ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 520 เมือง (2)
บทที่ 520 เมือง (2)
“ที่นี่ก็แล้วกัน” ลู่เซิ่งเจอห้องห้องหนึ่งอย่างรวดเร็ว “ที่นี่ติดหน้าต่าง วิวน่าจะไม่เลว”
เขาผลักประตูเปิด
ฟ้าว!
หนวดสีดำสนิทหนาเท่าแขนข้างหนึ่งพุ่งออกจากหลังประตูมาใส่ใบหน้าของเขา
ฟ้าว!
ลู่เซิ่งจับหนวดไว้ด้วยแขนข้างหนึ่ง แล้วกระชากออกไปด้านนอก ลากสัตว์ประหลาดสีม่วงอมดำที่เหมือนกับสัปปะรดและทุเรียนออกมา
เปรี้ยง!
เขากดคอของสัตว์ประหลาดไว้ แต่ว่าสัตว์ประหลาดมีหนวดมากมายที่กำลังปัดป่ายไปมาอย่างต่อเนื่อง
“ท่านพ่อ ช่วยจับขามันไว้ที! คืนนี้พวกเราจะกินไอ้ตัวนี้กัน!” ลู่เซิ่งที่นั่งบนตัวสัตว์ประหลาดระดมหมัดใส่ศีรษะของมัน
โรดี้เพิ่งจะเข้าใกล้ ก็เห็นหนวดเส้นหนึ่งฟาดใส่โคมไฟติดผนังเหล็กที่อยู่ห่างไปด้านหน้าสองสามก้าว
โคมเหล็กขนาดเท่าข้อมือถูกฟาดจนงอและจมลึกเข้าไปในผนัง
เขาพลันชะงักฝีเท้าอย่างอึ้งงัน
เปรี้ยงๆๆ!
ลู่เซิ่งต่อยหมัดใส่อย่างหนักหน่วงจนสัตว์ประหลาดกรีดร้อง ไม่นานนัก เลือดสีม่วงที่ไหลออกมาจากตัวสัตว์ประหลาดก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตามเวลาที่ผ่านไป จากนั้นหนวดมันก็ชี้ขึ้นฟ้า แล้วร่วงตกลงมาดังตูมก่อนจะหยุดเคลื่อนไหว
ลู่เซิ่งพลิกตัวลงมา ใบหน้าอาบเลือด เขาอุ้มสัตว์ประหลาดขึ้นแล้วออกแรงกระชาก ฉีกผิวบนตัวสัตว์ประหลาดออกมา เหลือก้อนเนื้อสีม่วงเข้มหล่นอยู่บนพื้น
“ไอ้นี้แรงเยอะจริงๆ ถ้าเอามาย่างจะต้องกรอบเด้งแน่” เขาโบกสิ่งที่ตนได้มาในมือไปทางพวกโรดี้
“ข้าเอายี่หร่า พริก กับพริกไทยขาวมาด้วย เอามาย่างบนแผ่นเหล็กกันเถอะ!” ลู่เซิ่งฉีกยิ้มเผยให้เห็นฟันขาวเจิดจรัส
“โรแซง…” โรดี้อึดอัดใจเล็กน้อยขณะมองใบหน้าดีใจของลูกชาย เขาพลันรู้สึกว่าตนทนลำบากมาหลายปีอย่างเสียเปล่าแท้ๆ
“ถ้าสัตว์ประหลาดพวกนี้ตายจะกลายเป็นน้ำสีดำ…น่าจะกินไม่ได้…” เอสเซียงโลที่อยู่ด้านข้างเอ่ยแทรกด้วยสีหน้าแปลกพิกลอย่างอดไม่ได้
