ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 284 การทำลายล้างที่ถูกกำหนดไว้แล้ว (14)
บทที่ 284 การทำลายล้างที่ถูกกำหนดไว้แล้ว (14)
‘หิว…’
‘คอแห้ง…’
ถ้าหากเวลานี้มีกระจกอยู่หน้าลู่เซิ่ง เขาจะเห็นว่าดวงตาตัวเองกำลังยิงแสงสีเขียวที่กระจ่างชัดออกมาอยู่
ในแสงเต็มไปด้วยความหิวกระหายและความละโมบ
เขาหิวเกินไป หิวจนตาลาย เซลล์ทั่วร่างเหมือนกับกำลังคำราม พลางส่งสัญญาณขอปราณมารและสารอาหารให้เขาอย่างบ้าคลั่ง
ไม่ว่าจะเป็นการเลื่อนสู่ระดับเจ้าแห่งมาร หรือการพัฒนากายเนื้อใหม่ ต่างจำเป็นต้องใช้พลังงานปริมาณมาก และแหล่งที่มาของพลังงานก็มีแค่อาหาร
ก่อนหน้านี้กับข้าวมื้อหนึ่งลู่เซิ่งต้องกินเท่าคนสิบกว่าคน ถึงตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเองสามารถกลืนช้างได้ทั้งตัว
ตึง!
เขาก้าวเท้าออกไปก้าวหนึ่ง กลับไม่รู้โดยสิ้นเชิงว่าร่างตัวเองขยายใหญ่ขึ้น กลับสู่ร่างเดิมแล้ว
ฟึ่บ!
ปีกเนื้อหยาบใหญ่คู่หนึ่งงอกออกมาบนหลังเขา บนปีกมีดวงตาขนาดเท่ากำปั้น กำลังกลอกกลิ้งไปทั่ว
สายตาของดวงตาชั่วร้ายและบ้าคลั่ง มีความปรารถนาในอาหารอย่างแรงกล้าที่สุด
ลู่เซิ่งเดินไปถึงหน้าแท่นบูชาโดยกลับคืนสู่ร่างเดิมโดยสมบูรณ์ ร่างสูงสามหมี่ เขาสี่ข้างโค้งไปด้านหลัง ดวงตาเปล่งประกายสีเขียวมรกต ท่อนร่างมหึมาและบวมพอง หางยักษ์ปัดป่ายไปมาด้านหลัง
ตูม!
เขาใช้เท้าถีบใส่แท่นบูชาจนแหลก ปรากฏประตูไม้ที่มีควันสีดำกระจายอยู่
ประตูสูงเท่าคนหนึ่งคน กว้างสองหมี่ ร่างของเขาไม่สามารถผ่านไปได้
กระนั้นตอนนี้ในหัวลู่เซิ่งมีแต่ความหิวกระหาย สติที่เหลืออยู่เพียงเล็กน้อยจะใช้ก็ต่อเมื่อประสบภัยคุกคาม
เขายื่นมือไปจับที่จับประตูไม้ แล้วผลักอย่างแรง
ตูม!
ประตูไม้ระเบิดแหลกในพริบตา
สัตว์ประหลาดสีแดงที่มีหางเป็นตะขาบและตัวเป็นแพะพุ่งออกมาจากประตูไม้พร้อมกับร่างที่กำลังลุกไหม้
“ฮ่าๆๆ! ในที่สุด! สามร้อยปีแล้ว! ข้าไอ้เปิ่นฮาเกิน ตี๋ม่อ ในที่สุด…หา…” มารร้ายตนนี้กำลังเงยหน้าหัวเราะลั่น พลันหันมาเห็นลู่เซิ่งที่มีขนาดร่างมหึมากำลังมองเขาด้วยน้ำลายที่ไหลย้อย
เขาสูงแค่เท่าคนหนึ่งคน ต่อหน้าลู่เซิ่งเหมือนผู้ใหญ่กับเด็ก
ฟิ้ว!
