ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 510 ตัวเอง (2)
บทที่ 510 ตัวเอง (2)
ตอนสอนวิชาดาบ โรดี้ยิ้มและบอกว่าตนฝึกฝนถึงระดับปรมาจารย์แล้ว แต่ทักษะยังตามไม่ทัน จึงทำอะไรไม่ได้
ไม่นาน หลังจากเข้าใจเนื้อหาโดยรวมของสำนักวิชาดาบคร่าวๆ แล้ว โรดี้ก็สอนกระบวนท่าดาบพื้นฐานสองสามกระบวนท่าให้แก่ลู่เซิ่ง
จากนั้นเขาก็ค้นพบอย่างรวดเร็วว่า สอนเพียงแค่สองครั้ง ลูกชายก็ใช้ทักษะกระบวนท่าดาบที่เขาคิดว่ามีความยากสูงมากได้อย่างง่ายดาย
ไม่ว่าจะเป็นท่วงท่าหรือทักษะการส่งพลัง สำหรับลู่เซิ่งแล้ว เหมือนง่ายดายเพียงยกมือเท่านั้น
ครั้งนี้โรดี้ตกตะลึง เวลาช่วงเช้าผ่านไปอย่างไม่รู้ตัว
กระบวนท่าดาบที่เขาถ่ายทอดให้มีมากขึ้นเรื่อยๆ เผลอไปแวบเดียว โรดี้ก็สอนกระบวนท่าดาบพื้นฐานทั้งหมดที่มีให้จนหมด ลู่เซิ่งเรียนกระบวนท่าดาบและวิธีการส่งพลังทั้งหมดได้จนจบเช่นกัน
ถ้าไม่ใช่เพราะระดับกายเนื้อของลู่เซิ่งยังแข็งแกร่งไม่พอ จึงไม่สามารถใช้กระบวนท่าดาบจำนวนมากได้อย่างถูกต้อง กระบวนท่าดาบที่เขาใช้หลังเรียนจบจะเทียบได้กับโรดี้
หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ โรดี้ก็ปล่อยให้ลู่เซิ่งพักผ่อนเล็กน้อย ก่อนจะพาเขาไปเรียนรู้ต่อในยามบ่าย
กระบวนท่าดาบที่ใช้ในการต่อสู้จริงร่ำเรียนหมดแล้ว วิธีการยกระดับเพียงหนึ่งเดียวต่อจากนี้ก็คือการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องเพื่อหลอมรวมกระบวนท่าดาบเข้ากับสัญชาตญาณทางร่างกาย เรื่องนี้ไม่มีทางลัด มีแต่ต้องทำซ้ำๆ
แต่โรดี้รู้สึกว่าตัวเองมีเวลาไม่มาก ตอนบ่ายจึงเริ่มสอนวิธีการเพิ่มความแข็งแรง พละกำลัง และความเร็วให้แก่ลู่เซิ่งทันที
เนื้อหาส่วนนี้เป็นส่วนที่เป็นความลับที่สุดในสำนักวิชาดาบ หลังจากโรดี้กำชับลู่เซิ่งอย่างละเอียดว่าไม่อาจแพร่งพราย จึงค่อยเริ่มถ่ายทอดวิชาฝึกฝนกายเนื้อช่วงแรกให้แก่ลู่เซิ่ง
ขณะเดียวกันยังมอบเม็ดยาสีดำในกระปุกเล็กๆ ให้เขา และกำชับเขาว่า หลังจากฝึกฝนเสร็จทุกครั้ง จะต้องกินเม็ดหนึ่ง
ลู่เซิ่งเข้าใจวิธีการฝึกฝนได้อย่างสมบูรณ์แบบ แทนที่จะบอกว่าเป็นวิธีการฝึกฝน ควรบอกว่าเป็นทักษะที่ประสานกับการกระตุ้นจากตัวยา เพื่อปรับปรุงร่างกายและเพิ่มความเร็วในการปรับตัวจะดีกว่า
