CatNovel
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 441 มารสวรรค์ (5)

  1. Home
  2. ยอดวิถีแห่งปีศาจ
  3. บทที่ 441 มารสวรรค์ (5)
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

บทที่ 441 มารสวรรค์ (5)

หมอกดำที่สลายไปทำให้เงาดำตนอื่นๆ ตกตะลึง

ภายในวงอาณาเขตของแสงเทียนเงีบบสงัด

‘ตอนนี้ยังมีใครคิดจะพูดอีกไหม’ หลังจากลู่เซิ่งจัดการเงาดำทิ้งไปตนหนึ่ง ก็กวาดตามองเงาดำตนที่เหลืออย่างเย็นชา ‘การเชื่อมต่อต้องใช้ทักษะ และข้าก็ชอบรูปแบบที่มีประสิทธิผลที่สุดมาโดยตลอด’

‘เจ้า…เจ้าจะทำแบบนี้ไม่ได้…’ เงาดำร่างเล็กขนลุก ‘ถ้าเจ้าทำแบบนี้ ครั้งหน้าจะไม่มีวิญญาณคุ้มครองยอมมาแล้ว’

‘ไม่เป็นไร แค่พวกเจ้าก็พอแล้ว’ ลู่เซิ่งฉีกยิ้ม เขาเตรียมจะใช้วิญญาณคุ้มครองเหล่านี้ทำการทดลองดูว่า จะทำสัญญาถาวรได้หรือไม่

เขาทำความเข้าใจเนื้อหาการทำสัญญาตอนจบพิธีมาแล้ว สัญลักษณ์ลวดลายค่ายกลบนพื้น เขาก็ศึกษามาคร่าวๆ แล้วว่าสัญลักษณ์ไหนดูแลเนื้อหาสัญญา สัญลักษณ์ไหนดูแลการทำสัญญา

ดังนั้น ขอแค่ปรับเปลี่ยนนิดหน่อย…

ลู่เซิ่งนั่งลงแล้วดึงสัญลักษณ์เส้นสายส่วนหนึ่งบนพรมออกมาอย่างแรง

แคว่ก

ขนแกะที่เป็นสีสันเส้นสายบนพรมถูกฉีกออกโดยสิ้นเชิง ลวดลายค่ายกลสั่นไหวอย่างรุนแรง เกือบจะรักษาพิธีกรรมไว้ไม่อยู่ ทว่าผ่านไปพักหนึ่ง พิธีกรรมก็กลับสู่สภาพเดิมภายใต้แสงเทียนที่ส่องสว่าง

‘มีผลอย่างที่คิดไว้…ดูเหมือนเราจะคิดถูกแล้ว ตัวพิธีกรรมนี้ไม่ได้ยากอะไร เป็นแค่การทำสัญญาปากเปล่าง่ายๆ เท่านั้น ตอนนี้ สิ่งที่เราต้องทำคือการตัดเนื้อหาที่เกี่ยวกับการจำกัดเวลาของสัญญาส่วนหนึ่งทิ้งไป…’

ลู่เซิ่งนั่งลงฉีกซ้ายฉีกขวา แสงเทียนของพิธีส่ายไหวอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ได้ดับลง

ไม่ทราบผ่านไปนานเท่าไหร่ ด้านนอกมีเสียงไก่ขันดังมาเบาๆ ลู่เซิ่งจึงค่อยหยุดลง แล้วลุกขึ้นมองเงาดำสิบกว่าสายตรงหน้าที่ไม่กล้าขยับเขยื้อน

‘เจ้าคิดทำอะไรกันแน่’ เงาดำร่างกำยำตนหนึ่งถามเสียงขรึม ‘พวกเราสู้เจ้าไม่ได้ แต่หากการทำสัญญาจบลงพวกเราก็แยกย้ายกันได้เอง แถมเจ้าก็จับพวกเราไม่ได้เช่นกัน เพาะความแค้นกันแบบนี้ หรือเจ้าจะบ้าไปแล้ว’

ลู่เซิ่งยิ้มๆ เขาศึกษาพิธีกรรมจนทะลุปรุโปร่งแล้ว ตอนแรกยังเป็นห่วงอยู่บ้างว่าอาจจะเกิดปัญหา ยังดีที่แก้ไขได้ทันที จึงไม่มีปัญหาอะไร

