CatNovel
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 270 มหันตภัย (6)

  1. Home
  2. ยอดวิถีแห่งปีศาจ
  3. บทที่ 270 มหันตภัย (6)
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

บทที่ 270 มหันตภัย (6)

กลับเป็นซั่งหยางหลิงฮุ่ยที่เข้าร่วมในเวลาเดียวกันผู้นี้ ตอนแรกทำให้คนตกตะลึงเล็กน้อยกับรูปโฉมภายนอก ทว่าสถานะตระกูลซั่งหยางของนาง รวมถึงท่าทีไม่ขยันฝึกฝนของเด็กสาวในตอนนี้ ล้วนทำให้นางค่อยๆ โดดเดี่ยว ไม่มีคนยินยอมจะคบหาด้วย

ซั่งหยางหลิงฮุ่ยก็ยินดีที่เป็นแบบนี้ นางไม่ได้คิดจะหลอมรวมเข้ากับสำนักมารกำเนิดอยู่แล้ว เป้าหมายมีแค่ตามเกี้ยวพาราสีลู่เซิ่ง ส่วนการฝึกฝนวิชาลับ ขนาดตระกูลซั่งหยางมีสิ่งที่เหมาะสมกับนางมากกว่าที่นี่ นางยังคร้านจะฝึกเพิ่ม ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงสำนักมารกำเนิด

ตอนนี้นางสวมกระโปรงตัวเล็กสีชมพู ใช้ผ้าคลุมไหล่ผืนเล็กคลุมหน้าอกสีขาว เห็นใบหูสีขาวหยกที่เหมือนกับจันทร์เสี้ยวได้ลางๆ ระหว่างผมที่ยาวของนาง

กระโปรงเล็กสีชมพูแหวกไปจนถึงน่องขาเหมือนกับกี่เพ้า ส่วนขาปรากฏให้เห็นวับแวม

“ศิษย์พี่ลู่” ซั่งหยางหลิงฮุ่ยเข้ามาใกล้อย่างหยาดเหยิ้มพลางทักทาย

“มีธุระหรือ”

“ช่วงนี้มีปัญหาด้านการฝึกฝนส่วนหนึ่งอยากจะขอให้ท่านช่วยชี้แนะ…” ซั่งหยางหลิงฮุ่ยกล่าวเสียงแผ่ว

“ถ้าเป็นการฝึกฝนไปหาศิษย์พี่เหอเซียงจื่อก็ได้ ข้ายังไม่มีเวลา” ลู่เซิ่งบอกปัดอย่างไม่นำพา

“ทำไมศิษย์พี่ลู่ต้องกีดกันกันขนาดนี้ด้วย ท่านสมควรทราบถึงความคิดของพี่จิ่วหลี่นี่” ซั่งหยางหลิงฮุ่ยกระซิบเตือน “หลิงฮุ่ยจากตระกูลมาเข้าร่วมสำนักมารกำเนิดเพื่ออะไร หรือว่าศิษย์พี่ลู่จะไม่รู้จริงๆ”

นี่เป็นจุดที่ลู่เซิ่งปวดหัว ซั่งหยางจิ่วหลี่อยากผูกสัมพันธ์กับเขาเพิ่มอีกขั้น แต่ความคิดของเขามาจากสังคมปัจจุบัน จึงไม่มีความคิดจะหาสามภรรยาสี่อนุอะไร

ตอนนี้ซั่งหยางหลิงฮุ่ยเข้าร่วมสำนักมารกำเนิดมาหลายวันแล้ว และพบว่าลู่เซิ่งไม่ได้สนใจนาง จิตใจจึงร้อนรนอยู่บ้าง เลยต้องมาเผชิญหน้าด้วยตัวเอง

“เอาแบบนี้ก็แล้วกัน ข้าทราบความตั้งใจของใต้เท้าจิ่วหลี่ แต่ว่าความรักจำเป็นต้องใช้เวลาบ่มเพาะ จะให้สำเร็จในทีเดียวเลยคงไม่ได้ใช่หรือไม่” ลู่เซิ่งตัดสินใจถ่วงเวลา

คนอย่างซั่งหยางหลิงฮุ่ยเพียงมองดูก็รู้ว่าไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา เปลือกนอกอ่อนแอน่าทะนุถนอม ความจริงให้ความสำคัญกับผลประโยชน์อย่างแน่วแน่ ถ้าหากแต่งนางเข้าบ้านจริงๆ เกรงว่าต่อจากนี้เฉินอวิ๋นซีจะลำบาก

