ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 471 เคล็ดจริงแท้ (1)
บทที่ 471 เคล็ดจริงแท้ (1)
หนึ่งวัน
สองวัน
สามวัน
บนผิวทะเลที่อยู่ห่างจากเกาะซึ่งถ้ำยุทธพฤกษาตั้งอยู่พันลี้ น้ำทะเลสีฟ้ากระเพื่อมอย่างต่อเนื่อง คลื่นน้ำทรงกรวยปรากฏแล้วหายไปในพริบตา
ซ่า!
นักพรตหล่อเหลาร่างสูงชะลูดคนหนึ่งลอยตัวขึ้นจากน้ำทะเลอย่างช้าๆ คล้ายกับด้านล่างมีตัวอะไรสักอย่างกำลังแบกเขาขึ้นด้านบน
ตอนนี้ลู่เซิ่งไม่ได้ติดไข่มุกดำบนศีรษะในตอนแรกเอาไว้แล้ว มู่อวิ๋นเป็นผู้ผนึกหลอมไข่มุกเม็ดนั้น แต่สำหรับเขาในปัจจุบันมันเป็นเพียงไข่มุกดำที่มีอานุภาพเล็กน้อย ไม่ได้มีประโยชน์มากเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงถอดมันออกเพื่อเอาไว้ใช้เป็นของขลังสำหรับรับมือบุตรแห่งโชคชะตา
การดำลงไปในทะเลลึกเพื่อสร้างของขลังในครั้งนี้สำเร็จด้วยดี
‘ต่อจากนี้ ควรปรับปรุงวิชาโอสถให้สมบูรณ์เพื่อสร้างโอสถภายในที่ดีที่สุดสักที ใช้แค่คัมภีร์วิถีโอสถเล่มเดียวอย่างคัมภีร์ประกายฟ้าครามสามผสานยังไม่พอ’
ลู่เซิ่งหยีตา แม้เขาในตอนนี้จะอยู่แค่ในระดับสร้างรากฐานขั้นเติมเต็ม แต่ว่าพลังอาคมของปราณจริงแท้เหนือกว่าระดับสร้างรากฐานขั้นเติมเต็มทั่วไปมากกว่าหนึ่งร้อยเท่าแล้ว
ความแตกต่างของขั้นสร้างโอสถกับระดับสร้างรากฐานอยู่ที่ปริมาณพลังอาคมอันยิ่งใหญ่ กับคุณสมบัติของปราณโอสถที่เหนือกว่าปราณจริงแท้
แม้คุณสมบัติปราณจริงแท้ของลู่เซิ่งในปัจจุบันจะสูงมาก แต่ก็ไม่อาจเทียบกับปราณโอสถได้ ทว่าเขามีปริมาณปราณจริงแท้อยู่มากเกินพอ พลังอาคมของเซียนพรตวิถีโอสถทั่วไปเทียบได้กับระดับสร้างรากฐานขั้นเติมเต็มยี่สิบคนผนึกกำลังกัน
ส่วนเขาอย่างน้อยก็เทียบเท่ากับหลายร้อยคน…
บวกกับปัจจุบันยังสร้างของขลังขึ้นได้อีก
‘แวะไปเอาไข่มุกที่เผ่าหอยเมฆหมอกหน่อยดีกว่า แม้เราจะไม่ได้ใช้ แต่ศิษย์ในสำนักยังจำเป็นเป็นต้องใช้อยู่ การต่อสู้เพียงลำพังไม่ใช่เส้นทางที่ดีที่สุด’ ลู่เซิ่งฉุกใจนึกได้ ตอนนี้เพิ่งสร้างของขลังเสร็จ สามารถหาคนมาทดลองได้พอดี กอปรกับแผนการก่อนหน้านี้ การเดินทางครั้งนี้จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง
