ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 398 แผนการร้าย (2)
บทที่ 398 แผนการร้าย (2)
กล่าวไปแล้วลู่เทียนหยางยังเป็นพี่น้องต่างมารดาของลู่เซิ่งด้วย เพียงแต่ไม่ค่อยมีความรับผิดชอบ ชอบดื่มสุราเคล้านารี จึงไม่ได้รับความสำคัญจากคนในตระกูลมาโดยตลอด
ตอนนี้มาถึงเขตจันทราสารท มีคนจำนวนมากยกยอปอปั้น ผลประโยชน์ต่างๆ พากันเข้าหา จึงเกิดความหวั่นไหวชั่วขณะ พอโดนหลอกล่อให้ดื่มสุราไม่น้อย ก็พูดจุดอ่อนที่สำคัญสำหรับตัวเขาออกมา
ตอนนี้ถูกคว้าจุดอ่อนเอาไว้ อีกฝ่ายไม่เพียงไม่ซักไซ้รีดไถ กลับมอบเหลาสุราสองแห่งและบ่อนพนันหนึ่งแห่งให้แก่เขา ตอนนี้คนกลุ่มนี้กำลังพาเขามาดูสภาพบ่อนพนัน
“ท่านตาสวี่ ข้ารับไว้ไม่ได้จริงๆ…” ลู่เทียนหยางไม่ใช่คนโง่ แม้จะเป็นคุณชาย แต่หลังจากกลายเป็นตระกูลอันดับหนึ่งในแดนเหนือ เขาก็เคยสัมผัสเรื่องสกปรกมาไม่น้อย ทราบว่าเมื่อมอบของขวัญให้ใคร ย่อมต้องมีคำขอร้อง ตอนนี้อีกฝ่ายจับจุดอ่อนของเขาไว้ ทั้งยังทุ่มเงินทุนมากมายขนาดนี้ จะต้องมีเรื่องสำคัญที่ต้องการไหว้วานให้เขาทำแน่
พอนึกถึงความน่ากลัวของพี่ใหญ่ลู่ เขาก็ตัวสั่นทีหนึ่ง โฉมสะคราญ ทรัพย์สมบัติ และอาหารโอชะเมื่อก่อนหน้าล้วนไร้รสชาติ เพียงอยากจะกลับไปนอนหลับพักผ่อนที่บ้านอย่างว่าง่ายเท่านั้น
“สหายเทียนหยางกล่าวผิดแล้ว เขตจันทราสารทในตอนนี้ ในเมื่อท่านเป็นน้องชายของท่านผู้นั้น ยังมีเรื่องใดที่ทำไม่ได้อีก อยากทำอะไรแค่พูดประโยคเดียวก็พอ พี่ผู้เฒ่าสวี่หมดปัญญาแล้วจริงๆ จึงใช้วิธีการไม่ฉลาดเช่นนี้เพื่อมาขอร้องท่าน”
เฒ่าสวี่กล่าวด้วยสีหน้าขื่นขม
“ท่านไม่ต้องห่วง พวกเราไม่มีทางพูดเรื่องนั้นอีก ถือว่าทุกอย่างไม่เคยเกิดขึ้นก็พอ ขอแค่เรื่องนี้สหายเทียนหยางช่วยเหลือข้า…” เสียงของสวี่เหยี่ยค่อยๆ เบาลง
ลู่เทียนหยางฟังอีกฝ่ายกล่าววาจา ตอนแรกยังมีความคิดตอบรับอยู่บ้าง ทว่ายิ่งฟังไป สีหน้าก็ยิ่งเปลี่ยนแปลง
“ไม่ๆๆ! หากว่าเรื่องนี้เกิดความผิดพลาดขึ้น ข้ารับผิดชอบไม่ไหว พวกท่านยิ่งจะโดนยึดบ้าน ล้างตระกูลด้วยซ้ำ! ข้ารู้จักนิสัยของพี่ใหญ่ข้าดีที่สุด เรื่องนี้ทำไม่ได้เด็ดขาด!” ลู่เทียนหยางโบกมือพร้อมกับกล่าวด้วยสีหน้าที่ผกผัน
“สหายเทียนหยาง พวกเราไม่มีความคิดอื่น เพียงแต่หญิงสาวนั้นหลงใหลท่านมานาน…รออยู่ที่วัดจินถั่วมาโดยตลอด ถ้าหากท่านช่วยสงเคราะห์เรื่องนี้ ภายหลังกลายเป็นคู่สร้างคู่สม พวกเราจะถือว่าเรื่องนั้นของท่านไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน” แม้น้ำเสียงของเฒ่าสวี่จะนอบน้อม แต่ก็แสดงการคุกคามอย่างชัดเจน