“ข้าตกหลุมรักพี่เซิ่งตั้งแต่แรกเห็น ท่านอยากทำอะไรกับข้าก็ได้ทั้งนั้น!” ซั่งหยางหลิงฮุ่ยร้อนใจบ้างแล้ว พูดเผยสันดานของตัวเองทันที

ลู่เซิ่งมองเห็นความเหลวแหลกและความยังไงก็ได้ในนิสัยของเก้าตระกูลจงหยวนจากโครงสร้างอย่างศาลาแดงและศาลากล้วยไม้ของตระกูลซั่งหยางแล้ว พวกเขาใช้ทุกวิธีการเพื่อสืบพันธุ์

เด็กสาวอย่างซั่งหยางหลิงฮุ่ยชิงโอกาสได้ใกล้ชิดกับอัจฉริยะนอกตระกูลอย่างเขาได้ เห็นได้ว่าจ่ายค่าตอบแทนไปขนาดไหน

ซั่งหยางหลิงฮุ่ยไม่มีเบื้องหลัง อีกทั้งครอบครัวก็ไม่มีใครอยู่ในตำแหน่งสูง นอกจากรูปโฉมงดงามแล้ว ก็ไม่มีอะไรเลย ที่แย่งชิงตำแหน่งนี้ได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีความลับ

“พอแล้ว ข้ายังมีธุระ ขอตัวไปก่อน” ลู่เซิ่งคร้านจะมากพิธีกับอีกฝ่าย ที่เก็บนางไว้ก็เพื่อทำให้ซั่งหยางจิ่วหลี่สบายใจเท่านั้น

เขาไม่สนใจเสียงตะโกนเรียกของหลิงฮุ่ยจากทางด้านหลัง เดินออกจากโถงศึกษา แล้วมุ่งหน้าไปยังที่พักของตัวเอง ตอนขึ้นบันใดก็เจอกับอิงอิงสตรีกางร่มที่เดินมาได้ครึ่งทางพอดี

“นั่นมันสายเลือดตระกูลซั่งหยางเชียวนะ เจ้ายังข่มใจปฏิเสธได้อีกหรือ บุรุษไม่สมควรจัดการก่อนค่อยว่ากันหรอกหรือ” ร่างของสตรีกางร่มเติบโตถึงอายุสิบเจ็ดสิบแปดปี แสดงให้เห็นว่าพลังฝึกปรือฟื้นฟูมาเกือบหมดแล้ว และคนที่ใช้น้ำเสียงแบบนี้คุยกับลู่เซิ่งก็มีแต่หงฟางไป๋

“ที่เจ้าพูดนั่นมันสุกร ไม่ใช่บุรุษ” ลู่เซิ่งกวาดตามองนาง “ว่ามา มีอะไร”

“ข้าอยากจะถามว่าเมื่อไหร่จะปลดข่ายกระเรียนหยินให้ข้า” สตรีกางร่มถามเสียงทุ้ม

“ทำไมต้องปลด ดีออกไม่ใช่หรือ ยังช่วยเจ้าเร่งความเร็วการฟื้นฟูร่างกายได้ด้วย” ลู่เซิ่งประหลาดใจ

“เจ้า!” หงฟางไป๋พลันโมโห “ข้าใช้สมบัติอย่างอื่นแลกเปลี่ยนได้!” นางข่มความโกรธไว้ ข่ายกระเรียนหยินชั่วร้ายและล้ำลึกกว่าเดิม หลังจากลู่เซิ่งได้รับผลกระทบเพราะปราณมารกำเนิด

ตอนนี้เหมือนกับหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับนางแล้ว ขอแค่มีความจำเป็น ลู่เซิ่งสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวทั้งหมดของอิงอิงสตรีกางร่มได้

“ข้าไม่ต้องการสมบัติ เจ้าตั้งใจฝึกฝนก็พอ ขอแค่เจ้ามีพลังฝึกปรือเหนือข้าเมื่อไหร่ ข่ายกระเรียนหยินย่อมปลดออกเอง” ลู่เซิ่งเตือน