“น้ำสีดำหรือ อย่างนั้นประเดี๋ยวมาลองว่าจะต้มซุปได้ไหม” ลู่เซิ่งวางผิวสัตว์ประหลาดลงอย่างเสียดายเล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้ามองศพของสัตว์ประหลาดบนพื้น มันค่อยๆ หลอมละลายแล้วจริงๆ
“เสียดาย…แต่ทำไมหนวดที่ข้าตัดออกมาถึงไม่หลอมละลายเล่า” ลู่เซิ่งพลันถาม
“เป็นเพราะ…” เอสเซียงโลค่อยสังเกตเห็นหนวดบนตัวลู่เซิ่ง พลันผุดสีหน้างุนงง
“ช่างเถอะๆ ไม่ว่าจะอย่างไร เข้าไปพักผ่อนก่อนดีกว่า” ลู่เซิ่งโบกมือ แล้วหมุนตัวเข้าห้องไปก่อน
โรดี้กับเอสเซียงโลจึงตามเข้าไปด้วย
ห้องไม่ใหญ่นัก มีผิวผนังหลุดล่อนเป็นจำนวนมาก บวกกับจุดขาวที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว โดยรวมแล้วดูรกร้าง ทรุดโทรม และมืดมน เหมือนกับว่าถูกทิ้งร้างมาหลายปีแล้ว
ม่านหน้าต่างหนาหนักปิดหน้าต่างไว้มากกว่าครึ่ง เผยให้เห็นเพียงแสงจันทร์จากด้านนอกเล็กน้อยเท่านั้น
สิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายก็คือ ในห้องเงียบสงบมาก ไม่ได้ยินเสียงน้ำด้านนอกเลย
ตรงกลางมีเตียงครึ่งวงกลมขนาดใหญ่วางอยู่ตัวหนึ่ง ใกล้ๆ คือโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้า ส่องสิ่งเชื่อมต่อกัน
ลู่เซิ่งเดินเข้าไปตรวจสอบ
“ถึงของจะเก่าไปหน่อย แต่ยังพอใช้ได้” เขาตบเตียง ผ้าม่านบังเตียงที่ย้อยลงมาเปิดออก เผยให้เห็นสตรีสวมกระโปรงสีขาว ทั้งยังมีผิวหน้าเน่าเปื่อยและซีดขาวอยู่ด้านใน
นางอุ้มหมอนนั่งอยู่บนเตียง ดวงตาขยับตามมือที่ลู่เซิ่งโบกไปโบกมา
พอโรดี้กับเอสเซียงโลเห็นร่างของสตรีนางนั้น ก็พลันตัวแข็ง แสดงสีหน้าเคร่งขรึมออกมา
ลู่เซิ่งนั่งลงบนขอบเตียง แล้วออกแรงกดเตียงใหญ่เพื่อดูความยืดหยุ่น
“ท่านพ่อ พวกท่านจะนอนที่นี่ไหม”
“โรแซง…” โรดี้เค้นยิ้มพร้อมกับชี้ไปด้านหลังลู่เซิ่ง
ลู่เซิ่งหันไปมองหญิงสาว พลันยิ้มขึ้นมา
“อะไร ถ้าข้าจะอยู่ที่นี่ เจ้ามีปัญหาหรือไง”
หญิงสาวคนนั้นมองเขาอย่างอึ้งๆ
หมับ!
ลู่เซิ่งจับผมหญิงสาวแล้วยกนางขึ้น
กรี๊ด!
