ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 522 เมือง (4)
บทที่ 522 เมือง (4)
ลู่เซิ่งมองดูอยู่พักหนึ่ง
“โรแซง เจ้ามาทำอะไรอยู่ตรงนี้กัน” อยู่ๆ เสียงของโรดี้ก็ดังขึ้นด้านหลังเขา
เสียงดังขึ้นอย่างกะทันหัน แม้แต่ลู่เซิ่งก็สัมผัสไม่ได้
เขาพลันตกใจ หันกลับไปเห็นโรดี้กำลังตบบ่าของตัวเองอยู่
“ข้าเห็นห้องเรียนห้องนี้มีอะไรบางอย่าง ก็เลยมาดู” ลู่เซิ่งตอบพร้อมกับชี้ไปที่ห้องเรียนด้านหน้า
แต่เสียงเพิ่งขาดลง พอเขาหันกลับไปดู ในห้องเรียนตรงหน้ากลับดำมืดว่างเปล่า ไม่มีเด็กชาย ไม่มีโทรทัศน์ ถึงขั้นที่โต๊ะเก้าอี้ที่เป็นระเบียบแต่เก่าผุพังเมื่อก่อนหน้ากลับวางกระจัดกระจาย ฝุ่นหนาสีดำจับอยู่บนพื้น
โรดี้มองสถานการณ์ด้านในอย่างสงสัย “เจ้าแน่ใจว่าเจ้าเห็นเด็กผู้ชายหรือ” เขาไม่เชื่อว่าลูกชายของตนจะตาฝาด สายตาของยอดฝีมือที่ฝึกฝนวิชาดาบเจอเรลโลไม่น่าจะมีปัญหา
“แน่ใจขอรับ” ลู่เซิ่งพยักหน้า เขาชี้โต๊ะเก้าอี้ในห้องเรียน “ที่ข้าเห็นเมื่อครู่ โต๊ะเก้าอี้พวกนี้เป็นระเบียบเรียบร้อยดี”
โรดี้สีหน้าเคร่งขรึม คล้ายฉุกใจถึงบางอย่าง
“ไปกันเถอะ ไปต่อแพกันก่อน” เขาตบบ่าของลู่เซิ่ง
ลู่เซิ่งพยักหน้า
เขาเหมือนจะเข้าใจกุญแจสำคัญของเมืองเมืองนี้แล้ว บางทีกุญแจสำคัญอาจจะเป็นตึกเล็กตึกนี้หรือโรงเรียนแห่งนี้พอดี
‘ไม่…บางทีที่โรดี้เลือกมาที่นี่ตั้งแต่ต้น อาจไม่ใช่เรื่องบังเอิญก็ได้…’
ลู่เซิ่งมองห้องเรียนเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะตามโรดี้ขึ้นไปชั้นสอง
ชั้นสองมีห้องเรียนห้องหนึ่ง คนกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันอยู่ พอเห็นลู่เซิ่งกลับมา ฟรานที่กำลังสัปหงกก็ผุดลุกขึ้นทันที
เมรามองลู่เซิ่งเช่นกัน ยังมีชายผอมแห้งอีกคนก็มองมายังลู่เซิ่งด้วย
แสดงให้เห็นว่าทุกคนทราบผลงานอันเจิดจรัสของลู่เซิ่งเมื่อก่อนหน้านี้แล้ว
“เอาไม้มาแล้วสินะ พวกเราต้องช่วยกันต่อแพและออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด” เอสเซียงโลเตือน
“ข้าจะรับผิดชอบเฝ้าระวังเอง” ลู่เซิ่งยกมือขึ้นกล่าว
“เชือกไปเอามาจากไหน”
“ข้าเจอบางส่วนในลิ้นชักของโรงเรียน ดูเหมือนจะเหนียวมาก” ฟรานเอ่ยเสียงดัง