“เหนือกว่าเจ้าหรือ ดีมาก เจ้ารอเลย! ไม่ช้าก็เร็ว ข้าต้องฆ่าเจ้า!” หงฟางไป๋ผละออกจากถ้ำของตัวเองไปอย่างโมโหโทโส

ลู่เซิ่งส่ายหน้า ก่อนเดินไปถึงหน้าผาหินชั้นบนสุด ตอนที่เพิ่งขึ้นมาก็เห็นเงาร่างแช่มช้อยที่คุ้นเคยกำลังยืนเงียบๆ อยู่หน้าถ้ำของตน

เพ่งมองอย่างละเอียด เขาก็จำอีกฝ่ายได้ทันที

“จ่านหงเซิงใช่หรือไม่”

จ่านหงเซิงได้ยินก็หันมา พลันแสดงสีหน้ายินดี

“ศิษย์พี่ลู่!”

นางรีบเข้ามาก้มหน้าทักทายอย่างนอบน้อย ในดวงตาฉายแววประหม่าและยำเกรงอย่างชัดเจน

“มาหาข้ามีธุระอะไร” ลู่เซิ่งถามอย่างประหลาดใจ ตามเหตุผลเขากับจ่างหงเซิงไม่มีการคบหากัน จุดร่วมเพียงหนึ่งเดียวคือนางคนนี้เห็นเขาฆ่าปีศาจงูสองตัวในระหว่างทางกลับจากงานชุมนุมเมื่อครั้งก่อน

“พูดตรงนี้ ไม่ได้…” จ่างหงเซินกล่าวเบาๆ สีหน้าห่อเหี่ยวอยู่บ้าง

ตอนนี้นางจนปัญญาจริงๆ พี่ชายก็ช่วยนางไม่ได้ นางเป็นคนก่อเรื่องนี้ขึ้น ได้แต่คิดหาวิธีเอง แต่ว่าศิษย์สตรีในสำนักที่มีพลังฝึกปรือต่ำอย่างนางจะมีความสามารถขนาดไหน

หลังใคร่ครวญด้วยความจนปัญญา นางได้แต่แสวงโชคไปทั่ว แล้วค่อยมาหาลู่เซิ่งที่สำนักมารกำเนิด หลังจากขอความช่วยเหลือไปทั่วแต่ไร้หนทาง

“เข้ามาเถอะ” ลู่เซิ่งเปิดถ้ำให้จ่านหงเซิงเข้ามา แล้วปิดประตู ทั้งสองนั่งลงข้างโต๊ะ

“บอกมาเถอะว่ามีเรื่องอะไร เจ้าควรรู้ว่าครั้งก่อนที่ข้าปล่อยเจ้าไป ก็ถือว่าปรานีเป็นพิเศษแล้ว” ในเมื่อไม่มีคน ลู่เซิ่งก็ไม่เกรงใจอีก กล่าวออกไปตรงๆ

“ข้า…ข้ารู้…” จ่านหงเซิงก้มหน้างุดจนคางเกือบชนอก หน้าอกนางใหญ่มาก เทียบกับเอวคอดกิ่วแล้วให้ความรู้สึกอวบอิ่มจนแทบแบกไว้ไม่ไหว

“เพียงแต่…เพียงแต่ข้า…” จ่านหงเซิงก้มหน้าอย่างจนปัญญา น้ำตาไหลพราก แล้วตกลงบนโต๊ะในทันที “ข้าหมดปัญญาแล้วจริงๆ…”

“เพราะอะไรกันแน่ เจ้าว่ามาดูก่อน” ลู่เซิ่งกล่าวอย่างหงุดหงิดบ้างแล้ว ถ้าไม่ใช่เห็นแก่ที่จ่านข่งหนิงมีความสัมพันธ์กับเขาไม่เลว เขาก็คร้านจะสนใจเรื่องของเด็กสาวผู้นี้

พอถูกกระตุ้น ในที่สุดจ่านหงเซิงก็บอกเจตนาการมา

ที่แท้ นางได้มุ่งหน้าไปยังป่าลับอันเป็นสถานที่ต้องห้ามเพื่อเลื่อนระดับขอบเขตโดยไม่ฟังคำเตือน

