ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 602 สามขีดจำกัดใหญ่ (4)
บทที่ 602 สามขีดจำกัดใหญ่ (4)
แต่คนชั่วช้าจำนวนมากไม่ได้เป็นโรคอะไรนี่
อย่างนั้นก็สร้างโรคให้พวกมันเสียสิ
ง่ายดายออกไม่ใช่หรือ
ลู่เซิ่งรู้สึกว่าตรรกะของตนปกติมาก คนป่วยโรคเรื้อรังต้องการการพักฟื้นมากที่สุด การทำแบบนี้ไม่เพียงช่วยรักษาสภาพแวดล้อมในสังคมเท่านั้น ยังเป็นการสร้างความมั่นคงให้แก่กฎระเบียบสังคมทางอ้อมอีกด้วย โดยทำให้ทรัพย์สมบัติมากมายถูกใช้ไปกับคนที่ต้องการมากที่สุด
ส่วนเขา ก็เป็นคนที่ต้องการมากที่สุดนั่นเอง
ลู่เซิ่งลูบคาง หลังจากรักษาคนป่วยที่เหลือจนเสร็จ จึงค่อยลุกขึ้น
เต๋ออวิ๋นที่อยู่ด้านข้างจบการรักษาช้ากว่าเล็กน้อย
“ศิษย์น้อง เจ้ามีความมั่นใจไหม” เต๋ออวิ๋นทราบว่าวิชาแพทย์ของลู่เซิ่งนั้นสุดยอดแล้ว
เขากังวลอยู่บ้าง เนื่องจากชายชราคนก่อนหน้านี้เป็นคนเลวที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ในบริเวณนี้ ปกติเปลือกนอกแสดงออกอย่างเป็นมิตร แต่ความจริงเป็นพวกใจไม้ไส้ระกำ แค่พูดจาไม่ลงรอยคำเดียวก็ฆ่าคนทั้งตระกูล
อาศัยที่เขามีลูกชายเป็นปรมาจารย์ค่ายกลอยู่ในนครหลวง จึงสามารถก่อกรรมทำเข็ญในบริเวณรอบๆ ได้โดยไม่มีใครเอาอยู่
ครั้งนี้ถ้าหากรักษาไม่ดีโดยไม่ทันระวัง อย่างนั้นจะเกิดปัญหาใหญ่จริงๆ แล้ว
“ลูกชายเขาเป็นปรมาจารย์ค่ายกล ศิษย์น้องต้องระวังหน่อยนะ” เต๋ออวิ๋นเกลี้ยกล่อม “ถ้าหากไม่มั่นใจ ควรจะปฏิเสธให้แล้วๆ ไป”
ลู่เซิ่งชูนิ้วและส่ายหน้าน้อยๆ
“ถึงแม้เขาจะเลว แต่ข้าเป็นหมอ อย่างไรก็ทนมองชีวิตชีวิตหนึ่งตายลงต่อหน้าไม่ได้ เขาเลวร้ายก็จริง แต่ข้าต้องยึดถือคุณธรรม”
เต๋ออวิ๋นมองสีหน้าที่ซื่อสัตย์จริงใจของเขา อยู่ๆ ก็นึกเลื่อมใสเล็กน้อย
“แต่ว่า…ตอนนี้พวกเราไปขอให้อาจารย์กลับมาไม่ดีกว่าเหรอ” เขาถามอีกหลังครุ่นคิดเล็กน้อย
“ทางอาจารย์กำลังรักษาโรคระบาดอยู่ ภารกิจสำคัญกว่า อย่าไปรบกวนท่านเลย นอกจากนี้ข้าคิดว่า ต่อให้อาจารย์อยู่นี่ ก็คงไม่มีความมั่นใจเหนือกว่าข้าหรอก” ลู่เซิ่งกล่าวอย่างมั่นใจ
นี่ไม่ใช่เพราะเขามั่นใจในวิชาแพทย์ของตัวเอง หากเป็นความมั่นใจจากการเพิ่มระดับวิชารักษาและวิชาปลูกถ่ายถึงระดับสูงสุดแล้ว
อวิ๋นเต๋อไม่รู้จะพูดอย่างไรดีเช่นกัน
ตอนนี้เซินเซินออกมาจากห้องพอดี ทั้งสองคนจึงไม่พูดถึงหัวข้อนี้อีก
เช้าตรู่วันต่อมา ชายชราคนนั้นก็กลับมาอย่างที่คิดไว้