เขากวาดตามองรอบๆ พอจิตสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของวังเผ่าหอยเมฆหมอก ก็เคลื่อนปราณจริงแท้ด้านหลังทันที น้ำทะเลจำนวนนับไม่ถ้วนแบกเขาพุ่งไปยังทิศทางนั้นด้วยความเร็วสูง
เขาเร็วถึงขีดสุด เพียงแค่วินาทีเดียวก็พุ่งข้ามผิวทะเลไปมากกว่าร้อยหมี่แล้ว คลื่นสีขาวที่แจ่มชัดสายหนึ่งปรากฏขึ้นด้านหลัง
หลังผ่านไปราวสองสามนาที ลู่เซิ่งค่อยๆ หยุดการเคลื่อนไหว แล้วเริ่มดำลงไปยังส่วนลึกของทะเล
ครั้งนี้เขาดำแค่สองสามร้อยหมี่ ก็เจอชายฉกรรจ์ร่างกำยำสองคนที่ถือหอกยาว และสะพายเปลือกหอยสีเหลืองไว้ด้านหลังเข้ามาขวางทาง
“ที่แท้เป็นประมุขถ้ำยุทธพฤกษามาเยือนด้วยตัวเอง ข้าน้อยขออนุญาตไปแจ้งก่อน” ปีศาจหอยตนหนึ่งรีบก้มหน้าอธิบายเบาๆ
“ไม่ต้องหรอก ข้าจะไปหาสหายฟู่จิ้นด้วยตัวเอง” ลู่เซิ่งโบกมือปล่อยปราณจริงแท้ออกมาโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง พริบตาเดียวก็ตรึงน้ำทะเลรอบๆ ปีศาจหอยสองตนเอาไว้
ปราณจริงแท้ของเขาสามารถลดอุณหภูมิของศัตรูได้ในระยะเวลาสั้นๆ สำหรับปีศาจหอยที่มีความสามารถในการควบคุมอุณหภูมิย่ำแย่สุดขีด นี่ถือว่าเป็นดาวข่มที่มีความเฉพาะเจาะจงรุนแรงถึงขีดสุด ร่างกายของพวกเขาจะสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเพราะอุณหภูมิที่ต่ำลง ทั้งสองล้วนเบิกตาโพลง การเคลื่อนไหวเชื่องช้างุ่มง่าม คิดจะสลัดให้หลุดจากพันธนการนี้ แต่สิ่งที่น่าเสียดายก็คือการดิ้นรนของพวกเขาไม่มีความหมายแม้แต่น้อย
ลู่เซิ่งว่ายผ่านด้านข้างปีศาจหอย ด้านหน้าค่อยๆ ปรากฏวังสีเงินที่งดงามตระการตา
วังเป็นทรงครึ่งวงกลม ตั้งอยู่ก้นทะเล มีป่าปะการังหลากสีสันจำนวนนับไม่ถ้วนห้อมล้อมอยู่รอบๆ ในน้ำรอบๆ มีปีศาจกุ้งที่มีศีรษะเป็นกุ้งตัวเป็นมนุษย์ลาดตระเวนอยู่ พวกนางเงือกที่ศีรษะเป็นปลาตัวเป็นคนบางส่วนกำลังเข้าๆ ออกๆ วัง คล้ายกับจัดสิ่งของอะไรบางอย่าง
ลู่เซิ่งเดินเข้าหาประตูวัง ยังไม่ทันถึง ก็เห็นบุรุษวัยกลางคนที่สวมมงกุฎเปลือกหอย เสื้อคลุมลายงูหลาม และสร้อยไข่มุก เร่งฝีเท้าออกมาหา
