CatNovel
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 350 ภารกิจ (4)

  1. Home
  2. ยอดวิถีแห่งปีศาจ
  3. บทที่ 350 ภารกิจ (4)
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

บทที่ 350 ภารกิจ (4)

แฮ่ก! แฮ่ก! แฮ่ก!

ในแสงสีดำ จานทรงกลมสีเงินบินด้วยความเร็วสูง หวังอวิ่นหลงใช้มือค้ำบนจานทรงกลม เหงื่อโซมไปทั่วร่าง ม่านตาแตกซ่าน หอบหายใจคำโต

“องค์ชาย ครั้งนี้ข้ามาช่วยช้าไป…เดิมนึกว่าท่านไม่น่าจะเจอการคุกคามใดๆ ในนี้…” บนของขลังที่เป็นจานกลมยังมีชายชราท่าทางเคร่งขรึมที่ผมเผ้าและหนวดเคราบิดม้วนนั่งอยู่อีกคน

ชายชราร่างผอมแห้งดั่งฟืน สวมเสื้อคลุมยาวสีเขียวเข้ม ท่าทางให้ความเคารพหวังอวิ่นหลงเป็นอย่างยิ่ง

“ไม่…ไม่ใช่ความผิดของเจ้า…” หวังอวิ่นหลงปาดเหงื่อ ดันตัวขึ้นนั่ง “คนผู้นั้น…กลิ่นอายบนร่างเขาน่ากลัวเกินไป เหตุใดจึงมีกลิ่นอายน่ากลัวที่สั่นสะท้านจิตใจแบบนั้นได้…ข้ารู้สึกว่า…ยามอยู่เบื้องหน้าเขา ร่างกายและจิตใจของข้าราวกับถูกแช่แข็งจนไม่อาจขยับเขยื้อนได้”

“ความรู้สึกขององค์ชายถูกต้องแล้ว แม้คนผู้นั้นจะแสดงพลังแค่ระดับปฐมปฐพีออกมาในตอนที่ข้าไปถึง ทว่าบนตัวเขามีกลิ่นอายที่อันตรายถึงขีดสุดตลบอบอวล ดังนั้นข้าจึงกระตุ้นโซ่ราชาเทวะพาองค์ชายหนีออกมา โดยไม่กล้าเสียเวลาแม้แต่น้อย” ชายชราพยักหน้ากล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าเจ้าพูดถูก” หวังอวิ่นหลงพยักหน้า ย้อนนึกถึงเสียงอันกึกก้องที่ดังขึ้นไล่ตามหลังตน ทั้งร่างก็เกร็งขึ้นมา พลาดไปแค่นิดเดียว ขอแค่ชายชราเคลื่อนไหวช้าไปชั่วเสี้ยววินาที เขาอาจจะตายเพราะหมัดนั้นไปแล้ว วิชาหมัดอันพิสดารที่กดอัดอานุภาพส่วนใหญ่ไว้ที่จุดเดียวนั้น ต่อให้โดนแบบเฉียดๆ เลือดเนื้อบนร่างก็อาจระเบิดแหลก สายเลือดได้รับความเสียหายได้

“องค์ชาย พวกเรากลับพิภพมารก่อนเถอะ เมื่อครู่นี้สถานะของท่านเกรงว่าจะรั่วไหลไปไม่น้อยแล้ว หากยังอยู่ที่นี่อีกจะไม่ปลอดภัย” เวลานี้ชายชรากล่าวอย่างเป็นกังวลอยู่บ้าง

“ไม่…คนผู้นั้นไม่มีทางบุ่มบ่ามพูดถึงข้อมูลของข้า นอกจากนี้ข้ายังไม่ได้เผยปราณมารต่อหน้าเขาด้วย เพียงแต่เปิดเผยโม่หลิงเท่านั้น ในโลกมนุษย์มีวิญญาณสิงสู่อย่างโม่หลิงไม่น้อย” หวังอวิ่นหลงกัดฟันกรอด กล่าวต่อว่า “ยิ่งไปกว่านั้น คนผู้นั้นยังปกปิดสถานะเหมือนข้า เขาไม่มีทางเปิดโปงข้อมูลข้าง่ายๆ ขอแค่ข้าไม่พูด คาดว่าต่างฝ่ายต่างอยู่ในสถานะปกปิดให้กันและกัน”