ช่วงเย็น ลู่เซิ่งที่กินข้าวด้วยความเหน็ดเหนื่อยแทบตาย พออาบน้ำเสร็จแล้วก็กลับไปพักผ่อนในห้องนอนทันที ขณะเดียวกันก็เริ่มจัดระเบียบสิ่งที่ได้มาในวันแรก
ลู่เซิ่งนอนหงายอยู่บนเตียง มือหมุนขวดเล็กๆ สำหรับบรรจุยาเล่น กำลังทบทวนความรู้สึกตอบสนองของร่างกายที่เกิดขึ้นหลังจากกินยาเม็ดก่อนหน้านี้
จิตวิญญาณของอริยะเจ้าระดับเทวปัญญาแข็งแกร่งกว่าเดิมแล้ว จิตวิญญาณอันยิ่งใหญ่กำลังกวาดมองในร่างกายอย่างต่อเนื่อง
‘สำนักวิชาดาบก็แย่แล้ว นี่มันสำนักเล่นยาชัดๆ ฝึกฝนกล้ามเนื้อโดยอาศัยแค่การกินยาอย่างเดียวเนี่ยนะ’ ลู่เซิ่งเข้าใจฤทธิ์และหลักการของยาเม็ดอย่างรวดเร็ว
ฤทธิ์หลักของยาเม็ดชนิดนี้คือการกระตุ้นชนิดพิเศษที่มีผลต่อกล้ามเนื้ออย่างรุนแรงและต่อเนื่อง ทำให้เส้นใยกล้ามเนื้อสมส่วนและทรงพลังกว่าเดิม แต่ก็มีพิษเช่นกัน ทักษะการฝึกฝนกายเนื้อที่สำนักถ่ายทอดให้ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ลดความเป็นพิษลงในระดับสูงสุด
‘การเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่กายเนื้อ อาศัยแค่ยาลึกลับที่ว่านี้เท่านั้น’ ลู่เซิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย การใช้วัตถุภายนอกยกระดับกายเนื้อแบบนี้ สำหรับเขาแล้วถือว่าเป็นเส้นทางนอกรีต
‘กินยาเพื่อยกระดับกายเนื้อ เกิดว่าสักวันยาตัวนี้ไม่มีวัตถุดิบหลัก ทักษะนี้คงจะสาปสูญอย่างแน่นอน’
‘ดีปบลู’ ลู่เซิ่งเรียกเครื่องมือปรับเปลี่ยนออกมาตรวจสอบเนื้อหาในกรอบด้านบน หลังจากเรียนวิชาดาบเจอเรลโลไป ในอินเตอร์เฟซของเครื่องมือปรับเปลี่ยนก็มีกรอบวิชาดาบที่ตรงกันโผล่มาอย่างที่คิดไว้
[วิชาดาบเจอเรลโล: เบื้องต้น (ผลพิเศษ: เพิ่มพละกำลัง)] นอกจากนี้แล้ว ไม่มีจุดเด่นใดๆ อีก
‘ระดับแรก หลังจากกินยาทุกครั้ง แล้วฝึกฝนกายเนื้อกับทักษะต่อ คุณสมบัติร่างของคนทั่วไปจำเป็นต้องใช้เวลาสี่ถึงเก้าอาทิตย์ ถึงจะย่อยสลายการยกระดับจากยาได้โดยสมบูรณ์ ต่อจากนั้นจึงค่อยกินยาต่อได้’ ลู่เซิ่งทบทวนเนื้อหาที่โรดี้บอก
“หรือก็หมายความว่า จำเป็นต้องใช้เวลาหนึ่งถึงสองเดือนกว่าจะย่อยสลายหมด นี่เป็นการดูดซับยาเพื่อบำรุงและเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ร่างกายชัดๆ”