“ประมุขถ้ำยุทธพฤกษาเดินทางมาไกล ต้องขออภัยที่ไม่ได้ออกไปต้อนรับ” บุรุษผู้นี้แสดงสีหน้าเป็นมิตร แม้จะสวมใส่ชุดหรูหรา แต่ก็ยังคงมีทีท่าอิดโรย
“เรื่องไข่มุกเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เจ้าควรจะทราบว่าความสำคัญของสำนักข้าอยู่ที่ไข่มุกนี้” ลู่เซิ่งถามตรงๆ
“ไข่มุกเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีเฉพาะเผ่าหอยเมฆหมอก เพียงแต่ช่วงนี้มีลูกค้าเพิ่มขึ้น จึงมีการแบ่งออกไปส่วนหนึ่ง ดังนั้นข้าจึงตัดของทางถ้ำยุทธพฤกษาไป” บุรุษวัยกลางคนยิ้ม “ถึงอย่างไรก็จ่ายเงินเท่ากัน ไข่มุกที่ซื้อได้จึงน้อยไปส่วนหนึ่ง ขอให้ประมุขถ้ำอย่าถือสา”
“ช่างเถอะ ข้าไม่คิดจะพร่ำวาจาไร้สาระกับเจ้า” ลู่เซิ่งยื่นมือออกมา ปราณจริงแท้สีฟ้าหลายสายวนเวียนอยู่บนฝ่ามือของเขา “ที่ข้ามาในวันนี้ก็เพื่อเกลี้ยกล่อมให้เผ่าหอยเมฆหมอกของพวกเจ้าสวามิภักดิ์กับถ้ำยุทธพฤกษาของข้า”
บุรุษวัยกลางคนผู้นั้นผุดสีหน้างุนงง เขาคือราชาเผ่าหอยเมฆหมอก มีชื่อว่าฟู่จิ้น ใช้ชีวิตที่ก้นทะเลแห่งนี้มาอย่างน้อยมากกว่าพันปีแล้ว เคยสวามิภักดิ์กับขุมกำลังใหญ่ๆ มาหลายแห่ง แต่ว่านั่นเป็นขุมกำลังใหญ่ที่มีอำนาจเหนือกว่าเผ่าของเขา ประมุขถ้ำยุทธพฤกษาตรงหน้ามีพลังฝึกปรือพอๆ กับเขา หากสู้กันจริงๆ ต่างคนต่างก็สูสี กระนั้นก็ยังกล้ามากล่าววาจาโอหังกับเขาอย่างนั้นหรือ
“เหอะๆ มุกตลกของประมุขถ้ำฝืดไปหน่อย คำพูดแบบนี้ภายหลังอย่าพูดอีกจะดีกว่าเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด” ฟู่จิ้นกล่าวพลางฉีกยิ้ม
“ข้าไม่ได้กำลังล้อเล่น” ลู่เซิ่งแสดงสีหน้าเรียบเฉย “หรือเจ้าจะลองดูก็ได้”
รอยยิ้มบนใบหน้าฟู่จิ้นค่อยๆ สลายไป กระบี่สีแดงอ่อนกึ่งโปรงแสงปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา แล้วถูกเขาจับเอาไว้
“มู่อวิ๋น เราคบหากันมาสิบกว่าปีแล้ว เจ้าคิดจะพลิกหน้ากับข้าเพราะไข่มุกวารีเมฆอันน้อยนิดจริงๆ หรือ”
ลู่เซิ่งไม่พูดพร่ำทำเพลง ก้อนโลหะสีเงินที่มีลวดลายสีแดงเข้มก้อนหนึ่งปรากฏขึ้นด้านหลัง
“ไป!” เขาชี้ไปที่ฟู่จิ้น
ก้อนโลหะพุ่งออกไปด้วยความเร็วที่ไม่สูงนัก แต่สภาวะหนักหน่วงถึงขีดสุด จึงดูดให้น้ำทะเลผืนใหญ่รอบๆ ซัดเข้าไปด้วย
ครืน!