เรื่องเลวร้ายอย่างการจับวิญญาณคุ้มครองต้องทำให้สำเร็จในครั้งเดียว ไม่อย่างนั้นหากความแตก วิญญาณคุ้มครองตนอื่นจะไม่ติดกับอีก ดังนั้นจำเป็นต้องทำให้สำเร็จในครั้งเดียว ในเมื่อมีโอกาสหนเดียว ลู่เซิ่งจึงกระทำอย่างเด็ดขาด จับเงาดำเข้ามาหลายตนหน่อย

ตอนนี้สำเร็จจริงๆ แล้ว

เขากวาดตามองเหล่าเงาดำตรงหน้า สองมือพลันขยับ แสดงท่วงท่าพิสดารมากมาย เหมือนกับกวนอิมพันกรในวัด และเหมือนมุทราอรหันต์ หรือท่ามือสำหรับฝึกปราณของลัทธิเต๋า

ไม่ถึงหนึ่งวินาที ลู่เซิ่งก็เปลี่ยนท่วงท่าพิธีกรรมที่แตกต่างกันถึงสิบสองชนิด ขณะเดียวกันก็ตะโกนเสียงหลายสิบเสียงซึ่งเหมือนการกรีดร้องในเวลาไม่กี่วินาที

ยังไม่รอให้เงาดำทั้งหมดตอบสนอง

พรึ่บ!

แสงเทียนสั่นไหวอย่างรุนแรง จากนั้นก็กลายเป็นสีน้ำเงินสามวินาที ก่อนจะดับลงอย่างฉับพลัน ห้องตกสู่ความมืดมิดโดยสมบูรณ์

วิญญาณคุ้มครองสิบกว่าสายยังไม่ทันตอบสนอง ก็รู้สึกว่าบนร่างมีโซ่พันธะสัญญาที่แข็งแกร่งถึงขีดสุดเพิ่มมาเส้นหนึ่งอย่างอธิบายไม่ได้ นี่เป็นสภาพตามปกติหลังทำสัญญาเสร็จ ความยาวสั้นของโซ่นี้จะกำหนดความยาวสั้นของเวลาในการทำสัญญา

นอกจากนี้โซ่ยังจะหดสั้นลงตามเวลาที่ผ่านไปด้วย ทว่าโซ่ที่อยู่บนร่างในตอนนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย ไม่มีร่องรอยว่าจะหดสั้นลง และยิ่งสัมผัสเงื่อนไขกับเวลาที่สัญญาจะลุล่วงไม่ได้…

‘ไม่!’

เงาดำหลายตนพลันตกใจหวาดกลัว มีหลายตนพุ่งเข้าใส่ลู่เซิ่งด้วยความร้อนรน

‘เจ้าทำอะไร!’

‘เจ้าบ้าไปแล้ว!’

‘ฆ่ามัน! พวกเราจะเป็นอิสระก็ต่อเมื่อฆ่ามันได้’ เงาดำร่างเล็กสั่งเสียงดัง

เปรี้ยง!

ไม่นานเงาดำสายหนึ่งก็ลอยกลับมาชนใส่กำแพงด้านในห้องเต็มแรง แล้วติดอยู่บนกำแพงโดยไม่ขยับเขยื้อนเหมือนกับภาพแปะผนัง

จากนั้นเงาดำสายหนึ่งก็กระแทกเข้ากับเก้าอี้ไม้จนหัก ก่อนจะนอนร้องโหยหวนอยู่บนพื้น

ลู่เซิ่งจับศีรษะของเงาดำตนหนึ่งไว้และลากมันเดินเข้าหาเงาดำร่างเล็กนั้น

‘ทั้งๆ ที่รู้ว่าสู้ไม่ได้ ยังจะลองดีอีก เปลืองแรงเปล่าๆ แทนที่จะเอาแรงไปอาละวาด ควรคิดดีกว่าว่าจะเอาใจข้าอย่างไรเพื่อให้ข้าปล่อยพวกเจ้าไป’ ลู่เซิ่งยิ้มพร้อมกับโยนเงาดำที่เป็นวิญญาณคุ้มครองในมือไปบนพื้นตรงหน้า

