ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 496 ใต้หล้า (4)
บทที่ 496 ใต้หล้า (4)
เจ็ดขุนเขาของเขาประกายทองมีสีดำนูนเด่นออกมากระจัดกระจาย เนื่องจากขุนเขารอบๆ ถูกถล่มหมดสิ้นแล้ว
ดินโคลน ป่าเขา ชั้นหินล้วนไม่อาจหยุดยั้งการกระแทกกระทั้นอันน่าสะพรึงของกระแสน้ำที่มีพลังอาคมปราณทารกหลอมรวมอยู่ด้วยได้
ลู่เซิ่งซึ่งลอยอยู่กลางอากาศทอดตามองสาขาหลักของวิถีธรรมะที่ถูกตนโจมตีจนปรากฏสภาพเดิมไกลๆ
ค่ายกลพายุทองคำถูกทำลายไปแล้ว เขาประกายทองยังไม่ถูกทะลวงหมดสิ้น บนยอดเขาที่เหมือนกับหน่อไม้ยังคงมีจุดแสงบิดเบี้ยวสีเขียว ม่วง ขาวซึ่งผสมกันกระพริบอยู่
จุดแสงสามสีจะเต้นทุกๆ ช่วงเวลาหนึ่ง พร้อมกับพุ่งจากยอดเขายอดหนึ่งไปสู่อีกยอดหนึ่ง
‘นี่คือสิบสองอาคมวารีทองคำหรือ’ ลู่เซิ่งยืนเอามือไพล่หลังอยู่กลางกระแสน้ำสูงเทียมฟ้าด้วยสีหน้าสงบผ่อนคลาย
หลิ่วเอ๋อร์อยู่ห่างไปด้านหลังเขาเล็กน้อย เวลานี้นางริมฝีปากสั่นไหว สีหน้าสะท้านสะเทือน แทบพูดอะไรไม่ออก
พลังที่ทำให้ฟ้าพลิกแผ่นดินคว่ำ ผลักภูเขาถมทะเลได้ในชั่วอึดใจนี้ อยู่เหนือขอบเขตที่จอมสัจจะทารกจิตจะสัมผัสได้ไปแล้ว
แม้ว่าปราณทารกที่ลู่เซิ่งใช้จะยังอยู่ในระดับทารกจิต แต่อานุภาพที่น่าสะพรึงเช่นนี้ก็ทำให้นางเข้าใจกับความมั่นใจอันยิ่งใหญ่ของเจ้าสำนักที่สงบเยือกเย็นไม่ว่าจะเผชิญเรื่องใดๆ อีกครั้ง
“สมกับ…สมกับเป็น…เจ้าสำนักสี่สมุทร ราชาที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งสี่สมุทร!”
เสียงบุรุษที่อ่อนแรงแต่ยังคงแน่วแน่ดังมาจากด้านในเขาประกายทอง
ถึงกับเป็นนักพรตหมอกเมื่อครู่ คนผู้นี้ใช้หมอกขาวจำนวนน้อยนิดประกอบร่างคืน กล่าวด้วยเสียงแหบพร่าและขาดๆ หายๆ
“อ้อ? ที่แท้เจ้าไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นวิญญาณค่ายกลของค่ายกลพายุทองคำสินะ มิน่าล่ะ…” ตอนนี้ลู่เซิ่งเห็นความลับของคนผู้นี้แล้ว
“เจ้าสำนักสี่สมุทรกล้าท้าทายสำนักสาขาหลักของวิถีธรรมะซึ่งหน้า ไม่ทราบควรบอกว่าท่านโอหังหรือไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำกันแน่” ในยอดเขาประกายทองสั่นไหว มีจุดเล็กๆ หลายสิบสายลอยขึ้นและโผพุ่งออกมา พวกเขามองมาทางลู่เซิ่งผ่านค่ายกลสิบสองอาคมวารีทองคำ