น้ำทะเลในรัศมีหลายสิบหมี่รอบๆ ลู่เซิ่งและก้อนโลหะกลายเป็นกำแพงน้ำ ก่อนจะบดขยี้ใส่ฟู่จิ้น
“โอหัง!” ฟู่จิ้นหยิบกระบี่ออกมา บริกรรมท่องคาถา ไข่มุกสีขาวหยกเม็ดหนึ่งลอยขึ้นด้านหลัง ไข่มุกเม็ดนั้นใหญ่เท่าศีรษะคน ลวดลายปลาแหวกว่ายปรากฏขึ้นบนผิว
“ไป!” เขาชี้ไปที่ลู่เซิ่งเช่นกัน
ไข่มุกลอยออกไป หมุนติ้วๆ ในน้ำอยู่หลายรอบ จากนั้นก็หยุดลง แล้วกระแทกใส่กำแพงน้ำอย่างรุนแรง
เปรี้ยง!
ละอองน้ำกระเซ็น กำแพงน้ำถูกเจาะเป็นรูเล็กๆ ไข่มุกพุ่งทะลวงเข้าไปหาก้อนกลมเล็กๆ สีเงินอย่างรุนแรง แต่เพิ่งจะทะลุเข้ากำแพงน้ำไม่ถึงสองสามหมี่ ไข่มุกก็ค่อยๆ หมดแรงส่ง
เพราะกำแพงน้ำมีความหนาหลายสิบหมี่!
ฟู่จิ้นหน้าแดงก่ำ มงกุฎเปลือกหอยบนศีรษะเรืองแสงอ่อนๆ พลังอาคมทั่วร่างเขาทะลักออกมา ปราณโอสถไหลเชี่ยวเข้าไปในของขลังไข่มุกของตนอย่าบ้าคลั่ง หมายจะฝ่าสภาพจนตรอกออกไปให้ได้
แต่ก็ไร้ประโยชน์ ไข่มุกหยกขาวสั่นไหว ไม่นานก็หมดแรงโดยสมบูรณ์ ถูกตรึงไว้กลางกำแพงน้ำ
“เป็น…เป็นไปได้อย่างไร!?” ฟู่จิ้นเคยสู้กับมู่อวิ๋น จึงทราบเบื้องลึกเบื้องหลังของอีกฝ่าย วิชาจริงแท้ไข่มุกเจ็ดประกายที่มู่อวิ๋นผู้นี้เชี่ยวชาญมีอานุภาพอยู่ที่ความเย็นและความเป็นพิษ แม้ไข่มุกดำเม็ดนั้นจะกะพริบได้แค่เจ็ดครั้ง แต่ทุกครั้งๆ สามารถยกระดับอานุภาพและพิษของมุกดำได้
แต่ในการยกระดับครั้งที่เจ็ดซึ่งเป็นจุดสูงสุด อานุภาพของไข่มุกดำจะมีอานุภาพเท่ากับตอนที่เขาใช้เปลือกหอยคู่ชีวิตอย่างสุดกำลัง นอกจากสู้ศึกยาวนาน ไม่อย่างนั้นทั้งสองจะสูสีคู่คี่กัน ผ่านไปหลายวันหลายคืนก็ไม่แน่ว่าจะแบ่งผลแพ้ผลชนะได้ ผลลัพธ์สุดท้ายคือบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย
นี่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทั้งสองข่มกลั้นไม่ยอมตัดสินผลแพ้ชนะอย่างแท้จริงมาโดยตลอด
ทว่าตอนนี้…!
ฟู่จิ้นหน้าแดง กระอักเลือดปีศาจออกมา ปราณโอสถที่ลุกไหม้ปรากฏขึ้นในมือ ใช้วิชาลับพลังอาคมออกมาในชั่วเสี้ยววินาที
ตูม!