จากนั้นพวกเขาก็เริ่มปฏิบัติการอย่างรวดเร็ว ไม้ถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบ จุดไหนที่นูนขึ้นมาก็ใช้มีดตัดจนเรียบ ดีที่ผิวไม้ค่อนข้างผุเปื่อย จึงตัดได้ง่าย
ตอนที่พวกเขากำลังต่อแพกันอยู่นั้น ลู่เซิ่งก็เริ่มเดินในตึกอีกครั้ง
จากชั้นสี่ไปถึงชั้นสาม
จากชั้นสามไปถึงชั้นสอง
จนกระทั่งถึงชั้นที่หนึ่ง พอเดินเตร่ในโรงอาหารและโรงอาบน้ำเสร็จ ในที่สุดลู่เซิ่งก็กลับมายังบริเวณที่ใช้เรียนหนังสืออีกครั้ง
ลมพัดเข้ามาจากหน้าต่างผุพังอย่างต่อเนื่อง ในตึกเล็กเกิดเสียงฮือๆ ดังไปทั่ว
ฝุ่บ
ลู่เซิ่งผลักประตูห้องเรียน ฝุ่นสีดำหนาร่วงลงมาจากกรอบประตู ยังดีที่เขาหยุดก่อน จึงไม่ได้ร่วงใส่ศีรษะตัวเอง
ห้องเรียนกว้างมาก บนกำแพงใช้ชอล์กดำวาดเป็นลวดลายที่ไม่ทราบความหมายเต็มไปหมด บนพื้นคือเศษไม้ผุๆ ของโต๊ะเก้าอี้ แท่นบรรยายสีเทาที่เหมือนกับใช้ไม่ได้แล้วตั้งตระหง่านอยู่หน้ากระดานดำ
‘มีความรู้สึกแปลกประหลาด…เมื่อครู่ตอนมายังไม่มี…’ ลู่เซิ่งหยีตาพร้อมกับเดินเข้าประตู
ลมพัดครางพัดให้ประตูห้องเรียนงับปิดลงช้าๆ
ลู่เซิ่งเดินไปถึงกลางห้องเรียนและตรวจสอบรอบๆ
ตุบ
ทันใดนั้นมีเสียงหนึ่งดังมาจากนอกห้องเรียน เขาพลันเงยหน้ามองไปยังต้นเสียง
พรึ่บ!
นอกหน้าต่างห้องเรียนไม่ทราบว่ามีคนกลุ่มใหญ่ยืนเรียงกันตั้งแต่ตอนไหน
คนเหล่านี้แต่งตัวเหมือนกับคุณครูและนักเรียน พวกเขาหน้าซีดขาว ดวงตาจับจ้องลู่เซิ่ง ทั้งเงียบสงัดและแปลกพิกล
พอลู่เซิ่งกะพริบตาครั้งหนึ่ง ด้านนอกห้องเรียนก็กลับคืนสู่สภาพมืดสนิทไม่มีใครเลยเหมือนเดิม
แกร่ก…
มีเสียงเบาๆ ดังมาจากด้านหลัง
ลู่เซิ่งหันไปเห็นหญิงคนหนึ่ง ปล่อยผมยาวปกปิดใบหน้ายืนอยู่บนแท่นบรรยาย
ผมดำของนางยาวและหนาเหมือนกับน้ำตก นางยืนอยู่ด้านหน้าแท่นบรรยาย คล้ายกับกำลังมองลู่เซิ่งผ่านเส้นผมอยู่
“พวกเจ้าอยากแสดงอะไรให้เห็น จำนวนคนหรือไง” ลู่เซิ่งสีหน้าไร้อารมณ์
ด้านหน้าพลันพร่ามัว หญิงสาวผมยาวหายสาบสูญไป เหมือนกับเป็นเพียงภาพหลอนมาตั้งแต่ต้น
แต่ลู่เซิ่งทราบดีว่าตนมีร่างหลักในหัวใจคอยสนับสนุน ในฐานะมารสวรรค์ตนเป็นผู้เข้มแข็งระดับสุดยอดด้านจิตวิญญาณอยู่แล้ว ไม่มีทางที่จะมีคนทำให้ตัวเขารู้สึกหลอนโดยที่ตัวเองสัมผัสไม่ได้อยู่เด็ดขาด
ลู่เซิ่งเดินวนในห้องเรียนอีกรอบหนึ่ง
แต่ก็ยังคงไม่พบสิ่งใด
“อิสตันติง! อิสตันติง! ชิฟเฟอร์เลย์ คามาน!”
