ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 564 โกรธเกรี้ยว (4)
บทที่ 564 โกรธเกรี้ยว (4)
ด้านนอกเขตจันทราสารท ในส่วนลึกของป่ารกชัฏแห่งหนึ่ง
พื้นนุ่มที่ใบไม้แห้งสีเหลืองหล่นลงมาจนกลาดเกลื่อนสั่นไหวอย่างช้าๆ
งูหลามยักษ์ขนาดมหึมาที่มีความยาวถึงยี่สิบหมี่ ค่อยๆ มุดออกมาจากใต้ดิน เผยหลังสีดำอมเทากึ่งโปร่งแสง
ลำตัวของงูหลามยักษ์ยาวเท่าต้นไม้ยักษ์สิบกว่าต้น มีขนาดเท่ากับถังน้ำ ส่วนหัวเป็นใบหน้าของมนุษย์ ปากแดงฉานส่งเสียงซู่ๆ
“ในที่สุด…ในที่สุดก็ไม่ต้องอยู่ในสถานที่ผีสางที่ไม่มีความบันเทิงแม้แต่น้อยแบบนี้อีกแล้ว…”
ปราณมารสีดำอมเทาจำนวนมากทะลักเข้ามาจากด้านนอกป่าอย่างต่อเนื่อง วนเวียนไหลเชี่ยวอยู่รอบๆ ตัวงูหลาม
มันสะบัดร่างกายมหึมาอย่างรุนแรง ขนาดร่างที่อย่างน้อยก็หนักถึงหลายพันชั่งพุ่งขึ้นท้องฟ้า หลังวนอยู่กลางอากาศรอบหนึ่ง งูใบหน้าคนก็ส่งเสียงหัวเราะแหลมสูงออกมา
“ไม่รู้ว่าครั้งนี้จะจับวิญญาณที่น่าสนุกแบบไหนได้…”
เสียงหัวเราะดังสะท้อน งูหลามบินขึ้นฟ้า ก่อนจะพุ่งไปยังทิศทางหนึ่ง
…
ในทะเลสาบวิญญาณที่ใหญ่ที่สุดในแคว้นนวกระจ่าง
เงายักษ์สีดำสนิทสายหนึ่งคลานไปตามน้ำในทะเลสาบแล้วขึ้นฝั่งอย่างไร้สุ้มไร้เสียง ก่อนจะหายตัวไปยังที่ไกลด้วยความเร็วสูง
ด้านในเหวลึกสีดำสนิทแห่งหนึ่ง
กวางยักษ์ที่สูงถึงสิบกว่าหมี่และหลอมรวมกับก้อนหินเป็นหนึ่งเดียวค่อยๆ สะบัดร่างออกจากผนังหิน ดวงตาสีเขียวมรกตเหมือนกับอัญมณีฉายแววระแวง
แทบจะเป็นในวลาเดียวกัน ทุกทิศทางและทุกอาณาเขตในแคว้นนวกระจ่าง สัตว์ยักษ์น่ากลัวหลายตัวค่อยๆ ออกจากที่ซ่อน
กลิ่นอายอันเหี้ยมหาญหลายสายทะลักไปรอบๆ อย่างมืดฟ้ามัวดิน ไม่นานก็คลุมทั่วทั้งแคว้นนวกระจ่าง
แคว้นทั้งแคว้นถูกปราณมารสีดำที่ไหลเชี่ยวปกคลุมชนิดไร้จุดบอด
…
เปลวไฟสีเขียวค่อยๆ ลุกไหม้รอบๆ ตัวลู่หนิง เขาพลิกตัวไปมาเพื่อจะดับไฟที่ติดบนร่าง แต่กลับไม่มีผลแม้แต่น้อย
สิ่งที่สร้างความแปลกใจให้แก่ลู่หนิงก็คือ ดูเหมือนเปลวไฟสีเขียวนี้เหมือนจะมีผลปกป้องตัวเขา
“นี่คืออะไร…”
พอบุรุษที่มีปีกสีดำเห็นเปลวไฟสีเขียวนี้แต่ไกล และเห็นลู่หนิงที่ไม่เป็นอะไรเลย คิ้วก็ขมวดมุ่น
“ทรายน้ำแข็ง” เขายื่นมือตะปบใส่ลู่หนิง
ผงสีขาวจำนวนมากแผ่ขยายและทะลักออกมาจากแขนของเขาเหมือนกับเม็ดทราย ก่อนจะพุ่งไปยังทิศทางตรงข้าม เพียงวินาทีเดียว ทั่วร่างของลู่หนิงก็ถูกทรายน้ำแข็งสีขาวห่อหุ้มไว้ทั้งหมด