เปลวเพลิงสีขาวอมเทาลุกไหม้บนไข่มุกหยกขาว พลังของไข่มุกยกระดับขึ้นเกือบเท่าหนึ่ง จากนั้นก็พุ่งไปด้านหน้าหลายหมี่
ทว่าก็ยังหยุดลงด้วยความจนปัญญา
เห็นสภาพการณ์ดังนี้ ในที่สุดฟู่จิ้นก็สิ้นหวังโดยสิ้นเชิง
เขาเงยหน้ามองลู่เซิ่งที่อยู่ด้านหลังกำแพงน้ำฝั่งตรงข้าม
“ท่านชนะแล้ว” เขาหน้าซีดอย่างรวดเร็ว เริ่มลดความดิ้นรนของไข่มุกคู่ชีวิต “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเผ่าหอยเมฆหมอกจะสวามิภักดิ์กับถ้ำยุทธพฤกษา ใช้ได้แล้วกระมัง”
ซ่า…
กำแพงน้ำขนาดยักษ์ค่อยๆ สลาย ลู่เซิ่งกวักมือเรียกก้อนโลหะสีเงินกลับมาด้วยสีหน้าราบเรียบ
“จงอย่าโทษข้า ฟู่จิ้น เดิมทีข้าไม่คิดจะเปิดเผยเร็วแบบนี้ น่าเสียดาย…เรื่องราวไม่เป็นไปตามที่หวัง” เขาจงใจพูดแบบเป็นนัย
ฟู่จิ้นสีหน้าเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย คล้ายเข้าใจอะไร
“ข้าเข้าใจแล้ว เรื่องของไข่มุกวารีเมฆ ภายหลังข้าจะปฏิเสธผู้ซื้อทั้งหมด มอบให้ถ้ำยุทธพฤกษาเพียงเจ้าเดียว”
“ยังมีไข่มุกสายัณห์นิลที่มีจำนวนการผลิตน้อยที่สุดของเจ้า จงมอบมาปีละสิบเม็ด” ลู่เซิ่งกล่าวเสริม มู่อวิ๋นคบหากับฟู่จิ้นผู้นี้มาสิบกว่าปี ย่อมทราบว่าสิ่งใดล้ำค่าที่สุดในมืออีกฝ่าย
“นอกจากนี้ขอเหล็กจันทราก้นทะเลอีกสองร้อยชั่งคงไม่มีปัญหากระมัง ทอง เงิน สำริด และเหล็กปกติ ขออย่างละพันชั่ง
“ได้” ตอนแรกเมื่อฟู่จิ้นได้ยินว่าลู่เซิ่งต้องการไข่มุกสายัณห์นิล ใบหน้าก็เหยเกไปแวบหนึ่ง แต่พอได้ยินว่าขอแค่สิบเม็ดต่อปี สีเลือดก็ค่อยๆ กลับมา ส่วนทรัพยากรอย่างอื่นไม่นับเป็นอะไรสำหรับเขา
ทว่าสำหรับถ้ำยุทธพฤกษาที่ยากจนข้นแค้นแล้ว สิ่งเหล่านี้กลับเป็นของขาดแคลนที่ต้องการอย่างเร่งด่วน
“แล้วก็ นอกจากเผ่าหอยเมฆหมอกแล้ว ในรัศมีพันลี้ใกล้ๆ ตรงนี้ยังมีเผ่าพันธุ์ทะเลที่แข็งแกร่งเผ่าไหนอีก” ลู่เซิ่งถาม
“เผ่าพันธุ์ทะเลที่แข็งแกร่งหรือ…มีอยู่จำนวนหนึ่ง พวกเขาไม่ค่อยได้ติดต่อกับมนุษย์มากนักเพราะว่าอาศัยในระดับชั้นทะเลที่อยู่ลึกกว่า ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้จัก” ฟู่จิ้นได้ยินดังนั้นก็งุนงง จากนั้นก็ฉุกใจได้ เลยโบกมือให้คนที่อยู่รอบๆ ถอยไป จากนั้นก็ส่งกระแสเสียงเบาๆ ว่า “ถ้าหากประมุขถ้ำอยากจะสยบเผ่าพันธุ์ทะเลล่ะก็ มนุษย์งูทะเลใต้ร่องทะเลเป็นตัวเลือกที่ไม่เลว พวกเขารวบรวมเหล็กจันทราและแร่โลหะหลากหลายชนิดที่ก้นทะเลได้อย่างเชี่ยวชาญเป็นอย่างยิ่ง ข้าเคยพบราชางูทะเลมาหลายครั้ง มีพลังแกร่งกว่าข้าเล็กน้อย แต่ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่าน”