กรงเล็บสีดำพุ่งลงมาพร้อมเสียงกึกก้อง ควันสีดำที่บิดเบี้ยวนับไม่ถ้วนระเบิดออก ปกคลุมที่ว่างทุกทางที่สามารถหนีได้
มารร้ายร่างแพะหางตะขาบตื่นตระหนก อ้าปากคิดร้องขอชีวิต แต่สายไปแล้ว เขาแพะที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาภาคภูมิใจ ถูกกรงเล็บของอีกฝ่ายทุบแหลกเหมือนเต้าหู้ จากนั้นทั้งร่างก็ถูกจับบีบเป็นก้อน
ลู่เซิ่งถูมือเข้าด้วยกัน แล้วบิดอย่างแรง บีบมารร้ายกลายเป็นก้อนเลือดก้อนหนึ่ง เลือดสีแดงอมดำไหลซึมออกมาจากร่องนิ้ว
เขาอ้าปาก ปากที่เดิมมีขนาดเท่าคนทั่วไปแยกออก แล้วใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนมีขนาดหนึ่งหมี่ ฟันเป็นชั้นๆ ด้านในเปล่งประกายเย็นเยียบเหมือนกับเครื่องบดเนื้อ
กร๊วม!
คำเดียว
เข้ายัดก้อนเลือดเนื้อเข้าปาก เคี้ยวสองสามครั้งค่อยกลืนลงไป
โครกคราก
ในท้องลู่เซิ่งเกิดเสียงดังเบาๆ ตอนแรกป่องเป็นก้อนใหญ่ แต่ไม่นานก็ฟีบลงด้วยความเร็วที่ตาเนื้อมองเห็นได้
เขายื่นสองมือออกไปจับขอบประตูไม้ แล้วฉีกออกอย่างรุนแรง
ตูม!
ประตูไม้กับพื้นที่อยู่รอบๆ ถูกเขาดึงออกมาพร้อมกัน
จากนั้นลู่เซิ่งค่อยกระโดดเข้าไปในหลุมมืดด้านล่าง
ผนึกในชั้นต่อไปยังคงเป็นถ้ำเหมือนเดิม เพียงแต่ที่นี่ต่างจากชั้นบน อากาศของที่นี่เย็นยะเยือกสุดขีด พื้นและผนังมีน้ำแข็งเกาะตัวเป็นชั้นๆ น้ำแข็งย้อยสีขาวราวหิมะจำนวนนับไม่ถ้วนเกาะเต็มยอดถ้ำ
เสียงตูมดังขึ้นเมื่อร่วงลงพื้น เห็นได้ชัดว่าร่างของลู่เซิ่งใหญ่ขึ้นเล็กน้อย เขากระพือปีกด้านหลังสองสามครั้ง สิ่งนี้ไม่ได้เอาไว้ใช้บิน แต่เอาไว้ล่าเหยื่อ
ปีกเนื้อที่วิวัฒนาการขึ้นมาในสภาพหิวกระหายสูงสุดคู่นี้งอกกรงเล็บเล็กๆ ขึ้นที่ส่วนปลาย เพื่อเอาไว้ใช้ล่าเยื่อโดยเฉพาะ ส่วนดวงตาคู่นั้น ขอแค่เป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกมันจับจ้อง ก็จะได้รับการจู่โจมจากสนามพลังจิตที่ชั่วร้ายและโกลาหล
นี่เป็นความสามารถดั้งเดิมของอสรพิษริษยาซึ่งเป็นมารหยิน แต่หลังจากปราณมารที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงทางคุณสมบัติแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่า ก็กลายเป็นความสามารถพิเศษที่เหมือนกับพรสวรรค์ไป
จับจ้องอย่างมุ่งร้าย ทำให้เหยื่อตัวแข็ง จากนั้นค่อยๆ เข้าใกล้ ใช้กรงเล็บฉีกทึ้ง ยัดเข้าไปเคี้ยวในปาก แล้วกลืนลงคอ
