ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 584 จัดการ (2)
บทที่ 584 จัดการ (2)
“ไปกันหมดเลยก็แล้วกัน ผมมีคำขอเดียว อย่าตายเร็วเกินไป” ลู่เซิ่งเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“แล้วบอสล่ะ” บั๊คยืดเหยียดร่างกาย ร่างกายกำยำค่อยๆ ส่ายไหวไปมา พร้อมทั้งตั้งการ์ดในท่ามวย เหมือนกับกำลังนึกย้อนถึงวิธีการชกต่อยอันแข็งแกร่งที่เคยใช้อาละวาดไปทั่วสหพันธรัฐ
“ผมหรือ” ลู่เซิ่งมองทัพปีกขาวที่ล้อมอยู่ด้านล่าง ชายร่างสูงใหญ่ที่สวมเสื้อคลุมสีดำตัวหนาหนักคนนั้นกำลังมองมาด้านบนพอดี
สองฟากข้างของชุดเกราะบนร่างชายคนนั้นมีเลื่อยคมกริบที่เหมือนกับปีกมังกรติดอยู่ บนศีรษะมีเขาแหลมโค้งสองแท่ง ด้านหลังยังมีหางใหญ่โตที่ยาวยิ่งกว่าตัวอยู่อีก
“ผมอยากจะเห็นพอดีว่าโรงเรียนแห่งนี้ซ่อนอะไรเอาไว้กันแน่” ลู่เซิ่งยกมือขึ้น ชุดเกราะรัดรูปสีดำสนิทแบบเพรียวลมค่อยๆ เดินออกมาจากความมืดด้านหลัง
นี่เป็นชุดเกราะแข็งแกร่งที่เขาได้มาโดยบังเอิญตอนไปรับมิสซิสเบเลย์เข้าเป็นพวก ถือว่าเป็นชุดเกราะที่โดดเด่นในระดับขุนพล
สองมือของชุดเกราะถือดาบเรียวยาวไว้ข้างละเล่ม คมดาบโลหะผสมที่คมกริบสะท้อนแสงเย็นเยียบภายใต้แสงไฟยามค่ำคืน
ชุดเกราะมีแขนที่หนาเป็นสองเท่าของเกราะขุนพลทั่วไป ฝ่าเท้าติดตีนกบขนาดใหญ่ที่มีความเหนียวหนึบเหมือนกับจิ้งจกเอาไว้ เวลาเดินแต่ละก้าวนิ้วเท้าจะเกี่ยวติดกับพื้นแน่นเหมือนกับตะขอ
“เริ่มกันเลย ทำให้คู่ต่อสู้ของพวกเราได้เห็นหน่อยว่า ใครคือเจ้าของเมืองเมืองนี้ที่แท้จริง” ลู่เซิ่งเดินเข้าชุดเกราะเพื่อสวมใส่ ก่อนจะสาวเท้าเดินลงจากตึก
บั๊คกับคนลึกลับอีกคนตามลู่เซิ่งลงไปด้านล่างเช่นกัน
บนบันไดมีเกราะทหารหลายชุดพุ่งเข้ามา
“ฆ่า!”
เกราะทหารสองชุดร่วมมืออย่างรู้กัน ถือดาบฟันใส่ลู่เซิ่งดุจสายฟ้าแลบจากด้านบนและด้านล่าง
พอมีพลังระเบิดจากระบบขับเคลื่อนเสริมพลัง ความเร็วของเกราะทหารสองชุดนี้ก็ถึงขั้นไปถึงระดับพันธนาการ
ถือเป็นระดับที่ตาเนื้อมองไม่เห็นสำหรับคนธรรมดาๆ แล้ว
เส้นสีขาวสองสายพุ่งใส่ส่วนท้องและทรวงอกของลู่เซิ่งราวกับสายฟ้าฟาด
เคร้ง!
เกิดเสียงกระแทกเสียดหู บั๊คที่อยู่ด้านหลังลู่เซิ่งยกมือขึ้นเล็กน้อย เขาสวมชุดเกราะตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เส้นสีเงินสายหนึ่งเข้ามาขวางด้านหน้าลู่เซิ่งไว้อย่างแม่นยำ แล้วดีดเส้นสีขาวสองสายออกไปอย่างง่ายดาย
คนลึกลับที่อยู่อีกด้านหนึ่งลงมือพร้อมกัน ตูม!