ลู่เซิ่งมองกรอบดีปบลูพร้อมกับคำนวณการพัฒนาต่อจากนี้ของตัวเองอย่างรวดเร็ว พลังอาวรณ์ไม่สามารถแทนที่วัตถุสิ่งของได้ อย่างนั้นเขาก็ต้องใช้ยาเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่กายเนื้อเช่นกัน
ในเวลาหนึ่งเดือนกว่าๆ ต่อจากนั้น โรดี้สอนลูกชายอย่างตั้งใจด้วยท่าทางร้อนรน หลังจากค้นพบคุณสมบัติอันน่าสะพรึงของลู่เซิ่ง เขาก็คิดจะส่งมอบสิ่งที่ตนได้ร่ำเรียนมาทั้งหมดให้แก่ลูกชาย
นอกจากทักษะ ประสบการณ์ วิชาธนู และวิชาขี่ม้าแล้ว เขายังได้มอบยาเม็ดและตัวยาที่ตนเองได้จัดไว้ให้แก่ลู่เซิ่ง ทั้งยังอธิบายว่า นี่เป็นตัวยาที่จำเป็นสำหรับเสริมกายเนื้อในอนาคต
ในเวลาหนึ่งเดือนนี้ ลู่เซิ่งไม่ใช่ว่าไม่ได้ทำอะไร เขาได้ทดลองใช้พลังอาวรณ์กับแก่นหยางแทนที่ฤทธิ์ยาดู แม้จะล้มเหลว แต่ก็เจอวิธีการใช้ดีปบลูที่ดีที่สุด
นั่นก็คือการร่นระยะเวลาเสริมกายเนื้อในระดับสูงสุดหลังจากกินยา
หลังจากคนทั่วไปกินยา จำเป็นต้องใช้เวลาหนึ่งถึงสองเดือนถึงจะย่อยสลายฤทธิ์ยาหมด และช่วงเวลานี้จะยาวนานตามการยกระดับ เป็นเพราะยิ่งระดับสูงเท่าไหร่ สรรพคุณของยาก็จะแรงขึ้นเท่านั้น
และดีปบลูสามารถใช้พลังอาวรณ์บรรลุวิธีการฝึกฝนระดับความยากสูงที่ใช้ร่วมกันได้อย่างสมบูรณ์
วิธีการฝึกฝนที่มีการถ่ายทอดแค่ในสำนักชนิดนี้เป็นหัวใจสำคัญของสำนักวิชาดาบเจอเรลโล หลังจากกินยา ทุกๆ ระดับจะมีวิธีการฝึกฝนที่แตกต่างตามแต่ละขั้นเพื่อช่วยดูดซับสรรพคุณยา ขอแค่ทำการเคลื่อนไหวของวิธีฝึกฝนชุดหนึ่งได้ครบ เช่นนั้นก็หมายความว่าร่างกายย่อยสลายสรรพคุณยา และเพิ่มความแข็งแกร่งได้สำเร็จแล้ว
และดีปบลูก็ใช้พลังอาวรณ์เพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่วิธีการฝึกฝนนี้ได้อย่างใหญ่หลวง ทำให้กระบวนการนี้สำเร็จได้ในพริบตา
ถ้าไม่ใช่ว่าลู่เซิ่งกลัวโรดี้จะพบปัญหา จึงไม่ได้ใช้ดีปบลูเร่งความเร็ว เกรงว่ายากระปุกนั้นที่เขามอบให้จะถูกลู่เซิ่งกินหมดไปนานแล้ว
ในที่สุดเวลาที่โรดี้จะจากไปก็มาถึงตามการเคลื่อนคล้อยของกาลเวลา
…
ช่วงเย็น ลมสายัณห์เย็นเยียบ
โรดี้ขี่ม้า ด้านหลังมีข้ารับใช้ร่างล่ำสันติดตามสองคน แบกสัมภาระสีขาวไว้บนหลัง เขาโบกมือไปด้านหลัง
“กลับไปเถอะ ไม่นานข้าก็กลับแล้ว อะไรที่ควรสอนให้เจ้าล้วนสอนหมดแล้ว ที่เหลือขึ้นอยู่กับการเชื่อมโยงฝึกฝนของตัวเจ้าเองเท่านั้น”
