ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 483 เงามาร (1)
บทที่ 483 เงามาร (1)
“เหอะๆ…จะเป็นไปได้อย่างไร จะเป็นไปได้อย่างไร…” อสรพิษสายลมกล่าวด้วยรอยยิ้มแปลกพิกล
เขาเพียงแค่ทำตามใจเท่านั้นในตอนเข้าร่วมสังกัดของลู่เซิ่ง อย่างไรเขาก็ฝึกฝนวิชาพิเศษที่ต้านทานวิชาลับของผู้บำเพ็ญสายควบคุมส่วนใหญ่ได้ เลยไม่สนใจการควบคุมพิเศษที่อาจจะเจอ
ตอนแรกเขาเข้าร่วมถ้ำยุทธพฤกษาเพื่อหาความสนุกเท่านั้น มีเป้าหมายว่าหากมีโอกาสก็จะฆ่าคนทันที แต่ตอนนี้อสรพิษสายลมกลับรู้สึกว่าไม่ผิดแล้ว เขาชอบองค์กรที่มีขุมกำลังที่แข็งแกร่งคอยคุ้มครอง เขาจะได้มีความปลอดภัยกว่าเดิมหลังฆ่าคน
ลู่เซิ่งปล่อยเขา ก่อนจะวูบไหวร่างกลับไปบนบัลลังก์ใหม่
ที่เขารับอสรพิษสายลมเอาไว้เป็นเพราะอีกฝ่ายมีพลังฝึกปรือสูงที่สุด แม้คนผู้นี้จะมีปัญหาที่สมองก็ตามที
ถึงอย่างไรผู้บำเพ็ญระดับสร้างโอสถช่วงกลางธรรมดาสักคนหนึ่ง หากสมองไม่ได้ถูกลาถีบใส่ คงไม่วู่วามเข้าร่วมกับถ้ำยุทธพฤกษาก่อนที่สถานการณ์ระหว่างถ้ำยุทธพฤกษากับวิถีธรรมะจะชัดเจนแน่นอน
พวกเขาค่อยเลือกหลังจากที่สถานการณ์ชัดเจนก็ได้
“อย่างนั้น ให้ส่งรายชื่อเกาะที่ยังต่อต้านมาหลังประชุม ประเดี๋ยวข้าจะไปจัดการในทีเดียว อย่างอื่นให้ทำตามแผนการ” ลู่เซิ่งเอ่ยเสียงเย็น “ตอนนี้ แยกย้ายได้”
“รับทราบประมุขถ้ำ”
ทุกคนพากันประสานมือและลุกขึ้น ก่อนจะต่างคนต่างบินออกจากโถงศิลาไป
ลู่เซิ่งออกมาจากโถงศิลา แล้วก็เห็นอสรพิษสายลมกับฟู่จิ้นที่รออยู่ตรงปากถ้ำทันที
“ไปเถอะ”
คนหนึ่งหัวเราะเสียงประหลาด คนหนึ่งนอบน้อม หลังออกจากถ้ำยุทธพฤกษา ลู่เซิ่งก็นำพาทั้งสองทะยานขึ้นเมฆ ก่อนบินไปยังน่านน้ำของเผ่าเต่าดำอย่างรวดเร็วด้วยการนำทางของฟู่จิ้น
…
ท่ามกลางเสียงโห่ร้องฆ่าฟัน กองกำลังปีศาจและเผ่าพันธุ์ทะเลจำนวนหลายพันพุ่งออกมาจากในน้ำทะเล กระโจนใส่เกาะมารน้ำแข็งอันเป็นที่อยู่ของเผ่าเต่าดำ
เกาะมารน้ำแข็งยาวสี่สิบกว่าลี้ กว้างสามสิบสองลี้ เกาะทั้งเกาะเป็นทรงรี พื้นเรียบที่มีพื้นหญ้าเหมือนกับขนปุกปุยสีเทาอมดำปูอยู่ทั่วเกาะ
หลังจากกองทัพปีศาจเผ่าพันธุ์ทะเลที่มีศีรษะเป็นปลาร่างเป็นมนุษย์บุกขึ้นเกาะ บนเกาะก็มีเสียงร้องเตือนภัยแหลมสูงดังมา ค่ายกลคุ้มกันทรงถ้วยคว่ำปรากฏเหนือเกาะทั้งเกาะ ปกคลุมทัพปีศาจหลายร้อยที่บุกรุกเข้าเกาะเอาไว้ด้านใน