เกิดเสียงดังสนั่น ร่างครึ่งท่อนของเกราะทหารสองชุดถูกระเบิดหายไป เลือดเนื้อปลิวกระจาย
ลู่เซิ่งเดินลงไปข้างล่างต่อโดยไม่ชะงักฝีเท้า บนบันไดมีเกราะทหารสีขาวที่เหี้ยมหาญไม่กลัวตายมากกว่าสิบชุดพุ่งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
บั๊คควบคุมเส้นสายเข้าขวางอาวุธที่โจมตีใส่ลู่เซิ่งทั้งหมดได้อย่างแม่นยำ
ส่วนอีกคนหนึ่ง เพียงเผยลำกล้องปืนใหญ่ขนาดเท่ากำปั้นออกมาจากใต้เสื้อคลุม ก็ระเบิดร่างคนที่บุกเข้ามาทุกคนอย่างแม่นยำราวจับวางได้แล้ว
ไม่มีใครขวางพวกเขาไว้ได้ ต่อให้แค่ครึ่งวินาทีก็ทำไม่ได้
พอออกมาจากตึกเรียน ลำกล้องปืนและลำกล้องปืนใหญ่จำนวนมากกว่าร้อยก็เล็งมาที่พวกเขาทั้งสามอย่างพร้อมเพรียง
มังกรพิษแกล แคนดี้ยืนอยู่ด้านหน้าสุดของกลุ่ม อัญมณีสีเหลืองอ่อนอันงดงามที่ฝังอยู่บนเกราะไหล่ทั้งสองข้างสะท้อนแสงที่ทั้งสว่างไสวและแวววาวออกมาเพราะแสงจากไฟฉาย
“บั๊ค เฮนรี่ นึกไม่ถึงว่าแกจะมีวันแหกคุกได้อีก ครั้งก่อนยังจำได้ว่าฉันเป็นคนจับแกยัดเข้าซังเตด้วยตัวเอง” มังกรพิษมองไปยังบั๊คที่อยู่ด้านหลังลู่เซิ่งเป็นคนแรก
บั๊คเพียงยิ้มๆ ไม่ได้พูดอะไร
“ราชาสายฟ้าโนแลน นึกไม่ถึงว่าแม้แต่แกก็เลือกเข้าองค์กรเซเว่นลีฟกับเขาด้วย” สิ่งที่ฉายออกมาจากสายตาของมังกรพิษแกล แคนดี้ในตอนที่มองไปยังคนสวมเสื้อคลุมผู้ลึกลับเป็นความเสียดายเสียส่วนใหญ่
“แกไม่เข้าใจหรอก มังกรพิษ” คนลึกลับค่อยๆ เลิกเสื้อคลุมออก เผยให้เห็นรูปโฉมที่อยู่ข้างใน
ร่างกายภายใต้เสื้อคลุมคือ ชายร่างสูงใหญ่ที่สวมหน้ากากกันแก๊ส และสองตาแสดงถึงความร่วงโรยคนหนึ่ง
“ฉันเสียดายแทนแกจริงๆ” มังกรพิษส่ายหน้า “พวกแกไม่เข้าใจว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังจะเผชิญคืออะไร”
“ฉันรู้ดีว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่” ราชาสายฟ้าโนแลนเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “ร่างกายนี้นอนเป็นผักอยู่บนเตียงมาสิบกว่าปีแล้ว แทนที่จะหายใจไปวันๆ แบบนั้น ฉันยอมใช้เวลาสุดท้ายเพื่อทำสิ่งที่ฉันอยากจะทำดีกว่า”
“พอแล้ว ลงมือเถอะ อย่าเสียเวลา” ลู่เซิ่งเอ่ยอย่างหงุดหงิด
เขาไม่ได้รวบรวมคนที่แข็งแกร่งเหล่านี้มาเพื่อทำสงครามน้ำลาย
ผู้คุมม่านหรือแสงแห่งสุสานเหนือจากม่านเหล็กได้ปรากฏตัวแล้ว ต่อจากนี้คือสมาชิกคนอื่นๆ หากคิดจัดการม่านเหล็ก จะต้องกำหนดตำแหน่งให้ได้เสียก่อน
