CatNovel
  • หน้าหลัก
  • แทงหวย24
  • มังงะ
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • แทงหวย24
  • มังงะ
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 605 ปราชญ์ (1)

  1. Home
  2. ยอดวิถีแห่งปีศาจ
  3. บทที่ 605 ปราชญ์ (1)
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

บทที่ 605 ปราชญ์ (1)

เสียงร้องแหลมอันแปลกประหลาดดังมาจากข้างหูลู่เซิ่ง

เสียงเดี่ยวมาเดี๋ยวหาย ไม่ดังมาก แต่ก็ดังอยู่ตลอด

เขาค่อยๆ ฟื้นขึ้นจากความสับสนในตอนเพิ่งจุติ พอจิตวิญญาณรวมตัวกัน ก็ลืมตาพิจารณาสภาพแวดล้อมรอบด้านทันที

รอบๆ คือในโพรงไม้สีน้ำตาลชื้นแฉะ ด้านล่างตนคือรังหญ้ากองหนึ่ง หญ้าแห้งและหญ้าเขียวสดใหม่จำนวนมากผสมกันกลายเป็นทรงรีที่สมบูรณ์

ด้านนอกโพรงถ้ำมีแสงอ่อนๆ สาดลอดลงมาบนอุ้งเท้าสองข้างด้านหน้าลู่เซิ่ง

‘นี่คือ…ที่ไหนกัน’ ลู่เซิ่งแสบตา รู้สึกมองเห็นทุกอย่างอยู่ในผิวระนาบไปหมด

เขายืดเหยียดร่างกายและพลิกตัว

ความรู้สึกตอนพลิกตัวประหลาดมาก ลำบากและเก้งก้างอยู่บ้าง เหมือนกับตัวเองสวมชุดขนสัตว์ตัวหนา

‘ไม่ใช่สิ…ไหงรู้สึกเหมือนมีหางอยู่ด้านหลังเลย’

ลู่เซิ่งพลันพบความผิดปกติ จึงหันตาโตสีชมพูไปมา

เขาเห็นกระต่ายสองตัว

กระต่ายตัวใหญ่สีเทาและมีขนมากสองตัวกำลังซุกตัวและหลับปุ๋ยอยู่ด้านข้างเขา

‘กระต่าย?!’

ลู่เซิ่งนิ่งไป

เขายกมือขึ้น อุ้งมือสีเทาสองข้างพลันถูกยกขึ้นมา

เขาลูบอกอีกครั้ง

ทั้งหมดเป็นขน

ครั้นอ้าปากอีกรอบ

จิ๊ด

เสียงร้องสั้นแหลมของกระต่ายดังมาจากปากเบาๆ

ลู่เซิ่งไร้คำจะพูด

เขาลุกขึ้นเพื่อจะยืนสองขา แต่เห็นได้ชัดว่าร่างกายไม่เคยสัมผัสการเดินด้วยสองขามาก่อน จึงพลิกล้มลงกับพื้นทันที

‘กลายเป็นกระต่ายไปแล้วจริงๆ…’ ลู่เซิ่งจิตใจย่ำแย่อย่างยิ่ง

เขาจุติเป็นมนุษย์มามากมาย จุติในสถานะมากมาย แต่ว่าเพิ่งจุติเป็นกระต่ายครั้งแรก

‘น่าสนใจ’

ลู่เซิ่งลุกขึ้น เดินเบียดกระต่ายสีเทาที่อยู่รอบๆ เพื่อไปนอกโพรงไม้

ในป่ารกสูงใหญ่ที่มีแต่เสียงสกุณาและหอมกลิ่นบุปผาด้านนอกโพรงไม้ได้ยินเสียงกุ๊กๆ อันแปลกประหลาดดังตลอดเวลา

ลู่เซิ่งเดินเตร่รอบๆ โพรงไม้และสำรวจสภาพแวดล้อมรอบๆ ก่อนจะกลับไปด้านในโพรง

กระต่ายเทาสองตัวนั้นตื่นมาแล้ว ต่างขยับร่างกายดุกดิก พร้อมกับยกขาหลังขึ้นเลีย ลู่เซิ่งพลันนึกได้ว่า กระต่ายอาศัยปากทำความสะอาดขนและส่วนล่างของตัวเอง