ผู้พูดก็คือซือหม่าจุ่นที่สะพายดาบเจาะห่วงทองสีม่วงไว้ด้านหลัง มีร่างทรงพลัง ดูเหมือนกับจอมยุทธ์ในยุทธภพคนนั้น
ลู่เซิ่งตาเป็นประกาย “จอมสัจจะทารกจิตของวิถีธรรมะ อยากพบมาตั้งนานแล้ว กำลังต้องการดูฝีมือของพวกเจ้าอยู่พอดี”
ซือมาจุ่นแค่นเสียง ไม่พร่ำพิไร พอยกมือขึ้น ก็มีผ้าต่วนสีดำผืนหนึ่งลอยออกมาเหมือนกับแส้
ผ้าต่วนผืนนั้นส่งเสียงแหวกอากาศเสียดแทงหูตอนลอยออกมา เพียงแค่ลอยอยู่กลางอากาศก็เริ่มกระตุ้นพายุกึ่งโปร่งแสงสุดหยั่งออกมาเป็นจำนวนมากแล้ว
พายุรวมตัวกันจนหนาขึ้นเรื่อยๆ ประกายสายฟ้าสีฟ้าขนาดเล็กๆ เสียดสีบนผ้าต่วนสีดำ จากนั้นก็กลายเป็นสีม่วงด้วยความเร็วสูง ก่อนจะกลายเป็นสีขาวอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็กลับเป็นสีฟ้าอีกครั้ง เหมือนการเจียระไนหยกกลับคืนสู่รูปโฉมเดิม
ไม่ใช่สีฟ้าธรรมดา แต่เป็นสีฟ้าที่บริสุทธิ์เหมือนกับของเหลวจากผลึกแก้ว
ท่ามกลางเสียงครืนครัน ผ้าต่วนสีดำหมุนอย่างฉับพลัน ก่อนกลายเป็นมังกรดำกลางอากาศ มังกรอ้าปากใหญ่ขย้ำใส่ลู่เซิ่งพร้อมกับสายฟ้าทั่วร่าง
“มาได้ดี!” ลู่เซิ่งมองไม่ออกเหมือนกันว่าอีกฝ่ายใช้วิชาความสามารถอะไร ในใจเกิดนึกสนุก จึงยกมือปล่อยน้ำทะเลสายหนึ่งออกมาเช่นกัน
เขาแบ่งปราณทารกอันยิ่งใหญ่ออกมาสายหนึ่ง แล้วใส่เข้าไปในน้ำทะเล จากนั้นก็ปรับแต่งน้ำทะเลให้กลายเป็นมังกรน้ำขนาดเท่าๆ กันด้วยวิชามหัศจรรย์บางอย่าง มังกรน้ำอ้าปากกางเขี้ยวพร้อมกับมุ่งเข้าหามังกรดำ
กรรซ์!
มังกรน้ำกับมังกรดำคำรามพร้อมกัน ก่อนจะพัวพันกัน ไม่นานนัก มังกรน้ำก็ถูกมังกรดำขย้ำคอขาด ก่อนโดนฉีกกระชากเป็นชิ้นๆ แล้วหายไป
“น่าสนใจ” ลู่เซิ่งเกิดความสนใจ จึงแบ่งน้ำทะเลออกมาอีกสายหนึ่ง ครั้งนี้เขาใช้วิชาสายน้ำที่มีระดับสูงกว่าเดิม ทั้งยังเปลืองแรงเปลืองความคิดสร้างสัญลักษณ์ลี้ลับมากกว่าร้อยรูปแบบในน้ำทะเลด้วย
ตูม!
มังกรน้ำสีฟ้าอีกตัวพุ่งออกมาเข่นฆ่ากับมังกรดำที่เข้าใกล้อีกรอบ
ข่วนจู่โจม สะบัดหาง กัดขย้ำ กระแสเสียงคำราม ถึงขั้นที่หนวดมังกรของมังกรดำยังเป็นหนวดที่ใช้โจมตีได้ด้วย ครั้งนี้มังกรน้ำแข็งแกร่งกว่าเดิม กระแสน้ำทั่วทั้งตัวเดี๋ยวกลายเป็นน้ำแข็ง เดี๋ยวกลายเป็นน้ำ สภาพเปลี่ยนแปลงหลากหลาย หลบหลีกการโจมตีถึงชีวิตจำนวนไม่น้อยได้อย่างง่ายดาย
แต่ก็ยังคงถูกมังกรดำกัดคออยู่ดี
ซ่า!