สิ่งที่น่าเสียดายก็คือวิชาจิตบำบัดไม่สามารถใช้ผ่านชุดเกราะได้
“มาดูกันก่อนว่าโรงเรียนแห่งนี้มีอะไรที่ใช้ได้บ้าง หนึ่งในสถานศึกษาที่ระดับสูงสุดของสหพันธรัฐ คงจะไม่ทำให้ฉันผิดหวังง่ายๆ”
ลู่เซิ่งเดินไปยังตึกทดลองที่อยู่ด้านข้าง ตึกทดลองแห่งนี้เป็นจุดรวมตัวกันของพวกอาจารย์ที่ปรึกษาและศาสตราจารย์ ไม่เพียงแค่มีห้าชั้นเท่านั้น ชั้นใต้ดินยิ่งไม่รู้ว่าลึกขนาดไหน แถมยังซ่อนความลับมากมายของโรงเรียนไว้ไม่น้อย
“ขวางมันไว้!” มังกรพิษแค่นเสียงเย็นชา แล้วกระโจนใส่ลู่เซิ่ง
ความเร็วและพลังระเบิดของเขา แม้แต่บั๊คกับราชาสายฟ้ายังตอบสนองไม่ทัน
ฉายามังกรพิษไม่ได้หมายความว่าชุดเกราะของเขามีพิษร้ายแรง แต่เป็นเพราะมุมที่เขาเลือกลงมือกับพลังระเบิดอันน่ากลัวที่น่าเหลือเชื่อได้ก้าวข้ามจินตนาการของคนธรรมดาไปแล้วต่างหาก
ลงมืออย่างโหดเหี้ยมอำหิต หากไม่ตายก็พิการ เคลื่อนไหวร่างเหมือนมังกร นี่จึงเป็นความหมายที่แท้จริงของฉายานี้
‘ถึงชุดเกราะของโลกใบนี้จะเป็นกระแสหลัก แต่ก็ยังใช้การต่อสู้มือเปล่าเป็นหลักอยู่ดี สำหรับชุดเกราะขั้นสุดยอด การโจมตีระยะไกลมีผลไม่มากเท่าไหร่ กลับไม่คุ้มค่านัก’
ลู่เซิ่งมองมังกรพิษที่พุ่งเข้ามาพร้อมกับฟันดาบยาวในมือซ้ายไปด้านหน้าอย่างฉับพลัน
ฉัวะ!
ร่องรอยดาบของดาบนี้ลากแสงสีน้ำเงินประกายหิมะที่ยาวหนึ่งเมตรกว่าๆ ขึ้นกลางอากาศ
ในเวลาหนึ่งเดือนกว่าๆ คุณสมบัติร่างกายของลู่เซิ่งได้รับการยกระดับประสิทธิภาพด้วยการปรับปรุงจากแก่นหยาง แถมเขายังได้ใช้ดีปบลูฝึกฝนทักษะวิชาภายนอกอีกหลายวิชาเสริมเข้าไปด้วย
ถือได้ว่าเขาได้ผลักดันร่างกายร่างนี้ถึงขีดจำกัดแล้ว
แต่ว่าการเพิ่มความแข็งแกร่งจากเกราะจักรพรรดิก็ร้ายกาจมากจริงๆ พลังระเบิดของมังกรพิษถึงขั้นเร็วกว่าดาบนี้ของลู่เซิ่งเสียอีก
เขาควงเลื่อยบนสองแขนป้องกันประกายดาบได้อย่างง่ายดาย แล้วสะบัดหางมังกรด้านหลังใส่เอวของลู่เซิ่งอย่างรุนแรง
ร่างกายของเขาเหมือนกับมังกรพิษตัวหนึ่งจริงๆ ความเร็ว ปฏิกิริยา พละกำลังขณะเคลื่อนไหวในพื้นที่เล็กๆ ล้วนสมบูรณ์แบบไร้ข้อบกพร่อง การลงมือเองก็ไร้ช่องโหว่แม้แต่น้อย
ร่างกายของลู่เซิ่งตามการระเบิดที่ได้รับการยกระดับจากเกราะจักรพรรดิไม่ทัน การระเบิดชนิดนี้ไปถึงระดับผู้ถืออาวุธแล้ว
เคร้งๆๆ!