“ท่าน! พวกท่าน!” ลู่เทียนหยางตื่นตระหนก ใบหน้ากลายเป็นสีเขียว
ถ้าหากเรื่องนั้นหลุดออกไป เกรงว่าเขาอาจจะถูกบิดากับพี่ใหญ่ตีจนตายก็ได้
“สหายเทียนหยาง พวกเราก็จนปัญญาเหมือนกัน พวกเราสองฝ่ายร่วมมือกันได้ผลประโยชน์ เรื่องราวมาถึงตอนนี้แล้วท่านยังลังเลอะไรอีก” ตาเฒ่าสวี่ส่ายหน้าพลางเกลี้ยกล่อม
“ข้า…ข้าขอคิดก่อน…” ในที่สุดลู่เทียนหยางก็ลังเล ถ้าหากเป็นอย่างที่อีกฝ่ายพูดจริงๆ เรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพียงแค่ลูกสาวของตาเฒ่าสวี่คิดจะหาคู่ครองด้วยการเกาะกิ่งไม้สูงอย่างตระกูลลู่เท่านั้น ทุกอย่างยังเจรจากันได้
ลู่เทียนหยางมองโลกในแง่ดี หลังจากลังเลอยู่นาน ในที่สุดก็ตอบรับ
ห้าวันต่อมา ลู่เฉวียนอันไปไหว้พระที่วัดจินถั่วที่อยู่ใกล้ๆ และขอพรให้ทั้งคฤหาสน์ปลอดภัย ภายใต้คำแนะนำของลู่เทียนหยางผู้เป็นลูกชาย
ในวัดลมเย็นค่อนข้างพัดแรง ลู่เฉวียนอันรู้สึกตัวเย็นเล็กน้อยหลังจากกลับมา ถัดจากนั้นหนึ่งวันก็ล้มป่วย คฤหาสน์ลู่ขอให้หมอมารักษา ทว่าไร้ผล ลู่เฉวียนอันยังคงสลบไสล คฤหาสน์ลู่ปั่นป่วน
…
ยามเที่ยง แสงอาทิตย์ด้านนอกร้อนแรงแผดเผา ด้านในห้อง ลู่เซิ่งนั่งอยู่ด้านหน้าลู่เฉวียนอันผู้เป็นบิดา ยื่นมือไปแตะที่จุดชีพจรบนข้อมือเบาๆ พร้อมกับหลับตา
ทุกคนของตระกูลลู่รออยู่ที่ประตูด้านนอก ไม่มีผู้ใดกล้าส่งเสียงเอะอะ เพราะกลัวจะรบกวนผลลัพธ์การวินิจฉัยของลู่เซิ่ง
ครู่ต่อมา ลู่เซิ่งก็ลืมตา ดวงตาฉายแววดุดัน
“เพียงแค่ถูกลมเย็นธรรมดาเท่านั้น แต่บวกกับโรคภายในและความเหนื่อยล้าในยามปกติของท่านพ่อกำเริบในเวลาเดียวกัน ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร มารดารองไม่ต้องกังวล” เขาพูดไม่ดัง แต่ว่าพวกหลิวชุ่ยอวี้มารดารองที่อยู่ตรงประตูได้ยินอย่างชัดเจน ตอนนี้นางกำลังกอดลู่ชิงชิงลูกสาวของตัวเอง ใบหน้ามีรอยน้ำตาจางๆ ดวงตาแดงก่ำอยู่บ้าง ไม่ทราบว่าร้องไห้มากี่ครั้งแล้ว
“เซิ่งเอ๋อร์ พ่อเจ้าเขา ไม่เป็นไรจริงๆ หรือ” หลิวชุ่ยอวี้กล่าวถามเบาๆ อย่างไม่อยากเชื่ออยู่บ้าง
“ไม่ต้องห่วง” ลู่เซิ่งลุกขึ้นแล้วหันมายิ้ม “เพียงแค่โรคเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น พักผ่อนให้เยอะๆ เดี๋ยวก็ดีเอง ข้าจัดการแทนท่านพ่อแล้ว ไม่เป็นไรหรอก”
