CatNovel
  • หน้าหลัก
  • แทงหวย24
  • มังงะ
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • แทงหวย24
  • มังงะ
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 485 บ้าคลั่ง (1)

  1. Home
  2. ยอดวิถีแห่งปีศาจ
  3. บทที่ 485 บ้าคลั่ง (1)
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

บทที่ 485 บ้าคลั่ง (1)

‘ความรู้สึกนี้…เหมือนกับมีอะไรบางอย่าง สิ่งที่คุ้นเคยกำลังประสานเสียง…’ ลู่เซิ่งขมวดคิ้วน้อยๆ พร้อมกับหยุดความปรวนแปรที่บิดเบี้ยวรอบๆ ตัวอย่างรวดเร็ว

ตั้งแต่ปราณมารรั่วไหล จนกระทั่งเก็บกลับ เป็นเวลาชั่วพริบตาสั้นๆ เท่านั้น ผู้บำเพ็ญเพียรคนอื่นๆ ที่ได้รับบาดเจ็บไม่ได้สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงนี้

เวลานี้ดินแดนของเผ่าเต่าดำถูกจัดการจนเสร็จสิ้นในเวลาไม่นาน คลังสมบัติและห้องลับบางส่วนถูกขุดค้น สถานที่ที่ค่ายกลปกป้องเป็นพิเศษเหล่านี้คุ้มกันยอดฝีมือเผ่าเต่าดำที่รอดชีวิตมาได้โดยอาศัยค่ายกลบางส่วนด้วย

เหล่าทหารปีศาจกับแม่ทัพปีศาจตักตวงทุกสิ่งที่เอามาได้ไปด้วย พร้อมกับมัดพวกเผ่าเต่าดำที่ได้รับบาดเจ็บหนัก ก่อนจะพากันล่าถอยไป

มองจากที่สูง เหล่าทหารปีศาจนับไม่ถ้วนที่กำลังย้ายสิ่งของที่มีค่าทั้งหมดบนเกาะออกไปเหมือนกับตั๊กแตนสีดำ

เกาะของเผ่าเต่าดำโล่งโจ้งอย่างรวดเร็ว ภาพบนผนังหินที่มีค่าหน่อยก็ถูกสะกัดออกมาแม้แต่ก้อนหินก็ถูกนำออกไปด้วย

ลู่เซิ่งให้ฟู่จิ้นรับผิดชอบดูแลพวกแม่ทัพปีศาจทหารปีศาจที่ขนย้ายคลังสมบัติ รวมถึงพาคนไปซักถามวิชาการฝึกฝนของเผ่าเต่าดำ

จากนั้นเขาพาเซียนพรตอสรพิษสายลมไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง เป็นที่ที่เผ่าปีศาจวารีของทะเลทักษิณอยู่

ในฐานะที่เป็นเผ่าใหญ่ เผ่าปีศาจวารีเป็นผู้วางแผนและผู้สนับสนุนการปฏิบัติการณ์ในครั้งนี้ ลู่เซิ่งมอบคำกำชับให้จับกุมยอดฝีมือระดับขั้นสร้างโอสถทั้งหมดไปเป็นทาสโดยไม่ปรานีแม้แต่น้อย

ลู่เซิ่งลงมืออีกครั้งภายใต้การขัดขืนอย่างทุลักทุกเลของเผ่าปีศาจวารี พลังอาคมยิ่งใหญ่ดึงน้ำทะเลรอบๆ ขึ้นมาแล้วบดขยี้ค่ายกลคุ้มครองที่เผ่าวารีภาคภูมิใจในครั้งเดียว ประชากรเผ่าปีศาจวารีบาดเจ็บล้มตาย เผ่าทั้งเผ่าแทบถูกกำจัดจนสิ้นซาก