“แบบนี้อันตรายเกินไป” ชายชราเอ่ยอย่างจนใจ หมัดเมื่อครู่นี้แม้แต่ยอดฝีมือระดับเขาก็ยังรู้สึกสยอดสยอง ยิ่งอย่าว่าแต่หวังอวิ่นหลง

“ไม่เป็นไร ข้าจะลองหยั่งเชิงดูก่อน เฒ่าหวังเจ้าไม่ต้องห่วง ข้าจะระวังตัว” หวังอวิ่นหลงกล่าวอย่างจริงจัง

“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น” เฒ่าหวังหวนนึกถึงร่องรอยมากมายของลู่เซิ่งเมื่อก่อนหน้านี้ สายตาเริ่มอึมครึมขึ้นอีกครั้ง “ถ้าหากเป็นไปได้ องค์ชายไม่ควรติดต่อกับคนผู้นั้นอีก”

“อ้อ? เพราะอะไร” แม้หวังอวิ่นหลงจะไม่คิดติดต่อกับคนผู้นั้นเหมือนกัน แต่เขาสงสัยมากกว่า ว่าเหตุใดแม้แต่เฒ่าหวังก็ยังพูดแบบนี้

“เพราะ…ข้าสัมผัสได้ในตอนที่แอบมองอยู่ด้านข้างเมื่อก่อนหน้านี้ว่า สายตาที่คนผู้นั้นมองท่านก่อนที่ท่านจะเผยพลังและหลังจากเผยพลัง ล้วนไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ…” เฒ่าหวังกล่าวพลางส่ายหน้า มองหวังอวิ่นหลงอย่างเคร่งขรึม “เหมือนมองคนตายก็ไม่ปาน”

“…” หวังอวิ่นหลงตัวสั่นอย่างไร้สาเหตุ “หมายความว่าเขาไม่สนใจแม้แต่น้อย ไม่สนใจว่าข้ามีปัญหาหรือไม่ และไม่สนใจว่าข้าเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสำนักหรือไม่…ขอแค่เขาอยากฆ่า ก็จะฆ่า…อย่างนั้นกระมัง เฒ่าหวังอยากพูดแบบนี้ใช่หรือไม่”

เฒ่าหวังไม่ได้ตอบ

แต่ความเงียบงันและการยืนยันเช่นนี้กลับทำให้หวังอวิ่นหลงรู้สึกหนาวเหน็บกว่าเดิม

“ภายหลัง อย่าได้ติดต่อกับคนผู้นั้นอีก” เฒ่าหวังกล่าวเสียงขรึม

“ข้าเข้าใจแล้ว…” หวังอวิ่นหลงพยักหน้าอย่างล้ำลึก

…

แสงสีแดงพุ่งขึ้นท้องฟ้า มันปรากฏแวบเดียวก็หายไปดุจดาวตก แต่ทุกคนในสวนหิมะม่วงล้วนมองเห็น

ทุกคนล้วนพุ่งไปยังทิศทางที่แสงสีแดงพุ่งขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง

ลู่เซิ่งชักกระบี่ออกมา พร้อมกับค่อยๆ เดินไปยังทิศทางนั้น

เขาข้ามสะพานหิน ตัดทะลุสวนสมุนไพรที่แห้งเหี่ยว ตรงหน้าพลันมียอดฝีมือในยุทธภพที่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดพุ่งออกมา

คนทั้งสองนี้คนหนึ่งใช้ดาบ คนหนึ่งใช้หอก ต่อสู้เป็นตายไม่มีฝ่ายไหนยอมถอย ทำให้สวนและภูเขาจำลองที่อยู่รอบๆ พังทลาย

พอเห็นการต่อสู้ของคนทั้งสองนี้ ลู่เซิ่งก็ดูอย่างสนอกสนใจอยู่ครู่หนึ่ง จึงค่อยเดินไปด้านหน้าต่อ

หลังจากเขาเดินผ่านสวนสมุนไพร ด้านหน้าก็มีค่ายสีเหลืองของคนสิบกว่าคนตั้งอยู่ ทุกคนในค่ายล้วนสวมชุดสีเหลืองแบบเดียวกัน แขวนมีดสั้นสองเล่มไว้ที่เอว ดูเหมือนจะเป็นคนของสำนักสักสำนักหนึ่ง

