ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 445 บทเกริ่น (1)
บทที่ 445 บทเกริ่น (1)
เฉินฉวินหน้าแดงก่ำ เส้นเลือดขยายขึ้นทั่วร่าง ตะเกียกตะกายลุกขึ้น ขณะกำลังจะหอบหายใจ ก็รู้สึกได้ว่าชั้นบนมีลมแรงพัดมา
ชายฉกรรจ์หน้าดำที่มีร่างสูงสองหมี่ถือขวานสองด้านเร่งฝีเท้าเดินลงมาพลางหัวเราะเย็นชา
สิ่งที่ทำให้เฉินฉวินต้องลืมตาโตก็คือ ใต้รักแร้ของอีกฝ่ายหนีบเฉินโย่วจิ่นลูกผู้น้องของตนเอาไว้
เฉินโย่วจิ่นเป็นคนที่งดงามที่สุดในบรรดาน้องสาวของเขา และเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดเช่นกัน ตอนนี้นางหน้าถอดสี พยายามขัดขืนสุดชีวิต ทว่าเป็นเพราะอ่อนแอเกินไป จึงไร้ประโยชน์ ถูกหิ้วลงมาด้วยแขนข้างเดียว
“สตรีพวกนี้ไม่เลวทีเดียว ช่วงนี้มีเรื่องรำคาญใจอยู่เยอะพอดี ไฟในใจข้ามีที่ระบายสักที!” เปี๋ยเฟยเฮ่อโยนเฉินโย่วจิ่นไปที่พื้นพลางหัวเราะอย่างเย็นชา จากนั้นก็ยื่นมือไปจับคอเสื้อตรงหน้าอกของเด็กสาวแล้วออกแรงฉีก
แควก!
ชุดกระโปรงของเฉินโย่วจิ่นถูกฉีกออก เผยให้เห็นร่างกายงดงามที่สวมใส่เสื้อชั้นในสีขาวนวล
นางพลันกรีดร้องแหลม คลานไปทางประตูอย่างบ้าคลั่ง
“ฮ่าๆๆ! ไม่เลวๆ!” เปี๋ยเฟยเฮ่อหัวเราะลั่น ลูบคลำร่างเด็กสาวอย่างสาแก่ใจ ท่าทางจะอารมณ์ดีมาก
ลู่เซิ่งชมดูอย่างเบื่อหน่าย เป็นฉากบุรุษข่มเหงรังแกสตรีธรรมดาทั่วไป แต่ขณะเขากำลังจะก้มหน้าเพื่อดื่มสุราต่อและหลับตาทำสมาธินั่นเอง อยู่ๆ หางตาก็กวาดไปเห็นจุดประหลาดจุดหนึ่ง
“เอ๋?”
สายตาเขาหยุดอยู่บนร่างของเปี๋ยเฟยเฮ่อกับเฉินโย่วจิ่นนั่นอย่างกะทันหัน โดยเฉพาะร่างของเฉินโย่วจิ่น
‘นี่คือ…?’
รอยประทับฝ่ามือบนร่างนางผิดปกติเล็กน้อย
ลู่เซิ่งหันไปมองร่างของเปี๋ยเฟยเฮ่ออย่างรวดเร็วพร้อมกับพิจารณาอย่างละเอียด
‘คุณสมบัติดีเลิศ! เป็นวัตถุดิบชั้นดีจริงๆ! แถมยังเป็นคุณสมบัติร่างระดับสุดยอดที่ร้อยปียากพบพาน นึกไม่ถึงเลยว่าจะเจอของดีระดับนี้ได้จากที่นี่!’ เขารู้สึกยินดี
“ไม่!” เวลานี้เฉินฉวินกลับพุ่งใส่เปี๋ยเฟยเฮ่อเหมือนกับเสียสติไปแล้ว พร้อมกับแทงกระบี่หักใส่เปี๋ยเฟยเฮ่ออย่างคลุ้มคลั่งและเดือดดาล
ขวับๆๆๆ!