‘ช่างเถอะ ดูผลกรรมความปรารถนาของกระต่ายตัวนี้ก่อน’ เขาค่อยๆ นึกทบทวน ไม่นาน ความปรารถนาของกระต่ายในการจุติครั้งนี้ก็ค่อยๆ แจ่มชัดขึ้นมา

‘หวังว่าป่าจะไม่มีการแก่งแย่งชิงดี หวังว่าโลกจะสงบสุข ทุกคนนั่งลงกินหญ้าด้วยกันอย่างมีความสุข’

เอ่อ…

ลู่เซิ่งสัมผัสผลกรรมความปรารถนานี้ได้อย่างขมุกขมัว

‘นี่มันผลกรรมบ้าอะไรเนี่ย’ เขารู้สึกว่าตัวเองเหมือนจะประเมินสติปัญญาของกระต่ายสูงไปแล้ว

‘หรือว่า…ผลกรรมนี้จะแบ่งได้สองส่วน’ เขาพลันฉุกใจนึกได้

ต่อจากนั้นเป็นการจัดระเบียบความทรงจำของกระต่ายเทา

นอกจากกินก็คือถ่าย นอกจากถ่ายก็คือกิน แถมยังมีความทรงจำพร่ามัวที่พ่อแม่ถูกหมาป่าจับไปกินด้วย

‘ไม่ได้! อันตรายเกินไปแล้ว ต้องรีบเพิ่มความแข็งแกร่งให้เร็วที่สุด! ไม่อย่างนั้นหมาป่าธรรมดาสองสามตัวก็ทำให้การจุติในครั้งนี้ของเราล้มเหลวได้แล้ว’ ลู่เซิ่งร้อนใจขึ้นมา

เขาเริ่มหาวิธีเพิ่มความแข็งแกร่งที่ใช้ได้จากในความทรงจำอย่างละเอียด

ลู่เซิ่งอาศัยผนังด้านในโพรงต้นไม้ในการจัดระเบียบ

‘ก่อนอื่นวิชาที่เกี่ยวกับเส้นชีพจร สารกาย และกำลังภายในทั้งหมดใช้ไม่ได้แล้ว นอกนั้น วิชาที่เกี่ยวกับทรัพยากรพิเศษก็ใช้ไม่ได้เช่นกัน ดูเหมือนจะได้แต่ใช้วิชาหยาบๆ อย่างการโคจรเลือดลมซะแล้ว…ดีที่เรามีดีปบลู’ ลู่เซิ่งกวาดตามองกระต่ายเทาอีกสองตัว กระต่ายสองตัวนี้เริ่มมีอะไรกันแล้ว!?

ตัวหนึ่งคร่อมอยู่บนร่างอีกตัวพลางโยกตัวอย่างรวดเร็ว

“เร็ว! เร็ว! เร็ว!”

“อ๊า! อ๊า! อ๊า!”

ลู่เซิ่งเข้าใจภาษาของกระต่ายทั้งสองตัวอย่างไม่มีสาเหตุ

“เร็วหน่อย! เร็วๆ หน่อย!” ลู่เซิ่งเห็นกระต่ายเทาตัวหนึ่งมองเขาอย่างสงสัย เหมือนกับกำลังถามเขาว่าทำไมไม่เข้าร่วม

ลู่เซิ่งมุมปากกระตุก ในความทรงจำของกระต่ายเทา เขาเหมือนจดจำได้ว่าพวกเขาสามตัว…

เป็นตัวผู้ทั้งหมด…

เขาไม่สนใจกระต่ายทั้งสองตัว ก่อนจะเดินมาถึงมุมหนึ่งของโพรงต้นไม้

ไม่นานนักก็เจอวิชาโคจรเลือดลมระดับพื้นฐานสุดวิชาหนึ่งจากในความทรงจำ—เคล็ดมังกรดำกระตุ้นจิตใจ!