ก่อนหน้านี้เขาได้ปลูกข่ายกระเรียนหยินไว้ในร่างกายของลู่เฉวียนอันผู้เป็นบิดาตอนมีเวลาว่าง จากนั้นก็ใส่ปราณภายในที่เล็กและบริสุทธิ์ถึงขีดสุดหลายสายเข้าไป แล้วปล่อยให้มันโคจรเองเพื่อยืดอายุขัย
ช่วยไม่ได้ ลู่เฉวียนอันเป็นแค่คนธรรมดา จึงไม่อาจทนรับการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงและมากมายเกินไปได้ ไม่ใช่ว่าเยอะๆ ไว้ก่อนถึงจะดี แต่ว่าสิ่งที่เหมาะสมที่สุดต่างหากจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
“เช่นนั้นก็ดี…เช่นนั้นก็ดี” หลิวชุ่ยอวี้พลันโล่งอก
“นอกจากนี้ตอนนี้ข้าคิดจะแก้ไขปัญหาของชิงชิงเหมือนกัน ไม่แน่ว่าจะทำให้นางฟื้นสติขึ้นมาได้บ้าง มารดารองอย่าได้โศกเศร้าเกินไป” ลู่เซิ่งปลอบอีก
ครั้งนี้ไม่ใช่แค่หลิวชุ่ยอวี้เท่านั้น คนอื่นๆ ในคฤหาสน์ลู่ล้วนตกตะลึงอยู่บ้างเช่นกัน
ลู่ชิงชิงถูกปราณหยินกัดกินสมอง กลายเป็นคนบ้าโดยสมบูรณ์ นึกไม่ถึงว่าคุณชายใหญ่กลับมั่นใจว่าจะรักษานางหาย
“เอาล่ะ มารดารอง ชิงชิง พวกท่านดูแลร่างกายตัวเองให้ดี ท่านพ่อเพียงอ่อนเปลี้ยเพลียแรงและเจอลมหนาว เลยทนไม่ไหว ครั้งนี้พักผ่อนให้มากๆ ก็พอ ข้ายังมีธุระ ขอตัวไปจัดการก่อน” ลู่เซิ่งปลอบ
“รู้แล้วว่าเจ้ายุ่ง รีบไปเถอะ” มารดารองรีบตอบสนอง ดีใจจนสะอึกสะอื้น คำพูดของนางในวันนี้นับว่าเป็นอำนาจในคฤหาสน์ลู่เช่นกัน นี่เป็นเพราะความสัมพันธ์ใกล้ชิดของลู่เซิ่งและนาง
ลู่เซิ่งก้าวยาวๆ ออกจากห้องนอน แล้วเดินเข้าไปในสถานที่ที่มีดวงอาทิตย์ร้อนแรง แม้บนร่างจะถูกแดดส่องจนร้อนอยู่บ้าง แต่จิตใจกลับเย็นเยียบ
‘น่าสนใจ…ดูเหมือนสิ่งที่กังวลมาโดยตลอดจะเกิดขึ้นแล้ว ขนาดมีการป้องกันขนาดนี้ก็ยังจับจุดอ่อนไม่ได้ น่าสนใจจริงๆ…’ ผลลัพธ์ที่เขาตรวจเจอย่อมไม่ใช่ลมหนาว หากเป็นต้องพิษ
ลู่เฉวียนอันต้องพิษรุนแรงที่ออกฤทธิ์ช้า ทำให้อยู่ในสภาพสลบไสลตลอดเวลา ทั้งยังต้องใช้ตัวยาราคาแพงสำหรับเสริมปราณจำนวนมากเพื่อช่วยชีวิต
พิษร้ายชนิดนี้เหมือนกับหนอนไชกระดูก ขจัดได้ยากถึงขีดสุด ถ้าไม่ใช่ครั้งนี้ลู่เซิ่งเลื่อนระดับอีกครั้งจนสามารถเปลี่ยนแปลงและปลอมแปลงแก่นหยางเป็นปราณชนิดใดๆ ก็ได้ ครั้งนี้คงลำบากจริงๆ แล้ว
เดิมทีหลังจากลู่เซิ่งเจอพิษที่ขจัดได้ยากถึงขีดสุดนั้น ก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน ภายหลังลองเปลี่ยนแก่นหยางเป็นรูปแบบของพิษนั้น จึงค่อยได้รับการเชื่อใจจากพิษส่วนใหญ่ ค้นพบเบื้องหลังและวิธีการทำงานของพิษจนเข้าใจกระจ่าง จึงค่อยกำจัดทิ้งได้โดยสมบูรณ์อย่างคล่องแคล่วฉับไว
