที่ที่คึกครื้นเล็กน้อย ก็ไม่มีใครสัมผัสได้หรือขอรับ ที่ว่าคนปกติสัมผัสไม่ได้นั้น รวมถึงตระกูลขุนนางด้วยหรือไม่”
ลิ่วซานจื่อกับแม่เฒ่าชิงคงหัวเราะ
“ย่อมไม่รวม ตระกูลขุนนางและสำนักที่มีวิชาลับพิเศษส่วนหนึ่งสามารถแยกแยะได้ว่าเป็นพลังของขวานต้านเวลา นอกจากนี้ผลของขวานต้านเวลาจะใช้ได้ครั้งละหนึ่งวัน ภายหลังต้องสะสมพลังงานอย่างน้อยหลายปี”
“มีข้อจำกัดมากมายขนาดนี้เชียว” ศิษย์สตรีคนหนึ่งของสำนักสวนปลอดโปร่งกล่าวเบาๆ
“มีมากมายจริงๆ แต่ว่าขวานต้านเวลาเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์สายสนับสนุน นับว่าเป็นประเภทที่ใช้งานจริงได้ดีมาก ถ้าไม่นับพลังของตัวเอง เพียงดูแค่ความสามารถพิเศษเท่านั้น” แม่เฒ่าชิงคงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“จริงด้วย ฟางถานเล่า” อยู่ๆ แม่เฒ่าชิงคงก็พบความผิดปกติ “หงเซิง ก่อนหน้านี้ฟางถานอยู่กับเจ้ามิใช่หรือ เหตุใดไม่เห็นเขามาด้วย”
จ่านหงเซิงตื่นตระหนก นางกลัวเรื่องนี้นี่เอง เกิดว่าคำโกหกก่อนหน้าถูกเปิดโปง อย่างนั้นเขา…
นางแอบมองลู่เซิ่ง ก้มหน้าสูดหายใจสองสามครั้ง ค่อยตอบว่า
“พี่ใหญ่ฟางกลับไปนานแล้ว ข้าไม่…ไม่เห็นเช่นกัน”
“งั้นหรือ” แม่เฒ่าชิงคงย่อมมองความไม่เป็นธรรมชาติของจ่านหงเซิงออก ไม่ใช่แค่นาง คนไม่น้อยก็มองความผิดปกติของจ่านหงเซิงออกเช่นกัน
“ไม่เป็นไรหรอก แค่บุรุษคนเดียว ภายหลังศิษย์พี่จะแนะนำให้เจ้าสักสองสามคน ด้วยความสามารถและหน้าตาของเสี่ยวหงเซิง ยังกลัวว่าจะไม่เจอคนดีๆ หรือ” ศิษย์สตรีของสำนักสวนปลอดโปร่งปลอบประโลม
นางพอพูดแบบนี้ คนที่อยู่รอบๆ พลันกระจ่างแจ้ง ดูท่าฟางถานจะทิ้งจ่านหงเซิงไปแล้ว
จ่านหงเซิงไม่ส่งเสียง คล้ายกับยอมรับกลายๆ เพียงแต่ว่านางอดเหลือบมองลู่เซิ่งตลอดเวลาไม่ได้ จึงทำให้คนเข้าใจผิด
ศิษย์สตรีจำนวนไม่น้อยของสำนักสวนปลอดโปร่งต่างเห็นเหตุการณ์นี้
จ่านขงหนิงถอนใจอย่างจนปัญญาอยู่บ้าง ถ้าน้องสาวตนสนใจในตัวสหายลู่เซิ่ง บางทีเขาอาจช่วยเป็นพ่อสื่อให้ได้ เพียงแต่…ทางด้านฟางถานจะต้องวางมือจริงๆ
เขากับฟางถานเป็นเพื่อนสนิทกัน เดิมไม่ยุ่งเรื่องความรัก เพียงแต่ในโอกาสครั้งหนึ่ง ฟางถานเห็นจ่านหงเซิงที่เข้าร่วมงานชุมนุม จึงค่อยสะท้านในความงาม ให้คนมาบอกจ่านข่งหนิงอ้อมๆ หลายครั้ง
จ่านหงเซิงคล้ายเทิดทูนฟางถานเช่นกัน ตอนนี้คนทั้งสองกำลังจะคบหากัน นึกไม่ถึงว่าอยู่ๆ จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ท่าทางของจ่านหงเซิงทำให้คนรอบๆ เข้าใจผิดอยู่บ้างว่า นางเหมือนมีใจให้ลู่เซิ่งแล้ว
เทียบกับบุคลิกมั่นอกมั่นใจ เย่อหยิ่งทะนงตนของฟางถานแล้ว คนส่วนใหญ่ของสำนักสวนปลอดโปร่งชมชอบลู่เซิ่งของสำนักมารกำเนิดมากกว่า
แม้ลู่เซิ่งจะไม่สนใจใคร แต่ก็ไม่ให้ความรู้สึกห่างเหินเหมือนอยู่สูงส่งแบบนั้น