น้ำกระเซ็นซ่าน มังกรน้ำถูกทำลายอีกรอบ
“อย่างนั้นกระบวนท่านี้เป็นอย่างไร” ลู่เซิ่งเกิดความคิด สองมือสร้างเคล็ดวิชามุทรามือมากกว่าร้อยแบบออกมาในชั่วขณะเดียว พลังอาคมกระเพื่อมกลางอากาศรอบๆ ตัว คลื่นเล็กละเอียดอันน่าทึ่งชนิดหนึ่งกระจายออกมาอย่างช้าๆ
น้ำทะเลจำนวนมากเหมือนกับแผ่นเกล็ดมากมาย ประกอบกันเป็นมังกรน้ำที่สมจริงและงดงามกว่าเดิมสองตัวด้านหน้าลู่เซิ่งด้วยตัวเอง
ครั้งนี้เขาใช้วิชามังกรสายน้ำระดับสูงสุดที่เรียนรู้ได้หลังจากรวบรวมเคล็ดวิชาจากเผ่าพันธุ์ทะเล นี่คือเคล็ดวิชาอันเหี้ยมหาญที่มีอานุภาพแข็งแกร่งที่สุด มีชื่อว่าคลื่นราชามังกรนภาสมุทร
มังกรน้ำที่รวมตัวออกมาในครั้งนี้มีกรงเล็บแปดข้าง รูปลักษณ์เหมือนกับมังกรทองแปดกรงเล็บที่แข็งแกร่งที่สุดในตำนานเทพนิยาย
แค่เสียงคำรามก็สร้างการสั่นสะเทือนให้แก่อากาศรอบๆ จนเกิดเสียงระเบิดดังขึ้นมาได้แล้ว
“แม้เคล็ดวิชาของเจ้าจะมีอานุภาพน่าตกตะลึง แต่เคล็ดวิชาใดๆ ล้วนมีจุดอ่อน ใต้หล้าไม่มีวิชาใดที่สมบูรณ์แบบ ส่วนคลื่นราชามังกรนภาสมุทรของข้านี้คือเคล็ดวิชาพิเศษที่เอาไว้ใช้รับมือวิชามังกรดำของเจ้าโดยเฉพาะ” ลู่เซิ่งเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ให้ข้าได้เห็นหน่อยเถอะว่าวิถีธรรมะมีความสามารถถึงขนาดไหน”
เขากางแขนออก ปราณทารกอันรุนแรงไหลเข้าไปในมังกรน้ำอย่างบ้าคลั่ง แค่มังกรน้ำตัวนี้ตัวเดียวก็ใช้ปราณทารกมากกว่ามังกรดำสิบเท่าแล้ว
กรรซ์!
มังกรน้ำสีฟ้าใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ไม่นานก็ใหญ่กว่ามังกรดำ ขยายขนาดจากความยาวสิบกว่าหมี่ ความกว้างหนึ่งหมี่กว่าๆ เป็นความกว้างห้าหมี่กว่าๆ และความยาวที่น่าสะพรึงถึงเจ็ดแปดสิบหมี่อย่างรวดเร็ว
มังกรสีฟ้าขนาดมโหฬารหมุนขดตัวกลางท้องฟ้า ดวงตามังกรขนาดใหญ่ปล่อยเสาแสงสีฟ้าสองสายออกมาเหมือนกับไฟฉาย จับจ้องมังกรดำของอีกฝ่ายที่กำลังบินอยู่อย่างดุร้าย
กรรซ์!
มันคำรามอีกรอบ
กรรซ์!
มังกรดำก็คำรามเช่นกัน
ซือหม่าจุ่นผุดสีหน้าเคร่งขรึม อีกฝ่ายมีพลังอาคมมากมายจริงๆ สามารถใช้ได้ตามใจเหมือนไม่ต้องเสียอะไรเลย ครั้งนี้เขาซึ่งเดิมทีมั่นใจรู้สึกเคร่งเครียดเล็กน้อยแล้ว
“ไป!”
“ไป!”
ทั้งสองชี้อีกฝ่ายแทบจะพร้อมกัน
มังกรยาวหนึ่งใหญ่หนึ่งเล็กกู่ร้องพร้อมกัน แล้วพุ่งเข้าไปหาฝ่ายตรงข้ามจากคนละทิศทาง
ข่วนโจมตี กัดขย้ำ สะบัดหาง พุ่งปะทะ!
เปรี้ยง!