ต่อมาในเวลาติดๆ กัน เขาก็ไปยังเผ่าปะการังม่วงและเผ่างูทะเลโดยไม่หยุดพัก

เผ่าใหญ่ๆ ยอมแพ้ต่อถ้ำยุทธพฤกษา ผู้ที่กล้าขัดขืนไม่ใช่ไม่มี แต่ล้วนถูกลู่เซิ่งสังหารอย่างเหี้ยมโหดจนแทบจะสิ้นเผ่า

หลังจากทะเลอุดรบนโลกบำเพ็ญเซียนโพ้นทะเลรวมเป็นหนึ่ง ไม่นานทะเลทักษิณ ทะเลบูรพา และทะเลประจิม…ล้วนถูกขุมกำลังในสังกัดของถ้ำยุทธพฤกษาฮุบกลืน

ช่วงแรกสุดพวกที่ร้ายกาจบางส่วนยังต้องให้ลู่เซิ่งออกโรงจัดการด้วยตัวเอง ภายหลังมียอดฝีมือระดับสร้างรากฐานที่รวบรวมไว้เพิ่มขึ้น จึงมีคนหลายคนรุมคนคนเดียว ไม่จำเป็นต้องมีลู่เซิ่งก็โค่นเผ่าอื่นได้อย่างรวดเร็ว

และในตอนนี้จำนวนของผู้บำเพ็ญขั้นสร้างโอสถในสังกัดของถ้ำยุทธพฤกษาก็มีการเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดถึงสองคน แม้จะถูกลู่เซิ่งบังคับให้เข้าร่วม หากไม่เข้าร่วมจะทำลายเผ่า แต่ขอแค่ใช้งานในความเป็นจริงได้ก็พอแล้ว

ลู่เซิ่งไม่คิดจะควบคุมบริวารด้วยแรงกดดันเพียงอย่างเดียว

เขาเริ่มใช้ความสามารถลวงจิตของอสรพิษริษยาถามเคล็ดวิชาการสืบทอดจากแต่ละเผ่า บางคนที่ยอมตายไม่ยอมทำตามก็ถูกฆ่าทิ้ง จากนั้นค่อยลอบเปลี่ยนคนมาซักถามต่อ

ไม่ทันไร เคล็ดวิชาการสืบทอดทั้งหมดของเผ่าสามสิบกว่าเผ่าที่ยอมศิโรราบ บวกกับเผ่าพันธุ์ทะเลยี่สิบกว่าเผ่าที่เข้าร่วมถ้ำยุทธพฤกษา ก็ถูกลู่เซิ่งเก็บเข้าถ้ำ

เขาได้สร้างถ้ำหมื่นทะเลขึ้นเพื่อใช้ตบรางวัลให้แก่ผู้ที่สร้างประโยชน์ให้แก่วิมานถ้ำ โดยให้พวกเขาเข้าไปเลือกวิชาที่เหมาะสมกับตัวเอง

หลังจากทำเช่นนี้ เผ่าที่ตอนแรกไม่ยินยอมพร้อมใจพลันเปลี่ยนท่าที โดยเฉพาะเผ่าพันธุ์ทะเลที่การสืบทอดไม่สมบูรณ์หรือว่ามีการสืบทอดอ่อนแอ ล้วนยอมแพ้แก่ลู่เซิ่งโดยสมบูรณ์

ส่วนพวกที่ไม่พอใจถึงขีดสุดก็มีแต่เผ่าพันธุ์ทะเลใหญ่ๆ ไม่กี่เผ่า พวกเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับวิชาของเผ่าพันธุ์ทะเลเล็กๆ แต่ก็ขัดขวางไม่ให้วิชาของเผ่าตนสูญหายไม่ได้

ทว่าไม่นาน คนในเผ่าที่ได้เข้าไปในถ้ำหลังจากสร้างความดีความชอบก็พบว่า ในถ้ำหมื่นทะเลยังมีเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งลึกล้ำยิ่งกว่าวิชาในเผ่าของพวกเขาอยู่อีกจำนวนหนึ่ง

เคล็ดวิชาในเผ่าพันธุ์ที่เดิมบกพร่องหรือไม่สมบูรณ์เหล่านี้ มีฉบับปรับปรุงอยู่ที่นี่