เขาไม่มีท่วงท่าอะไรอีกแล้ว เพียงแต่แทงไปอย่างมั่วซั่ว จากนั้นในขณะที่โมโหอยู่ก็ถูกเปี๋ยเฟยเฮ่อถีบใส่ท้องจนกระเด็นออกไป แล้วลุกไม่ขึ้นอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
เวลานี้คนในเหลาสุราก็ได้ออกจากประตูไปเงียบๆ เป็นจำนวนไม่น้อย แสดงให้เห็นว่าไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว
เปี๋ยเฟยเฮ่อถีบเฉินฉวินออกไปเรียบร้อยแล้ว ก็เดินไปลูบๆ คลำๆ ตัวเฉินโย่วจิ่นต่อ มีจอมยุทธ์ผู้รักความยุติธรรมหลายคนทนดูไม่ได้อีกต่อไป คิดจะลุกขึ้นส่งเสียงห้ามปราม แต่ถูกสหายหยุดเอาไว้
‘ธารเมฆา พรรคเหยี่ยวดำ ชื่อดังใช้ได้นี่’ ลู่เซิ่งได้ยินคนบ่นเบาๆ คล้ายกับข่มความโกรธเอาไว้อยู่
ด้านในเหลาสุรามีคนหลบหนีอย่างต่อเนื่อง คนที่ยังอยู่เหลือน้อยลงเรื่อยๆ คนบนชั้นสองก็เริ่มลงมาเช่นกัน
เฉินฉวินถูกทุบตีครั้งแล้วครั้งเล่า สหายหลายคนที่ร่วมทางกับเขาโดนบริวารของเปี๋ยเฟยเฮ่อจับไว้ด้านข้าง มีคนที่ขัดขืนสุดชีวิต มีคนก้มหน้าเงียบๆ และมีคนส่งเสียงสะอึกสะอื้น
ฉัวะ!
แขนข้างหนึ่งของเฉินฉวินหลุดออกจากร่าง ลอยไปยังมุมหนึ่งของเหลาสุรา เลือดสาดพุ่งกระเซ็นไปทั่ว
“เจ้า! ไปยังตระกูลเฉิน ให้เอาปะการังโลหิตอะไรนั่นออกมาแลกตัวลูกชาย เอาแขนข้างนี้ไปด้วย” เห็นได้ว่าเปี๋ยเฟยเฮ่อจงใจทำเช่นนี้ เขาชี้เสี่ยวเอ้อร์คนหนึ่งแล้วกล่าวพลางหัวเราะเหอะๆ
เสี่ยวเอ้อร์คนนั้นตัวสั่น หน้าซีดเซียว ขานรับเสียงสั่นเครือ จากนั้นก็หมุนตัววิ่งไป
ตอนนี้เฉินโย่วจิ่นขดตัวอยู่ตรงมุมหนึ่ง ปิดบังจุดสำคัญสามจุดที่มีแค่เสื้อผ้าฉีกขาดปิดบังไว้ด้วยใบหน้าสิ้นหวัง
เฉินฉวินกุมแขนข้างที่ขาดพลางร้องไห้เหมือนเด็ก เขามองคนบนยุทธภพที่เหลืออยู่ในเหลาสุรา
เขาฉวยโอกาสที่เปี่ยเฟยเฮ่อไม่ได้สนใจพุ่งเข้าไปถึงด้านหน้าคนโต๊ะหนึ่ง
“ขอร้องท่าน ช่วยน้องสาวข้าด้วย!” เขาคุกเข่าโขกศีรษะอย่างแรงจนบนหน้าผากเกิดรอยเลือดรอยหนึ่ง
คนที่อยู่รอบโต๊ะก้มหน้าหลับตา ไม่สนใจและไม่กล้าสนใจเขา
เฉินฉวินโขกศีรษะอยู่พักหนึ่ง ก่อนใบหน้าจะฉายแววสิ้นหวัง แล้วรีบหันไปหาคนอีกโต๊ะหนึ่ง
“ขอ…ขอร้องท่าน! ช่วยน้องสาวข้าด้วย!”