“ไม่ว่าเจ้าเป็นสิ่งใด ล้วนต้องกลายเป็นฝุ่นผงเพราะการกลืนกินจากทรายน้ำแข็ง” บุรุษที่มีปีกสีดำกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา
ครืนๆ…
ไกลออกไปมีเสียงสั่นสะเทือนดังมา
“เสียงอะไรกัน” บุรุษเงยหน้าขึ้นมองไปยังต้นเสียง
สิ่งที่เห็นคือควันสีดำกลุ่มใหญ่ ควันสีดำที่ตลบอบอวลไปทั่วป่าทั่วเขาแผ่ขยายมาจากที่ไกลอย่างบ้าคลั่งเหมือนกับสิ่งมีชีวิต
ไม่นานควันสีดำก็มาถึงเท้าของเขา และกลบสองเท้าของเขาไว้
“อะไรกัน” บุรุษอาภรณ์ดำระเบิดทรายน้ำแข็งออกมาจากทั่วร่างเพื่อกระแทกควันดำออกไป แต่เพิ่งจะกระแทกออกไปได้เล็กน้อย ก็มีควันสีดำไร้สิ้นสุดทะลักเข้ามาใหม่
“แย่แล้ว ดูเหมือนจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่สักคนใช้วิชา!” บุรุษอาภรณ์ดำมองบุรุษตาสีน้ำเงินที่เป็นผู้นำกลุ่มในครั้งนี้
“ใต้เท้าหวง ต่อจากนี้ควรทำอย่างไร”
เงาคนขาวผ่องสายหนึ่งค่อยๆ ลอยขึ้นมาจากหลุมใหญ่กว้างขวาง เป็นคนในอาภรณ์ขาวที่ร่างระเบิดพร้อมกับจ่างชิงจื่อเมื่อครู่
การระเบิดที่รุนแรงระดับนั้นได้ทิ้งปากแผลขนาดใหญ่ที่ลึกจนเห็นกระดูกสองสายได้บนร่างของเขา
เขากำลังปิดปากแผล เห็นสีแดงเข้มผ่านร่องนิ้วได้อย่างเลือนราง
“นึกไม่ถึงว่าวิญญาณดวงดาวจะตัดสินใจเด็ดขาดแบบนี้ แต่ยังดีที่ข้านำเอาโซ่จองจำวิญญาณที่องค์ราชาประทานให้มาด้วย เลยผนึกมันไว้ได้ในพริบตาที่มันระเบิดตัวเองตาย ไม่ถึงกับมาเสียเที่ยว”
พอเขาได้ยินบริวารถาม ก็ขมวดคิ้วและมองลู่หนิงที่ถูกห่อหุ้มไว้ด้านข้าง จากนั้นก็มองกระแสคลื่นควันสีดำที่ไร้สิ้นสุดข้างใต้เท้ารอบๆ
“มีตัวตนที่แข็งแกร่งมากกำลังค้นหาในพื้นที่ใหญ่อยู่ พวกเราพยายามหลบเลี่ยง อย่าให้เกิดเหตุแทรกซ้อน” เขากล่าวเสียงขรึม
พวกจือเหิงจื่อที่อยู่ไม่ไกลออกไปเร่งรุดมาถึงแล้ว เพิ่งจะเข้าสู่อาณาเขตที่ถูกควันดำกลบท่วมพอดี ครั้นได้ยินคำพูดของบุรุษตาสีน้ำเงิน จือเหิงจื่อก็พลันนึกอะไรได้ สองตาเบิกโพลงในทันที
“กลิ่นอายนี้…เหตุใดรู้สึกเหมือนลู่เซิ่งเจ้าสำนักมารกำเนิดขนาดนี้” เขาแยกแยะควันดำที่พลิกตัวบนพื้นอย่างละเอียด ยิ่งตรวจสอบ ก็ยิ่งรู้สึกคลับคล้ายคลับคลา
“อะไร จือเหิงจื่อ เจ้าคิดกล่าววาจาใด” บุรุษตาสีน้ำเงินสังเกตเห็นว่าบริวารกำลังอ้ำๆ อึ้งๆ
“ข้า…” จือเหิงจื่ออ้าปากคิดพูด
สวบ!