ชื่อเกรี้ยวกราดยิ่ง ประสิทธิผลเกรี้ยวกราดมากเหมือนกัน แต่ความจริงวิชานี้มีข้อเสียที่ใหญ่ที่สุดอยู่

นั่นก็คือจะต้องหลับตาฝึกฝน เพราะมันเป็นทักษะสังหารที่นักฆ่าตาบอดสร้างขึ้น

เป็นคัมภีร์ลับที่ลู่เซิ่งได้มาจากคลังยุทธ์ในสำนักมารกำเนิด

นอกจากนั้นวิชานี้ยังมีผลข้างเคียงที่ทำให้ขนงอกขึ้นทั่วร่างด้วย นี่เป็นสาเหตุหลักที่ลู่เซิ่งไม่เคยเลือกใช้มัน

ทว่าตอนนี้ เขาใช้ได้พอดี

ลู่เซิ่งก้มมองขนสีเทาบนขาหน้าของตัวเอง จากนั้นก็นั่งลงที่มุมหนึ่ง และเริ่มทบทวนวิธีการฝึกฝนเคล็ดมังกรดำกระตุ้นจิตใจอย่างเอาจริงเอาจัง

การเริ่มฝึกวิชานี้เรียบง่ายมาก แต่ว่าสิ้นเปลืองเลือดลมถึงขีดสุด ดังนั้นหลังจากเริ่มฝึกแล้วเขาจะต้องรีบหาของบำรุงจำนวนมากมาชดเชย

ทว่าก่อนหน้านั้น ลู่เซิ่งต้องฝึกยืนสองขาก่อน

พอกระหายก็กินหญ้าตรงปากโพรง

หิวแล้วก็กินหญ้าตรงปากโพรง

ลู่เซิ่งกินหญ้าเขียวรอบๆ โพรงไม้จนหมดเกลี้ยงภายใต้สายตาคับแค้นของสหายสองตัว ไม่อยากจะบอกเลยว่าหญ้าบางชนิดก็รสชาติไม่เลวจริงๆ หอมหวานกรุบกรอบ แถมยังมีกลิ่นหอมจางๆ ด้วย

หลังจากฝึกฝนมาระยะหนึ่ง ไม่นาน ลู่เซิ่งก็ค่อยๆ จับจุดสำคัญในการยืนสองขาได้

หลังจากทำแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาหลายวัน

ในที่สุดเขาก็เดินสองขาช้าๆ ได้แล้ว ถัดจากนั้นจึงเป็นการเริ่มฝึกฝนวิชา

ระดับที่หนึ่งของเคล็ดมังกรดำกระตุ้นจิตใจเป็นการเคลื่อนไหวระดับพื้นฐานที่คล้ายวิชาโน้มนำ โดยหดทั้งร่างเป็นก้อนแล้วยืดเหยียดซ้ำไปซ้ำมา เพื่อให้ร่างกายถูกกดและผ่อนคลายเหมือนสปริง

นี่เรียกว่าวิถีคลายหด เป็นชื่อระดับที่หนึ่งของวิชา

ไม่นาน ด้วยการช่วยเหลือของจิตวิญญาณอันแข็งแกร่ง ลู่เซิ่งใช้เวลาแค่วันเดียวก็เข้าใจเคล็ดพื้นฐานของวิถีคลายหดแล้ว

ขอแค่ฝึกวิชาต่อไป ก็จะเข้าสู่ระดับที่หนึ่ง และเริ่มการปรับเปลี่ยนได้

แต่ว่าทันใดนั้น เรื่องเหนือความคาดหมายก็เกิดขึ้น

กุ๊กๆๆ!

กุ๊กๆๆๆๆ!

กระต่ายเทาตัวหนึ่งพุ่งเข้าโพรงไม้อย่างแตกตื่นหวาดกลัว จากนั้นก็วิ่งพล่านไปทั่ว ขนทั่วร่างลุกตั้งเล็กน้อย

จากนั้นมันก็พุ่งถึงด้านหน้าลู่เซิ่ง เริ่มแยกเขี้ยวยิงฟันและกระดิกหู ทั้งยังขูดขาหน้าสองข้างกับพื้นอย่างรวดเร็ว

“กุ๊กๆๆ! (งู! งูมาแล้ว!)”