หลังพบเรื่องนี้ ลิ่วซานจื่อกับแม่เฒ่าชิงคงแลกสายตากัน ต่างยิ้มอย่างคลุมเครือ พวกเขายินดีผลักดันหากศิษย์ทั้งสองจะคบหากัน
ทุกคนยืนอยู่ข้างรถม้าสักพัก การระเบิดทางด้านนั้นเหมือนค่อยๆ สงบลงแล้ว
“แย่แล้ว! ทางนี้เจอม้าตายหลายตัว ยังมีรถม้าระเบิดพลิกคว่ำ บนพื้นมีร่องรอยการต่อสู้ด้วย!” ศิษย์คนหนึ่งของสำนักสวนปลอดโปร่งตะโกนมาแต่ไกล
ลู่เซิ่งมองจ่านหงเซิงแวบหนึ่ง อีกฝ่ายไม่ส่งเสียง หลังแยกแยะเสียงตะโกนของศิษย์ที่รายงานข่าว เขาก็คาดเดาทิศทางได้ว่าน่าจะเป็นร่องรอยที่เหลือจากการต่อสู้ระหว่างเขากับปีศาจงูเมื่อก่อนหน้าถูกพบแล้ว
“อาจารย์ จะไปดูหรือไม่” เขาเป็นฝ่ายถามเอง
“ไปดูก็ดีเหมือนกัน!” ลิ่วซานจื่อกล่าวอย่างเคร่งขรึม ก่อนหน้านี้นึกว่ามีแค่ทิศทางการระเบิดที่ถูกลอบจู่โจม ดูเหมือนศัตรูในที่ซ่อนจะเคลื่อนไหวใหญ่โตมาก
ทุกคนรีบไปดูสถานที่ที่ลู่เซิ่งต่อสู้เมื่อก่อนหน้า
สภาพเละเทะ อย่างน้อยมีรถม้าสิบกว่าคันถูกทำลายอย่างไร้สุ้มเสียง วัวและม้าเทียมรถส่วนใหญ่ตายเพราะเลือดออกจากเจ็ดทวาร พอตรวจสอบก็ค่อยรู้ว่าถูกพละกำลังอันมหาศาลกระแทกตายทั้งเป็น บนพื้นมีหลุมและร่องไม่น้อยเหลืออยู่
หลังตรวจสอบคร่าวๆ ลิ่วซานจื่อก็ให้ทุกคนหยุดนิ่งอย่าเคลื่อนไหว รอผู้ตรวจสอบระดับสามขั้นบนมาก่อนค่อยว่ากัน
ราวชั่วเวลาน้ำชาถ้วยหนึ่ง บุรุษสตรีสวมอาภรณ์สีขาว ใส่หมวกทรงกลมสีขาวกลุ่มหนึ่งก็เร่งฝีเท้าเข้ามาใกล้
คนนำกลุ่มซักถามแม่เฒ่าชิงคงกับลิ่วซานจื่อสองสามประโยค แล้วเริ่มตรวจสอบร่องรอยที่เหลืออยู่ในบริเวณ
“เป็นร่องรอยของขวานต้านเวลาเหมือนกัน เพียงแต่มีผลพิเศษเหลืออยู่ ไม่มีร่องรอยของตัวขวานต้านเวลา” คนสวมอาภรณ์ขาวที่เป็นหัวหน้าอธิบายสองสามประโยค จากนั้นก็บอกให้เจ้าสำนักที่เหลือรีบพาคนเดินทางออกจากที่นี่ดีกว่า ภายหลังก็รีบจากไป
ลิ่วซานจื่อ แม่เฒ่าชิงคง ยังมีเจ้าสำนักหยกกังวานปรึกษากัน ตัดสินใจออกเดินทางต่อ แยกตัวจากกลุ่มใหญ่ทันที
พวกเขาคิดว่าการโจมตีในครั้งนี้หลักๆ เล็งไปที่สำนักระดับสามขั้นบนและสามขั้นกลาง คู่ต่อสู้ระดับนี้ไม่ใช่คนที่พวกเขาสำนักระดับสามขั้นล่างจะหาเรื่องไหว
หนำซ้ำภายหลังยังได้ยินข่าวว่า สำนักร้อยหลอมเกิดความโกลาหล มีรังสีของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งสุดขีด เหลืออยู่
ก่อนจะไป ลู่เซิ่งขอไปดูร่องรอยที่อาวุธศักดิ์สิทธิ์เหลือไว้ เขาสงสัยมากว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่สมบูรณ์อย่างแท้จริงจะแข็งแกร่งขนาดไหน แม้ว่าขวานต้านเวลานี้จะเป็นแค่อาวุธศักดิ์สิทธิ์สายสนับสนุนก็ตาม
ลิ่วซานจื่อลังเลเล็กน้อย ก่อนจะตอบตกลง
เพราะจุดที่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ทิ้งร่องรอยไว้มีคนที่แข็งแกร่งที่สุดแทบทุกคนในขบวนรวมตัวกัน คงจะไม่เกิดเรื่องอะไร
……………………………………….