เพิ่งจะปะทะกัน ก็เกิดเสียงดังสนั่น มังกรสีฟ้าร้องโหยหวน ร่างยักษ์ตกลงไปในน้ำทะเลด้านล่างอย่างสะเทือนเลื่อนลั่น พริบตาเดียวก็กลายเป็นน้ำทะเลนับไม่ถ้วนหลอมรวมเข้าไปด้านในทะเล
สีหน้าของลู่เซิ่งที่เดิมผ่อนคลายพลันเคร่งเครียด หลิ่วเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างผุดสีหน้าแปลกพิกล อยากหัวเราะอยู่บ้าง แต่ก็ไม่กล้า
ซือหมาจุ่นก็ผุดสีหน้าแปลกพิกลเช่นกัน เมื่อครู่เขาเตรียมใจเสียมังกรดำ และพร้อมลงมือด้วยตัวเองแล้ว แต่นึกไม่ถึงว่าสภาพการจะเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันเช่นนี้ ทำให้ตอนนี้เขาตั้งตัวไม่ทัน…
“ไม่เลวนี่ สมกับเป็นจอมสัจจะระดับสุดยอดของวิถีธรรมะ เคล็ดวิชาร่างมังกรนี้เกรงว่าจะเป็นระดับหนึ่งของโลกแล้ว!” ลู่เซิ่งหัวเราะฮ่าๆ ชมอย่างเกินจริง
ซือหม่าจุ่นหนังหน้ากระตุก เขาอยากจะตัดบทอีกฝ่ายมากแล้วบอกว่า มังกรดำเป็นแค่เคล็ดวิชาระดับต้นที่ตนปล่อยออกไปหยั่งเชิงเท่านั้น…ความจริงเคล็ดวิชานี้ไม่ว่าจะเป็นใครในวิถีธรรมะ ขอแค่เป็นผู้บำเพ็ญระดับสร้างโอสถล้วนใช้เป็นทั้งนั้น
แต่เห็นแก่กลิ่นอายอันตรายที่ลู่เซิ่งปล่อยออกมาจากในดวงตา เขาจึงไม่ได้ปล่อยออกไป…
“ต่อจากนี้ ข้าจะให้เจ้าได้เห็น เคล็ดวิชาที่น่าอัศจรรย์และแข็งแกร่งที่สุดซึ่งข้าตั้งใจศึกษามาหลายสิบปี” ลู่เซิ่งเกร็งหน้า พยายามรักษามาดยอดฝีมือสะท้านยุคในฐานะเจ้าสำนักอยู่
พรึ่บ
วิชาโพ้นทะเลที่ได้รับการขนามนามว่ามีพลังฆ่าฟันเป็นอันดับหนึ่งในเคล็ดวิชาที่เขาลงทุนรวบรวม ถูกเขาใช้ออกมาอย่างรวดเร็ว
แสงสีฟ้าจุดหนึ่งรวมตัวกันบนมือของลู่เซิ่งด้วยความเร็วสูง ก่อนจะแบ่งตัวเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็กระจายทั่วฟ้าเหมือนกับหิ่งห้อย
“จานหยกทะเล คลื่นเมฆาศักดิ์สิทธิ์เย็นสุดขั้ว!” เงางูทะเลหลายสายโผล่ขึ้นรอบตัวลู่เซิ่งอย่างฉับพลัน เงางูทะเลในลักษณะประหลาดหลากรูปแบบพุ่งเข้าไปในจุดแสงบนมือเขาเหมือนกับคลั่งไปแล้ว
ขณะเดียวกันแสงสีฟ้าที่กระจายทั่วท้องฟ้าก็กรูกันเข้าไปในจุดแสงของลู่เซิ่งเช่นกัน
ตูม!
ชั่วขณะนั้น จุดแสงปล่อยเสาแสงสีฟ้าซึ่งมีแสงสีต่างๆ แทรกอยู่ออกมา เสาแสงพุ่งใส่มังกรดำของซือหม่าจุ่นอย่างดุร้าย
เกล็ดหิมะและแผ่นน้ำแข็งนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากเสาแสง จากนั้นก็รวมตัวและแผ่ขยายอย่างคลุ้มคลั่ง ก่อนจะแช่แข็งน้ำทะเลรอบๆ อย่างรวดเร็ว
ฟ้าว!
เสาแสงพุ่งออกไปด้วยความเร็วสุดบรรยาย ยังไม่รอให้มังกรดำตอบสนอง ก็ไปถึงตรงหน้ามันแล้ว
จากนั้น…
เปรี้ยง!