นี่เป็นกายเนื้อระดับราชามารที่วิวัฒนาการออกมา
ลู่เซิ่งเดินวนในถ้ำชั้นนี้ทีละก้าวๆ เห็นได้ชัดว่ารอบๆ มีกลิ่นอายของสิ่งมีชีวิตไม่น้อย แต่ไม่มีสิ่งใดกล้าเข้าใกล้เขา
มารร้ายร่างแพะหางตะขาบที่พุ่งออกไปเป็นตนแรกเมื่อครู่ นับเป็นผู้เข้มแข็งในหมู่พวกเขา แต่พริบตาเดียวก็ถูกลู่เซิ่งบดขยี้แหลก แล้วยัดเข้าปากไป
ครั้งนี้สะกดมารทั้งหมดในถ้ำผนึกชั้นนี้ได้แล้ว พวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญา ด้านในนี้ยังมีองครักษ์ที่ถูกปนเปื้อนอีกมากมาย
ทว่าไม่มีสักตนที่กล้าเข้าไปขัดขวางลู่เซิ่ง
“อาหาร…อาหาร…” ลู่เซิ่งหิวจนตาลาย สัมผัสกลิ่นอายที่แข็งแกร่งที่สุดจากรอบๆ
อาหารทั่วไปไม่อาจถมความหิวโหยอย่างรุนแรงของเขาได้
ไม่นาน มารอ้วนตนหนึ่งที่ซ่อนอยู่ก็ปรากฏในสัมผัสของเขา
ท้องอันบวมหนาของมารอ้วนตนนี้เป็นองค์ประกอบของพลังงานระดับสูงคล้ายไขมัน กระดูกบนร่างแข็งสุดเปรียบปาน เป็นกระดูกที่รวมตัวกันในระดับสูงซึ่งยากจะย่อยสลาย ทั้งยังแฝงความร้อนที่สูงถึงขีดสุด
ลู่เซิ่งลังเลเล็กน้อย แล้วค่อยๆ ก้าวไปหามารอ้วนตนนั้น
ฟึ่บ!
ดวงตาสองข้างบนปีกของเขากลิ้งอยู่สองสามรอบ แล้วจ้องมองมารอ้วนในเงามืดทันที การจับจ้องอันชั่วร้ายกับสนามพลังจิตที่เหี้ยมหาญสำแดงผล ทำให้มารอ้วนเสียสติในพริบตา
“อย่า…อย่า…” เขาน้ำหูน้ำตาไหล อยากจะถอยหลัง แต่ร่างกายแข็งทื่อ ขยับไม่ได้โดยสมบูรณ์
มารร้ายตนอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ ตกใจจนหนีเตลิด
ลู่เซิ่งเข้าใกล้ทีละก้าวๆ ใช้กรงเล็บรื้อหินยักษ์ที่ขวางทางออก ก่อนเดินมาถึงด้านหน้ามารอ้วน
มารร้ายตนนี้สูงสามหมี่เช่นกัน ขนาดร่างใหญ่โต ผิวแข็งหนังหนา ถือดาบใหญ่สีเขียวเข้มสองเล่ม ทว่าเกราะผิวกล้ามเนื้อซึ่งแข็งแกร่งมากที่เขาภาคภูมิใจ กลับกลายเป็นภาระที่สะดุดตาที่สุด
ลู่เซิ่งค่อยๆ เดินไปถึงตรงหน้าเขา พลางจับจ้องมารอ้วนที่กำลังตัวสั่นงันงก
ฟุ่บ
กรงเล็บบนปีกสองข้างของเขาจับร่างของอีกฝ่าย ปากฉีกออกอีกครั้ง และขยายใหญ่ขึ้น…
แคว่ก…
ปากของลู่เซิ่งเริ่มอ้าออก ไม่นานก็อ้ากว้างถึงหนึ่งหมี่ ในปากขนาดเท่าอ่างคือฟันสามแถวที่แหลมเหมือนเลื่อย กับลิ้นหยาบใหญ่ที่มีตะขอกลับหัวงอกออกมา
กร๊วม!
ลู่เซิ่งขย้ำมารอ้วนไปครึ่งร่าง
ร่างอีกครึ่งหนึ่งที่มีขนาดหนึ่งหมี่กว่าๆ ถูกเขายกขึ้นแล้วยัดเข้าปากตรงๆ!