ลู่เซิ่งยิ้ม
“เจ้าให้คนพาข้าไป นอกจากนี้ ทางเจ้ามียันต์สั่งการสำหรับส่งข่าวหรือไม่ ขอข้าชุดหนึ่ง”
ฟู่จิ้นยอมรับคำสั่ง ที่แล้วมาเผ่าพันธุ์ทะเลยกย่องผู้แข็งแกร่ง เหตุการณ์อย่างนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับมนุษย์เช่นกัน เพียงแค่มีเจ้านายเพิ่มมาอีกคนเท่านั้น
ชีวิตที่ดีจะได้รับก็ต่อเมื่อพึ่งพิงผู้แข็งแกร่ง นี่เป็นเหตุผลที่สมเหตุสมผลในระบบนิเวศน์ที่ปลาเล็กกินปลาใหญ่ของเผ่าพันธุ์ทะเล
ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น เผ่าพันธุ์ต่างๆ ก็มองเป็นเรื่องปกติเช่นกัน หลังจากรอบๆ วุ่นวายสักพัก พอเห็นว่าไม่มีเรื่องอะไร ทุกอย่างก็จะกลับเป็นเหมือนเดิมอย่างรวดเร็ว
ฟู่จิ้นกัดปลายนิ้วตัวเอง หยดเลือดปีศาจออกมาหยดหนึ่ง แล้ววาดเป็นยันต์สั่งการ วิธีการสร้างยันต์สั่งการนั้นง่ายดายยิ่ง ผู้บำเพ็ญระดับสร้างรากฐานส่วนใหญ่ล้วนทำเป็น มีเอาไว้ส่งข้อความระยะสั้น
เลือดปีศาจที่ใช้สร้างใช้ได้แค่ครั้งเดียว ดังนั้นยันต์สั่งการจะใช้สิ้นเปลืองไม่ได้ หลังใช้แล้วจะต้องเติมเลือดปีศาจเข้าไปใหม่
ลู่เซิ่งรับยันต์สั่งการมา เขาคาดเดาอานุภาพในของขลังของตัวเองออกคร่าวๆ แล้ว
เขาอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นเติมเต็มเท่านั้น แต่กลับกระตุ้นอานุภาพอันน่าสะพรึงกลัวที่เหนือกว่าขั้นสร้างโอสถขั้นแรกของฟู่จิ้นได้ ถึงขั้นที่พอเขาลองสัมผัสคร่าวๆ ดู อานุภาพในของขลังของตนเองกลับสูงเป็นสองร้อยกว่าเท่าของไข่มุกในตอนที่ปะทะกับไข่มุกหยกขาว
อานุภาพนี้เหนือกว่าขั้นสร้างโอสถช่วงธรรมดาๆ ไปแล้ว ถึงขั้นที่หากยึดตามความทรงจำของมู่อวิ๋น ผู้บำเพ็ญขั้นสร้างโอสถช่วงกลางยังไม่สามารถบรรลุระดับอันน่าหวั่นสะพรึงแบบนี้ได้ด้วยซ้ำ
เซียนพรตวิถีธรรมมะที่เคยไล่ล่าเขาในตอนนั้น เวลานั้นอยู่ในขั้นสร้างโอสถช่วงกลาง แต่อานุภาพก็อ่อนแอกว่าลู่เซิ่งในปัจจุบันไม่น้อยเช่นกัน อย่างน้อยก็ต่างกันสิบกว่าเท่า
พอรู้ระดับของตนเองในปัจจุบันอย่างคร่าวๆ ลู่เซิ่งก็เกิดความมั่นใจ
หลังจากได้ยันต์สั่งการแล้ว ฟู่จิ้นก็เชิญเขาเข้าไปในวังวารี
……………………………………….