‘นอกจากนี้สัญญาก็กำหนดเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่สัญญาจะจบลง พวกเจ้าไม่สามารถทำร้ายใครในหมู่บ้านควันม่วงได้ พวกเจ้าคงไม่ลืมเนื้อหากระมัง’

เงาดำร่างเล็กก้มศีรษะ จนถึงตอนนี้มันยังอึ้งงันอยู่ ตนถูกจับทำสัญญาโดยไม่รู้เรื่องรู้ราว แถมยังกลายเป็นเนื้อบนเขียงของคนอื่นอีก

‘เข้าใจแล้ว’ ด้านข้างมันมีเงาดำตอบอย่างใจเย็น

ลู่เซิ่งกวาดตามองวิญญาณคุ้มครองที่เอ่ยปากพูด เป็นเงาดำร่างสูงชะลูดที่มีผมยาว เสียงคล้ายเสียงสตรี

‘ขอถามสักข้อ พวกเจ้าออกมาตอนกลางวันได้หรือไม่’

‘ย่อมได้ มนุษย์เช่นพวกเจ้าเห็นพวกเราเป็นสีดำสนิทพราะดวงตาของพวกเจ้าไม่อาจเห็นแสงกับสีอีกชนิดที่อยู่บนตัวพวกเราได้ ดังนั้นจึงคิดว่าเป็นสีดำ’ เงาดำร่างสูงชะลูดตอบอย่างจริงจัง

‘เช่นนั้นชื่อของเจ้าคือ?’ ลู่เซิ่งชื่นชมในตัวคนที่รู้จักเวลาและหน้าที่มาก ไม่ใช่ใครๆ จะก้มหน้าปรับตัวกับสภาพแวดล้อมได้อย่างแน่วแน่และรวดเร็ว

‘ซันปู้ ซันที่หมายถึงสาม ปู้ที่หมายถึงผืนผ้า’

‘ซันปู้…ข้าจำไว้แล้ว…’ ลู่เซิ่งพยักหน้า ‘ข้ายังมีคำถามอีกมากมายอยากจะให้เจ้าชี้แนะ ถ้าเจ้ายินยอม’

‘เจ้าถามข้าตอบ จะไม่มีการปิดบัง’ ซันปู้ตอบอย่างเรียบเฉย

‘เจ้าไม่เลวทีเดียว’ ลู่เซิ่งพยักหน้า

‘ขอบคุณ นอกจากนี้ ขอเตือนเจ้าสักประโยค หลังพิธีกรรมจบลง พวกเราได้แต่ติดตามเจ้า ไม่อาจจากไปไหนไกลได้เพราะสัญญา’ ซันปู้พูดอย่างรวดเร็ว

‘อย่างนั้นหรือ…’ ลู่เซิ่งใคร่ครวญ ตอนนี้แสงเทียนกำลังวูบไหว ในที่สุดก็ดับลงโดยสมบูรณ์ ทว่าวิญญาณคุ้มครองสิบกว่าตนยังคงไม่อาจจากไป เป็นเพราะว่าพวกเขาทำสัญญาแล้ว

ทว่าไม่อาจจากไป ไม่ได้หมายความว่าวิญญาณคุ้มครองเหล่านี้ยอมเข้าใกล้ลู่เซิ่ง ส่วนใหญ่บินทะลุกำแพงออกไปถึงจุดที่อยู่ห่างจากลู่เซิ่งมากที่สุดชั่วขณะ

เหลือแค่ซันปู้

ลู่เซิ่งย่อมสัมผัสได้เพราะสัญญา

‘ไม่เป็นไรหรือ’ เขาถาม

‘ไม่เป็นไร ข้าไม่ชอบพวกเขา พวกเขาก็ไม่ชอบข้าเช่นกัน ต่อให้ไม่มีสัญญาก็เป็นเหมือนเดิม’ ซันปู้เอ่ยอย่างราบเรียบ

‘พวกเจ้าวิญญาณคุ้มครองใช้อะไรสู้กับวิญญาณชั่วร้าย บอกได้หรือไม่’ ลู่เซิ่งถามอย่างสนใจ ถือโอกาสนั่งขัดสมาธิคุยกับซันปู้ผู้นี้