“ไม่ต้องห่วง รอท่านกลับมาจะต้องตกใจแน่”
ด้านนอกคฤหาสน์ ลู่เซิ่งกับเหล่าคนชราในคฤหาสน์มองตามโรดี้ที่ค่อยๆ จากไปไกล
การฝึกฝนตลอดหนึ่งเดือนกว่าๆ ที่ผ่านมาทำให้ร่างกายของเขาแข็งแรงขึ้นมาก ไม่ได้มองดูผอมแห้งจนสามารถโดนลมพัดล้มได้อีกต่อไป หากแต่เป็นคนหนุ่มที่คล่องแคล่วและมีร่างล่ำสันเล็กน้อย
“คุณโรดี้ไปแล้ว โรแซง พรุ่งนี้เช้าที่คฤหาสน์อาดีคาจะมีงานเต้นรำ เจ้าจะไปกับพวกเราหรือไม่” คนที่มาส่งด้วยยังมีเจอลีนลูกสาวคฤหาสน์เมอเซอร์อีกคน
หญิงสาวที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กกับโรแซงคนนี้รักเอ็นดูโรแซงมาโดยตลอด มองเขาเป็นน้องชายคนหนึ่งของตัวเอง
เป็นเพราะโรแซงมีปัญหาด้านหัวใจ และร่างกายอ่อนแออมโรคมาตั้งแต่ยังเด็ก บวกกับหน้าตาเขาเหมือนสลักจากหยก จึงน่ารักมาก ดังนั้นเจอลีนที่มีอายุมากกว่าหลายปีจึงมาดูแลโรแซงอยู่หลายครั้ง ภายหลังพอสนิทกันขึ้น ก็กลายเป็นความเคยชินไป
ในช่วงเวลานี้ เนื่องจากโรแซงเก็บตัวฝึกฝนวิชาดาบ เลยดึงดูดความสนใจของเจอลีน ดังนั้นนางจึงมาเยี่ยม เพื่อดูว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือไม่
ลู่เซิ่งส่ายหน้าน้อยๆ
“ร่างกายข้าอ่อนแอเกินไป ตอนนี้อุตส่าห์มีหวังแล้ว จะผ่อนคลายไม่ได้ พี่เจอลีน ต่อจากนี้ข้าคงออกไปเที่ยวกับท่านน้อยลงกว่าเดิมแล้ว”
เจอลีนได้ยินดังนั้นก็หัวเราะ
“นี่เป็นเรื่องดี เดิมทีเจ้ามีร่างกายอ่อนแอ ก่อนหน้านี้ข้ากล่อมให้เจ้าออกกำลัง เจ้าก็ไม่ฟัง แต่ดูตอนนี้สิ เจ้ายินยอมออกกำลังเองแล้ว ข้าดีใจสุดๆ เลยล่ะ”
นางมีรูปโฉมธรรมดา ผมสีแดงยาวถึงบ่า รอบๆ จมูกมีกระขึ้นเล็กน้อย แต่ยามยิ้มกลับงดงามมาก
เจอรีนมีรูปร่างไม่เลว ทรวงอกใหญ่โต ใหญ่กว่าหญิงสาวทั่วไป องค์เอวแข้งขาล้วนนับว่าได้มาตรฐาน ถือเป็นหญิงงามที่ยังไม่แต่งงานในคฤหาสน์หลายแห่ง
คนมากมายจับคู่นางกับโรแซง แต่มีแค่ทั้งสองเท่านั้นที่ทราบว่า ระหว่างพวกเขาเหมือนเป็นครอบครัวมากกว่า เจอลีนเติมเต็มช่องว่างความรู้สึกที่ขาดแม่ตั้งแต่เด็กของโรแซง ทั้งสองเป็นทั้งพี่น้อง และเหมือนกับแม่ลูก
“เพียงแต่ว่าอย่างไรการฝึกดาบก็ยากลำบากมาก ไม่มีใครคอยดูแลเจ้า เจ้าอยู่ในคฤหาสน์เพียงคนเดียว จะต้องระวังเรื่องการออกกำลังให้ดี เกิดว่าฝืนมากไปจนบาดเจ็บจะย่ำแย่แล้ว” เจอลีนกำชับ