ทว่าลู่เฉวียนอันก็ได้รับผลเสียไม่น้อยเช่นกัน
วางแผนเล่นงานครอบครัวของเขาแล้ว! ลู่เซิ่งเกิดเพลิงโทสะในใจ นี่เป็นการกระทำที่ไม่คำนึงถึงกฎอย่างรุนแรง ในเมื่ออีกฝ่ายไม่รู้กฎ อย่างนั้นเขาก็ไม่คิดจะทำตามกฎเช่นกัน
จักรพรรดิมารเหวยลาลงมือล้มเหลวสองครั้งติดต่อกัน จะต้องมีแผนสำรองอย่างแน่นอน เมื่อเผชิญกับการคุกคามของจักรพรรดิมาร ถ้าหากบอกว่าเขาไม่กลัวก็เป็นเรื่องโกหก แต่ว่าสิ่งที่เขากลัวไม่ใช่ตนเองได้รับบาดเจ็บ หากกลัวว่าครอบครัวจะถูกพัวพันไปด้วย
เขาสามารถหนีได้อย่างง่ายดาย ทว่าคฤหาสน์ลู่มีคนธรรมดามากมาย ไม่อาจรอดได้ภายใต้การคุกคามจากจักรพรรดิมาร
ดังนั้นเขาจึงต้องการพลังที่แข็งแกร่งกว่าเดิม และต้องการขุมกำลังที่มากพอในการป้องกันการลงมือของจักรพรรดิมารด้วย
ก่อนหน้านี้หมอกมัวได้ส่งอาวุธเทพธาตุน้ำชิ้นหนึ่งให้เขา จิตของอาวุธเทพชิ้นนั้นยังคงหลับลึก เขาจึงเก็บได้อย่างง่ายดาย
แม้จะเป็นระดับใบไม้ทองคำที่อ่อนแอกว่าเล็กน้อย แต่ก็ทำให้เขาเลื่อนระดับวิชาไร้ขอบเขตสำเร็จ
นอกจากนี้เป็นเพราะก่อนหน้านี้ตอนที่ทดลองกระบวนท่าวิชาของสำนักพันอาทิตย์ เขาผิดหวังต่อกระบวนท่าแข็งแกร่งเหล่านี้เป็นอย่างมาก ตอนนี้จึงได้ยื่นเรื่องขออ่านวิชาจริงแท้พิเศษของสำนักพันอาทิตย์ที่สูงล้ำกว่าเดิมแล้ว
เขาไม่เชื่อว่าจะหาวิชาจริงแท้ที่แข็งแกร่งมากพอไม่เจอ ทั้งๆ ที่สำนักพันอาทิตย์มีการสั่งสมมาหลายปี
ออกจากห้องนอน ลู่เซิ่งกำชับกับข้ารับใช้เบาๆ มีแผนการในใจแล้ว
เมื่อครู่ในตอนที่จัดการพิษ เขารู้สึกได้ว่ามีปราณมารที่เบาบางถึงขีดสุดเกาะอยู่ด้วย
นี่แสดงให้เห็นว่าควรเป็นฝีมือของเผ่ามาร ถ้าหากไม่มีแก่นหยางที่สามารถเลียนแบบพลังงานใดๆ ก็ได้ เช่นนั้นโรคของบิดาในครั้งนี้จะต้องหนักขึ้น ไม่ใช่ฟื้นตัวได้ง่ายๆ แบบนี้
ด้านนอกประตูห้อง คนกลุ่มใหญ่รีบพุ่งเข้าไปหาลู่เฉวียนอันในห้อง ลู่เซิ่งยืนอยู่นอกประตู มองดูลู่ชิงชิงที่ซึมซื่อนั่งอยู่ตรงประตูพร้อมทั้งใช้นิ้วเขี่ยพื้นไปมา และพึมพำบางอย่าง ไม่ทราบว่ากำลังพูดอะไรอยู่
“พี่ใหญ่…” ลู่ชิงชิงพลันเงยหน้าหัวเราะฮ่ะๆ อย่างเซ่อซ่าไปทางลู่เซิ่ง
ลู่เซิ่งยื่นมือไปลูบศีรษะของนาง ก่อนจะสาวเท้าเดินไปยังห้องพักผ่อนของตนเอง