‘พวกเราอาศัยพลังวิญญาณ พูดอีกอย่างก็คือพลังงานที่ไหลเวียนอยู่ในตัวพวกเรา หรือสายเลือดและโลหิตของพวกเราซึ่งเป็นเสาค้ำของชีวิต วิญญาณคุ้มครองคุ้มครองวิญญาณ ย่อมไม่ใช่ว่าเรียกแบบนี้โดยไม่มีความหมาย’ ซันปู้อธิบายอย่างรวบรัด

‘พลังวิญญาณหรือ สาธิตได้หรือไม่’ ลู่เซิ่งเกิดความสนใจอย่างฉับพลัน เป็นระบบพลังอีกแบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน เขาสนใจในทุกสิ่งที่ทำให้ตนแข็งแกร่งขึ้นได้

‘ย่อมได้’ ซันปู้ให้ความร่วมมืออย่างดี

นางยื่นมือออกมา หรือก็คือหนวดที่เป็นเงาสีดำซึ่งเหยียดตรงเหมือนกับกิ่งไม้แท่งหนึ่ง บนหนวดมีเงาดำที่เหมือนกับเปลวไฟกลุ่มหนึ่งผุดออกมาตลอดเวลา

‘นี่ก็คือพลังวิญญาณของข้า ผลของพลังงานชนิดนี้คือการมอบชีวิตให้แก่สิ่งของ ขณะเดียวกันก็มีผลกดข่มที่รุนแรงที่สุดต่อวิญญาณชั่วร้ายที่เต็มไปด้วยไอความตายเช่นกัน’ ซันปู้เอ่ยอย่างเรียบเฉย

‘อ้อ? มอบชีวิตให้สิ่งของหรือ แสดงให้ดูได้หรือไม่’ ลู่เซิ่งสนใจกว่าเดิม

‘น่าเสียดายนัก พลังของข้าอ่อนแอเกินไป จึงไปไม่ถึงระดับนั้น แต่ว่าการใส่พลังวิญญาณจำนวนน้อยจะทำให้สิ่งของมีพลังชีวิต และอาจจะทำให้เกิดของล้ำค่าในสายตามนุษย์เช่นพวกเจ้าขึ้นมา’ ซันปู้อธิบาย

‘น่าสนใจ…นอกจากนี้แล้วยังมีผลอะไรอีกหรือไม่’ ลู่เซิ่งถามต่อ

‘มี…ทำให้สิ่งมีชีวิตมีพลังชีวิตเพิ่มกว่าเดิมและแข็งแรงกว่าเดิม…’ ซันปู้กล่าวอย่างไม่แน่ใจ ‘ข้ายังไม่เคยลอง แต่น่าจะทำถึงขั้นนี้ได้’

‘อย่างนั้นทำไมพวกเจ้าถึงทำสัญญากับมนุษย์ พวกเจ้าต้องการอะไรจากพวกเรา’ ลู่เซิ่งถามคำถามสำคัญ

ซันปู้เงียบเสียง ก่อนจะค่อยๆ ตอบ

‘ผลิตภัณฑ์หลายอย่างในโลกของพวกเจ้าเป็นของที่มีค่าอย่างยิ่งสำหรับพวกเรา หากพวกเราได้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มาดูดซับแก่นสารด้านใน พลังของพวกเราจะพัฒนาขึ้นหนึ่งระดับ’

‘อย่างนี้นี่เอง…’ ลู่เซิ่งใคร่ครวญเล็กน้อย แล้วถามต่ออีกหลายคำถาม

ซันปู้ตอบทุกคำถาม ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี มองการโกหกปิดบังไม่ออก

สุดท้ายลู่เซิ่งก็ถามอีกคำถาม ‘ทำไมเจ้าให้ความร่วมมือกับข้าขนาดนี้’

‘เพราะข้าไม่เห็นนัยสำคัญในการต่อต้านเจ้า’ ซันปู้ตอบอย่างจริงจังยิ่ง

‘คำขอสุดท้าย’ ลู่เซิ่งยิ้มพร้อมกับลุกขึ้น ‘รบกวนเจ้าใส่พลังวิญญาณมาในมือข้าด้วย ข้าขอลองสัมผัสดูหน่อย…’