โต๊ะนี้เป็นของพวกผู้เฒ่าหลังค่อมสองคนนั้น ทั้งสองสีหน้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย ยังคงกินอาหารของตนต่อไป
เฉินฉวินไม่เห็นความหวังใดๆ อีก ได้แต่โขกศีรษะให้ทีละโต๊ะ
เปี๋ยเฟยเฮ่อที่อยู่ด้านหลังกลับเกิดความสนใจ จึงเข้าไปสกัดจุดห้ามเลือดให้เฉินฉวิน จากนั้นก็นั่งลงมองดูเรื่องสนุกอยู่ใกล้ๆ
แต่จนกระทั่งถึงโต๊ะที่เก้า ก็ยังไม่มีใครตอบรับ
เฉินฉวินสิ้นหวังขึ้นเรื่อยๆ เปี๋ยเฟยเฮ่อก็แสดงสีหน้าเบื่อหน่ายขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน
ในที่สุดเฉินฉวินก็ไปโขกศีรษะหน้าโต๊ะของลู่เซิ่ง
ลู่เซิ่งมองยังไม่มองเขา เขาเห็นฉากเกิดแก่เจ็บตายมามากเกินไปแล้ว หลังภัยพิบัติมารอุบัติ โศกนาฎกรรมนับไม่ถ้วนทำให้คนรับมือไม่ไหว เทียบกับต้าซ่งและต้าอินแล้ว ที่นี่คือโถงสวรรค์โดยแท้จริง
ความหวังในดวงตาเฉินฉวินริบหรี่ลงเรื่อยๆ คุกเข่ามาถึงตอนนี้ เขาหมดแรงไปแต่แรกแล้ว ตอนนี้เห็นลู่เซิ่งไม่สนใจตนเอง ความหวังสุดท้ายดับมอด พลันล้มลงกับพื้น หมดสง่าราศีโดยสมบูรณ์
“ฮ่าๆๆ! น่าสนใจ น่าสนใจ!” เปี๋ยเฟยเฮ่อหัวเราะลั่น หัวเราะไปหัวเราะมาเคราข้างใต้คางเขาถึงกับหลุดลงมา
“เอ้อ…อุบัติเหตุๆ!” เขารีบติดเคราเข้าไปใหม่
“วันนี้สาแก่ใจจริงๆ” เขาเดินเข้าไปจิกผมเฉินฉวิน แล้วลากไปด้านหลัง เตรียมจะจากไป
“หยุดก่อน” อยู่ๆ เสียงทุ้มต่ำก็เรียกเขาไว้จากด้านหลัง
“หือ?” เปี๋ยเฟยเฮ่อพลันงงงวย หันกลับไปมองลู่เซิ่ง
“อะไร เจ้าจะออกหน้าให้มันหรือ” ความดุร้ายเหี้ยมเกรียมในดวงตาเขาค่อยๆ เข้มข้นขึ้น
จอมยุทธ์หลายคนที่คิดจะออกหน้าแต่มีพลังไม่พอ จึงไม่กล้าลงมือรู้สึกโล่งอก ในที่สุดก็มีคนออกหน้าสักที
พวกเขามองลู่เซิ่งด้วยความยินดีระคนคาดหวัง หวังว่าอีกฝ่ายจะหยุดเปี๋ยเฟยเฮ่อได้อย่างแท้จริง
ชายชราหลังค่อมกับสตรีวัยกลางคนที่อยู่ใกล้ๆ เงยหน้ามองมาทางนี้ด้วยความตกใจเช่นกัน เหมือนจะนึกไม่ถึงว่าเขาจะลงมือ อาจเป็นเพราะบุคลิกและรูปลักษณ์ภายนอกของเขาไม่เหมือนคนที่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่น
ลู่เซิ่งค่อยๆ ดื่มสุราในมือ แล้ววางจอกลง
“ไม่ต้องห่วง ข้าไม่สนใจมันหรอก” เขาใช้น้ำเสียงราบเรียบ แสดงสีหน้าเฉยชา
เปี๋ยเฟยเฮ่องุนงง ก่อนจะหัวเราะร่า
‘ที่แท้ก็คนรักตัวกลัวตายอีกคน…’
‘พวกเรียกร้องความสนใจ!’