ครั้งนี้เผ่าพันธุ์ทะเลทั้งหมดคลุ้มคลั่งแล้ว

ความจริงลู่เซิ่งใช้พลังอาวรณ์ของตัวเองเรียนรู้และปรับปรุงวิชาการสืบทอดที่สมบูรณ์เหล่านี้

คัมภีร์ลับการสืบทอดฉบับดั้งเดิมของแต่ละเผ่าที่เขาได้สัมผัสบ่อยๆ บ้างก็เป็นเปลือกหอย บ้างก็เป็นหินปะการัง บ้างก็เป็นศิลาแปลง (ฟอสซิล) บ้างก็เป็นของขลังของวิเศษ

แต่ทุกสิ่งทุกอย่างของพวกมันมีจุดร่วมเดียวกันโดยไม่มีข้อยกเว้น นั่นก็คือมีพลังอาวรณ์เกาะติดอยู่ไม่มากก็น้อย

ลู่เซิ่งใช้พลังอาวรณ์ของตัวเองไปไม่เท่าไหร่ก็จัดการสถานการณ์ของถ้ำยุทธพฤกษาได้สำเร็จ ถึงขั้นที่สุดท้ายเขายังได้ประหยัดเล็กน้อย ปริมาณปราณโอสถกลับมาอยู่ที่สองหมื่นห้าพันหน่วยเหมือนเดิม ทำให้ปริมาณที่ใช้ไปตอนเลื่อนสู่ระดับทารกจิตเมื่อก่อนหน้ายังได้รับการชดเชยส่วนหนึ่ง

จากนั้นก็รวบรวมทรัพยากรเผ่าพันธุ์ทะเลทั้งหมดมาใช้หลอมไข่มุกกลืนสมุทร ขณะเดียวกันก็เพิ่มปริมาณการกลืนกินน้ำทะเลของไข่มุกกลืนสมุทรด้วย

รอบด้านเกิดสงครามขึ้นไม่หยุด การหลอมของขลังของลู่เซิ่งพัฒนาอย่างราบรื่นถึงขีดสุด อีกทั้งกายเนื้อก็กำลังปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ หลังเข้าสู่สภาพทารกจิตเช่นกัน

สองเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ลู่เซิ่งเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว วิถีธรรมะยังไม่ทันมาสืบสาวเอาความ ถ้ำยุทธพฤกษาก็ยืนอยู่บนตำแหน่งสูงสุดของโพ้นทะเลโดยสมบูรณ์

ไข่มุกกลืนสมุทรของเขาได้รับการหลอมเสร็จสิ้น น้ำทะเลที่ดูดซับไว้ไปถึงระดับที่ตัวเขาก็คำนวณไม่ได้แล้ว

ขณะเดียวกันเขายังได้กางค่ายกลอันยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นจากการปลอมแปลงหลังปราณทารกหลอมรวมกับน้ำทะเลด้วย

ขอบฟ้าที่ดูเหมือนสงบนิ่ง ความจริงเป็นอาณาเขตที่น้ำทะเลซึ่งเขาควบคุมอยู่ปกคลุมเอาไว้

ด้านอื่นๆ มีถ้ำยุทธพฤกษาเป็นผู้นำ ใช้สี่เผ่าพันธุ์ทะเลใหญ่ใต้สังกัดร่วมประสาน ส่วนเผ่าพันธุ์ทะเลขนาดกลางถึงเล็กหลายสิบเผ่าเป็นพันธมิตร ลู่เซิ่งได้สร้างองค์กรอันดับหนึ่งแห่งโพ้นทะเลที่มีอำนาจและขุมกำลังยิ่งใหญ่ไพศาลขึ้นมาในขั้นเบื้องต้นแล้ว