อยู่ๆ นอกหน้าต่างก็มีเสียงตะโกนที่พร้อมเพรียงกันและชัดเจนดังขึ้น คล้ายกับมีผู้ชายที่มีพลังปอดยอดเยี่ยมจำนวนมากตะโกนพร้อมกัน
ลู่เซิ่งพุ่งไปถึงหน้าต่างเพื่อมองไปด้านนอกทันที แต่วิ่งได้แค่ครึ่งเดียว เท้าก็พลันลอยขึ้น
เปรี้ยง!
ด้านหน้าเขาพร่ามัว ตนไม่ได้อยู่ในห้องเรียน หากแต่นอนหงายอยู่ในหลุมกับดักสีดำสนิทที่ลึกมาก
อือ…
ลู่เซิ่งลุกขึ้น รู้สึกมึนๆ เล็กน้อย พร้อมกับคลำพื้นรอบๆ ตนเอง
รอบๆ พื้นที่เย็นเยียบคือของแหลมเล็กละเอียดส่วนหนึ่ง เขายื่นมือคลำดูถึงรู้ว่าเป็นหนามแหลมหลายแท่ง
เขาอาศัยแสงจันทร์ที่ส่องลงมาจากเบื้องบน จึงเห็นชัดว่ารอบๆ เป็นอะไร
หนามแหลมจากโลหะที่คมกริบตั้งอยู่รอบๆ ตัวเขาอย่างแน่นขนัดเหมือนกับป่า
ลู่เซิ่งค่อยๆ ลุกขึ้น ด้านล่างเป็นหลุมกับดักหนามที่ถูกเขากดทับจนหัก
‘อือ…ยังมีของเล่นแบบนี้อยู่ด้วยหรือนี่ ความสามารถนี้ไม่ใช่ภาพหลอน แล้วเป็นอะไรล่ะ’ เขาพลันสนใจ
เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่เขาหล่นลงมาในหลุมกับดัก แต่เป็นเพราะกายเนื้อแข็งแกร่งเกินไป หลุมกับดักจึงถูกเขากระแทกจนพังไป
เขาลูบคลำไปทั่วเพื่อดูว่าจะเจอเบาะแสอะไรจากตรงนี้หรือไม่
แต่ว่าสิ่งที่ทำให้เขาผิดหวังก็คือ ในหลุมกับดักนี้ นอกจากโครงกระดูกที่เปื่อยจนกลายเป็นผงสองสามโครงแล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดอยู่อีก
ลู่เซิ่งหยิบหนามแหลมแท่งหนึ่งขึ้นมา แล้วกระทืบเท้าใส่พื้น
เปรี้ยง!
เขาทะยานร่างขึ้นเหมือนกับจรวด เพื่อจะโดดออกจากหลุมกับดัก
ฟ้าว…!
ด้านขวามีก้อนเหล็กติดหนามแหลมเส้นผ่าศูนย์กลางหนึ่งเมตรกว่าๆ พุ่งเข้ามาหา
ตูม!
