CatNovel
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 491 รวมตัว (1)

  1. Home
  2. ยอดวิถีแห่งปีศาจ
  3. บทที่ 491 รวมตัว (1)
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

บทที่ 491 รวมตัว (1)

ในโถงรับแขก

ลู่เซิ่งที่นั่งอยู่บนเก้าอี้พนักสูงมองลัวเฉิงด้วยสีหน้าแปลกพิกล แถมคอยพิจารณาลัวอิงตลอดเวลา ไม่พูดอะไรอยู่ชั่วขณะ

ลัวเฉิงใจเต้นระทึก ลัวอิงใจเต้นตึกตัก ต่างคนต่างมีความคิดอ่านในใจ ต่างกำลังรอการตอบกลับของลู่เซิ่งอยู่

ลัวอิงสงสัยแต่ไม่รู้จะถามจากตรงไหน นางทราบว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ควรส่งเสียงถาม ถ้าหากว่าท่านพี่คิดว่าอธิบายให้ตัวเองฟังได้ อย่างนั้นต้องหาโอกาสบอกแน่

ตอนนี้ที่ไม่อธิบาย ไม่แน่ว่าอาจจะพูดไม่ได้

ดังนั้นนางจึงยืนอยู่เงียบๆ

หลิ่วเอ๋อร์ผู้ครองเขาฉีซันป้องปากหัวเราะคิก ในช่วงชีวิตอันยาวนานของนางมีเวลาที่เต็มไปด้วยเรื่องสนุกสนานแบบนี้เช่นกัน แต่น่าเสียดายที่นั่นเป็นเรื่องที่ผ่านมานานมากๆ แล้ว

ตอนนั้น พลังฝึกปรือของนางยังไม่แกร่งเท่าตอนนี้

เนิ่นนานนัก

ลู่เซิ่งจึงค่อยๆ เอ่ยปาก

“เจ้าอยากให้นางเป็นน้องสาว อย่างนั้นจะเป็นน้องสาวก็ได้ ในฐานะเจ้าสำนักน้อย การมีลูกหลายๆ คนหน่อยก็ไม่เลวเหมือนกัน…ข้าจะได้ไม่ต้องจัดการเรื่องแต่งงานให้กับเจ้าอีก”

ลัวเฉิง “…”

ใบหน้าของลัวอิงแสดงความงุนงง ก่อนจะแดงก่ำ นางจึงรีบก้มหน้าลง

“เอาล่ะ เรื่องราวของที่นี่จบเท่านี้ ลัวเฉิงตอนนี้เจ้าพาข้าไปหน้าหลุมศพบิดามารดาของเจ้า ข้าจะไปกราบไหว้สักหน่อย” ลู่เซิ่งลุกขึ้นพร้อมกับกล่าวเสียงกังวาน

“เอ่อ…ขอรับ…ได้ขอรับท่านลุงใหญ่!” ลัวเฉิงรีบตอบอย่างร้อนรน ตอนนี้เขาเหลือบมองลัวอิงผู้เป็นน้องสาว ในใจที่ยังกังวลสับสนกลับเกิดความรู้สึกสุขใจอันเข้มข้น

“ตระกูลลัวของเราขาดแคลนคนรุ่นหลัง ดังนั้นลัวเฉิงเจ้าต้องพยายามให้มากๆ ในเวลาสองปีอย่างน้อยต้องมีลูกมากกว่าห้าคน นี่เป็นภารกิจของเจ้าในฐานะเจ้าสำนักน้อย การฝึกฝนวิชาไม่ต้องสนใจก็ได้ แต่ต้องมีลูกเยอะๆ!” ลู่เซิ่งชี้แนะอย่างชัดเจน

แม้ไม่ทราบว่าผลกรรมของมู่อวิ๋นมีความปรารถนาจะทำให้ตระกูลรุ่งเรืองหรือไม่ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ทำก่อนแล้วค่อยว่ากันย่อมดีกว่า

“เอ่อ…ท่านลุงใหญ่…ผู้หลานยังไม่ได้กำหนดเรื่องแต่งงานด้วยซ้ำ นี่ออกจะเร็วเกินไปหรือไม่…” ลัวเฉิงตกใจจนหน้าถอดสี รีบปฏิเสธเสียงดัง