ลู่เซิ่งเปลี่ยนชื่อถ้ำยุทธพฤกษาเป็นสำนักสี่สมุทร เขายังไม่ได้เปลี่ยนฉายา แต่กลับเป็นเพราะสภาวะอันยิ่งใหญ่จากการลงมือหลายครั้ง ผู้คนจึงพากันยกย่องเขาเป็นจอมสัจจะกลืนสมุทร ถูกเรียกเป็นราชันผู้แข็งแกร่งที่สุดแห่งโพ้นทะเล มีชื่อเสียงเหนือกว่าจอมสัจจะเก้ามังกรในตอนแรกสุด

และตอนนี้ เผ่าพันธุ์ทะเลระดับสุดยอดสองสามเผ่าสุดท้ายที่จัดการยากที่สุดแห่งโพ้นทะเล ในที่สุดก็โผล่พ้นผิวน้ำพร้อมกับจับมือเป็นพันธมิตรกัน เพื่อต้านทานความกดดันอันยิ่งใหญ่ของสำนักสี่สมุทร

ในนี้มีเผ่าฉลามมังกรที่เคยปรากฏตัวต่อหน้าลู่เซิ่งมาก่อน นอกจากนี้ยังมีเผ่าวาฬ เผ่าหอย และเผ่าพหุรยางค์ สามขุมกำลังใหญ่

ลู่เซิ่งเริ่มออกปฏิบัติการณ์ทันที โดยส่งทัพปีศาจไปถล่มโจมตี ตรึงกำลังสี่เผ่าพันธุ์นี้ไว้อย่างเต็มที่ แต่เป็นเพราะพลังต่างกันเกินไป ทัพปีศาจในสังกัดจึงบาดเจ็บล้มตายมหาศาล เพียงทำได้แค่ถ่วงเวลาสี่เผ่าพันธุ์ทะเลใหญ่เอาไว้

ผู้บำเพ็ญเพียรขั้นสร้างโอสถในสังกัดลู่เซิ่งไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเผ่าพันธุ์ทะเลใหญ่เหล่านี้ เนื่องจากจำนวนต่างกันมากเกินไป ในสถานการณ์แบบนี้ เขาได้แต่มุ่งหน้าไปตรวจสอบดินแดนหลักของเผ่าฉลามมังกรด้วยตัวเอง

…

จงหยวน

ด้านในเมืองที่รุ่งเรืองแห่งหนึ่ง ผู้คนบนท้องถนนเดินกันขวักไขว่ การจราจรแออัด บุรุษวัยหนุ่มสวมงอบสีเหลืองนั่งอยู่ด้านในร้านค้าขายทังหยวน[1]ร้านหนึ่งริมทาง

บุรุษก้มหน้ากินน้ำแกงทังหยวนที่อยู่ด้านหน้าคำเล็กๆ บนโต๊ะไม้สามตัวรอบๆ ตัวเขามีชายฉกรรจ์และชายชราที่ดูแค่การแต่งตัวก็รู้ว่าไม่ใช่คนธรรมดานั่งอยู่

สายตาของคนสามกลุ่มนี้จับจ้องอยู่บนร่างบุรุษสวมงอบเขม็ง

ตุบ

บุรุษวางถ้วยทังหยวนลงบนโต๊ะไม้เบาๆ พลันถอนหายใจยาว

“พระอาจารย์ชิงหนี ท่านไม่อยู่ที่เขาหมื่นหิมะฝึกฝนฌานไร้หทัยของท่าน มาร่วมความสนุกอะไรกันที่นี่”

“ ท่านประมุขเจิน ตอนนี้จังหวัดประกายนิ่งของท่านวุ่นวาย บุตรธิดาทั้งหลายแย่งชิงอำนาจกัน ท่านยังมีเวลามาสนใจเรื่องของพวกเราอีกหรือ”

“ยังมีเซียนพรตชวีซ่าน เซียนพรตจางสำนักอาคมมายายังสบายดีกระมัง จำได้ว่าเจอเขาครั้งล่าสุดเมื่อแปดสิบกว่าปีก่อนแล้ว”