หญิงสาวอ้าปากกว้างขึ้นเรื่อยๆ และดำมืดขึ้นเรื่อยๆ ไม่นานใบหน้าของนางก็เหลือแค่ปากใหญ่สีดำสนิทเท่านั้น
เสียงกรีดร้องอันน่าเวทนาระเบิดขึ้นในห้อง
“หุบปาก!” ลู่เซิ่งพลันโมโห
สิบนาทีต่อมา…
ในปากของหญิงสาวมีของที่เหมือนกับขาโต๊ะคู่หนึ่งยัดอยู่จนเต็ม นางถูกมัดไว้ด้วยหนวดที่ลู่เซิ่งฟันขาดก่อนหน้านี้ ห้อยต่องแต่งอยู่ตรงมุมหนึ่งของกำแพง ร่างกายได้แต่หมุนไปหมุนมาเท่านั้น
“เอาล่ะ คราวนี้สงบแล้ว” ลู่เซิ่งลากม้านั่งตัวหนึ่งที่หาได้จากห้องอื่นมานั่งลง แล้วหยิบอาหารแห้งที่พกไว้ออกมากัดกิน
โรดี้กับเอสเซียงโลคอยเหลือบมองหญิงประหลาดคนนั้นอยู่ตลอดเหมือนกับนั่งบนพรมที่ทำจากเข็ม
“ข้างนอกสถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง” โรดี้ลุกเดินไปถึงหน้าต่าง ก่อนจะดึงผ้าม่านออกและมองไปด้านนอก แต่พอมองดูเขาก็เงียบขรึม
“เกิดอะไรขึ้น” เอสเซียงโลเดินโขยกเขยกเข้าไป แล้วมองไปนอกหน้าต่างเช่นกัน
ความสูงของตึกสี่ชั้นทำให้เขามองเห็นสภาพของเมืองในตอนนี้ได้อย่างชัดเจน
น้ำนับไม่ถ้วน
น้ำสีเทาห้อมล้อมเมืองทั้งเมืองไว้เหมือนกับมหาสมุทร เห็นแค่สถานที่ที่อยู่ห่างจากเมืองหลายสิบเมตรเท่านั้น ห่างไปมากกว่านั้นถูกหมอกหนาบดบังไว้หมดแล้ว
เหมือนกับเมืองกลายเป็นเกาะโดดเดี่ยวที่ลอยอยู่กลางทะเลในชั่วข้ามคืน
พวกโรดี้ต่างเงียบงัน
ลู่เซิ่งกัดกินขาไก่อยู่ด้านหลัง พร้อมกับเดินมาดู
“ร้ายกาจ มีแต่น้ำ พรุ่งนี้เช้าไม่รู้ว่าจะหายไปหรือไม่”
“พวกเราได้แต่อยู่ที่นี่สามชั่วโมง” โรดี้กล่าวอย่างฉับพลัน
“ทำไมกัน” ลู่เซิ่งถามกลับ “แม้ที่นี่จะเก่าและสกปรกไปบ้าง แต่ข้าวของก็ยังใช้ได้ แถมยังซ่อมแซมตัวเองได้ด้วย อยู่ไปสักคืนก็ไม่เห็นเป็นไร”
“โรแซง ถ้าหากไอ้ตัวเมื่อครู่มาเยอะๆ ในคราวเดียว แถมยังแกร่งกว่าและน่ากลัวกว่า เจ้าจะสู้ได้ไหม” โรดี้พลันถาม
“ไม่รู้สิขอรับ” ลู่เซิ่งส่ายหน้า เขาไม่รู้จริงๆ ว่าเมืองแห่งนี้ลึกลับและร้ายกาจขนาดไหน เขายังไม่ได้สัมผัสด้วยตัวเองจริงๆ เลยยังไม่เข้าใจ
“อีกสามชั่วโมง พวกเราอาจจะเจออันตรายแบบที่ว่า” โรดี้เอ่ยอย่างสงบ
“ถ้าเป็นแบบนั้นก็มีปัญหานิดหน่อยจริงๆ” ลู่เซิ่งลูบคางของตัวเอง
“ดังนั้นพวกเราต้องคิดหาวิธีออกไป” เอสเซียงโลพลันชี้ไปยังบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป “เห็นบ้านหลังนั้นไหม”
“ทำไมหรือ” ลู่เซิ่งมองไปตามนิ้วมือของเขา พลันเห็นบ้านสีน้ำตาลหลังคาสามเหลี่ยมหลังหนึ่ง รอบๆ ประตูหน้าต่างด้านนอกบ้านมีแปลงดอกไม้ที่แห้งแล้งสีดำอยู่ด้วย
“บ้านหลังนั้นทำจากไม้ พวกเราจะใช้มันต่อแพง่ายๆ ได้” เอสเซียงโลแนะนำ
“ตกลง…” ลู่เซิ่งกับโรดี้ล้วนเข้าใจความหมายของเขา
“แต่ก่อนหน้านั้น พวกเราจำเป็นต้องพักสักครู่” โรดี้ถอนใจและกล่าวอย่างเหน็ดเหนื่อย