“ไม่เป็นไร ถ้าหากเป็นเรื่องแต่งงานของเจ้าสำนักน้อย คนในสำนักข้ามีหลายพันคน สามารถเลือกได้ตามใจ เชื่อว่าไม่มีใครไม่ยินดีอุทิศตนปรนนิบัติเจ้าสำนักน้อยแน่” หลิ่วเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างกล่าวพลางหัวเราะ

“นี่…” ลัวเฉิงรู้สึกวิงเวียนศีรษะเล็กน้อย โชคลาภมาอย่างกะทันหันเกินไป เพียงแต่อยู่ๆ เขาก็รู้สึกตัว รีบมองไปยังลัวอิงผู้เป็นน้องสาว เห็นลัวอิงทำหน้าหม่นหมองอย่างที่คิดไว้

“เอ่อ…ช่างมันเถอะ…ข้าไม่เอาดีกว่า…ขอบคุณพี่สาวๆ…ฮ่ะๆๆ…” ลัวเฉิงรีบบอกปัด

“ต๊ายตาย ปากหวานจริงๆ” หลิ่วเอ๋อร์หัวเราะคิก ดวงตายิ้มหยีเหมือนกับจันทร์เสี้ยว

“เอาล่ะ ไปกราบไหว้หลุมศพกันก่อน” ลู่เซิ่งสั่ง

“เอ๋?…ตอนนี้เลยหรือขอรับ!?” ลัวเฉิงร้องอย่างตกใจ

“กราบไหว้อยู่ที่ใจ ไม่เกี่ยวกับเวลา อย่าเสียเวลาเลยไม่อย่างนั้นจะมากเรื่องมากราวเสียเปล่า” ลู่เซิ่งเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง

ลัวเฉิงกับลัวอิงไม่เข้าใจว่าหมายความถึงอะไรอยู่ชั่วขณะ แต่ว่าท่านลุงใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าเป็นคนดุดัน พวกเขาจึงไม่กล้าปฏิเสธ ได้แต่เดินออกจากโถงรับแขกพร้อมกัน

“จริงสิ ท่าน…เอ่อ” ลัวอิงอ้าปากแต่ไม่ทราบจะเรียกอย่างไรอยู่ชั่วขณะ

“เรียกข้าว่าลุงใหญ่ก็ได้ อย่างไรไม่ช้าก็เร็วเจ้าก็จะเป็นคนของตระกูลลัวอยู่แล้ว” ลู่เซิ่งโบกมือกล่าวอย่างไม่นำพา

หน้างามของลัวอิงแดงก่ำอีกรอบ

“ท่านลุงใหญ่ คือว่า…ข้าคือคนในราชวงศ์ของรัฐอนัตตา ภายหลังจะเกิดปัญหาไม่น้อย ถ้าหากว่าท่าน…”

“รัฐอนัตตาหรือ เหมือนจะเคยได้ยินมาก่อน” ลู่เซิ่งใคร่ครวญ เขาเหมือนเคยได้ยินชื่อรัฐแห่งนี้มาก่อน คล้ายจะอยู่ห่างไกลมาก

“ไม่เป็นไรหรอก” หลิ่วเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างส่งเสียงอย่างอ่อนโยน “ปัจจุบันทั่วทั้งใต้หล้า เรื่องที่ท่านลุงใหญ่ของพวกเจ้าทำไม่ได้ มีอยู่น้อยยิ่ง”

โอ้!

ลัวเฉิงอดกลืนน้ำลายไม่ได้ รู้สึกว่าตนเองเหมือนจะถูกขนมเปี๊ยะบังฟ้าคลุมตะวันที่น่ากลัวกดทับใส่ศีรษะ

โชคลาภมาอย่างกะทันหันเกินไป เขาคิดว่าตัวเองจำเป็นต้องทำใจให้เย็นๆ ก่อน แม้ส่วนลึกของจิตใจจะกำลังตะโกนอย่างลิงโลดอย่างควบคุมไม่ได้อยู่ก็ตามที

ลัวอิงเองก็สำลักและส่งเสียงไม่ออกอยู่ชั่วขณะเพราะความยิ่งใหญ่ของคำพูดนี้อยู่เช่นกัน