บุรุษสวมงอบระบุสถานะของคนสามคนนี้เหมือนกับสมบัติในบ้าน

“นักพรตมารอวิ๋นเหย่ ในเมื่อเจ้ารู้ว่าพวกเราเป็นใคร ก็น่าจะทราบถึงจุดประสงค์ในการมาของพวกเรา” พระอาจารย์ชิงหนีเป็นผู้ออกบวชที่บำเพ็ญโดยที่ไว้ผม ใส่อาภรณ์สีน้ำเงินอมเทา สวมรองเท้าผ้าผูกเชือกผ้าขาว ถือลูกประคำไม้สีแดงไว้ในมือ ดูเหมือนกับนักพรตที่ท่วงท่าดุจเซียนไปบำเพ็ญทางพุทธ มอบความรู้สึกแปลกประหลาดให้แก่ผู้คน พอเขาได้ยินดังนั้นก็อดเอ่ยปากไม่ได้

“ท่านอยากจะถามว่าอริยะสงฆ์สี่รูปเมื่อก่อนหน้านี้ไปไหนใช่หรือไม่” อวิ๋นเหย่ค่อยๆ ปลดงอบลง ก่อนจะลุกขึ้นด้วยรอยยิ้ม

“อริยะสงฆ์สี่รูปมีจริยธรรมสูงส่ง ควรค่าแก่การให้ความเคารพ ทว่าน่าเสียดาย พวกท่านไม่ฟังคำเตือน ไม่รู้จักเวล่ำเวลา ต้องการจะสะกดข้าไว้ใต้เจดีย์สยบมารของศาสนาพุทธให้จงได้ ดังนั้นข้าเลยสู้กลับ ผลลัพธ์…พวกท่านล้วนทราบแล้ว” อวิ๋นเหย่ตอบคำถามของอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม

“เจ้าสำนักกระบี่เทวะเล่า” ชายฉกรรจ์ที่อยู่อีกด้านอดถามไม่ได้ “เขาไม่ได้มีความแค้นอะไรกับเจ้านี่!”

“ข้าต้องการกระบี่หยกวิจิตร ช่วยไม่ได้ เจ้าสำนักกระบี่ต้องการจะกำจัดข้าทิ้งหลังทราบเรื่องจริงเช่นกัน เพื่อป้องกันตัว ข้าเลยได้แต่สู้กลับอย่างจนปัญญา” อวิ๋นเหย่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม

“เหลวไหล! อริยะสงฆ์สี่ท่านบวกกับเจ้าสำนักกระบี่เทวะ จอมสัจจะทารกจิตห้าคนผู้ยิ่งใหญ่ ถูกเจ้าคนเดียวฆ่าทิ้งอย่างนั้นหรือ แม้แต่ทารกจิตก็ยังหนีออกไปไม่ได้ด้วยซ้ำ!” คนที่สามคือเซียนพรตชวีซ่าน ดูเหมือนนักพรตชราที่ตั้งแผงทำนายดวงชะตาริมถนน หยีตาข้างหนึ่ง มือซึ่งถือไม้ปัดฝุ่นโบกไปมาอย่างสบายๆ ตลอดเวลา

“อวิ๋นเหย่ ตอนนี้เจ้าเพิ่งเป็นมารได้ไม่นาน กลับไปกับข้าเถอะ ยังมีความหวังอยู่ ถ้าหากดื้อดึงอยู่อีก ก็อย่าได้โทษว่ากระบี่ของเราไม่ปรานีแล้ว”

“อริยะสงฆ์สี่รูปยังทำอะไรข้าไม่ได้ ต้องกลัวจอมสัจจะทารกจิตสามคนอย่างพวกท่านที่เพิ่งมารวมตัวกันอีกหรือ”

อวิ๋นเหย่ปลดงอบลง อยู่ๆ ก็หัวเราะขึ้น ก่อนจะพุ่งขึ้นท้องฟ้าท่ามกลางสายตาตื่นตระหนกของคนเดินเท้าที่อยู่รอบๆ ตัว