เขาดูเหมือนจะหน้าเขียวกว่าเดิมแล้ว
“เร็วหน่อยๆ ท่านผู้เฒ่าเข้ามานั่งลงก่อน!” ลู่เซิ่งเห็นก็ทำหน้าตกใจเล็กน้อย รีบเข้าไปหมายจะประคองชายชรา
กลับนึกไม่ถึงว่ามือของเขาจะถูกหญิงสาวที่อยู่ด้านข้างปัดออก
“ถูจินเล่า! รีบไสหัวออกมา ชักช้าอยู่นั่น โรคของนายผู้เฒ่าพวกเจ้ารับผิดชอบไหวหรือ?!” หญิงสาวขมวดคิ้วงามและกล่าวเสียงเฉียบขาด
ลู่เซิ่งที่ถูกปัดมือออกไม่โกรธ เพียงแค่นิ่วหน้าพร้อมกับถอยหลังไปสองก้าว และมองดูหญิงสาวแวบหนึ่ง
“พิษนี้…น่าจะเป็นโรคติดต่อ…”
พรูด!
เต๋ออวิ๋นที่กำลังดื่มน้ำอยู่ใกล้ๆ เกือบจะพ่นน้ำออกมา รีบเข้าไปในห้องด้านหลัง นำธูปดำเดินลายแดงก้านหนึ่งออกมาจุด ก่อนจะเสียบลงในกระถางธูปฝังผนัง
ของสิ่งนี้เอาไว้ใช้ป้องกันการติดต่อ
พอพวกองครักษ์และครอบครัวของชายชราได้ยินคำว่าติดต่อ ทั้งหมดพลันถอยหลังไปหลายก้าวอย่างพร้อมเพรียง ส่วนหญิงสาวที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองเมื่อครู่มือสั่น แต่ก็อดกลั้นไม่ยอมถอยหลัง
ไม่อย่างนั้นเกรงว่านายผู้เฒ่าคนนี้คงได้ล้มลงกับพื้นแน่
“หมอหนุ่มเอ๋ย บอกราคามาเถอะว่าเงินเท่าไหร่ถึงจะรักษาพิษของข้าได้” ชายชราหนังตากระตุก เขาเห็นปฏิกิริยาของทุกคนแล้ว แต่ไม่ได้พูดอะไร เพียงมองลู่เซิ่งอย่างเคร่งขรึมเท่านั้น
“หากคิดจะรักษาให้หายขาด ตอนแรกข้ามีความมั่นใจหกส่วน แต่พอท่านผู้เฒ่ากลับไปแล้วมาอีกรอบ…คล้ายจะกินยาชนิดอื่น…เหมือนจะเป็นตำรับด้านบำรุงรักษาเสียด้วย…” ลู่เซิ่งขมวดคิ้วและเอ่ยอย่างช้าๆ
“ท่านหมอร้ายกาจจริงๆ!” ชายชราพลันลืมตาโต “ไม่ต้องจับชีพจรก็มองออกมากมายถึงเพียงนี้! ท่านกล่าวไม่ผิดจริงๆ ข้าไปหาหมอกับร้านขายยาที่ดีที่สุดในเมืองใกล้ๆ มา แล้วกินยาแก้พิษกับยาบำรุงไปบางส่วน…หรือว่า…จะมีปัญหาใด”
เมื่อวานเขาต้องทนทรมานเพราะพิษร้ายชนิดนี้ หลังกินยาไม่เพียงไม่ดีขึ้น กลับร้ายแรงยิ่งกว่าเดิม
เนื่องจากรักษาไม่ได้ เขาจึงมาที่ตระกูลถูอีกรอบ
“มีปัญหา หนำซ้ำยังร้ายแรงเสียด้วย!” ลู่เซิ่งผุดสีหน้าจริงจัง “ตอนแรกพิษยังไม่ได้กระจายตัว แต่เป็นเพราะยาบำรุงไปกระตุ้นเลือดลม ทำให้…พิษกระจายไปทั่วร่างแล้ว…เกรงว่า…”
“เกรงว่าอะไร?!” ชายชรารีบถาม
ตอนนี้ไม่เพียงเขาเท่านั้น องครักษ์และหญิงสาวที่อยู่รอบตัวเขาต่างผุดสีหน้าร้อนใจ
ลู่เซิ่งกวาดตามองพวกเขาแวบหนึ่งด้วยสีหน้าจนใจ
“เกรงว่า…จะรักษาให้หายขาดไม่ได้แล้ว…ต่อจากนี้ต้องกินยาไปตลอดชีวิต…”
“หา!?”