การเปลี่ยนแปลงมากมายสร้างความตึงเครียดให้เขามาโดยตลอด หลังจากรักษาความระวังอย่างสุดกำลังมาเป็นเวลานาน บวกกับก่อนหน้านี้ยังต้องคอยรับมือสัตว์ประหลาดอย่างยากเย็น ต่อให้เป็นเขา เวลานี้ก็ยังอิดโรยอยู่บ้าง
พอลู่เซิ่งเห็นว่าบาดแผลของเอสเซียงโลเริ่มมีเลือดซึม ก็พยักหน้าเช่นกัน
“ข้าขอไปลาดตระเวนในตึกหลังนี้ หากมีปัญหาอะไรจะได้จัดการไว้เนิ่นๆ”
“ตกลง ระวังตัวด้วย” โรดี้พยักหน้า
“ไม่ต้องห่วง” ลู่เซิ่งลุกขึ้น แล้วดึงตัวหญิงสาวที่แขวนอยู่ตรงมุมกำแพงลงมา ก่อนจะลากนางเดินออกจากห้องไป
“ถือโอกาสจัดการไอ้ตัวนี้ด้วย อีกประเดี๋ยวจะกลับมา” เขาโบกมือโดยไม่หันหน้ามา
ตึง
ประตูปิดลงแล้ว
ในห้องเงียบสงัด
โรดี้กับเอสเซียงโลอดถอนใจยาวไม่ได้
“บางทีครั้งนี้พวกเราอาจจะรอดออกไปก็ได้…” โรดี้เอ่ยเบาๆ
“บางที…” ตอนแรกเอสเซียงโลสิ้นหวังไปแล้ว แต่พอตอนนี้นึกถึงโรแซง กลับฮึกเหิมขึ้นเล็กน้อย
“ถ้าข้าไม่ได้ดูผิดล่ะก็ สัตว์ประหลาดที่มีหนวดมากมายตัวนั้นคือผู้ปลอมแปลง พลังเป็นรองเพชฌฆาต ขอแค่ครั้งนี้พวกเราไม่เจอเพชฌฆาตโดยตรง ก็น่าจะมีโอกาสรอดชีวิตเยอะอยู่” เอสเซียงโลเอ่ยอย่างจริงจัง
เพชฌฆาตเป็นสิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่สัตว์ประหลาด จนกระทั่งถึงตอนนี้ในสัตว์ประหลาดที่ผู้คนรู้จัก เพชฌฆาตมีพลังที่ไม่อาจเทียบเคียงได้ มีร่างกายที่ไม่อาจทำลาย ทั้งยังเป็นอมตะ และไร้ความเกรงกลัว นอกจากจะช้าไปบ้าง แต่ก็มีความพิเศษที่สามารถปรากฏตัวขึ้นในทุกๆ ระยะเวลาสั้นๆ ได้
ถ้าหากเตรียมตัวได้ดีพอ โรดี้มั่นใจว่าสามารถรับมือการไล่ล่าของเพชฌฆาตในอาณาเขตกว้างๆ ได้ถึงระดับหนึ่ง
แต่ในเมืองเมืองนี้ เพชฌฆาตไม่ได้มีแค่ตัวเดียวแน่นอน
“มิหนำซ้ำดูจากผู้ปลอมแปลงเมื่อครู่ ไม่ว่าจะเป็นขนาดหรืออานุภาพ ล้วนแข็งแกร่งกว่าผู้ปลอมแปลงในโลกภายนอกมากมายนัก…ข้าสงสัยว่าที่นี่น่าจะเพิ่มพลังให้สัตว์ประหลาดได้…” เอสเซียงโลกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ดังนั้น…จำเป็นต้องระวังตัวไว้ด้วย”
โรดี้พยักหน้าอย่างเอาจริงเอาจัง
แค่เพชฌฆาตตัวเดียว เขาก็ต้องใช้ความสามารถทั้งหมดรับมือแล้ว เกิดว่ามีสัตว์ประหลาดตัวอื่นมาเพิ่มอีก ผลลัพธ์สุดท้ายมีแค่อย่างเดียว
…
ลู่เซิ่งเดินอยู่ในตึกเล็ก ค้นห้องแต่ละห้องดูอย่างละเอียด
ไม่นานเขาก็ตรวจสอบห้องอื่นๆ จนหมด
มีสัตว์ประหลาดซ่อนอยู่ทั้งหมดสามตัว และถูกเขาจับตัวออกมาเชือดหมดแล้ว
แต่แค่นี้เขายังไม่พอใจ
เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อแสดงละครเท่านั้น แต่ต้องการตามหากุญแจสำคัญที่ใช้ทำลายเมืองแห่งนี้ด้วย
สถานที่แห่งนี้มีพลังคืนชีพที่แข็งแกร่งมาก การทำลายสิ่งก่อสร้างเหมือนจะไม่มีผลต่อที่นี่ อย่างนั้นก็ต้องหาทางอื่นแล้ว
พอลงมาถึงชั้นสาม เขาก็ฉีกหนวดด้านหลังออกมา ก่อนจะหันไปมองหญิงสาวที่ถูกมัดไว้
“คุยกันได้ไหม” เขาถาม
“กรี๊ด!”