“รีบตามไป มันได้รับบาดเจ็บหนัก อริยะสงฆ์สี่รูปกับเจ้าสำนักกระบี่เทวะทิ้งอาการบาดเจ็บสาหัสที่ไม่อาจแก้ไขได้ให้มันไว้แล้ว จะให้มันหนีออกไปจากบริเวณนี้ไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นใต้หล้าจะอันตราย!” เซียนพรตชวีซ่านกลายเป็นแสงเขียวพุ่งขึ้นฟ้าไปในทันที อีกสองคนที่เหลือทะยานร่างขึ้นไล่ตามไปพร้อมๆ กัน

แต่ว่าทั้งสามคนเพิ่งพุ่งสู่ฟากฟ้า กลับค้นพบอย่างเหนือความคาดหมายว่าอวิ๋นเหย่ยังอยู่ที่เดิม ไม่มีความคิดหลบหนีแม้แต่น้อย

“จอมสัจจะสี่คนอีกแล้วสิ จุ๊ๆ หากย่อยสลายพวกเจ้าได้ ร่างหลักของข้าจะรุดหน้าได้อีกก้าวหนึ่ง!”

อวิ๋นเหย่ยิ้มอย่างดุดัน ควันดำนับไม่ถ้วนแผ่ขยายออกมาจากด้านหลังเขาอย่างฉับพลัน พริบตาเดียวก็ย้อมอาณาเขตหลายร้อยลี้รอบๆ เป็นสีดำสนิท

…

“กระบองสวรรค์ร่างมังกร! ไปตายเสียเถอะ!”

เหนือทะเลบูรพา น้ำทะเลจำนวนมากแยกออกอย่างฉับพลัน เงาร่างกำยำที่ทั่วร่างเป็นแสงสีขาวพุ่งออกมาจากด้านใน

เงาคนสายนี้ถือกระบองมังกรสีทองอ่อน ปราณโอสถสีน้ำเงินที่เหมือนไฟลุกไหม้บนร่าง กระตุ้นโอสถทองคำทั้งหมดในร่างกายเหมือนกับดาวตกเพื่อพุ่งเข้าหาลู่เซิ่งโดยไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย

“น่าเบื่อ” ลู่เซิ่งไม่เคลื่อนไหว เซียนพรตเผ่าฉลามทะเลคนหนึ่งด้านข้างเขาเดินออกมากางมือข้างขวา แล้วฟาดลงไปด้านล่างอย่างรุนแรง

ครืน!

เกิดเสียงดังกึกก้อง กระบองมังกรปะทะกับฝ่ามือ แสงสีขาวอมฟ้ากลุ่มใหญ่ระเบิดขึ้น เซียนพรตเผ่าฉลามทะเลแค่นเสียงและถอยหลังไปหลายก้าว

เงาคนที่พุ่งออกมาจากในทะเลชะงักเล็กน้อย สภาวะการพุ่งตัวหยุดลง

“ฮ่าๆๆๆ! มู่อวิ๋น เจ้านึกว่าพวกเราคงคิดไม่ถึงว่าเจ้าจะมาโจมตีเผ่าฉลามมังกรของเราในวันนี้สินะ วันนี้ที่นี่จะเป็นหลุมศพของเจ้า!” คนผู้นี้หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง กระบองมังกรในมือระเบิดเสียงดังครืน ทำให้ร่างกายเขาระเบิดตามไปด้วย สุดท้ายปราณโอสถก็ระเบิดออกด้วย ใช้ชีวิตเป็นค่าตอบแทนเพื่อเปลี่ยนให้กลายเป็นควันไฟสีน้ำเงินกลุ่มหนึ่งกลางอากาศ

……………………………………….

[1] ทังหยวน เป็นแป้งยัดไส้ที่ปั้นเป็นก้อนในน้ำซุปใส ลักษณะคล้ายบัวลอย

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "บทที่ 485 บ้าคลั่ง (1)"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์