“ไม่ต้องห่วงหรอก” ลู่เซิ่งยิ้มพลางพยักหน้า ความปรารถนาหรือผลกรรมของโรแซงคือการไม่ปล่อยให้โศกนาฏกรรมเกิดขึ้นอีก และทำลายเมืองแห่งนั้น
หมายความว่า ผลกรรมที่เขาจะต้องสะสางคือการรับประกันว่าโรดี้จะไม่ตาย ภายหลังค่อยทำลายเมืองแห่งนั้น
ครั้งนี้โรดี้ออกเดินทาง สมควรเป็นแค่การล่อสัตว์ประหลาดที่ตามไล่ล่าไป ยังไม่ถึงเวลาที่เขาตัดสินใจจะกลับไปแก้แค้น เรื่องนี้ลู่เซิ่งมองออกจากวัสดุทางการทหารที่ซุกซ่อนอยู่ในคฤหาสน์ นอกจากวัสดุเหล่านี้ยังมีสิ่งของอีกมากมายที่กำลังจัดเตรียม และเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ทว่าโรดี้ไม่ได้พกติดตัวไปด้วย เพียงแค่เอาของใช้ชั่วคราวไปเท่านั้น แสดงให้เห็นว่ายังคิดกลับมาอยู่
‘เขาไปในครั้งนี้ คงมั่นใจว่าจะกลับมาได้อย่างปลอดภัย แต่เวลาของเราเหลือไม่มากแล้ว ยาเม็ดถุงนั้นเป็นสิ่งที่โรดี้เตรียมไว้ให้ตัวเอง มีปริมาณเพียงพอ น่าจะใช้ถึงระดับสามได้ ถึงจะไม่รู้ว่าสัตว์ประหลาดในเมืองนั้นแข็งแกร่งขนาดไหน แต่ยกระดับกายเนื้อถึงขีดสูงสุดก่อนค่อยว่ากันดีกว่า ยังไงก็มีดีปบลูอยู่ด้วย’
หลังจากลู่เซิ่งกินยา ความจริงได้วิเคราะห์ผลและหลักการของยาชนิดนี้ออกผ่านวิญญาณระดับอริยะเจ้าแล้ว
เขาค้นพบผ่านการวิเคราะห์ร่างกายและการสำรวจต่อมภายในว่า ความจริงผลหลักของตัวยาในแต่ละระดับไม่ใช่แค่มอบการบำรุงให้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีการเปิดขีดจำกัดและสวิตช์บางอย่างในร่างกายผ่านการกระตุ้นส่วนหนึ่งด้วย
ในสภาพที่สวิตช์ถูกเปิด ร่างกายจะดูดซับสารบำรุงมาเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่รางกายอย่างเต็มที่ไม่มีขีดจำกัด
และหากตัวยาสูญเสียสรรพคุณแล้ว สวิตช์ก็จะปิดเองโดยอัตโนมัติ
สิ่งนี้ทำให้สัดส่วนที่ตัวยาตัวนี้ใช้ตั้งแต่ระดับแรกสุดถึงระดับท้ายสุดมีความคล้ายกัน
ดังนั้น แม้ดีปบลูจะยกระดับกายเนื้อโดยตรงไม่ได้ แต่ก็สามารถลดกระบวนการการย่อยสลายฤทธิ์ยาด้วยความเร็วสูงสุด เพื่อลดประสิทธิภาพที่ต้องใช้เวลายาวนานถึงจะฝึกฝนจนสำเร็จถึงระดับที่อลังการถึงขีดสุด ผ่านการเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่วิธีการฝึกฝนได้