คอเขานูนขึ้น ค่อยๆ ขยับทีละนิดๆ เหมือนงูกลืนช้าง เริ่มกลืนมารอ้วนลงท้อง
ไม่มีเสียงโหยหวน ไร้เสียงร่ำไห้
มีแต่ความหนาวเหน็บที่ค่อยๆ แผ่ซ่านออกมา
พวกมารที่ซ่อนอยู่รอบๆ เสียสติไปบ้างแล้ว แต่หากขยับตอนนี้ มิใช่เป็นการบอกที่ซ่อนตัวของตนเองกับลู่เซิ่งหรอกหรือ
ไม่มีผู้ใดขยับ มารทั้งหมดสามารถกลั้นหายใจถึงขั้นหยุดหายใจ แม้แต่การเต้นของหัวใจก็ค่อยๆ ยับยั้งเอาไว้
อึกๆ…
ลู่เซิ่งกลืนมารอ้วนลงท้องทีละนิดๆ
ท้องของเขาป่องขึ้นอย่างชัดเจน สภาพการป่องเป็นรูปร่างของมารอ้วนตนนั้นพอดี
คล้ายรู้สึกว่าร่างนี้ไม่สะดวกนัก ลู่เซิ่งจึงเริ่มเปลี่ยนร่าง หมอกสีดำแผ่พุ่งออกมา จากนั้นอัคคีพิษก็ลุกไหม้ตาม ร่างกายของเขา ขยายจนใหญ่ขึ้นและสูงขึ้นด้วยความเร็วสูง องค์ประกอบของร่างกายในส่วนระบบย่อยอาหารแข็งแกร่งมากขึ้น
พอเป็นแบบนี้ เวลานี้ลู่เซิ่งจึงมีขนาดร่างสูงสี่หมี่กว่าๆ กว้างสามหมี่กว่าๆ ทั่วร่างเป็นเกราะเกล็ดสีดำอมม่วง ด้านในร่องระหว่างแผ่นเกราะมีแสงอ่อนๆ สว่างตลอดเวลา หมอกดำแผ่กระจายอยู่บนร่าง ปีกสองข้างกระพือ คอยค้นหาเหยื่อรายใหม่ที่อาจจะโผล่มา
มารอ้วนที่ถูกกลืนทนอยู่ในท้องลู่เซิ่งได้สิบกว่าอึดใจ ก็แห้งฟีบอย่างรวดเร็ว ถูกย่อยสลายจนหมดด้วยความเร็วที่ตาเนื้อเห็นได้
“หิว…” ลู่เซิ่งที่ได้พลังงานจากสารอาหารไม่ได้หยุดลง มารตนนั้นไม่พอให้เขาพัฒนาไปถึงระดับเจ้าแห่งมาร
ฟิ้ว!
เขาหายไปจากที่เดิมในพริบตา พื้นกว้างใหญ่ข้างใต้ระเบิดแตกออก
อ๊าก!
ในมุมหนึ่ง มารหัวกระทิงร่างม้าตนหนึ่งถูกจับออกมา ปีกของลู่เซิ่งชูมันขึ้นสูง แล้วยัดเข้าปากไปทั้งเป็น
มารหัวกระทิงร่างม้าร้องโหยหวนและคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว ทว่าถูกพละกำลังอันมหาศาลยึดจับไว้จนกระดิกกระเดี้ยไม่ได้ ถูกยัดเข้าไปในปากลู่เซิ่งทั้งๆ ที่อ้าปากกางเล็บแบบนั้น
มารที่อยู่ใกล้ๆ จำนวนหนึ่งเห็นรอยนูนที่มารหัวกระทิงร่างม้าดิ้นรนขัดขืนในคอของลู่เซิ่ง
อั้ม ….