ก้อนเหล็กถูกลู่เซิ่งฟาดฝ่ามือใส่กระเด็นออกไปชนใส่กำแพงพร้อมกับส่งเสียงดังทึบหนักออกมา
ลู่เซิ่งอาศัยแรงสะท้อน ทิ้งตัวลงด้านข้างหลุมกับดักอย่างแผ่วเบา
เขาค่อยสังเกตเห็นว่า ตนเองไม่ได้อยู่ในห้องเรียนเมื่อครู่ แต่อยู่ในห้องที่เหมือนกับห้องลับ
ห้องลับห้องนี้เป็นสีดำสนิท ด้านบนติดช่องหน้าต่าง กำแพงรอบๆ มีแต่ด้านหน้าที่มีประตูบานเดียว
เด็กผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ตรงประตูซึ่งอยู่ในเงามืดของแสงจันทร์ กำลังมองมาทางด้านนี้
จากนั้นก็หมุนตัวหนีคล้ายกับรู้ว่าตนเองถูกลู่เซิ่งพบแล้ว
ลู่เซิ่งรีบไล่ตามไป
พุ่งออกจากประตูใหญ่ ด้านนอกคือช่องแตกเป็นหน้าผาสีดำสนิทที่มองไม่เห็นก้น
ลู่เซิ่งกำลังจะหยุดยั้งฝีเท้าลง พลันมีแรงอันมหาศาลส่งมาจากด้านหลัง ผลักเขาพุ่งไปด้านหน้า
ฟ้าว…
เนื่องจากไม่มีที่ให้ผ่อนแรง ลู่เซิ่งจึงเสียหลักตกลงไป
ผนังหินของหน้าผาผ่านด้านหน้าไปอย่างรวดเร็ว รอบๆ คือเสียงลมครางหวีดหวิว กระแสลมที่เย็นเยียบเสียดกระดูกพัดเข้ามาจากช่องว่างระหว่างเสื้อผ้าอย่างต่อเนื่อง
ไม่ทราบร่วงตกลงไปกี่เมตร
ตูม!
ในที่สุด ร่างกายของลู่เซิ่งก็ตกลงถึงพื้นอย่างหนักหน่วง กระแทกใส่ก้อนหินแข็งทรงกลมก้อนหนึ่ง
ก้อนหินเหมือนกับถูกแรงอัดอันมหาศาลตกใส่ พลันระเบิดออก เศษหินกลิ้งไปรอบๆ
ลู่เซิ่งกลิ้งตัวครั้งหนึ่ง หน้าผาที่ถ้าเป็นคนธรรมดาคงร่างป่นกระดูกหักไปตั้งแต่แรก เขาที่ตกลงมากลับไม่เป็นอะไรเลย
ลู่เซิ่งคลานขึ้นจากพื้น แล้วเงยหน้ามองด้านบน บนหน้าผาไม่มีสิ่งใดทั้งสิ้น เมื่อครู่ไม่รู้ว่าตกลงมาจากตรงไหน
‘ที่นี่…’ ลู่เซิ่งกวาดตามองรอบๆ ไม่ทราบว่าตัวเองมาถึงที่ไหนแล้ว
ด้านหลังคือท้องทะเลสีเทาไร้ขอบเขต พื้นเพียงแห่งเดียวก็คือหน้าผาตรงหน้า
รอบๆ เป็นเสียงลมเย็นเยียบเสียดกระดูก
‘กลับไปก่อนค่อยว่ากัน’ สองมือจับก้อนหินที่นูนออกมาบนหน้าผาด้านหน้า ก่อนจะเริ่มปีนป่ายขึ้นไปอย่างรวดเร็ว
ใช้เวลาอยู่หลายนาที ลู่เซิ่งก็กลับมายืนอยู่บนยอดหน้าผา เขาจึงค่อยเห็นประตูไม้บานหนึ่งที่อยู่อีกด้านบนหน้าผา
ประตูไม้เปิดออกอยู่ ภาพที่ปรากฏด้านในเป็นห้องเรียนที่เขาอยู่เมื่อสักครู่
เร่งฝีเท้าเดินไปถึงประตูห้องเรียน ครั้งนี้ลู่เซิ่งระวังตัวขึ้นมา เพียงยืนพิจารณาด้านในอยู่ตรงปากประตูเท่านั้น
“พวกเจ้าเป็นคนที่ได้รับบุญคุณจากทวยเทพ ต่างเป็นคนที่มีคุณสมบัติ พิธีกรรมใช้เพิ่มประกายแสงให้แก่เจ้า เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้พวกเจ้าได้ขึ้นสวรรค์หลังจากตายไป” เสียงอ่อนโยนของผู้หญิงดังออกมาจากในห้องเรียน
“มา…แค่เฉือนมีดเบาๆ ที่คอเอง ไม่ต้องกลัว เหมือนกับการนอนหลับนั่นแหละ นี่เป็นผลงานที่พวกเราควรทำให้กับเทพเจ้า…”
…
“เด็กๆ มานี่สิ เห็นเทวรูปแล้วหรือยัง มองที่มือของมัน มองที่ตาของมัน มองที่…เลน! ตาเจ้ามองอะไรอยู่!?”