หญิงสาวกรีดร้อง ยังคงพยายามดิ้นรนอยู่
ลู่เซิ่งส่ายหน้า แล้วเงยหน้าขึ้นมองเพดานระเบียง
หญิงชราผมขาวที่ท่อนล่างเป็นแมงมุมคนหนึ่งกำลังเกาะตัวกลับหัวอยู่บนเพดาน ในตำแหน่งที่ตรงข้ามกับเขา
ฮี่ๆ…
หญิงชราหัวเราะเสียงแหลมใส่เขา
ท้องของนางเหมือนกับลูกท้อสุก ทำให้คนนึกภาพว่ามีน้ำเหนียวๆ ที่อิ่มเอิบอยู่ด้านใน คล้ายกับแค่กระทุ้งใส่ก็จะแตก ในรอยย่นบนหน้าผากและหางตาคือสิ่งของที่เหมือนกับโคลนสีดำ
“หัวเราะอัปลักษณ์แบบนี้ เจ้ากำลังเยาะเย้ยข้าหรือไง” ลู่เซิ่งสีหน้าอารมณ์
อา
ทันใดนั้นหญิงร่างแมงมุมพลันอ้าปากเผยช่องปากที่เต็มไปด้วยฟันเลื่อยแหลมคมหลายชั้นไปทางลู่เซิ่ง
ฟ้าว…
นางพุ่งมาหาลู่เซิ่ง ชั้นอาคารทั้งชั้นสั่นไหวตามการพุ่งของนาง
แทบจะเป็นในเวลาเดียวกัน พรมบนพื้นในบริเวณรอบๆ นูนขึ้นด้วยความเร็วสูง แล้วกลายเป็นผงสีดำอมเทา ก่อนจะรวมตัวกันกลายเป็นมนุษย์ผงที่เหมือนกับปีศาจ จากนั้นก็กระโจนใส่ด้านหลังลู่เซิ่ง
ฟ้าว!
ครืน!
สายฟ้าวาดผ่านท้องฟ้า ส่องสว่างเหตุการณ์ของที่นี่จากหน้าต่างในชั่วพริบตา
เงาดำบนกำแพงฉายภาพในเวลานี้
ดาบในมือเงาของคนแทงใส่สัตว์ประหลาดที่เหมือนกับแมงมุมอยู่ติดกำแพง จากนั้นก็ฟันลงด้านล่างอย่างโหดเหี้ยม ผ่าท้องของมันออกเป็นสองส่วน
เงาคนหลายสายด้านหลังกลายเป็นฝุ่นผงมากมายแล้วโปรยปรายลงมาโดยอัตโนมัติ
ลู่เซิ่งถือดาบด้วยมือหนึ่งพร้อมกับสะบัดของเหลวสีดำที่ติดอยู่บนดาบทิ้ง
“ขยะที่เคลื่อนไหวตามสัญชาตญาณ ไม่มีค่าพอเป็นอาหารของข้าด้วยซ้ำ”
“ออกมาเสีย ไอ้พวกชอบทำตัวลับๆ ล่อๆ” เขาชี้ปลายดาบไปยังหมอกอันขมุกขมัวบนระเบียงด้านหลัง
แก๊งๆ
เสียงโซ่พลันดังไปทั่วทั้งชั้น
เงาร่างแข็งแกร่งสูงใหญ่ของเพชฌฆาตเดินออกมาจากในม่านหมอก
……………………………………….