ทว่านางไม่มีสิทธิ์เข้าสถานที่ต้องห้ามเนื่องจากพลังฝึกปรือยังต่ำ ดังนั้นจึงลอบขโมยป้ายคำสั่งของจ่านข่งหนิงผู้เป็นพี่ชาย ไปเปิดสถานที่ต้องห้าม ผลคือนางได้ของดีๆ จากป่าลับมาไม่น้อยจริงๆ แถมพลังฝึกปรือก็เลื่อนระดับแล้วเช่นกัน แต่ว่ามีของบางอย่างเริ่มงอกขึ้นมาบนร่างนางโดยที่อธิบายไม่ได้

“งอกบนร่างหรือ” ลู่เซิ่งงุนงง

“อื้อ ข้าแอบตรวจสอบข้อมูลมาแล้ว อวัยวะภายในกลายพันธุ์เพราะถูกควันพิษชนิดหนึ่งโจมตี จึงปรากฏความผิดปกติจากด้านในสู่ด้านนอก” จ่านหงเซิงตอบเสียงแผ่ว “นอกจากผู้นำกับเจ้าสำนัก ก็ไม่มีใครเข้าไปในป่าลับได้อีก ข้าฝ่าฝืนคำสั่งไปยังพอว่า ครั้งนี้ยังเกิดเรื่องอีก ถ้าหากความแตก พี่ข้าจะต้องรับคำตำหนิ เกรงว่าอาจจะรักษาตำแหน่งผู้นำไม่ได้…”

“อย่างนั้นข้าก็ช่วยเจ้าไม่ได้เหมือนกัน” ลู่เซิ่งส่ายหน้า “ผลลัพธ์ที่ทำเองก็ต้องรับผิดชอบเอง”

“แต่ว่า…แต่ว่า…” จ่านหงเซิงอารมณ์พลุ่งพล่านขึ้นบ้างแล้ว “ท่านดูก็จะรู้เอง!” ในที่สุดความน้อยเนื้อต่ำใจของนางก็กลายเป็นความวู่วาม พลันลุกขึ้นยืน แล้วถลกกระโปรงสั้นขึ้นด้านบน

หางสั้นๆ สีดำที่เต็มไปด้วยหนามปรากฏออกมาด้านหลังสองขาเรียวยาวขาวผ่อง

สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เกล็ดบนหางนี้เหมือนกับเกล็ดในตอนที่ลู่เซิ่งคืนร่างเดิมไม่ผิดเพี้ยน!

ครั้งนี้ลู่เซิ่งสับสนบ้างแล้ว

ใบหน้าของจ่านหงเซิงฉายความอับอาย นางใช้มือข้างหนึ่งปิดจุดซ่อนเร้นระหว่างสองขาของตน หางขนาดเล็กสีดำด้านหลังสะโพกเหมือนกับกระบอง ส่ายไปมาน้อยๆ ถึงกับสามารถควบคุมให้เคลื่อนไหวได้

“ไม่ใช่แค่ตรงนี้ ยังมี…ตรงนี้ด้วย” นางใช้มืออีกข้างเลิกเสื้อตรงหน้าอกออก แล้วดันหน้าอกลงเล็กน้อยจนเห็นร่องลึก และของแข็งที่เหมือนก้อนหินสีฟ้าก้อนหนึ่งก็งอกอยู่ตรงกลางร่อง

“หลังจากข้าเข้าสถานที่ต้องห้าม และพลังฝึกปรือยกระดับขึ้น ก็ปรากฏความผิดปกติแบบนี้…ข้าไม่รู้ควรทำอย่างไรจริงๆ อยู่ๆ วันหนึ่งก็นึกถึงสภาพในตอนนั้น…ของศิษย์พี่ลู่…” จ่านหงเซิงกระซิบอย่างจนปัญญา

“…”

ลู่เซิ่งก็หมดคำพูดเช่นกัน เขานึกถึงสวีชุยกับนิ่งซานที่ร่างกายค่อยๆ ปรากฏความเปลี่ยนแปลงประหลาดส่วนหนึ่งพร้อมกับการยกระดับของพลังฝึกปรือหลังจากปลูกถ่ายข่ายกระเรียนหยินขึ้นมา

เขาโคจรข่ายกระเรียนหยินเล็กน้อย แล้วรู้สึกได้ทันทีว่าในร่างกายของจ่านหงเซิงที่อยู่ตรงหน้า มีข่ายกระเรียนหยินที่คุ้นเคยและสมบูรณ์ถึงขีดสุดขานรับตนเอง