เสียงอ่อนโยนของผู้หยิงกรีดแหลมอย่างฉับพลัน
“เลน เจ้ากล้าลบหลู่เทพ ทหาร! จงควักดวงตาของมันซะ!”
“ไม่! ข้าไม่กล้าแล้ว! นายหญิง ข้าไม่กล้าแล้ว!” เสียงร้องไห้ของเด็กผู้ชายดังขึ้นพร้อมกับเสียงหอบหายใจด้วยความหวาดกลัวของเด็กคนอื่นๆ จนกระทั่งเสียงร้องแหลมหยุดลงอย่างกะทันหัน
ด้านหน้าลู่เซิ่งพร่ามัวอีกครั้ง เขากลับมาอยู่ในห้องเรียนในตอนแรกสุดแล้ว
เด็กผู้ชายผมดำคนนั้นยืนอยู่ด้านหน้าเขาไม่ไกลออกไป
ตูม
จู่ๆ ด้านในและด้านนอกห้องเรียนก็ลุกไหม้ เพลิงโหมปรากฏขึ้น เผาไหม้ชั้นทั้งชั้นของตึกเล็ก
ลู่เซิ่งได้ยินเสียงฝีเท้าของพวกโรดี้ที่กำลังลงจากตึกกำลังร้องอย่างตกใจอยู่
แต่เขาไม่ได้สนใจ หากยังยืนมองเด็กผู้ชายที่อยู่ด้านหน้าอยู่ที่เดิมอย่างเงียบๆ
ไฟลามมาเผาขากางเกงและรองเท้าของเขา เริ่มเผาไหม้สองขาของเขา ไม่นานทั่วร่างของลู่เซิ่งก็ลุกไหม้กลายเป็นมนุษย์เพลิงคนหนึ่ง
“ฮาวา…อีทอล…มีน…” เด็กชายเอ่ยปากช้าๆ พูดภาษาที่ไม่รู้จัก
เขาค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ พร้อมกับส่งเสียง จนกระทั่งถึงด้านหน้าลู่เซิ่ง
จากนั้นก็ยกมือขวาขึ้น นิ้วมือกลายเป็นหนามแหลมสีดำคมกริบห้าแท่ง
ฉึก!
ชั่วพริบตานั้น หนามแหลมแทงใส่ทรวงอกของลู่เซิ่งอย่างหนักหน่วง ส่วนปลายที่คมกริบสั่นไหวอย่างรุนแรง มีการเปลี่ยนแปลงเคลื่อนไหวของจุดสีดำเล็กๆ นับไม่ถ้วน
อากาศกำลังสั่นไหว เปลวไฟรอบๆ พากันหลบหลีกเพราะการโจมตีของหนามแหลมเหมือนกับเกรงกลัว
เงาดำน่ากลัวมหึมาที่พร่ามัวโผล่ขึ้นด้านหลังเด็กชาย แล้วทิ่มแทงไปด้านหน้าอย่างฉับพลันตามการเคลื่อนไหวของเขา
เปรี้ยง!
หนามแหลมประทับบนทรวงอกของลู่เซิ่ง
และไม่อาจเข้าไปต่อได้อีก
เด็กชายเงยหน้าขึ้นอย่างงุนงง กลับเห็นสองตาของมนุษย์เพลิงที่กำลังมองเขาอยู่
“เจ้าเด็กที่น่าสงสาร เจ้าไม่รู้ว่าสิ่งใดคือพลัง…”
เปรี้ยง!
เกิดเสียงดังสนั่น ทรวงอกของเด็กชายยุบลงไป ร่างเล็กปลิวออกไปเหมือนกระสุนปืนใหญ่ แล้วชนทะลุรั้วรอบนอก ลอยออกจากโรงเรียน ก่อนจะปะทะเข้ากับบ้านหลายหลัง สุดท้ายก็กระเด็นเข้าไปในกองของเสียสีดำที่เหมือนกับขยะ พร้อมกับกลิ้งตัวจนเกิดเป็นร่องลึกบนพื้น
……………………………………….