ซันปู้ส่ายหน้า ‘ไม่มีประโยชน์ ก่อนหน้านี้เคยมีคนขอแบบนี้แล้ว แต่ไม่เกิดผลอะไร ไม่ว่าอย่างไรมนุษย์ก็สัมผัสการดำรงอยู่ของพลังวิญญาณไม่ได้’

ถึงแม้นางไม่คิดว่าลู่เซิ่งจะทำสำเร็จ แต่ก็ยังคงทำตามคำสั่ง ค่อยๆ พาดหนวดกับฝ่ามือของลู่เซิ่ง แล้วใส่พลังวิญญาณด้านในร่างกายตัวเองลงไป

ลู่เซิ่งมองฝ่ามือของตนที่ค่อยๆ แวววาวและคล่องแคล่วขึ้นอย่างสงบ มีแสงสว่างสีขาวจางๆ ชั้นหนึ่งปกคลุมอย่างขมุกขมัวราวกับรูปสลักที่แกะจากหยกขาว

เขาสัมผัสถึงการดำรงอยู่ของพลังวิญญาณไม่ได้โดยสิ้นเชิง ต่อให้จะเป็นจิตวิญญาณระดับอริยะเจ้า ก็ไม่มีปฏิกิริยาแม้แต่น้อย

แต่เขายังคงไม่ยอมแพ้ จินตนาการว่าพลังวิญญาณบนมือไหลตามเส้นเลือดและเส้นชีพจรจากมือตรงไปยังบ่า และตกลงไปถึงทรวงอก ก่อนจะเริ่มโคจรอย่างรวดเร็วไปตามเส้นชีพจรเริ่น[1]และเส้นชีพจรตู[2]

ถึงแม้จะยังคงสัมผัสการดำรงอยู่ของพลังวิญญาณไม่ได้ แต่หลังจากทำแบบนี้อยู่หลายสิบครั้ง ในที่สุดลู่เซิ่งก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าร่างกายของตัวเองบวมพองและมีกำลังวังชาเพิ่มขึ้นกว่าเดิม พร้อมกับที่พลังวิญญาณที่ซันปู้ใส่เข้ามามีมากขึ้นเรื่อยๆ

‘ดีปบลู’ เขานึกในใจ

ชิ้ง

กรอบสีฟ้าโผล่ขึ้นตรงหน้าเขา

เดิมทีส่วนของลู่จ้งมีแค่สองกรอบ หนึ่งคือวิชากระบี่ยอดพฤกษา อีกหนึ่งคือวิชาสารกายปริศนา

ทว่าตอนนี้มีกรอบใหม่โผล่มาด้านล่างสุด

[วิชาพลังวิญญาณปริศนา: ขั้นพื้นฐาน (ประสิทธิผลเพิ่มเติม: คล่องแคล่วระดับหนึ่ง, อายุยืนระดับหนึ่ง)]

‘พลังวิญญาณมีผลทำให้อายุยืนด้วยหรือนี่!?’ลู่เซิ่งตกใจ จะดูถูกไม่ได้เสียแล้ว

‘ดีมาก พอแล้ว ขอบคุณ’ แม้เขาจะตกตะลึง แต่ก็ยังใช้จิตส่งความตั้งใจของตัวเองให้ซันปู้

‘เป็นอย่างไร’ ซันปู้มองลู่เซิ่งอย่างคาดหวังเล็กน้อย นางรู้สึกว่ามนุษย์คนนี้แตกต่างจากมนุษย์คนใดที่นางได้เจอมาก่อน

ดังนั้นนางจึงร่วมมือกับอีกฝ่าย

‘สัมผัสไม่ได้เลย…’

ลู่เซิ่งส่ายหน้า ‘ช่วยอธิบายขั้นตอนการฝึกพลังวิญญาณได้หรือไม่’

……………………………………….

[1] เส้นชีพจรเริ่น เป็นเส้นชีพจรที่อยู่ตั้งแต่กลางหัวเหน่าไปถึงใต้ริมฝีปากล่าง

[2] เส้นชีพจรตู เป็นเส้นชีพจรที่อยู่ด้านหลังตั้งแต่ใต้อวัยวะเพศไปถึงกลางกระหม่อม

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "บทที่ 441 มารสวรรค์ (5)"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์