ในเมื่อยาชนิดนี้แตกต่างจากสิ่งที่ลู่เซิ่งคาดเดาก่อนหน้านี้ โดยส่งผลต่อเครื่องมือควบคุมสวิตช์เท่านั้น
เช่นนั้นก็หมายความว่า ขอแค่มียามากพอ เขาก็จะใช้ดีปบลูเพิ่มความแข็งแกร่งต่อไปเรื่อยๆ ได้
“ข้าขอกลับไปฝึกฝนต่อแล้ว เจอลีนท่านรีบกลับไปเถอะ ดึกมากแล้ว” ลู่เซิ่งหยุดความคิดไว้ก่อน จากนั้นก็เอ่ยเร่งเบาๆ
เจอลีนพยักหน้า “ได้ ข้าจะมาหาเจ้าเป็นระยะนะ ระวังร่างกายด้วย อย่าฝึกหนักเกินไปจนบาดเจ็บล่ะ”
“รู้แล้ว”
ไม่นาน ลู่เซิ่งก็มองดูม้าที่เจอลีนขึ้นขี่เดินกลับไปทางเดิมอย่างผ่อนคลาย โดยที่ด้านหลังมีข้ารับใช้ในคฤหาสน์เมอเซอร์หลายคนติดตาม
จากนั้นเขาจึงค่อยหมุนตัวไปกวาดตามองเหล่าบริวารที่อยู่ด้านหลัง
“ต่อจากนี้ขอให้ทุกคนทำตัวเหมือนเดิม ตอนเช้าข้าจะฝึกดาบ หากมีเรื่องอะไรให้รวบรวมแล้วนำมาแจ้งข้าตอนบ่าย ปกติข้าจะอยู่ใกล้ๆ สวนดอกไม้”
“รับทราบนายท่าน” ชาวนาชายหญิง คนงานและช่างฝีมือพากันขานตอบ
ลู่เซิ่งพยักหน้าอย่างพอใจ แล้วสาวเท้าเดินไปยังคฤหาสน์ ดูจากตัวยาสำหรับฝึกฝนของสำนักวิชาดาบเจอเรลโลแล้ว สิ่งที่ยกระดับเป็นคุณสมบัติร่างกายในทุกๆ ด้าน มีความเร็ว พละกำลัง และคุณสมบัติร่าง การกินยาทำให้คนบรรลุขีดจำกัดของร่างกายได้ เพียงแต่ว่าจำเป็นต้องใช้เวลาย่อยสลายที่ยาวนานมากหลังจากกินยา แถมยังมีพิษหลงเหลืออยู่ด้วย
แม้วิธีการฝึกฝนจะใช้ขจัดผลของพิษได้ แต่คนธรรมดาไม่สามารถขจัดพิษได้ทั้งหมด
นี่ทำให้ปริมาณตัวยาที่คนของสำนักกินได้ตลอดชีวิตเป็นสิ่งตายตัว ถึงขั้นนี้เมื่อไปถึงช่วงหลักๆ พิษจะเริ่มทำให้กายเนื้ออ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง และเมื่ออายุขัยเริ่มทำให้ร่างกายอ่อนแอลงเมื่อไหร่ ตัวยาก็จะหันมาลดสมรรถภาพของร่างกายแทน
ดังนั้นความแข็งแกร่งที่ได้รับจึงเป็นปริมาณที่ตายตัว นี่ทำให้ยาลับที่น่าอัศจรรย์ชนิดนี้ไม่อาจแสดงอานุภาพทั้งหมดออกมาได้อย่างสมบูรณ์
ลู่เซิ่งเตรียมทดลองดูว่า หลังจากใช้ดีปบูลดระยะเวลาในการย่อยสลายสรรพคุณยาแล้ว ตัวยานี้จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ตัวเองได้ถึงขั้นไหน
เขาจะเดินไปถึงขีดจำกัดของการเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ร่างกายตามทฤษฎีของสำนักวิชาดาบเจอเรลโลได้ในระยะเวลาที่สั้นถึงขีดสุด
……………………………………….