บุรุษสตรีที่สะพายกระดองเต่าไว้ด้านหลังจำนวนมากโถมตัวออกมาจากกลางเกาะ
พวกเขาบางคนควบคุมอสูรพุ่งเข้าไปเข่นฆ่ากลางทัพปีศาจ บางคนก็รวบรวมวิชาไว้ที่มือ ก่อนจะเสกระเบิดน้ำสีน้ำเงินหลายสายออกมา
บางคนใช้วรยุทธ์ทะลวงทัพปีศาจและต่อสู้กับแม่ทัพปีศาจ
พวกลู่เซิ่ง ฟู่จิ้น และอสรพิษสายลมลอยอยู่เหนือเกาะ กำลังก้มมองสถานการณ์ของเกาะอันเป็นที่อยู่ของเผ่าเต่าดำอยู่เงียบๆ
“นึกไม่ถึงว่าที่อยู่ของพวกมันจะอยู่บนเกาะ ไม่ใช่ทะเลลึก” ลู่เซิ่งกล่าวอย่างสนอกสนใจ
“เต่าดำมีนิสัยรักสงบ แต่ว่าสายเลือดน้ำแข็งในร่างกายจะต้องใช้ทะเลลึกถึงจะคงสภาพไว้ได้ การสร้างที่อยู่ไว้บนเกาะกลับไม่ใช่เรื่องที่รับไม่ได้อะไร” ฟู่จิ้นเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ฆ่า!” ตอนนี้ด้านล่างค่อยๆ ปรากฏยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขึ้นหลายคน ในทัพปีศาจไม่มีใครสู้ได้
เซียนพรตอสรพิษสายลมโบกมือ แม่ทัพปีศาจจากเผ่าปีศาจฉลามซึ่งมีรูปลักษณ์ในแบบต่างๆ กันกระโจนออกมาจากในทะเล ล้วนเป็นยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานเช่นกัน สองฝ่ายปะทะกันอย่างรวดเร็ว ต่อสู้กันอย่างดุเดือดอยู่ชั่วขณะ
“ฟู่จิ้น อสรพิษสายลมหรือ พวกเจ้าช่างกล้านัก ถึงกับกล้าบุกรุกที่อยู่ของเผ่าเต่าดำอย่างโจ่งแจ้งเชียวหรือ” แสงสีน้ำเงินสายหนึ่งพุ่งขึ้นท้องฟ้าจากด้านในค่ายกลซึ่งอยู่ไกลออกไป แม่ทัพปีศาจผู้น่าเกรงขามที่สวมเกราะส่องแสงสีทอง ถือหอกติดพู่แดง มีผ้าต่วนสีแดงโลหิตผืนยาวลอยอยู่ด้านหลังปรากฏตัวขึ้นในลำแสง
เขาแตกต่างจากเผ่าเต่าดำคนอื่นๆ กระดองเต่าของเขาหมุนวนอย่างช้าๆ อยู่กลางอากาศด้านหลังเหมือนกับวงค่ายกล มันหลุดออกจากร่างโดยสมบูรณ์ ถูกหลอมให้มีชีวิตเหมือนกับของวิเศษ
“ปิงเสินจื่อ (เทพน้ำแข็ง) ครั้งนี้ข้าอสรพิษสายลมไม่ได้มาหาเรื่องท่าน ท่านถามนายท่านของข้าเองแล้วค่อยว่ากัน” เซียนพรตอสรพิษสายลมเคยเสียท่าบรรพบุรุษของเผ่าเต่าดำผู้นี้ แต่เดิมเขาคลุ้มๆ คลั่งๆ อยู่แล้ว กอปรกับมีลู่เซิ่งอยู่ด้านหลัง เวลานี้กลับไม่ระย่นระย่อ