มารส่วนหนึ่งเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบ หนีไปยังประตูผนึกในชั้นถัดไป อีกส่วนหนึ่งหนีออกจากประตูผนึกด้านบน
เมื่อมีตนแรก ย่อมมีตนที่สอง และตนที่สาม
ไม่นาน หลังจากลู่เซิ่งเข่นฆ่าราวสายฟ้าแลบอย่างต่อเนื่อง มารหลายตัวก็ถูกเขาใส่เข้าปาก แล้วถูกย่อยกลายเป็นสารอาหาร มอบการวิวัฒนาการให้แก่กายเนื้อ
ปราณมารบนร่างมารผสมกับปราณมารในอากาศ มอบแก่นมารให้เพื่อวิวัฒนาการร่างกายของลู่เซิ่งร่วมกัน
เสียงโหยหวนดังมาเป็นระยะ เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ หลังลู่เซิ่งกลืนกินมารไปยี่สิบสามตัว ทั้งถ้ำก็ไม่เหลือใครอีก
มารทั้งหมดหนีไปแล้ว
กายเนื้อร่างหลักของเขาขยายถึงหกหมี่กว่าๆ ลวดลายสีแดงเลือดผืนหนึ่ง เริ่มปรากฏกลางหลังเหมือนกับลวดลายอักขระขนาดใหญ่ พร้อมกับกะพริบแสงสีแดงอย่างมีกฎเกณฑ์
ทว่าการเรียนรู้ของเครื่องมือปรับเปลี่ยนยังไม่จบ
กายเนื้อของลู่เซิ่งยังคงพัฒนาต่อ นี่เป็นครั้งแรก ครั้งแรกที่พลังงานจากพลังอาวรณ์ไม่พอจะเรียนรู้
เป็นครั้งแรกที่การเรียนรู้จำเป็นต้องค้นหาแหล่งพลังงานใหม่อย่างบ้าคลั่ง
ก่อนหน้านี้ ลู่เซิ่งคิดมาตลอดว่าการใช้พลังอาวรณ์เรียนรู้วิชาลับวรยุทธ์ ไม่จำเป็นต้องหาพลังงานเอง
แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าคิดผิดไป
เขาที่เหลือสติแค่นิดเดียวเดินไปยังประตูผนึกชั้นต่อไป
ตูม!
แท่นบูชาถูกทุบแหลก เผยให้เห็นประตูไม้สีขาวชั้นถัดไป
ทว่าในครั้งนี้ ประตูไม้เปิดอ้าอยู่ มารสีดำหัวเป็นเสือดาวร่างเป็นมนุษย์ตนหนึ่งลอยออกมาจากด้านในประตูไม้อย่างช้าๆ
ทว่าพอมารตนนี้ลอยขึ้นด้านบน ร่างกายที่มันแสดงให้เห็นก็ยิ่งมายิ่งยาวขึ้นเรื่อยๆ
ด้านล่างศีรษะเสือดาวร่างคนคือมารที่มีศีรษะเป็นเสือดาวร่างเป็นคนเหมือนกัน ทั้งสองเชื่อมหัวเชื่อมเท้ากัน โดยที่เท้าของคนด้านบนติดกับศีรษะของคนด้านล่าง
หลังจากเวลาผ่านไป มารหัวเสือดาวร่างมนุษย์หลายตนก็ปรากฏขึ้นไม่หยุด สองตน สามตน ห้าตน สิบตน ยี่สิบตน…
ถึงตอนท้าย มารหัวเสือดาวร่างมนุษย์ที่เชื่อมติดกันทั้งหมดนี้ก็ขดเป็นงูยักษ์ ดวงตาหลายสิบคู่จับจ้องลู่เซิ่ง
“ผู้มาจากภายนอก ทีนี่คือหุบเหวมาร หุบเหวมารที่ทะลุทะลวงทุกสิ่ง เชื่อมต่อกับผืนดินนับไม่ถ้วน หลายชั้นนี้เป็นอาณาเขตของข้าม่อหนี่ว์ มารโบราณเสือดาวอสรพิษ! เจ้าบังอาจรุกล้ำเข้ามาที่นี่ ทั้งยังล่าผู้คนของข้าอย่างเหิมเกริม!” งูยักษ์ที่เกิดจากมนุษย์หัวเสือดาวมาเชื่อมต่อกันจับจ้องลู่เซิ่งด้วยสีหน้าละโมบและดุร้าย
……………………………………….