ชายชราอ้าปากเล็กน้อย ก่อนจะถอนใจอย่างแรง
“ยังดีๆ ข้านึกว่าจะรักษาไม่ได้แล้ว…รักษาได้ก็ดี! เป็นความโชคดีล้นเหลือ! ท่านหมอบอกราคามาเถอะ”
“ยังไม่ต้องรีบ ข้าขอรักษาท่านดูก่อนค่อยว่ากัน จะปล่อยให้โรคอยู่ต่อไม่ได้” ลู่เซิ่งเดินเข้าไปด้วยสีหน้าจริงจัง แล้วจิ้มนิ้วไปยังขมับชายชราดุจสายฟ้าแลบ
ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไว้ใจในตัวเขามาก ร่างกายของชายชราปรากฏสารกายอ่อนบางขึ้นมาคุ้มกันโดยสัญชาติญาณ แต่ก็ถูกอีกฝ่ายเก็บกลับไปทันที
ลู่เซิ่งจิ้มนิ้วลงบนตัวชายชราหลายครั้ง พร้อมกับปล่อยด้ายกระตุ้นวิญญาณเข้าไป ไม่นานก็ทำให้พิษในตัวชายชรามั่นคงได้
เดิมทีของส่วนใหญ่ในนี้เป็นสิ่งที่เขาเติมเข้าไป ย่อมควบคุมโรคได้อย่างง่ายดายยิ่ง
หลังจากนั่งตรึกตรองอยู่สักพัก ลู่เซิ่งก็รู้สึกว่าได้เวลาแล้ว จึงค่อยๆ ยกมือออกจากร่างชายชรา
จากนั้นก็เอากระดาษแผ่นหนึ่งมาขีดๆ เขียนๆ ชื่อตัวยาที่จำเป็นต้องใช้
เขาหยุดเล็กน้อยระหว่างเขียน ลองคำนวณขีดจำกัดสูงสุดที่ชายชรารับได้ดู จากนั้นก็เพิ่มตัวยาอันเป็นเครื่องเทศที่มีราคาสูงกว่าเข้าไปอีกสองอย่าง
“ให้กินของพวกนี้เดือนหนึ่ง ทุกๆ ครั้งให้ต้มสามถ้วย ต้องกินในคำเดียว จะสะกดพิษในตัวได้ กลายเป็นอยู่ร่วมกัน” ลู่เซิ่งมอบตำรับยาให้แก่ชายชรา
ชายชรารับรายการมากวาดตาดูเนื้อหาทั้งหมดโดยไม่แสดงสีหน้า
“ไม่มีปัญหา อย่างนั้นค่าตอบแทน…” เขาหันไปทำท่าบุ้ยใบ้ ด้านหลังพลันมีชายฉกรรจ์เข้ามาวางถุงเงินสีดำลงบนโต๊ะด้านหน้าลู่เซิ่ง
“แค่คำขอบคุณเล็กน้อยเท่านั้น ขอบคุณฝีมืออันหมดจดของท่านหมอหนุ่ม ข้าแซ่เซิน เจ้าเรียกข้าว่าเฒ่าเซินก็ได้” ชายชราสีหน้าดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ลมหายใจสงบลงเช่นกัน
“ข้าแซ่ลู่ เฒ่าเซินเรียกข้าว่าเสี่ยวลู่ก็พอ” ลู่เซิ่งยิ้มอย่างอบอุ่น
“ไม่เลวๆ ต่อจากนี้ยังต้องพึ่งพาเจ้าอีกมาก เสี่ยวลู่” เฒ่าเซินตบไหล่ของลู่เซิ่งแรงๆ ก่อนจะลุกขึ้นและนำตำรับยากลับไป
คนพวกนี้เฉียบขาดรวดเร็วจริงๆ กอปรกับบนร่างมีกลิ่นคาวเลือดหลายสาย แสดงให้เห็นว่าเคยฆ่าคนมาไม่น้อย ล้วนไม่ใช่ตัวดีอะไร