คนกลุ่มนี้เห็นลู่เซิ่งทีเดินออกมาจากในความมืดและเห็นกระบี่ที่เขาถือ บนตัวกระบี่มีคราบเลือดที่แห้งกรังติดอยู่ ดูสะดุดตาเป็นพิเศษภายใต้แสงสะท้อนจากกองเพลิง

ในค่ายมีบางคนลุกขึ้น คล้ายกับต้องการเข้าใกล้ แต่บุรุษวัยกลางคนไว้เครายาวซึ่งเป็นหัวหน้ายกมือขึ้นห้ามปรามไว้

บุรุษประสานมือให้ลู่เซิ่งแต่ไกล ก่อนจะนั่งลงเงียบๆ

ลู่เซิ่งยิ้มตอบ กวาดตามองคนที่เพิ่งลุกขึ้นเมื่อครู่ในตอนที่เดินผ่านค่าย นั่นเป็นคนหนุ่มที่ยังอายุน้อยและริมฝีปากเป็นสีเขียว ในดวงตาฉายแววกระเหี้ยนกระหือรือ

“ผีน้อยจากที่ใด! บังอาจมาร่วมชมความคึกครื้นของอาวุธเทพชิ้นแรกในใต้หล้าหรือ!” เสียงตุ้งติ้งสะท้อนขึ้นมาจากบนอากาศในบริเวณรอบๆ ความเย็นเยียบหลายสายรวมตัวกันบนร่างลู่เซิ่ง แสดงให้เห็นว่ามีคนจับตามองเขาอยู่

“อย่างไรเจ้าก็หนีออกจากสวนไม่รอด แทนที่จะไปตายในการต่อสู้ ให้ข้าดื่มเลือดเจ้าจะดีกว่า!” เสียงเพิ่งจะขาดลง ร่างกายอันกำยังก็พุ่งมาจากทางซ้ายมือ สองมือฟาดเสียงพายุสายฟ้าออกมาอย่างเลือนราง

“เด็กน้อย ระวัง!” บุรุษวัยกลางคนไว้เครายาวรีบส่งเสียง

เปรี้ยง!

กระนั้นเห็นได้ชัดว่าเขาเตือนช้าไป เงาคนร่างกำยำฟาดสองฝ่ามือใส่ทรวงอกของลู่เซิ่ง พลังฝ่ามือที่เย็นเยียบทะลักออกมาอย่างต่อเนื่อง

ลู่เซิ่งก้มหน้ามองทรวงอกของตัวเอง จากนั้นก็ยื่นมือออกมาทาบกับใบหน้าของบุรุษตรงหน้าดุจสายฟ้าแลบ

โผละ!

ศีรษะของเขาระเบิดออกอย่างสะเทือนเลื่อนลั่น ศพไร้หัวพลิกหงายไปด้านหลัง ก่อนจะล้มลงกับพื้น

“มองไม่เห็นความแตกต่างของตัวเองกับคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็เจอคนโง่แบบนี้เสมอ น่าเบื่อหน่ายจริงๆ” ลู่เซิ่งชักมือกลับ ยิ้มอย่างขอบคุณให้บุรุษวัยกลางคนไว้เครายาวในค่าย จากนั้นก็ถือกระบี่เดินหน้าต่อไป

บุรุษวัยกลางคนกับพวกคนหนุ่มรอบๆ ตัวเขาต่างสั่นกลัว ราชาหมาป่าโลหิตเมื่อครู่ ต่อให้เขาลงมือด้วยตัวเอง อย่างมากได้แต่รักษาสถานการณ์ไม่ชนะไม่แพ้ กลับนึกไม่ถึงว่าเมื่อเผชิญกับคนหนุ่มที่ไม่รู้จักตรงหน้า จะถูกสังหารโดยที่โต้ตอบไม่ทัน

“อาวุเทพชิ้นแรกของใต้หล้า…ล่อสัตว์ประหลาดหนุ่ม ชรามาไม่น้อยทีเดียว…” บุรุษวัยกลางคนถอนใจยาวก่อนจะลุกขึ้น “ไปเถอะ พวกเราควรกลับได้แล้ว ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เราควรมา”

ฟิ้ว!