เหล่าจอมยุทธ์ที่อยู่รอบๆ ต่างเข้าใจดี พวกเขาส่ายหน้าในใจ โดยเฉพาะเฒ่าหลังค่อมกับสตรีวัยกลางคน ตอนแรกยังมีสายตาคาดหวังเล็กน้อย ตอนนี้อดยิ้มไม่ได้
“ในยุทธภพ จะให้มีบุคคลที่รักษาคุณธรรมยอมหักไม่ยอมงอเหมือนยอดคนอย่างถังซิ่ง เกรงว่าจะเป็นไปไม่ได้แล้ว…” สตรีวัยกลางคนที่อยู่ด้านข้างเฒ่าหลังค่อมถอนใจเบาๆ
สายตาประหลาดใจจำนวนมากหยุดอยู่บนร่างลู่เซิ่ง
พริบตาที่เขาเอ่ยปากเมื่อครู่ ทุกคนยกภาพลักษณ์ของเขาไว้สูงมาก แต่ประโยคต่อมาก็ทำให้ความคาดหวังของทุกคนตกสู่ก้นเหวอีกครั้ง
เฒ่าหลังค่อมยกสุราในมือขึ้น มองเปี๋ยเฟยเฮ่อที่หัวเราะอยู่แวบหนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ
“ช่วยไม่ได้หรอก เปี๋ยเฟยเฮ่อไม่ได้น่ากลัว แต่ประมุขพรรคเหยี่ยวดำที่อยู่เบื้องหลังเขาไม่ใช่ว่าจะหาเรื่องได้ง่ายๆ ฉายาราชาขาเหยี่ยวเทพที่มีชื่อเสียงอันดับหนึ่งแห่งธารเมฆาไม่ใช่ได้จากการคุยโว กอปรกับเจ้าหนูตระกูลเฉินนั่นล่วงเกินเขาก่อน ต่อให้เป็นข้าก็ออกหน้าในเรื่องนี้ไม่ได้”
“อาจารย์…” สตรีวัยกลางคนถอนใจเบาๆ จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
หลังจากเปี๋ยเฟยเฮ่อที่หิ้วเฉินฉวินอยู่ หัวเราะเสร็จแล้ว ก็ชี้มาที่ลู่เซิ่งพร้อมกับกล่าวอย่างพอใจว่า “นับว่าเจ้ารู้ความ ไม่อย่างนั้นนายท่านเฮ่อของเจ้าก็ไม่ถือสาหากจะตัดหัวคนอีกสักคน”
เขาหิ้วเฉินฉวินแล้วหมุนตัวเดินเข้าไปหาเฉินโย่วจิ่น เตรียมจะหาสถานที่เสพสุขสักหน่อย ของดีอย่างหญิงสาวงดงามอายุน้อย แถมยังมีคุณสมบัติระดับคุณหนูตระกูลร่ำรวยสุดที่หญิงสาวบ้านนอกคอกนาทั่วไปจะเปรียบเทียบได้ ของดีๆ ต้องลิ้มรสช้าๆ ถึงจะถูก
“เปี๋ยเฟยเฮ่ออะไร ข้าไม่สนใจ แต่สนใจในตัวเจ้ายิ่ง” เดินไปได้ไม่กี่ก้าว เสียงของลู่เซิ่งก็ดังมาจากด้านหลังอีกครั้ง
เหลาทั้งเหลาเงียบสงัด
“หา?”