“ปิงเสินจื่อ บรรพบุรุษผู้คุ้มครองดินแดนของเผ่าเต่าดำ เคยเข้าร่วมศึกทะเลทักษิณเมื่อสามสิบสี่ปีก่อน พลังฝึกปรือน่าจะอยู่ในระดับขั้นโอสถช่วงกลาง ครอบครองหอกอัสนีวายุกับผ้าต่วนวิเศษ มีอายุมากกว่าหกร้อยปีโดยประมาณ” ลู่เซิ่งพิจารณายอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่าเต่าดำอย่างเรียบเฉย พร้อมกับเอ่ยข้อมูลอย่างคร่าวๆ ของอีกฝ่าย
“ที่แท้เป็นเจ้านี้เอง เซียนพรตมู่อวิ๋น ประมุขถ้ำยุทธพฤกษา คาดไม่ถึงว่าพอบรรพบุรุษเผ่าเต่าดำปิงเสินจื่อเห็นลู่เซิ่ง แทนที่จะตกใจกลับยินดี
“ดูเหมือนคนผู้นั้นจะพูดถูกต้องจริงๆ ถ้ำยุทธพฤกษาของเจ้ามีใจทะเยอทะยาน ต่อให้เผ่าเต่าดำของข้าจะงำประกายซ่อนตัว ไม่อยากถูกลากเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย เจ้าก็ยังลงมืออยู่ดี อย่างนั้น ข้าจะไม่ลังเลอีกต่อไปแล้ว สหายร่วมเส้นทางทุกท่าน โปรดออกมาเถอะ”
เขาสะบัดผ้าต่วนวิเศษด้านหลัง เงาคนที่มีลักษณะแตกต่างกันสามสายค่อยๆ โผล่ขึ้นเหนือค่ายกลรอบๆ อย่างช้าๆ
นักพรตทางซ้ายมือสวมชุดคลุมสีดำ บนหน้าผากมีก้อนเนื้องอกขนาดใหญ่ ใบหน้าอัปลักษณ์สุดบรรยาย แม้จะไว้ผมยาว แต่ก็หยาบยุ่งเหมือนหญ้าแห้ง ใช้ลวดเหน็บไว้หลังท้ายทอย
คนทางขวาอีกสองคนแบ่งเป็นหนึ่งบุรุษหนึ่งสตรี บุรุษใส่เกราะสีเงินทั้งตัว สองมือถือดาบ สวมรองเท้าปลายแหลมลายเมฆ หมอกสีฟ้าหลายสายวนเวียนอยู่รอบตัว มองไม่เห็นโฉมหน้า ได้แต่แยกแยะสถานะของเขาผ่านหางยาวหยาบใหญ่ที่ส่ายไปมาด้านหลังของเขา
สตรีอีกคนดูปกติยิ่ง ใส่กระโปรงยาวเนื้อเบาบางสีชมพู ถือกระเช้าดอกไม้สีขาว แต่สิ่งที่บรรจุไว้กลับไม่ใช่ดอกไม้ หากเป็นปะการังสีสันต่างๆ นางมีใบหน้าทรงเสน่ห์ รูปร่างยั่วยวน ผิวนุ่มนิ่มสุดเปรียบปาน สองตาเหมือนเกาะเกี่ยววิญญาณคนได้ งดงามจนไม่อาจละสายตา
“ประมุขเกาะแดงชาด หัวหน้าเผ่าเงือก หัวหน้าเผ่างูทะเล พวกท่านสามคนร่วมมือกันเลยหรือนี่!?” พอฟู่จิ้นเห็นคนทั้งสาม ใบหน้าก็เหยเกขึ้นทันที
อาณาเขตของโลกบำเพ็ญเป็นเซียนโพ้นทะเลกว้างใหญ่ แต่มีจำนวนคนน้อยนิด กระนั้นก็ไม่ได้หมายว่าว่าไม่มียอดฝีมือโดยสิ้นเชิง เพียงแค่จำนวนของยอดฝีมือมีน้อยมากเท่านั้น
สามคนตรงหน้าบวกกับบรรพบุรุษของเผ่าเต่าดำ ความจริงเป็นคนไม่กี่คนที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในหมู่ยอดฝีมือจำนวนมาก พวกเขาล้วนเป็นผู้เข้มแข็งระดับสร้างโอสถช่วงกลางที่มีจำนวนน้อยนิดถึงขีดสุด