ประกายกระบี่สีเงินสาดขึ้นอย่างฉับพลัน จากนั้นก็ค่อยๆ มืดสลัวลงแล้วหายไป

มือเท้าหลายคู่ตกลงพื้น เลือดสาดกระจาย คนที่มาแย่งชิงอาวุธเทพจำนวนมากนอนอยู่ทั่วพื้น บางคนก็ตายแล้ว บางคนยังฝืนเอาชีวิตรอดมาได้ กำลังคลานไปยังที่ไกลอย่างช้าๆ

ลู่เซิ่งยืนอยู่หน้าป้ายหินป้ายหนึ่งเพียงลำพัง รอบๆ คือศาลาว่างเปล่าหลายหลัง ถัดไปจากนั้นคือพุ่มดอกท้อสีชมพู

อย่างมากสุดยอดฝีมือในยุทธภพของสถานที่แห่งนี้ก็อยู่ในระดับฟ้ากำเนิด อีกไกลกว่าจะถึงระดับพันธนาการ ยิ่งอย่าว่าแต่ต่อสู้กับจุดสูงสุดของระดับสัตตะลักษณ์อย่างลู่เซิ่งในตอนนี้

ทว่าเยื่อดำของเขาในเวลานี้ถูกเจาะ จึงยังฟื้นฟูไม่ได้ชั่วคราว เขาเลยใช้กายเนื้อของตนในการลงมือ

ป้ายหินที่อยู่ด้านข้างลู่เซิ่งสูงเท่าหนึ่งคนครึ่ง เขียนข้อความสัญลักษณ์ไว้เต็มไปหมด ด้านล่างมีแสงสีแดงกะพริบอยู่อย่างเลือนราง

“ประกายกระบี่สามสาย เสียงกระบี่ไร้สำเนียง ประกายแดงทั่วฟ้าในตำนาน ล้วนดำรงอยู่จริงๆ ด้วย” บนพื้นที่เปรอะไปด้วยเลือดมีเสียงแก่ชราอย่างแท้จริงดังมาอย่างฉับพลัน

“ผู้อาวุโสราชากระบี่ก็เคยได้ยินข่าวลือนี้เหมือนกันหรือ” เสียงทรงพลังอีกเสียงดังมาจากอีกทิศทางหนึ่ง ครั้งนี้ฟังดูเหมือนจะเป็นชายฉกรรจ์วัยกลางคนที่อายุค่อนข้างน้อย

“ย่อมเคยได้ยินมา นึกไม่ถึงว่าแม้แต่ยอดฝีมือแห่งบึงสวรรค์ก็ออกโรงด้วยตัวเอง ข่าวลือเรื่องอาวุธเทพชิ้นแรกของใต้หล้าคงไม่ผิดจริงๆ” เสียงชราเข้าใกล้มา แล้วเผยโฉมอย่างรวดเร็ว เป็นชายชราแข็งแกร่งผมขาวคนหนึ่ง ชายชรายืดตัวตรง ร่างสูงชะลูด สองบ่ากว้าง สองแขนเลยเข่า มองดูก็รู้ว่าสมัยหนุ่มจะต้องเป็นบุรุษรูปงามแน่

“ราชากระบี่เสิ่น ไม่เจอกันนาน”

ในความมืดมิด บุรุษวัยหนุ่มที่ใบหน้าทั้งเขียวทั้งซีดเซียวค่อยๆ เดินออกมา เขาถือมีดบินสีดำสนิทห้าเล่ม ดวงตาคมกริบประดุจเหยี่ยว

“ถังเฟยตั๊กแตนทะยานฟ้า ผู้เยาว์ในตอนนี้ล้วนไม่มีมารยาทแบบนี้หรือ” คนที่สามออกมาแล้วเช่นกัน ประมุขพรรคเทพมังกรจูซื่อเต๋อเป็นบุรุษร่างหนั่นแน่นที่ถือดาบคู่ ผิวหนังดำคล้ำ ใบหน้าแดงดุจพุทรา

“เจ้าอารามชิงกงเล่า ยังไม่มาหรือ” ถังเฟยไม่สนใจประมุขพรรคเทพมังกรจูซื่อเต๋อ แต่สอดส่ายสายตาไปรอบๆ คล้ายกำลังหาคนอยู่