ทันใดนั้นหนามแหลมสีดำแท่งหนึ่งก็เจาะทะลุหน้าอกของเขาจากด้านหลัง
“ฮ่าๆๆๆ เจอตัวแล้วๆ! ข้าเป็นคนแรก คนแรกโว้ย!”
หนอนที่เหมือนกับตัวอ่อนขนาดยักษ์ซึ่งยาวถึงสิบกว่าหมี่กำลังขยับร่างกายอวบอ้วนที่ทับซ้อนกันเป็นชั้นๆ ขยุกขยิก พร้อมกับถอนเท้าข้างหนึ่งออกจากร่างของจือเหิงจื่อ
“เหยื่อตัวแรกเป็นผู้ถืออาวุธผู้สูงส่งหรือนี่ ไม่เลวจริงๆ! ข้าชอบรสชาตินี้”
“ข้า…” จื่อเหิงจื่อตาพร่ามัวทันที เขารู้สึกได้ว่าร่างกายเริ่มร้อนผ่าว ความรู้สึกชาดิกแผ่กระจายจากตรงทรวงอก ความชานี้ไปยังที่ใด ความรู้สึกรับรู้ทั้งหมดตรงนั้นก็หายไปโดยสิ้นเชิง
“”ตัวบัดซบอะไรกัน!? มันฆ่าจือเหิงจื่อไปแล้ว!
บุรุษที่มีปีกสีดำกางสองแขน สร้างทรายน้ำแข็งสีขาวขนาดยักษ์กลุ่มหนึ่งออกมา แล้วปล่อยใส่ร่างของหนอนยักษ์
หนอนที่ยาวถึงสิบกว่าหมี่ยิ้มแสยะ ปากมหึมาที่เหมือนกับแมงมุมอ้าหุบเป็นระยะ จับจือเหิงจื่อไว้แล้วยัดเข้าปากในคำเดียว เคี้ยวสองสามคำก็กินร่างกายของเขาเสร็จแล้ว
สำหรับมันแล้ว ทรายน้ำแข็งที่บุรุษปีกสีดำปล่อยใส่ร่างมันทั้งไม่เจ็บและไม่คัน มันยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมโดยไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย
“ไม่ใช่สัตว์มารทั่วไป! อย่างน้อยก็เป็นระดับราชามาร! รีบถอย” บุรุษตาสีน้ำเงินผุดสีหน้าเย็นชา ลวดลายอักขระสีขาวเปล่งแสงขึ้นกลางอากาศด้านหน้า หน้าผากของเขามีลวดลายอักขระสามเหลี่ยมเรืองแสงขึ้นในเวลาเดียวกัน
“พันภูษา” เขาชี้ไปทางหนอน
ฟ้าวๆๆๆ!
แถบผ้าสีขาวนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากในลวดลายอักขระ แล้วรัดพันหนอนไว้เป็นชั้นๆ
“เมื่อโดนพันธนาการพันภูษาของข้ารัดพัน ต่อให้เป็นเจ้าแห่งมารทั่วไปก็ดิ้นไม่หลุด ยิ่งอย่าว่าแต่หนอนตัวเดียว…”
สวบ!