“พอแล้ว ไปเถอะ” ลู่เซิ่งให้เด็กทั้งสองคนนำทาง ทั้งสี่คนร่วมทางกัน สิ่งที่น่าประหลาดก็คือ ทั้งๆ ที่พวกลัวเฉิงก้าวเดินด้วยย่างก้าวที่ใช้ตามปกติ ทว่าตอนนี้พวกเขากลับรู้สึกว่าเร็วกว่าเดิมมาก

แทบจะไม่ถึงยี่สิบอึดใจ ทั้งสี่คนก็มายืนอยู่ในสุสานฝังศพด้านหลังหมู่บ้านแล้ว

สุสานฝังศพมีเนินหลุมศพสิบกว่าเนินเรียงแถวอยู่ด้วยกัน

“นอกจากท่านพ่อท่านแม่ ยังมีท่านตาท่านยาย และท่านลุงด้วย ล้วนฝังอยู่ที่นี่ พวกเขาจากไปเพราะติดโรคชนิดหนึ่ง” ลัวเฉิงเดินไปถึงหน้าเนินหลุมศพสองเนินที่อยู่ท้ายสุดอย่างคุ้นเคย ก่อนจะโขกศีรษะสามครั้งอย่างนอบน้อม

“ที่นี่อย่างนั้นหรือ” ลู่เซิ่งเดินเข้าไปดูตัวอักษรที่สลักบนป้ายศิลา

‘บิดาจิ้นเย่’ ‘มารดาเย่จวิน’ ป้ายหลุมศพสองหลุมสลักตัวอักษรที่แตกต่างกัน ด้านล่างคือชีวประวัติโดยสังเขปที่ใช้ตัวอักษรเล็กๆ สลักไว้

ลู่เซิ่งพนมมือไหว้ ในใจกลับเกิดความเศร้าโศกขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้

เขาทราบว่านี่เป็นสัญญาณที่กรรมของมู่อวิ๋นกำลังได้รับการแก้ไข จากนั้นลู่เซิ่งก็เดินไปยังหน้าหลุมศพท่านตาท่านยายของลัวเฉิง แล้วพนมมือทำความเคารพเช่นกัน

รอหลังจากกราบไว้เสร็จ แล้วเขาเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ดวงตาพลันสาดประกายสีแดง ความโศกเศร้าในใจค่อยๆ จางหายไป

“หลิ่วเอ๋อร์ เจ้าให้พวกจุนปานำคนมาย้ายหลุมศพไป ทั้งหมดย้ายไปที่อารามวารีเมฆาที่ทะเลทักษิณ นอกจากนี้จงส่งคนมาร่วมปฏิบัติการกับพวกเราด้วย” ลู่เซิ่งส่งกระแสเสียงบอกความลับ

หลิ่วเอ๋อร์พยักหน้าบอกว่าเข้าใจ

จุนปาเป็นหัวหน้าเผ่านางเงือกที่เข้ามาในจงหยวนพร้อมกับพวกเขาในครั้งนี้ มีคนในเผ่าพวกนางอยู่ที่รัฐจ้าวเช่นกัน

ด้วยรูปโฉม บุคลิก และความสามารถของเผ่านางเงือก ตระกูลที่แต่งเข้าได้จึงเป็นขุมกำลังในโลกมนุษย์ที่มีขนาดใหญ่เช่นกัน

การจัดการเรื่องเล็กๆ แค่นี้เหนื่อยเพียงยกมือเท่านั้น

หลังจากกราบไหว้เสร็จ ลู่เซิ่งก็พาเด็กทั้งสองคนเข้าไปในนครเขต ไม่นานก็พบกับเผ่านางเงือกที่มารับตัว

หลังจากที่ให้รถม้างดงามสองคันพาพี่น้องตระกูลลัวไปแล้ว ลู่เซิ่งก็นำหลิ่วเอ๋อร์ไปยังสถานที่ที่สอง

ครั้งที่มู่อวิ๋นออกจากบ้านเกิด คนที่มีความเกี่ยวข้องด้วยไม่ได้มีแค่ครอบครัวเท่านั้น แต่ยังมีหลินซงอีซึ่งเป็นสหายที่เขามีความผูกพันอย่างล้ำลึก และสนิทสนมกันที่สุดตั้งแต่ยังเด็กด้วย