ลู่เซิ่งรอคนไปจนหมด ถึงค่อยหยิบถุงเงินขึ้นมาดู ด้านในเป็นเงินน้ำแข็งสีขาวสามแท่ง
“ราวๆ สามสิบตำลึง ใจป้ำจริงๆ!” เต๋ออวิ๋นพลันอุทานอย่างตกใจเมื่อเห็นแท่งเงินในมือลู่เซิ่ง
ลู่เซิ่งกลับไม่แสดงสีหน้า รู้สึกว่าเงินที่เพิ่งหลอกมาน้อยเกินไป เห็นท่าทางของเฒ่าเซิน เกรงว่าเนื้อหาในรายการเมื่อครู่จะง่ายดายกว่าในจินตนาการของเขา
ปกติเวลาถูจินตรวจโรค คนป่วยจ่ายเงินน้ำแข็งสามตำลึง แต่เฒ่าเซินกลับจ่ายสามสิบตำลึงในทีเดียว
ภายหลังเฒ่าเซินมาอีกหลายรอบ ลู่เซิ่งได้เขียนตำรับยาตามมาตรฐานเพื่อให้เขาไปต้มเอง
รวมทั้งหมดแล้ว เขาได้เงินน้ำแข็งจากตัวเฒ่าเซินราวหนึ่งร้อยกว่าตำลึง
ต่อจากนั้น ลู่เซิ่งก็ทยอยรักษาคนชราและคนหนุ่มสาวหลายคนที่มาหา คนเหล่านี้ถ้าไม่ได้ต้องพิษ ก็เป็นเพราะการทำงานของร่างกายถูกทำลาย จึงต้องได้รับการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนทันที
พอคนที่ช่วยเหลือเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็มีบางส่วนที่เป็นผู้ป่วยอาการหนักซึ่งแม้แต่ถูจินก็จัดการไม่ไหว
ชื่อเสียงของวิชารักษาที่มีแบบแผนค่อยๆ กระจายออกไปด้วยฝีมือของลู่เซิ่ง คนที่มุ่งหน้ามาให้เขารักษาจึงยิ่งมายิ่งเพิ่มขึ้น
กฎการรักษาของลู่เซิ่งค่อยๆ กระจายออกไป ตัวเขาจะรักษาแพงกว่าที่อื่น ส่วนจะแพงกว่าเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับอาการป่วยของคนไข้
เงินน้ำแข็งที่ลู่เซิ่งได้รับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามกาลเวลาที่ผ่านไป เขาได้แบ่งส่วนหนึ่งให้แก่ถูจินเพื่อเอาเข้ากองกลาง อีกส่วนหนึ่งเก็บไว้เอง
ลู่เซิ่งใช้เงินส่วนหนึ่งที่ตัวเองได้รับในการซื้อสิทธิ์เพื่อขยายเวลาอยู่อาศัย และใช้อีกส่วนกับการทดลองของตัวเอง
พอการทดลองดำเนินไปเรื่อยๆ เขาก็เริ่มใช้ทักษะลับกระบวนท่าหนึ่งที่เอามาใช้งานจริงได้ดีที่สุดในสามขีดจำกัดใหญ่ได้แล้ว
และในตอนนี้เอง ลู่เซิ่งก็ตัดสินใจขุดค้นความสามารถที่ดีกว่าเดิมจากวิชารักษาที่มีแบบแผน
…
ณ ถ้ำใต้ดิน
โฮก!