เสียงยังไม่ทันขาดลง หนามแหลมสีดำสองแท่งก็แทงทะลุผ้าไหมออกมา แล้วฉีกผ้าไหมสีขาวผืนใหญ่เป็นชิ้นๆ
“ขยะเบาโหวงพรรค์นี้คิดหยุดข้าหรือ หาที่ตาย!” หนอนยักษ์หัวเราะร่า บิดร่างยักษ์พร้อมกับพุ่งใส่บุรุษตาสีน้ำเงินเหมือนสายฟ้าแลบ
“เป็นไปได้อย่างไร!?” บุรุษตาสีน้ำเงินดวงตาฉายแววเหลือเชื่อ “เป็นระดับจ้าวแห่งมารขั้นสุดยอดหรือนี่! เป็นไปไม่ได้ ตามบันทึกในข้อมูล จ้าวแห่งมารมีแค่ไม่กี่ตนเท่านั้น เหตุใดจึงมีจ้าวแห่งมารที่ข้าไม่รู้จักโผล่มาได้เล่า!?” ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า
เขาถอยไปพลาง หยิบกระปุกเล็กๆ ออกมาจากถุงย่ามข้างเอวไปพลาง จากนั้นก็หยิบโอสถสีแดงเม็ดหนึ่งออกมา ก่อนจะโยนไปบนท้องฟ้า
“จะต้องแจ้งหน่วยสนับสนุนทันที สัตว์มารระดับจ้าวแห่งมารขั้นสูงสุด ไม่มีทางเป็นความบัง…”
เปรี้ยง!
โอสถสีแดงเพิ่งลอยถึงท้องฟ้า ยังไม่ทันระเบิด ก็ถูกเหยี่ยวยักษ์สีเหลืองอมเทาคว้าเอาไว้ โคลนจำนวนมากที่ส่งกลิ่นเหม็นอย่างร้ายกาจไหลออกมาจากร่างยักษ์ของมัน ก่อนจะห่อหุ้มโอสถเอาไว้และหลอมละลายทิ้งอย่างรวดเร็ว
“กระจายออกไปเถอะ…กลิ่นตัวของข้า…กลิ่นเท้าของข้า…กลิ่นรักแร้ของข้า…” เสียงครางที่ทอดยาวของเหยี่ยวยักษ์ดังสะท้อนกลางอากาศอย่างต่อเนื่อง
“ไอ้เหยี่ยวบัดซบ นี่เป็นเหยื่อของข้า! ของข้า! นอกจากเจ้านายแล้ว ผู้ใดก็อย่าคิดแย่งชิงของกินกับข้า!” หนอนยักษ์ตะโกนไปในอากาศ
“อ๊าก ข้าเพียงแค่มาเผยแพร่สัจธรรมเท่านั้น เมื่อไม่มีความขยะแขยงก็ไม่มีความเจ็บปวด เมื่อไม่มีความขยะแขยงก็ไม่มีความบันเทิง ข้าเป็นผู้นำความบันเทิงมาให้พวกเจ้า” เหยี่ยวยักษ์บินวน บนร่างมีน้ำเน่าจำนวนมากที่ส่งกลิ่นเหม็นราวเนื้อเน่าหยดลงมาอย่างต่อเนื่อง
บุรุษตาสีน้ำเงินสีหน้าผกผัน
“สัตว์มารระดับจ้าวแห่งมารขั้นสูงสุดสองตัว! ถอย! รีบถอย!”