หลังจากมู่อวิ๋นหายตัวไป ตระกูลหลินของหลินซวงอีได้ใช้ข้อมูลออกค้นหา แถมยังลงเงินลงแรงอย่างอุตสาหะเพื่อตามหามู่อวิ๋นต่อ จนกระทั่งถึงปีที่ห้า หลินซงอีซึ่งคุมกิจการของตระกูลไม่เห็นความหวังใดๆ อีก จึงได้เลิกค้นหา แล้วเปลี่ยนไปใช้ประกาศมอบรางวัลให้แก่ผู้ตามหาแทน

ตระกูลหลินตามหาง่าย หลินซวงอีเพียงมีอายุมากขึ้นเท่านั้น ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย มีหลานชายหลานสาวหลายคน ครอบครัวเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรที่ต้องจัดการ กิจการยิ่งมั่นคงดุจเขาไท่ซาน มีความสัมพันธ์เกาะเกี่ยวกับขุมกำลังที่เป็นงูเจ้าถิ่นในท้องที่

กิจการร้านขายเสื้อผ้าของตระกูลลัวมีเพียงเด็กสองคนเป็นผู้ดูแล ที่ไม่เคยเกิดปัญหาอะไรขึ้น เป็นเพราะว่ามีตระกูลหลินคอยลอบให้การช่วยเหลือ ไม่อย่างนั้นด้วยอายุของเด็กน้อยสองคนเช่นลัวเฉิงกับลัวอิง คงจะถูกพวกผู้ใหญ่ที่มีจุดประสงค์ร้ายปอกลอกจนหมดเนื้อหมดตัวไปนานแล้ว

ลู่เซิ่งลอบตรวจสอบ พอพบว่าไม่มีอะไรที่จำเป็นต้องลงมือ จึงไม่ได้ทำอะไร เพียงแอบทิ้งแท่งทองและโอสถสลักอักษรไว้ให้บางส่วน โอสถชนิดนี้ไม่มีผลอะไรต่อผู้บำเพ็ญมากนัก เพียงแค่มีผลยืดอายุขัยหากกินมากเกินไปเท่านั้น ต่อมาเป็นหยกแขวนที่กระตุ้นปราณทารกได้สามครั้ง เวลาเจอปัญหาจะสามารถใช้ปกป้องตระกูลหลินได้สามครั้ง

หลังจากทิ้งข้อความไว้ให้หลินซงอีแล้ว ลู่เซิ่งก็ลอบพาหลิ่วเอ๋อร์ไปยังสถานที่ที่สาม

อีกทั้งยังเป็นจุดหมายสุดท้ายในการตามหาคนรู้จักครั้งนี้ สถานศึกษาเหมยเหมันต์

ที่นั่นมีคนรักซึ่งเป็นเพื่อนสนิทในวัยเด็กของมู่อวิ๋น เยวี่ยซิงจู๋

…

ดวงอาทิตย์อันเจิดจ้าปล่อยแสงอาทิตย์แสบร้อน สาดส่องจนพื้นแวววาวและแยงตาเป็นพิเศษ

ด้านในสนามฝึกของสถานศึกษาไม่มีใครสักคน บางครั้งจะมีนักศึกษาสองสามคนผ่านทางมา ต่างก็ย่างก้าวอย่างเร่งรีบ ไม่กล้าหยุดนิ่ง

มุมหนึ่งของสนามฝึกมีแผงร้านค้าที่ขายข้าวโพดเย็น ขนมอบ ขนมขบเคี้ยว และถั่วตั้งอยู่

เจ้าของแผงร้านค้าคือสตรีอายุเกือบห้าสิบปี คนในสถานศึกษาเรียกนางว่าป้าจู ป้าจูตั้งแผงร้านค้าในสถานศึกษามายี่สิบกว่าปีแล้ว

นางเป็นสักขีพยานให้แก่สถานศึกษาเหมยเหมันต์ตั้งแต่ช่วงยากจนข้นแค้น จนผงาดขึ้น แล้วรุ่งเรือง ก่อนจะกลับมาอยู่ในจุดธรรมดาสามัญในวันนี้อีกครั้ง