ทั้งสองปะทะกันหลายสิบดาบดุจสายฟ้าแลบ สองดาบของลู่เซิ่งฟันใส่อีกฝ่ายจากมุมต่างๆ เหมือนห่าฝนพายุคลั่ง แต่ทุกๆ ดาบกลับถูกป้องกันไว้ได้อย่างแม่นยำ
มังกรพิษเร็วกว่าลู่เซิ่งมากเหลือเกิน เลื่อยบนสองแขนกับหางมังกร รวมถึงเขาโค้งบนศีรษะต่างก็เป็นจุดสำคัญที่เขาใช้โจมตีได้
ถ้าไม่ใช่เพราะทักษะการต่อสู้ของลู่เซิ่งเข้าใกล้ระดับปรมาจารย์ของต้าอิน เกรงว่าจะพ่ายแพ้ตั้งแต่วินาทีที่พบหน้าแล้ว
ระดับของมังกรพิษสูงเกินไป บั๊คกับราชาสายฟ้าคิดสอดมือ แต่ชุดเกราะมีฉายาสีขาวอมเงินอีกสี่ชุดกลับเข้ามาขวางพวกเขาไว้แล้ว
กอปรกับการกลุ้มรุมจากเกราะทหารกลุ่มใหญ่ที่เหลือ พวกเขาจึงปลีกตัวไม่ได้อยู่ชั่วขณะ
ลู่เซิ่งกับมังกรพิษว่องไวเกินไป ทั้งสองพุ่งเข้าไปในตึกเรียนด้านหลังแทบจะในพริบตา กำแพงระเบิดเป็นรูใหญ่มากมาย
ร่องรอยดาบกับเลื่อยฉีกพื้นของตึกได้อย่างง่ายดาย พวกเขาผ่าตึกเรียนทีละท่อนๆ ได้สบายๆ เหมือนกับกล่องกระดาษ
‘นี่เป็นจุดอ่อนของการไม่มีเกราะจักรพรรดินี่เอง’ ลู่เซิ่งค้นพบอย่างงุนงงว่าตนเองอยู่ในสภาพเสียเปรียบ สภาวะโจมตีของดาบสองเล่มค่อยๆ ถูกมังกรพิษสะกดเอาไว้
“ยอมแพ้เถอะ แกไม่มีโอกาสหรอก” มังกรพิษสะบัดหางมังกรฟาดใส่ดาบสองเล่มที่ลู่เซิ่งนำมาป้องกันซ้อนกัน
ตูม!
ลู่เซิ่งกระเด็นออกไปชนใส่รั้วกำแพงจนถล่ม ทั้งยังลากพื้นเป็นร่องยาวสายหนึ่ง ชุดเกราะบนร่างเริ่มมีควันลอยขึ้น
“เกราะจักรพรรดิของฉันเป็นสุดยอดสิ่งประดิษฐ์ของสหพันธรัฐ ตั้งแต่ประวัติศาสตร์เคยมีมา สามารถเพิ่มความสามารถตอบสนองทั่วร่างของเกราะทหารได้อย่างน้อยยี่สิบเท่า” มังกรพิษค่อยๆ เดินเข้าหาลู่เซิ่ง
“ไม่ว่าแกจะดิ้นรนยังไงก็ไร้ความหมาย ตั้งแต่ที่แกสร้างเซเว่นลีฟ ก็เป็นความผิดพลาดที่น่าเศร้าแล้ว”
“ที่นี่ซ่อนอะไรเอาไว้ล่ะ” ลู่เซิ่งนอนยิ้มอยู่ในกองเศษหิน
“แผนผังแสงดาวหรือ”
มังกรพิษชะงักฝีเท้า
“นั่นเป็นแค่สิ่งที่ใช้ดึงดูดความสนใจเท่านั้น การที่โรงเรียนแพลตินัมมีความหมายด้านยุทธวิธีที่สำคัญที่สุดของสหพันธรัฐ ไม่ใช่เพราะสาเหตุอื่น แต่เป็นเพราะ…”
เขาพลันหยุดชะงักลง ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก
“ความจริงการที่พวกแกสามารถเข้าร่วมเรื่องใหญ่ในครั้งนี้ในฐานะผู้ทดสอบได้ถือว่าเป็นเกียรติแล้ว ตอนแรกเบื้องบนจะรออีกสักสองสามปีจึงค่อยลงมือ แต่เพราะโอกาสที่แกสร้างขึ้นหายากเกินไป จึงถือโอกาสเริ่มปฏิบัติการณ์เสียเลย”
“ฉันสงสัยจริงๆ ว่า ผู้ทดสอบที่แกพูดถึงคืออะไร เป็นทักษะหรือชุดเกราะที่พัฒนาขึ้นใหม่หรือ” ลู่เซิ่งสนใจมากกว่าเดิม
“โฮ่ๆๆ…” ทันใดนั้นก็มีคนอ้วนผิวขาวร่างสูงใหญ่คนหนึ่งเดินออกมาจากในความมืด
คนอ้วนไว้หนวดจิ๋ม สวมชุดเกราะสีขาวที่อ้วนเหมือนกับหมี ด้านหลังมีแส้สิบกว่าเส้นที่เหมือนกับสายไฟฟ้าปัดป่ายไปมาโดยไม่ได้ควบคุม
“แกล แคนดี้ นี่เป็นสุดยอดผลงานของสหพันธ์ ตอนนี้ผลลัพธ์เป็นที่แน่นอนแล้ว บอกมันไปก็ไม่เป็นไรหรอก”
“งั้นหรือ ถึงอย่างไรคุณก็เป็นผู้รับผิดชอบ แล้วแต่คุณก็แล้วกัน” มังกรพิษกล่าวอย่างไม่ยี่หระแม้แต่น้อย
“คำนวณเวลาดู น่าจะถึงเวลาออกโรงแล้ว” ผู้อำนวยการเบือนหน้าไปมองรูบนผนังตึกเรียน
ครืน…พื้นสั่นไหวช้าๆ
“โฮ่ๆๆ…มาแล้วๆ!” ผู้อำนวยการกางแขนออกพร้อมกับโห่ร้องเสียงดัง
ฟ้าว ฟ้าว ควับ!