เขาควบคุมให้จ่านหงเซิงทำเรื่องต่างๆ ได้ตลอดเวลา ไม่ว่านางจะยินยอมหรือไม่ นี่ก็คืออานุภาพของข่ายกระเรียนหยิน

ความจริงพอมาถึงขั้นประสานรวมนี้ ต่อให้เป็นลู่เซิ่งก็ปลดข่ายกระเรียนหยินที่ประสานรวมอย่างล้ำลึกเกินไปไม่ได้อีกแล้ว

สิ่งนี้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับกายเนื้อของอีกฝ่ายแล้ว นอกเสียจากคว้านเนื้อมากกว่าแปดส่วนบนร่างออกมา ไม่อย่างนั้นก็แก้ไม่ได้

หนำซ้ำเนื้อแปดส่วนนี้ยังรวมอวัยวะภายในที่สำคัญๆ และแก่นการฝึกฝนด้วย

“ความจริง…พอมาถึงระดับนี้ ข้าก็ไม่มีวิธีขจัดข่ายกระเรียนหยินในตัวเจ้าแล้ว มันหลอมรวมกับเจ้าโดยสมบูรณ์ การกลายพันธุ์ของร่างเจ้าเกิดขึ้นเพราะข่ายกระเรียนหยิน” ลู่เซิ่งอธิบายอย่างสงบ

“หา!” จ่านหงเซิงดึงเสื้อลง พอได้ยินดังนั้นก็ร้องอุทาน

“แน่นอนว่าต่อให้ข้าไม่ทำให้มันกลับคืนมาก็ไม่เป็นอะไร การกลายพันธุ์นี้ความจริงสามารถควบคุมและทำให้คืนกลับมาได้ ข้าสามารถถ่ายทอดวิชาพิเศษคล้ายๆ การหดกระดูกย้ายตำแหน่งเพื่อฟื้นฟูส่วนที่กลายพันธุ์สู่สภาพในตอนแรกให้แก่เจ้าได้” ลู่เซิ่งกล่าวต่อ

ในเมื่อรู้แล้วว่าเป็นปัญหาของเขา อย่างนั้นก็แก้ได้ง่าย แค่ยึดถือวิธีการส่วนหนึ่งของสภาพหยินโชติช่วงเป็นวิชาลับ แล้วถ่ายทอดให้จ่านหงเซิงก็พอ

“ขอบคุณศิษย์พี่ลู่…” จ่านหงเซิงได้ยินสีหน้าก็เปลี่ยนแปลง สุดท้ายก็ก้มหน้ากล่าวขอบคุณอย่างจริงใจ “แต่ข้าอยากจะกลับคืนสภาพตอนนี้เลย ศิษย์พี่ลู่ช่วยข้าได้หรือไม่”

สีหน้าลู่เซิ่งแปลกใจขึ้นมา

การคืนสภาพการกลายพันธุ์แบบนี้ย่อมทำโดยไม่สัมผัสไม่ได้ ต้องแตะผิว แต่ตำแหน่งของจ่านหงเซิง อ่อนไหวต่อความรู้สึกถึงขีดสุด

ที่หนึ่งอยู่ตรงจุดซ่อนเร้น อีกจุดอยู่กลางทรวงอก ถ้าหากเขาแตะจุดสองจุดนี้จริงๆ…

เขาหลับตาไต่ตรอง

“ได้”

จ่านหงเซิงก็กล่าวโดยไม่คิดอะไร พอพูดออกมาก็รู้สึกไม่เหมาะสม ตอนนี้ได้ยินลู่เซิ่งตอบรับ นางก็งุนงงเล็กน้อย

ทันใดนั้น นางก็เห็นลู่เซิ่งยื่นมือไปจับโต๊ะข้างๆ เสียงแกร๊กดังขึ้นเมื่อขาโต๊ะถูกเขาหักไปขาหนึ่ง

“ยังหาเครื่องมือดีๆ ไม่ได้ชั่วคราว ใช้อันนี้ไปก่อนก็แล้วกัน เจ้าทนหน่อย” ลู่เซิ่งกล่าวอย่างเรียบเฉยขณะกำขาโต๊ะไว้

จ่านหงเซิงจ้องมองขาโต๊ะขนาดใหญ่เท่าแขน อดกลืนน้ำลายดังเอื๊อกไม่ได้ รู้สึกขนลุกอยู่บ้าง……………………………………….

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "บทที่ 270 มหันตภัย (6)"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์