อาวุธเทพธาตุน้ำชิ้นที่สองที่จับได้ตามคำพูดของหมอกมัวมีชื่อว่าอาชาน้ำแข็ง เป็นอาวุธเทพธรรมดาที่อยู่ในระดับสั่งสมพลัง กำลังอยู่ในสภาพผนึกตัวเอง มันไม่สะดุดตาแม้แต่น้อย ขอแค่ไม่มีอันตรายที่คุกคามต่อความปลอดภัยในชีวิตของพวกมัน อาวุธเทพอย่างอาชาน้ำแข็งก็จะไม่แสดงความผิดปกติใดๆ
หลังลู่เซิ่งได้อาวุธเทพมา ก็ใช้แก่นหยางห่อหุ้มกระบี่ไว้ โดยใช้พลังระดับอริยะเจ้าผนึก ไม่ได้กินมันอย่างเป็นทางการ
เดิมทีลู่เซิ่งคิดจะกินมันทันทีหลังกลับมา จากนั้นก็ฝึกฝนเลื่อนระดับวิชาไร้ขอบเขต นึกไม่ถึงว่าเพิ่งจะกลับมาก็เกิดเรื่องที่ลู่เฉวียนอันผู้เป็นบิดาสลบไสล ตอนนี้ในเมื่อจัดการเรื่องลู่เฉวียนอันเสร็จแล้ว เขาก็ควรเร่งความเร็วในการจัดการอาวุธเทพอาชาน้ำแข็งชิ้นนั้นเสียที
โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่พิภพมารกดดันมากขึ้น
จักรพรรดิมารเสียร่างแยกสองครั้งติดต่อกัน ลู่เซิ่งรู้ว่าถ้าหากจักรพรรดิมารเหวยลาแห่งพิภพมารส่งคนมาอีก จะต้องเป็นคนที่พัวพันยากอย่างแท้จริงแน่นอน
เรื่องนี้มองเห็นได้จากพิษบนร่างบิดา
หลังกลับห้อง ลู่เซิ่งก็ตรวจสอบสถานการณ์ของมารหยินทั้งเก้าที่กระจายอยู่รอบๆ อีกครั้ง ทุกอย่างเป็นปกติดี
เดิมทีเขานึกว่าเมื่อมีมารหยินเก้าตนอยู่ด้วย ต่อให้เผ่ามารมาถึง การปลอมแปลงใดๆ ก็ไม่อาจเล็ดรอดผ่านเขา ทว่าตอนนี้ดูเหมือน…
“ไม่มีร่องรอยปราณมาร…” ลู่เซิ่งขมวดคิ้วมุ่น
“พิภพมารไม่จำเป็นต้องลงมือเอง ให้คนอื่นลงมือก็ได้เหมือนกัน” อยู่ๆ เสียงชราของกระบี่ธารธาราก็ดังขึ้น
นับตั้งแต่ลู่เซิ่งจัดการหมอกมัว มันก็อยู่เงียบๆ มาโดยตลอด ตอนนี้กลับเอ่ยปากอย่างกะทันหัน คล้ายกับปลงตกแล้ว
“ไม่ลงมือเองหรือ” ลู่เซิ่งงุนงง ในใจมีการคาดเดาบางส่วนแล้ว
“เรื่องนี้ พิภพมารมียอดฝีมือที่ควบคุมจิตใจคน ให้ทำการลอบสังหารและลอบโจมตีอยู่ด้วย การใช้ความสามารถพิเศษบางอย่างเพื่อให้คนในของตระกูลลู่แอบลงมือ ไม่นับว่าเป็นเรื่องยากอะไร” กระบี่ธารธาราเอ่ยเบาๆ
“พวกเดียวกันลงมือ…” ลู่เซิ่งผุดสีหน้าเคร่งขรึม นี่เป็นจุดที่เขาเป็นห่วงที่สุด อย่างไรเขาก็ไม่ใช่แม่บ้าน ไม่อาจเฝ้าอยู่ข้างๆ คนในครอบครัวตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงได้
“ความจริงเรื่องนี้มีวิธีที่แก้ไขได้อยู่” กระบี่ธารธาราเอ่ยเบาๆ
“วิธีที่แก้ไขได้มีมากมาย ข้าเพียงแต่ไม่มีคนเหมาะสมที่เชื่อใจได้เท่านั้น” ลู่เซิ่งส่ายหน้า “คนร้ายซ่อนอยู่หลังบ้าน แต่เป็นใครก็ยังบอกไม่ได้”
……………………………………….