มังกรพิษลงมืออย่างฉับพลัน พุ่งไปถึงด้านหน้าลู่เซิ่งดุจสายฟ้าแลบ แล้วหวดสองแขนออกไปสามครั้งในพริบตา
หลังจากถูกโจมตีถึงสามครั้ง ในที่สุดชุดเกราะของลู่เซิ่งก็ทนไม่ไหวเหมือนกับถูกขวานยักษ์จามใส่ ส่งเสียงระเบิดดังเปรี้ยง เผยให้เห็นลู่เซิ่งที่ถูกเศษกระเบื้องและเศษหินฝังจนแทบมิด
“ผู้อำนวยการคุณจัดการเถอะ ผมต้องดำเนินการทดสอบครั้งที่สองต่อ” มังกรพิษหมุนตัวสาวเท้าออกจากตึกเรียนโดยไม่หันหลังกลับ ทิ้งผู้อำนวยการให้อยู่กับลู่เซิ่งตามลำพัง
“ว่ายังไง อยากจะฆ่าฉันไหม” ลู่เซิ่งมองผู้อำนวยการเพลลา เพเจต์ด้วยรอยยิ้ม
“สู้กับขุนพลใหญ่มังกรพิษที่สวมเกราะจักรพรรดิที่แข็งแกร่งที่สุดได้นานขนาดนี้ วัตถุดิบทดลองชั้นดีอย่างเธอ จะฆ่าง่ายๆ ได้ยังไงกันเล่า” ผู้อำนวยการหัวเราะเสียงประหลาด
ครืน…
เกิดการสั่นไหวอีกรอบ
ด้านนอกตึก ชุดเกราะที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ประวัติศาสตร์เคยมีมาลอยขึ้นจากในช่องแตกบนพื้นของลานกีฬาที่แตกออก
“จงดูซะ สุดยอดผลงานที่สูงส่งที่สุดของสหพันธรัฐ เกราะดวงดาวโลกาวินาศ ราชาแห่งแสงสว่าง!” เสียงหัวเราะของเขาหวีดแหลมกว่าเดิม
ลู่เซิ่งมองไปนอกช่องแตก
เปรี้ยง!