สัตว์ประหลาดเสือดำร่างยักษ์ขู่คำรามใส่ลู่เซิ่งที่สูงไม่ถึงหนึ่งในสิบของตัวมัน
ถ้ำใหญ่ขนาดนี้ แต่เสือดำกลับหดร่างแนบชิดบนกำแพงด้านหลัง ไม่กล้าเข้าใกล้ลู่เซิ่งแม้แต่นิดเดียว
ไม่ใช่แค่มันเท่านั้น ด้านข้างยังมีมดยักษ์สีแดงที่ยาวหกหมี่กว่าๆ อยู่อีกตัว มันมีปีกโปร่งแสงบนแผ่นหลัง มีหางตะขาบเส้นยาว หนามแหลมบนหางกะพริบแสงสีแดง
มดยักษ์ตัวนี้ทำท่าหวั่นสะพรึงต่อลู่เซิ่งเหมือนกับเสือดำ พยายามหดตัวไปด้านหลังเพื่อจะได้อยู่ไกลๆ ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า
ลู่เซิ่งที่สวมชุมคลุมสีเทายืนอยู่ในถ้ำ ร่างกายบึกบึนยังสวมเสื้อกล้ามสีน้ำตาลเพิ่มเข้าไปอีกตัว
‘การผสมประสบความสำเร็จอย่างมาก หลังจากได้ทักษะลับมา อัตราสำเร็จก็เพิ่มขึ้นถึงสามเท่า’
เขาพิจารณาผลงานชิ้นเอกสองชิ้นของตัวเองอย่างละเอียด
“พวกเจ้ามีร่างกายที่แข็งแกร่ง และมีพรสวรรค์ยอดเยี่ยม ถ้าหากเริ่มต้นเส้นทางการฝึกฝน นี่จะเป็นจุดเริ่มต้นที่เกือบสมบูรณ์แบบ” ลู่เซิ่งกางแขนและกล่าวเสียงกระจ่าง
เสือดำกับมดตกใจ รีบหดตัวไปด้านหลังทันที
“ช่างเถอะ…จิตวิญญาณได้รับความเสียหายโดยสิ้นเชิงแล้วเหรอ น่าเสียดายนะ…วิธีแก้ไขเพียงหนึ่งเดียว คือปัญหาด้านจิตวิญญาณ ดูเหมือนการบอกว่าประสบความสำเร็จยังเร็วเกินไป”
ลู่เซิ่งนิ่งไปครู่หนึ่ง
‘ดีปบลู’
ถึงเวลาแล้ว
ถึงเวลาทำให้วิชารักษาเก่าแก่นี้สำแดงพลังที่แท้จริงแล้ว
ลู่เซิ่งมองอินเตอร์เฟซสีฟ้าที่เด้งออกมาด้านหน้า ในกรอบวิชารักษาที่มีแบบแผนคือวิชาปลูกถ่ายและด้ายกระตุ้นวิญญาณที่ยกระดับจนสูงสุดแล้ว
‘ตอนนี้ควรเป็นเวลาทดสอบศักยภาพแล้ว ขอดูหน่อยซิว่า สุดท้ายแล้ววิชารักษาวิชานี้จะกลายเป็นฉบับที่สุดยอดขนาดไหน…’
เขากดความคิดลงบนปุ่มปรับเปลี่ยนทันที อินเตอร์เฟซสั่นไหวน้อยๆ ไม่รอให้เครื่องมือปรับเปลี่ยนมั่นคง ลู่เซิ่งก็กดปุ่มเรียนรู้ด้านหลังวิชารักษาที่มีแบบแผนอีกรอบ
วิชารักษาขั้นห้าพลันพร่ามัว
……………………………………….