เดิมทีโลกบำเพ็ญเซียนโพ้นทะเลมีคนไม่เยอะนัก คนที่บรรลุช่วงกลางได้ต่างมีการสนับสนุนจากเผ่าพันธุ์ทะเลขนาดใหญ่อยู่เบื้องหลังแทบทั้งสิ้น
หรือก็คือสามคนตรงหน้านี้เป็นตัวแทนท่าทีทั้งหมดของเผ่าพันธุ์ทะเลสามเผ่า
มิน่าฟู่จิ้นถึงได้แสดงสีหน้าเหยเก โดยเฉพาะด้านหลังเผ่าเต่าดำยังมีเผ่าฉลามมังกรยืนอยู่อีก นั่นคือกลุ่มอำนาจมหึมาอันดับต้นๆ ท่ามกลางเผ่าพันธุ์ทะเลด้วยกัน
ตอนนี้ค่ายกลที่อยู่ด้านล่างกำลังเพิ่มพลังให้แก่สภาวะต่างๆ ของกองทัพปีศาจเผ่าเต่าดำอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็สะกดทัพปีศาจทั้งหมดที่เข้าไปในค่ายกลด้วย แม้ว่าจะมีทัพปีศาจโผล่ออกมาจากในทะเลอยู่เรื่อยๆ แต่สมดุลของผลแพ้ชนะค่อยๆ เอนอียงไปทางเผ่าเต่าดำแล้ว
“พวกเราเตรียมกระบวนท่ารับมือถ้ำยุทธพฤกษาไว้แต่แรกแล้ว เซียนพรตมู่อวิ๋น แม้ขอบเขตของเจ้าจะสูงกว่าพวกเรา แต่หากสู้กันจริงๆ พวกเราไม่กลัวเจ้าหรอก” ปิงเสินจื่อหัวเราะลั่น
“กล่าววาจาไม่ละอายใจบ้าง!” เซียนพรตอสรพิษสายลมหัวเราะลั่นเช่นกัน พร้อมกับมองไปยังลู่เซิ่งที่สงบนิ่งด้วย
“พวกเจ้านึกว่าประมุขถ้ำไม่ได้นึกถึงการเตรียมการของพวกเจ้าหรือ” เขาขยับมือเล็กน้อย ยันต์จดหมายทรงสามเหลี่ยมสีแดงสายหนึ่งพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า จุดแสงสีแดงระเบิดกลายเป็นรูปงูมีปีกสีแดงทรงสามเหลี่ยม
ไม่นานนัก เงาคนสามสายที่สวมชุดคลุมสีดำและใส่หน้ากากสีขาวจนเห็นหน้าไม่ชัด ก็ค่อยๆ เดินออกมาจากในน้ำทะเล
สิ่งที่สะดุดตาที่สุดก็คือ เงาคนสามสายนี้ปล่อยคลื่นของปราณโอสถระดับสร้างโอสถออกมา แบ่งเป็นช่วงต้นสองคน ช่วงกลางหนึ่งคน
ทั้งสามคนนี้บวกกับอสรพิษสายลมและฟู่จิ้นที่อยู่ข้างกายลู่เซิ่ง รวมเป็นห้าคน แม้ขอบเขตจะด้อยกว่าขั้นหนึ่งในการปะทะกับผู้บำเพ็ญระดับสร้างโอสถสี่คน แต่ก็อย่าลืมว่ายังมีลู่เซิ่งอยู่ด้วย
เมื่อมีผู้บำเพ็ญเจ็ดภัยพิบัติที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุดอยู่อย่างเขาอยู่ด้วย พวกบรรพบุรุษเต่าดำต่างชาหนังศีรษะ ไม่กล้าลงมือสุดกำลังเพราะความกลัวเกรง
ในขณะที่ทั้งสี่ผุดสีหน้าเคร่งเครียดอยู่นั้นเอง
“ฮ่าๆๆๆ!”