“ไม่ต้องตามหาหรอก วันนี้ข้าเป็นตัวแทนอารามไร้คู่” เสียงสตรีที่นุ่มนวลอ่อนหวานดังมา

โฉมสะคราญสวมกระโปรงขาวกลุ่มหนึ่งเดินนวยนาดออกมาจากในความมืด พวกนางจัดเรียงแถวเป็นรูปแบบค่ายกล ก่อนจะยกเกี้ยวสีขาวที่อยู่ด้านหลังออกมาอย่างช้าๆ

เกี้ยวถูกวางลง ม่านมุกค่อยๆ เปิดออก เผยให้เห็นใบหน้าที่งดงามและแปลกหน้า

“คุณชายลู่ ไม่เจอกันนาน ยังจำไป๋ลู่อิงได้หรือไม่” นางสวมปิ่นหงส์สีทอง สวมกระโปรงรัดเอวสีชมพูแนบเนื้อ ทรวดทรงอันหมดจดนูนเด่นออกมา เห็นได้รำไรว่าด้านในไม่ได้ใส่เสื้อชั้นใน

ทุกคนคาดไม่ถึงว่า ตัวแทนของอารามไร้คู่ที่เป็นขุมกำลังใหญ่อันดับสองของยุทธภพจะทักทายบุรุษถือกระบี่ผู้แปลกหน้าที่อยู่ข้างป้ายหินเป็นคนแรกหลังจากโผล่มา

ตอนแรกลู่เซิ่งกำลังหลับตาทำสมาธิอยู่ พอได้ยินคนเรียกชื่อ เขาก็ลืมตาขึ้นมอง เป็นหญิงสาวจากสำนักผูกวิญญาณที่เคยหยั่งเชิงเขาในวันนั้นนั่นเอง

เขานึกไม่ถึงเหมือนกันว่าจะได้เจอคนจากสำนักภายนอกที่นี่ หมายความว่าเป็นไปได้ถึงขีดสุดที่สามสำนักจะเลือกโลกด้านนอกใบนี้พร้อมกัน

“เจ้าโชคร้ายมาก” เขากล่าวอย่างราบเรียบ

ไป๋ลู่อิงกลับหัวเราะคิก

“ไม่แน่นักหรอก ที่นี่มีวีรบุรุษห้าวหาญมากมาย หรือว่าคุณชายลู่คิดแย่งชิงอาวุธเทพโดยไม่สนใจคนในใต้หล้ากัน”

คำพูดของนางเหมือนจับลู่เซิ่งไปย่างบนกองไฟ ที่นี่มีคนมากมาย ผู้ใดทราบบ้างว่าจะมียอดฝีมือคนไหนซ่อนสถานะอยู่ในนี้ พอเป็นแบบนี้ นางจึงผลักลู่เซิ่งมาอยู่ด้านหน้าสุดเพื่อให้เขายืนอยู่ตรงข้ามกับทุกคน

ลู่เซิ่งเหลือบตามองนางอย่างเรียบเฉย วาดกระบี่ในมือเป็นเส้นโค้งแล้วค่อยๆ ชี้กระบี่ที่พื้น

“เจ้าเลือกตอนนี้ยังทัน”

ไป๋ลู่อิงยังคิดกล่าววาจา แต่สีหน้ากลับแข็งทื่อ มือกำด้ามมีดที่อยู่หลังเอวแน่นขึ้นเล็กน้อย มีแต่ตอนเผชิญหน้ากับลู่เซิ่งอย่างแท้จริงเท่านั้น นางจึงค่อยเข้าใจว่าสามคนในวันนั้นรู้สึกอย่างไร

ความรู้สึกที่เหมือนคมเหล็ก เชือดเฉือนฝ่าเท้าจนเลือดชโลมขณะเดินอยู่บนลวดนั้น หากไม่ได้เผชิญหน้าจริงๆ คงไม่มีทางสัมผัสได้

“ข้า…” ไป๋ลู่อิงเสียใจบ้างแล้ว…เสียใจที่ตอบรับแผนการนั้น

ซ่า…

เสียงลมที่เหมือนกระบี่ออกจากฝักพัดผ่าน ไป๋ลู่อิงกัดริมฝีปาก ยืนนิ่งอยู่กับที่อยู่ชั่วขณะ

……………………………………….

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "บทที่ 350 ภารกิจ (4)"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์