เขาพาบริวารด้านข้างกับลู่หนิงที่ถูกทรายน้ำแข็งห่อหุ้มไว้บินไปยังที่ไกลอย่างรวดเร็ว
สัตว์มารทั้งสองตัวกลับไม่มีทีท่าจะไล่ตาม พวกมันทะเลาะเบาะแว้งกันแทน จากนั้นก็กลายเป็นเสียงคำรามและคำสบถด่าทอ
คนกลุ่มหนึ่งบินไปยังที่ไกลด้วยความเร็วสูง กลายเป็นลำแสงที่มีโซ่ลงอักขระสีขาววนเวียน ว่องไวจนน่าตกใจ
บุรุษตาสีน้ำเงินก้มมองจากกลางท้องฟ้า สิ่งที่เห็นคือปราณมารสีดำสนิทผืนหนึ่ง
“ฝีมือระดับนี้…ไม่ใช่ระดับอริยะเจ้าธรรมดาๆ แล้ว…” เขาตกตะลึง สัตว์มารระดับจ้าวแห่งมารสองตัวที่โผล่มาเมื่อครู่ทำให้เขาสังหรณ์ใจไม่ดีเล็กน้อย
“ใครมาบินข้ามหัวข้า…” อยู่ๆ ก็มีเสียงร้องที่เหมือนกับเสียงของนักกวีดังมาจากเบื้องล่าง
พวกเขามองลงไป เห็นยักษ์ที่ศีรษะเป็นแกะตัวเป็นมนุษย์ซึ่งสูงถึงสิบห้าหมี่ตัวหนึ่งนั่งอย่างเดียวดายอยู่บนหินก้อนมหึมา เงยหน้ามองท้องฟ้า กำลังมองพวกเขาอยู่
“ชีวิตของข้า เต็มไปด้วยความเดียวดาย ไม่มีใครเป็นเพื่อน ไม่มีใครให้ระบายความในใจ พวกท่าน ฟ้าส่งพวกท่านมาให้ข้าได้ระบายความในใจหรือ”
ยักษ์ที่มีศีรษะเป็นแกะตัวเป็นมนุษย์ดวงตาฉายแววปวดร้าวและเศร้าโศกอันไร้สิ้นสุด
“ตัวบ้าอะไรกัน เป็นสัตว์มารระดับจ้าวแห่งมารอีกแล้วหรือ!?” พอบุรุษตาสีน้ำเงินสัมผัสกับสายตาของอีกฝ่าย ก็รู้สึกว่าจิตวิญญาณสั่นไหว จิตใจแยกแยะออกในพริบตาว่า สัตว์ประหลาดที่มีศีรษะเป็นแกะตัวเป็นมนุษย์นี้อยู่ในระดับเดียวกับสองตัวก่อนหน้า
“แย่แล้ว! ใต้เท้า! เหตุใดพวกเรากำลังบินกลับเล่า!?” อยู่ๆ บุรุษปีกสีดำก็ร้องเตือนเสียงดัง
บุรุษตาสีน้ำเงินพลันตื่นตัว จิตวิญญาณโคจรวิชาลับเพื่อแก้ไขวิชาลวงตา ทันใดนั้นตรงหน้าก็เหมือนมีเยื่อบางๆ ชั้นหนึ่งฉีกออก เขาค้นพบว่าตัวเองกำลังบินกลับทางเดิมด้วยความเร็วสูง
“เป็นวิชาลวงตาของมนุษย์แกะยักษ์ตัวนั้น! ความรู้สึกหลอนช่างร้ายกาจนัก! แม้แต่พวกเราก็โดนไปด้วย! หนีเร็ว!”
บุรุษตาสีน้ำเงินร้อนใจกว่าเดิม ตอนนี้ไม่เข้าใจโดยสิ้นเชิงว่า พวกตนถูกพบได้อย่างไร
ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงตอนนี้ พวกเขาเจอเหล่าสัตว์ประหลาดมาหลายตัวแล้ว แถมยังเป็นระดับจ้าวแห่งมารทั้งหมดด้วย!
นี่ไม่สมเหตุสมผลเลย!
หลังจากศึกวิญญาณร้าย ต้าอินกับพิภพมารก็ไม่เคยปรากฏจ้าวแห่งมารมากมายขนาดนี้มาก่อน
เขามองไปยังปราณมารด้านล่างอย่างตั้งใจ พลันเห็นอย่างเลือนรางว่า ด้านในปราณมารเหมือนมีสัตว์ตัวเล็กๆ กำลังวิ่งตะบึงอยู่
“นั่นคือ…”
พลังอริยะสายหนึ่งไหลเข้าสู่สองตา ดวงตาของบุรุษตาสีน้ำเงินเปล่งแสงสีน้ำเงิน พริบตาเดียวก็เห็นสิ่งที่วิ่งตะบึงอยู่ในปราณมารชัด
นั่นคือสุนัขสีดำจำนวนนับไม่ถ้วน!