มือยักษ์สีดำข้างหนึ่งจับขอบช่องแตกเอาไว้ จากนั้นก็ตามด้วยมือยักษ์ข้างที่สอง
มือใหญ่สองข้างค่อยๆ ออกแรง เกราะจักรกลขนาดมหึมาสีดำที่สูงถึงสามสิบกว่าเมตรค่อยๆ มุดออกมาจากในช่องแตก
เกราะจักรกลตัวนี้มีหนวดอยู่บนหัวเหมือนกับแมลง ด้านหน้าด้านหลังมีแขนสี่ข้าง เท้าแปดข้างคอยรักษาสมดุลเหมือนกับแมงมุม
พอมันมุดออกมาจากใต้พื้น ทัพปีกขาวกับทัพม่านเหล็กที่กำลังสู้กันอยู่ต่างตะลึงงัน
แม้แต่ผู้ครอบครองเกราะจักรพรรดิเจ็ดคนในเซเว่นลีฟก็ยังถูกกดดันให้หยุดการต่อสู้ พากันถอยไปถึงระยะห่างที่ปลอดภัย พร้อมกับมองดูเกราะจักรกลขนาดมหึมาที่เพิ่งมุดออกมาจากพื้นตัวนี้
“พลังผสานของคนหนึ่งร้อยยี่สิบสี่คน ชุดเกราะที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ประวัติศาสตร์เคยมีมาชุดนี้จะเริ่มต้นยุคสมัยใหม่และศตวรรษใหม่!” ผู้อำนวยการกลางแขนออกและกล่าวอย่างคลุ้มคลั่ง
“งั้นหรือ” ลู่เซิ่งมองราชาแห่งแสงสว่าง ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน เขาก็ไม่อาจสรรหาคำบรรยายที่เชื่อมโยงกับแสงสว่างได้เลย
“หลานสาวสุดที่รักของลุง เห็นแล้วหรือยัง” ผู้อำนวยการพลันหันไปมองความมืดด้านหลังลู่เซิ่ง
หลังเงียบงันพักหนึ่ง เฉวียนสือฮุยก็ค่อยๆ เดินออกมาจากด้านหลังลู่เซิ่ง
“คุณลุงยังคงโลภมากะเหมือนเดิม ครั้งนี้คิดจับม่านเหล็กของฉันทั้งหมดในทีเดียวเลยใช่ไหม” รอยยิ้มเยือกเย็นในตอนแรกของเธอสลายไปโดยสิ้นเชิงแล้ว สิ่งที่มาแทนที่คือความเย็นชาและความอันตราย
“แล้วก็เธอ” ผู้อำนวยการมองลู่เซิ่งอีกรอบ “เธอยังดูใจเย็นอยู่เลยนี่ เป็นเพราะเธอยังไม่ได้เผยไพ่ตายใช่ไหมล่ะ แล้วถ้าเป็นแบบนี้ล่ะ”
เขาปรบมือ
ชุดเกราะร่างคนสีม่วงชุดหนึ่งเดินออกมาจากในความมืด ชุดเกราะล็อกร่างที่อ่อนวัยและอ่อนแอร่างหนึ่งไว้กับแขน
“หลินหลิน…! ไม่ต้อง…สนใจฉัน! รีบ…หนีเร็ว!” อวี๋ชาถูกบีบคอลอยอยู่กลางอากาศ แต่ยังคงตะโกนและดิ้นรนอย่างต่อเนื่อง
“ถ้าฉันฆ่าเด็กสาวคนนั้นล่ะ เธอจะทำยังไง” ผู้อำนวยการมองลู่เซิ่งด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย “ฉันอยากรู้จริงๆ”
ลู่เซิ่งจ้องมองเขา รอยยิ้มบนใบหน้าค่อยๆ หายไป
“แกรู้ไหมว่าทำอะไรอยู่” เสียงเขาพลันสงบลง
“อ้าว เธอจะลงมือแล้วงั้นเหรอ ถ้าเธอลงมือ ฉันจะฆ่าเด็กสาวคนนั้นทิ้งซะ
เธออยากปกป้องตัวเอง หรือปกป้องแฟนสาวตัวน้อยของเธอล่ะ” ผู้อำนวยการหัวเราะเสียงประหลาด
“เธอวางแผนไว้อย่างรอบคอบรัดกุม แต่น่าเสียดายที่เธอลืมไปว่าที่นี่ยังมีตระกูลไป๋อยู่ด้วย เจ้าไป๋ซือเจอเด็กสาวคนนี้ด้วยความบังเอิญ ก็เลยเอาตัวมาให้ฉัน ฉันพอใจมากจริงๆ” ผู้อำนวยการพูดพลางแย้มยิ้ม
“เอาล่ะ…เธอในตอนนี้ควรทำอะไรดี”
“ทำอะไรงั้นเหรอ” ลู่เซิ่งค่อยๆ หยัดร่างขึ้น เศษหินและเศษกระเบื้องบนร่างร่วงหล่นออกไปเอง
“แกหมายถึง…แบบนี้รึเปล่า”
ตูม!
กำแพงด้านหลังผู้อำนวยการแตกออก มือโลหะสีดำขนาดยักษ์ที่หนาถึงเจ็ดแปดเมตรเจาะกำแพงออกมา มันทำให้ตึกเรียนสั่นสะเทือน แล้วพุ่งเข้าหาร่างเขาดุจสายฟ้าฟาด
……………………………………….