พลันมีเสียงหัวเราะดังมาจากทางซ้ายของดินแดนเผ่าเต่าดำ
บุรุษท่าทางสง่างามสวมชุดคลุมยันต์แปดทิศสีเหลืองอ่อนขอบทองปรากฏตัวออกมาอย่างฉับพลัน แสงสีทองหลายสายสาดออกมาจากบนตัวเขา
“ประมุขถ้ำยุทธพฤกษาสมคำร่ำลือจริงๆ สามคนนั้นเป็นศพหลอมกระมัง ถึงกับควบคุมศพหลอมระดับเดียวกันสามตัวได้ในครั้งเดียว ไม่เสียทีที่เป็นผู้ปกครองฝ่ายนอกรีตที่ใช้มือเดียวบังท้องฟ้าของทะเลอุดร” คนผู้นี้มีใบหน้าซื่อสัตย์ ทว่าสายตากลับฉายแววหยิ่งผยอง
“เพียงแต่วันนี้สถานการณ์ของโพ้นทะเลคับขัน สำนักของข้าตื่นตระหนกเพราะเรื่องที่จอมสัจจะตกตายก่อนหน้านี้ จึงออกจากหุบเหวห้วงสมุทรมายังที่นี้ด้วยตัวเอง ร่วมกับบรรพบุรุษเผ่าพันธุ์ทั้งสองเพื่อปรึกษามาตรการสำหรับรับมือวิถีธรรมะจากจงหยวน ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ ประมุถ้ำกลับลอบจู่โจมสร้างความปั่นป่วนภายใน ไหนเลยไม่ทำให้พวกจมูกโคที่เรียกตัวเองเป็นฝ่ายเซียนดั้งเดิมเห็นเป็นเรื่องตลก”
“บรรพบุรุษเผ่าฉลามมังกรยังมีชีวิตอยู่หรือนี่!”
พอได้ยินเนื้อหาที่บุรุษผู้นี้พูด เซียนพรตทุกคนที่อยู่รอบๆ ต่างก็หน้าเปลี่ยนสี ถึงขั้นแม้แต่เซียนพรตอสรพิษสายลมยังหยุดทำหน้าเกรี้ยวกราดด้วย
ก่อนหน้านี้หลายปีมีข่าวลือออกมาว่าบรรพบุรุษเผ่าฉลามมังกรประสบอุปสรรคในการกักตนที่หุบเหวทะเล ผู้คนคาดเดาว่าเขาตายไปมากกว่าร้อยปีแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะออกจากการกักตนมาในเวลานี้
ก่อนหน้านี้ร้อยปี คนผู้นั้นคือยอดฝีมือเจ็ดภัยพิบัติ ตอนนี้ไม่ทราบว่าอยู่ในระดับไหนแล้ว
“นึกไม่ถึงว่าโพ้นทะเลในวันนี้จะยังมีผู้บำเพ็ญเจ็ดภัยพิบัติเหลืออยู่อีก” ปิงเสินจื่อถอนใจยาว แม้เผ่าฉลามมังกรกับเผ่าเต่าดำของเขาจะมีความเกี่ยวข้องกันมากมาย แต่ก็ไม่ใช่จะเป็นความสัมพันธ์ด้านบวกทั้งหมด คนภายนอกไม่ทราบถึงเส้นสนกลใน
“ในเมื่อบรรพบุรุษฉลามมังกรสั่งการ พวกเราย่อมต้องทำตาม” หัวหน้าเผ่างูทะเลเอ่ยด้วยเสียงกระจ่างชัด
“ย่อมเป็นอย่างนั้น”
ประมุขเกาะสีชาดกับบรรพบุรุษเผ่าเงือกก็ส่งเสียงคล้อยตามเช่นกัน
ตอนนี้สายตาของคนทั้งหมดต่างรวมอยู่บนร่างลู่เซิ่ง เขาในฐานะประมุขถ้ำยุทธพฤกษาเป็นกุญแจสำคัญในการจบสงครามตรงหน้า