เปี๋ยเฟยเฮ่อชะงักฝีเท้า หมุนตัวไปจ้องลู่เซิ่งด้วยสีหน้าสับสน
จอมยุทธ์คนอื่นๆ ในเหลาสุรานิ่งอึ้งเช่นกัน
ชายชราหลังค่อมกับสตรีวัยกลางคนเกือบจะสำลักสุราออกมา ชายชราไออยู่สักพักจึงค่อยหายดี จากนั้นจึงค่อยเงยหน้าใช้สายตาแปลกประหลาดพิจารณาลู่เซิ่ง
ลู่เซิ่งลูบไล้จอกสุราด้วยใบหน้าเยือกเย็น
“คุณสมบัติของเจ้าเป็นหนึ่งในพัน โครงกระดูกเป็นหนึ่งในหมื่น เหมาะจะเป็นผู้สืบทอดของข้ามาก ดังนั้น…”
ตึง
จอกสุรากระแทกกับโต๊ะอย่างแรง
“เจ้าไปไม่ได้”
เขาเงยหน้าขึ้น สิ่งที่เห็นคือสีหน้าที่ตกตะลึงของเปี๋ยเฟยเฮ่อ ยังมีสีหน้าที่ผุดความคาดหวังอันแปลกประหลาดของเฉินฉวินและเฉินโย่วจิ่น
สายตาพิลึกมากมายเพ่งมองบนร่างลู่เซิ่งจากทั่วทิศ แต่เขาไม่สนใจแม้แต่น้อย
“ไร้สาระ! เด็กน้อยเจ้าบ้าหรืออย่างไร ข้าเปี๋ยเฟยเฮ่อเชื่อฟังจ้าวเมิ่งประมุขพรรคเหยี่ยวดำเพียงคนเดียว ในยุทธภพมีใครบ้างไม่รู้ เด็กน้อยเจ้ากินดีหมีหัวใจเสือมาหรืออย่างไร คิดรับข้าเป็นศิษย์อย่างนั้นหรือ” พูดไปพูดมาตัวเขาก็รู้สึกแปลกๆ
มองดูลู่เซิ่งที่สีหน้าสงบนิ่งอีกครั้ง ในใจเกิดความคิดหนึ่งอย่างควบคุมไม่ได้ หรือเจ้าคนผู้นี้จะเป็นบ้า
“ไป! ไปตระกูลเฉินเลย ตาเฒ่าเฉินนั่นคงจะไม่ทิ้งลูกกระมัง ผ่านไปตั้งนานยังไม่มาอีก ไปๆๆ!” ตอนนี้สมองเขาเหลวหมดแล้ว ไม่ทราบว่าควรจะรับมือคนอย่างลู่เซิ่งอย่างไร เพียงรู้สึกว่าวันนี้คงจะเป็นวันมีเคราะห์ แค่ออกบ้านมาก็โชคร้ายแล้ว เลยคิดแค่จะออกจากสถานที่ผีสางนี้เท่านั้น
เขาที่หิ้วเฉินฉวินอยู่จับเฉินโย่วจิ่นขึ้นมา ก่อนจะเดินไปยังประตูเหลาสุราด้วยจิตใจร้อนรน
“ข้าบอกแล้วว่าเจ้าไปไม่ได้” อยู่ๆ เสียงของลู่เซิ่งก็ดังขึ้นอีกครั้ง
เปี๋ยเฟยเฮ่อเอือมระอา ไม่สนใจ กำลังจะสาวเท้าข้ามธรณีประตูไป
เพิ่งจะยื่นเท้าไปบนธรณีประตู ยังไม่ทันยื่นออกไป
เขาพลันหน้ามืด จากนั้นใบหน้าข้างขวาของตนก็เกิดความเจ็บปวดอย่างรุนแรง พละกำลังอันน่ากลัวซึ่งไม่อาจต้านทานได้กระแทกมาอย่างหนักหน่วง เหมือนกับถูกกระทิงป่าตกมันชนใส่จังๆ ก็ไม่ปาน
เปรี้ยง!
เกิดเสียงดังลั่น
เปี๋ยเฟยเฮ่ออ้าปากกระอักเลือด ร่างกระเด็นกลับมา ใบหน้าถูกมือข้างหนึ่งจับกดเข้าไปในกำแพงไม้หนาของเหลาสุราเสียงดัง
“หนึ่งวันเป็นอาจารย์ ชั่วชีวิตเป็นอาจารย์ ในเมื่อเจ้ากราบข้าเป็นอาจารย์แล้ว ก็ไม่ควรฝ่าฝืนคำสั่งอาจารย์ ไม่อย่างนั้นจะมีจุดจบเช่นนี้” ลู่เซิ่งกล่าวอย่างเรียบเฉยขณะใช้มือหนึ่งจิกผมของเปี๋ยเฟยเฮ่อขึ้นมา
เขาตอบรับกราบเป็นอาจารย์ตั้งแต่เมื่อไหร่
จอมยุทธ์ที่อยู่ในเหลาสุราหนังหน้ากระตุก ตอนแรกคิดว่าเปี๋ยเฟยเฮ่อผู้นี้เจอคนบ้าที่สมองมีปัญหา นึกไม่ถึงว่าจะเกิดผลลัพธ์เช่นนี้ขึ้น…
……………………………………….