ถูกมังกรดำใช้กรงเล็บข่วนขาด ตกลงไปในน้ำทะเลด้านล่างอย่างหมดจด
ตูม!
เสาแสงจมลงไปในทะเล เสียงสั่นสะเทือนดังสนั่นอย่างฉับพลัน
กลางอากาศเงียบสงัด
มังกรดำงุนงงเช่นกัน ยกกรงเล็บขึ้นมาดู คล้ายพบเป็นครั้งแรกว่ากรงเล็บของตนมีอานุภาพยิ่งใหญ่ขนาดนี้เชียว
มันไม่ใช่เป็นแค่วิชาเท่านั้น หากเป็นจิตจากของวิเศษที่มีสติปัญญาของตัวเอง
ลู่เซิ่งสูดหายใจลึก หลับสองตา ยืนนิ่งไม่ไหวติง
ซือหม่าจุ่นเผยสีหน้าอยากพูดความในใจจนอึดอัดเต็มแก่ แต่พอเห็นสีหน้าของลู่เซิ่งในตอนนี้ ก็รู้สึกว่ายังไม่ควรจะพูด
คิกๆ
สุดท้ายกลับเป็นหลิ่วเอ๋อร์ที่สาดเกลือใส่แผลของลู่เซิ่งอย่างกลั้นไม่อยู่ ใบหน้านางเบิกบานดุจบุปผา ทำอย่างไรก็อดกลั้นไว้ไม่ไหว สุดท้ายก็หัวเราะออกมา
“เจ้า…เจ้าสำนัก…” หลิ่วเอ๋อร์หัวเราะอย่างยากลำบาก นางอยากจะกลั้นไว้ แต่พอนึกถึงภาพลักษณ์ของเจ้าสำนักเมื่อครู่ที่ขัดกับยามปกติอย่างรุนแรง ก็ทำให้นางอดระบายความอัดอั้นในใจออกมาไม่ได้อยู่ดี
“ถ้าหากบอกว่าเมื่อครู่ข้าล้อเล่นกับเจ้า พวกเจ้าจะเชื่อไหม” อยู่ๆ ลู่เซิ่งก็ถามขึ้น
ซือหม่าจุ่นส่ายหน้าอย่างจนใจ
ลู่เซิ่งเงียบงัน
สักพักใหญ่ๆ เขาจึงค่อยเอ่ยปากอีกครั้ง
“ก็ถูกอยู่…” เขาค่อยๆ เอื้อมมือไปจับกระบี่ธารปฐพีที่อยู่ด้านหลัง แล้วชักมันออกมาอย่างแผ่วเบา
“เดิมทีไม่ควรคาดหวังกับการสืบทอดโพ้นทะเลอยู่แล้ว”
พร้อมกับที่กระบี่ธารปฐพีถูกชักออกมาทีละนิดๆ สายตาของลู่เซิ่งค่อยๆ เปล่งแสงสีฟ้าเจิดจ้าซึ่งน่ากลัวเหมือนกับดวงอาทิตย์
“ช่างเถอะ…ดูเหมือนพวกเจ้าไม่มีความคิดจะเจรจาอยู่แล้วสินะ” ในที่สุดกระบี่ธารปฐพีก็ถูกเขาชักออกมา เปล่งแสงสีฟ้าเจิดจ้าแยงตาเช่นเดียวกัน
“พวกเจ้า…เตรียมใจจะจมลงก้นทะเลหรือยัง”
ครืน!
น้ำทะเลนับไม่ถ้วนทะลักออกจากด้านหลังลู่เซิ่ง พลังอาคมปราณทารกอันน่าสะพรึงที่มีมากกว่าก่อนหน้านี้หลายร้อยเท่าไหลเชี่ยวออกมาอย่างบ้าคลั่งเหมือนกับภูเขาถล่ม
“จงประจักษ์ต่อพลังที่แท้จริงของข้าเสียเถอะ” ลู่เซิ่งพลันชูกระบี่ขึ้นสูง หว่างคิ้วปรากฏลวดลายงูมีปีกสีแดงเข้มอย่างเลือนราง
“อานุภาพเทพ!”
ห้วงสมุทรสีน้ำเงินเข้มที่ยิ่งใหญ่และอันตรายกว่าเดิมหลายเท่าตัวค่อยๆ โผล่ขึ้นด้านหลังเขา
……………………………………….