แผงเล็กตั้งอยู่ในเงาของชายคา ป้าจูซึ่งนั่งบนเก้าอี้หวายโบกพัดทรงกลมในมือขณะกึ่งหลับกึ่งตื่น เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดบนหน้าผาก

ด้านข้างแผงเล็กคือสตรีผิวดำคล้ำอายุยี่สิบกว่าปีคนหนึ่ง นางกำลังจัดระเบียบขนมขบเคี้ยวบนแผงอย่างตั้งใจอยู่

“ร้อนเหลือเกิน…อากาศแบบนี้” นางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่สว่างไสวพลางทอดถอนใจเล็กน้อย

“ท่านแม่ อากาศร้อนๆ แบบนี้คงไม่มีใครมาซื้อของแล้ว พวกเราเก็บร้านกลับบ้านกันดีไหม”

“เก็บร้านเร็วขนาดนี้ เจ้าอยากอดตายหรืออย่างไร” ป้าจู่หยีตาและกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ให้เจ้ามาช่วยเฝ้าแผงแค่ไม่กี่วันก็เริ่มโอดครวญแล้ว สมัยก่อนแม่เจ้าตื่นเช้าหลับดึก ทำงานจนมือหยาบหน้าโทรม เพื่อหาเงินให้พ่อเจ้าไปสอบเอาตำแหน่ง…อย่าเห็นว่าตอนนี้แม่เจ้าขี้ริ้วขี้เหร่ สมัยก่อนข้าเยวี่ยชิงจูเป็นบุปผาที่โด่งดังไปทั่วบ้านทั่วเมืองเชียวนะ!”

“รู้แล้วน่าๆ!!” สตรีสาวพยักหน้าเหมือนลูกเจี๊ยบจิกข้าวอย่างจนปัญญา นางรู้นิสัยของมารดาดี เกิดไปเถียงเข้า สุดท้ายจะกลายเป็นคำบ่นยาวถึงครึ่งชั่วยาม

นางปวดหัวเพราะอากาศร้อนๆ แบบนี้มากพอแล้ว หากว่าโดนบ่นเข้าอีก จะต้องเสียสติแน่

“ป้าเจ้าของแผงยังอยู่อีกหรือ ขอผลเหอเถาหน่อย เอาแบบที่แกะเปลือกแล้วนะ” อยู่ๆ หน้าแผงก็มีเงาสูงใหญ่สองสายบดบังแสงสะท้อนที่เจิดจ้าบนพื้น

สตรีสาวรีบลุกขึ้นอยางกระตือรือร้น

นางมีหน้าตาธรรมดาๆ ทั้งๆ ที่เหมือนบิดามารดามาก แต่พอเอาเครื่องหน้ามารวมกันกลับไม่มีจุดเด่นอะไรสักอย่าง กอปรกับมีรูปร่างอวบเล็กน้อย แถบบิดายังหายตัวไป บ้านช่องไม่มีสมบัติ อีกทั้งตัวเองยังขาดญาติดีๆ ทำให้ภาพรวมดูธรรมดายิ่ง ดังนั้นนางที่อายุมากแล้วจึงไม่มีใครมาขอแต่งงานกลายเป็นนายหญิงใหญ่

แต่ก็ไม่เป็นอุปรสรรคแก่ความชื่นชมที่นางมีต่อบุรุษรูปหล่อ

เยวี่ยหมิงจวนใจเต้นเล็กน้อยในพริบตาที่เงยหน้าเห็นคนทั้งสองตรงหน้า

‘คนหน้าตาดีสองคน’ นางประเมินในใจ

“ผลเหอเถาใช่หรือไม่ ตรงนี้เลย ต้องการเท่าไหร่เจ้าคะ” นางใช้หางตาพิจารณาสองคนตรงหน้าไปพลาง ถามเสียงดังไปพลาง

“หนึ่งชั่งก็แล้วกัน” ลู่เซิ่งยิ้มๆ พร้อมกับมองข้ามเยวี่ยหมิงจวนที่กำลังเหนียมอายไปมองเยวี่ยซิงจูที่นั่งอยู่ด้านหลัง