ลู่เซิ่งมองแม่ทัพปีศาจของเผ่าฉลามมังกรผู้นี้
“ออกไป”
เสียงของเขาถ่ายทอดลงด้านล่าง ศพหลอมสามตัวบนผิวทะเลด้านล่างพุ่งไปด้านหน้าอย่างฉับพลัน ปราณโอสถที่มีไอความตายอันเย็นเยียบบนร่างระเบิดออกมา พวกมันพุ่งเข้ากลางทัพปีศาจเผ่าเต่าดำเหมือนหมาป่าเข้าไปในฝูงแกะ ผู้ที่อยู่รอบๆ ไม่มีความสามารถตอบโต้โดยสมบูรณ์
ทัพปีศาจระดับสร้างโอสถกับระดับหลอมปราณธรรมดาปะทะกัน เดิมทีก็อเนจอนาถเหมือนเกี่ยวข้าวสาลีอยู่แล้ว ทัพปีศาจแปดเปื้อนปราณโอสถสีดำ เพียงแต่ไม่ถึงอึดใจก็ล้มลงกลายเป็นน้ำเลือดน้ำหนองแล้ว
อสรพิษสายลมงุนงงอยู่ครู่ ก่อนจะยิ้มร่าอย่างดุร้าย ก้าวเท้าไปด้านหน้า เพื่อเข้าปะทะกับกับปิงเสินจื่อ
ฟู่จิ้นเองก็เดินเข้าไปหาคนคนหนึ่งในนี้อย่างจนปัญญาเช่นกัน
พวกปิงเสินจื่อนึกไม่ถึงว่าจะเกิดผลลัพธ์เช่นนี้ ต่างคนต่างมีสีหน้าผกผัน ยืนอึ้งอยู่กลางอากาศในสภาพที่ไม่รู้สึกตัว
“เจ้า!” แม่ทัพปีศาจเผ่าฉลามมังกรสีหน้ากลายเป็นแดงก่ำทันที ส่งเสียงตะโกนเหมือนกับว่าถูกทำให้อับอาย
“มู่อวิ๋น! เจ้าอย่าไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี! นี่เป็นดินแดนของเผ่าเต่าดำ ขณะเดียวกันก็เป็นหนึ่งในดินแดนของเผ่าฉลามมังกรเช่นกัน! ไม่ใช่ที่ที่ผู้บำเพ็ญมนุษย์อย่างเจ้าจะบุกรุกได้”
ทว่าสิ่งที่ตอบรับเขายังเป็นเสียงเข่นฆ่าที่ดังอย่างต่อเนื่อง พวกปิงเสินจื่อรีบเข้าไปขัดขวางศพหลอมสามตัวที่กำลังเข่นฆ่าอย่างไร้ความเกรงกลัว และเข้าปะทะกับพวกเซียนพรตอสรพิษสายลมด้วยความจนปัญญา
ปีศาจฉลามมังกรตนนั้นโกรธจนร่างสั่น ในที่สุดก็อดกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป ล้วงหยิบยันต์หยกสีดำแผ่นหนึ่งออกมาจากในอกเสื้อ
“เจ้าบังคับข้าเองนะ! ค่ายกลมังกรทะเลแสงอรุณ! ทำงาน!”
ครืน!
ทันใดนั้นเกิดเสียงสายฟ้าดังขึ้นสู่ฟากฟ้าจากในทรวงอกของเขา
ลวดลายสีน้ำเงินจำนวนมากสว่างขึ้นบนเกาะของเผ่าเต่าดำอย่างรวดเร็ว ลวดลายเหล่านี้ส่งแสงสายฟ้าสีน้ำเงินหลายสายออกมา ทั้งหมดรวมตัวกันตรงกลางเกาะ แล้วกลายเป็นก้อนสายฟ้าสีน้ำเงินที่ขยายใหญ่ด้วยความเร็วสูง
……………………………………….