ทอดตามองไป ด้านล่างมีสุนัขสีดำที่สูงหนึ่งหมี่กว่าๆ หลายพันตัว กำลังวิ่งไล่ตามลำแสงซึ่งเป็นวิชาเหาะเหินของพวกเขาอย่าบ้าคลั่ง
บุรุษตาสีน้ำเงินรู้สึกได้ว่าการออกมาช่วยเหลือของตนในครั้งนี้เป็นความผิดพลาด เดิมทีเขาไม่ได้รับผิดชอบหน้าที่นำวิญญาณดวงดาวกลับไป เพียงแต่ผ่านทางมาโดยบังเอิญ ก็เลยลงมือช่วยเหลือคนรุ่นหลังของตน เพื่อแก้ไขเรื่องนี้ให้เสร็จเร็วๆ เพราะอารมณ์ดีเท่านั้น
แต่สิ่งที่คิดไม่ถึงก็คือ…
ขณะที่มองสุนัขสีดำที่กระจายตัวไปทั่วป่าทั่วเขาเบื้องล่าง บุรุษตาสีน้ำเงินรู้สึกชาไปทั้งตัว สังหรณ์จากระดับอริยะเจ้าแจ้งเตือนเขาอย่างต่อเนื่องว่า เป็นไปได้ถึงขีดสุดที่ปัญหาในครั้งนี้จะส่งผลคุกคามต่อชีวิตของเขา
“เจ้า…สัมผัสความเจ็บปวดของข้าได้ไหม” อยู่ๆ กลางท้องฟ้าก็มีเสียงทุ้มต่ำลอยมาไกลๆ
บุรุษตาสีน้ำเงินชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนที่สีหน้าจะผกผันครั้งใหญ่ มือประสานมุทราด้วยความเร็วสูงเพื่อหลบหลีก แต่กลับไม่ทันการณ์แล้ว…
“จงรับรู้ความเจ็บปวดเถอะ…”
กลางอากาศด้านหน้า กระทิงสีดำขนาดยักษ์ที่สูงถึงร้อยหมี่ตัวหนึ่ง สองตากำลังเรืองแสงสีแดงฉานอันน่ากลัว สายฟ้าสีเลือดขนาดยักษ์กำลังรวมตัวและขยายใหญ่อยู่ด้านหน้ามัน
ตูม!
ก้อนสายฟ้าระเบิดออก แสงสีแดงสาดกระจาย
โล่กลมลงอักขระปรากฏขึ้นด้านหน้าบุรุษตาสีน้ำเงิน จากนั้นก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ส่วนตัวเขาถูกแสงสีแดงกลบกลืน
แขนสีน้ำเงินพร่ามัวข้างหนึ่งยื่นออกมาจากด้านหลังของเขาแล้วคว้าเข้าหาแสงสีแดง
ทันใดนั้นฟ้าดินเหมือนกับเริ่มบิดเบี้ยว กระแสไฟฟ้าสีน้ำเงินนับไม่ถวนเริ่มแผ่กระจายไปทั่วท้องฟ้า ราวกับว่าฟ้าดินกลายเป็นสีน้ำเงินในพริบตาเดียว
“หัตถ์วิญญาณเก้าอริยะหรือ เป็นองค์ราชา!” บุรุษตาสีน้ำเงินลิงโลด
“รอเจ้ามานานแล้ว…”
ห่างออกไปร้อยลี้ กลางปากบนศีรษะหลายร้อยข้างของหมาป่าสีขาวขนาดยักษ์ตัวหนึ่งกำลังเปล่งแสงสีขาว
……………………………………….