“ไม่เจอกันนาน ซิงจู” เขาส่งเสียงอย่างอ่อนโยน

ตอนแรกป้าจูไม่ได้นึกอะไร เพียงทอดถอนใจว่าคนหนุ่มตรงหน้าช่างเหมือนลัวมู่อวิ๋นยิ่งนัก กลับคิดไม่ถึงว่าจะได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นเคยของลู่เซิ่ง นางพลันตัวสั่นสะท้าน

นางนั่งเงียบอยู่ที่เดิมและพิจารณาลู่เซิ่งอย่างละเอียด

“พ่อหนุ่ม เจ้าเป็น…ลูกของมู่อวิ๋น…”

“ไม่ใช่ ข้าคือลัวมู่อวิ๋น” ลู่เซิ่งตอบอย่างจริงจังขณะสบตาอีกฝ่าย “ลัวมู่อวิ๋นที่จากที่นี่ไปเมื่อสามสิบกว่าปีก่อน ยังจำดอกจื่อหยางที่ข้ามอบให้เจ้าในตอนนั้นได้หรือไม่”

ป้าจูตัวสั่นอีกรอบ แล้วก้มหน้าเงียบเสียงครู่หนึ่ง คล้ายนึกอะไรออก

ตุบ พัดทรงกลมในมือนางตกลงพื้นโดยไม่รู้ตัว ขอบตาแดงเรื่อเล็กน้อย ทำท่าอยากมองลู่เซิ่ง แต่ก็ไม่กล้าเงยหน้า เนื้อตัวสั่นเทาเล็กน้อย

“…นายท่านพูดอะไรกัน ท่าน…จำคนผิดแล้ว…จำคนผิดแล้ว…” นางซึ่งกำลังก้มหน้าอดกลั้นไม่ให้น้ำตาทะลักออกมาไม่ได้

ลู่เซิ่งเงียบเสียงเช่นกัน ในความทรงจำของมู่อวิ๋น เยวี่ยซิงจูยังคงเป็นหญิงสาวงดงามที่ไร้เดียงสาตรงไปตรงมา ทั้งยังน่ารักบริสุทธิ์คนนั้น เป็นขั้วตรงข้ามกับสตรีชราร่างอ้วนท้วนที่กลายเป็นคุณป้าวัยกลางคนตรงหน้าอย่างสิ้นเชิง

เขาก้มหน้าเห็นมือที่สั่นเทาของเยวี่ยซิงจู มือคู่นั้นเต็มไปด้วยน้ำตาที่หยดร่วงลงมา ฝ่ามือและหลังมือคือรอยเหี่ยวย่นที่หยาบกระด้าง

“ซิงจู…” ชั่วขณะนั้นความยินดีและตื่นเต้นของมู่อวิ๋นบังเกิดขึ้นในใจ ลู่เซิ่งโศกเศร้าเล็กน้อย มีพันวาจาหมื่นถ้อยคำ แต่กลับไม่ทราบว่าจะพูดอย่างไรดี

“ไม่…ข้าไม่ได้ชื่อซิงจู…” เยวี่ยซิงจูเงยหน้าขึ้นด้วยรอยยิ้ม “นายท่านจำคนผิดแล้วจริงๆ…จำคนผิดแล้ว…” ใบหน้านางยังมีรอยน้ำตาที่รีบเช็ดเหลืออยู่ แต่กลับไม่รู้ตัว

“จำคนผิดแล้ว…”

ลู่เซิ่งเงียบลง

ครู่ต่อมาเขาค่อยฝืนยิ้ม

“ใช่แล้ว…จำผิดแล้ว…ข้าจำผิดเอง…อาจเป็นเพราะ…เจ้าหน้าตาเหมือนกับสหายของข้าคนหนึ่งมาก”

ใบหน้าอวบอ้วนของเยวี่ยซิงจูรีบก้มลงอีกรอบ

“ใช่…ใช่แล้วล่ะ…จำได้ว่าเคยมีเด็กสาวที่งดงามมากคนหนึ่งที่ชื่อเยวี่ยซิงจู…คนที่ท่านตามหา น่าจะเป็นนาง…” น้ำตาหยดลงจากคางของนางไม่หยุด

ลู่เซิ่งไม่ได้พูดอะไรอีก

……………………………………….

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "บทที่ 491 รวมตัว (1)"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์