ลู่เซิ่งเข้าใจความหมายของมันทันที

“กุ๊ก? (งูหรือ)” เขาทวนประโยค

“กุ๊ก! กุ๊ก! (ใช่! งูตัวใหญ่!)” ลู่เซิ่งเรียกกระต่ายเทาตัวนี้ว่าเจ้าเหยิน เป็นเพราะมันมีฟันหน้าใหญ่สุด ส่วนอีกตัวไม่ได้มีลักษณะเด่นอะไร จึงไม่ได้ตั้งชื่อ

ใคร่ครวญครู่หนึ่ง ลู่เซิ่งก็ได้ยินเสียงงูเลื้อยดังมาจากด้านนอกโพรงไม้เบาๆ เสียงเบามาก ซ่อนเร้นอยู่ในเสียงซู่ซ่ายามลมพัดใบไม้

เขาขมวดคิ้ว แนบหูยาวติดกับแผ่นหลัง พร้อมกับหาเปลือกไม้แผ่นหนึ่งมามัดไว้

จากนั้นก็ยืนขึ้น

“เจ้าอยู่นี่ ข้าจะไปดู” เขาสั่งเจ้าเหยิน

“ไม่นะ! เจ้าได้ตายแน่” เจ้าเหยินร้องเสียงดัง เครียดจนเริ่มวิ่งพล่านเป็นวง

“คิดมากไปแล้ว” ลู่เซิ่งเดินไปยังปากโพรงอย่างเยือกเย็น

หลังออกจากโพรงไม้ สิ่งที่เขาเห็นเป็นอันดับแรกไม่ใช่งู หากเป็นกระรอกน้อยสีเหลืองแถวหนึ่งที่นั่งอยู่บนคาคบ กระรอกฝูงนี้กำลังส่งเสียงร้องแหลม เหมือนกับกำลังเตือนสัตว์ตัวน้อยที่อยู่รอบๆ ว่างูกำลังจะมาที่นี่

ถัดจากนั้น งูพิษที่มีหัวทรงสามเหลี่ยมและมีจุดสีเหลืองบนลำตัวสีเขียวก็ค่อยๆ เลื้อยออกมาจากพุ่มหญ้าทางขวาของโพรงไม้

ขนาดตัวของมันยาวกว่าลู่เซิ่งในตอนนี้สิบกว่าเท่า ทอดตามองดู หัวงูหยาบใหญ่จนทำให้คนไม่สงสัยเลยว่า มันสามารถอ้าปากแล้วกินเจ้าเหยินลงไปได้ทั้งตัว

สายตาเย็นเยียบและหิวโหยของงูพิษจ้องมองลู่เซิ่งเขม็ง มันเข้าใกล้อย่างเชื่องช้า พลางชูศีรษะขึ้นสูงโดยที่ไม่เลื่อนสายตาไปไหน

‘งูพิษงั้นเหรอ’ ลู่เซิ่งขยับสองขา ตอนนี้ยังไม่ได้พึ่งพาดีปบลูเพิ่มความแข็งแกร่ง แต่ว่าช่วงเวลาปรับตัวเข้ากับร่างกายร่างนี้ได้จบไปแล้ว

เท้าของกระต่ายป่าไม่ไร้คม หากแหลมคมเหมือนกัน

งูพิษเหมือนลังเลอยู่นิดหน่อย มันไม่เคยเห็นกระต่ายที่ยืนสองขาได้ ทั้งๆ ที่ขาหลังของกระต่ายโค้งงอแท้ๆ…

แล้วหูล่ะ

งูพิษหาหูของลู่เซิ่งไปทั่ว

แต่ไม่นานมันก็ยอมแพ้ ความหิวชนะทุกสิ่ง มันได้กลิ่นหอมหวนของเนื้อแล้ว

งูพิษค่อยๆ เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ

ควับ!

ทันใดนั้นเงาลวงสายหนึ่งโผพุ่ง งูพิษเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อทั่วร่าง ระเบิดพละกำลังอันมหาศาลออกมา ก่อนจะพุ่งใส่ลู่เซิ่ง

ความอยากอาหารของมันกำลังพลุ่งพล่าน เลือดลมทั่วร่างกำลังสั่นไหว สองตาฉายแววยินดีอย่างล้ำลึก

หลังจากกินมื้อนี้ มันจะมีพละกำลังมากกว่าเดิมในการออกล่าเยื่อและหาอาหารมากกว่านี้แล้ว!

พรึ่บๆ!

ประกายเย็นเยียบสองสายสาดแสงขึ้นในทันใด

ลู่เซิ่งฉากหลบ แล้วปรากฏตัวขึ้นด้านขวาของงูพิษดุจสายฟ้าแลบ สองขาของเขามีเลือดหยด แต่ไม่ใช่เลือดของเขาเอง

โครม

งูพิษทิ่มหัวเข้ากับต้นไม้ จากนั้นก็พลิกตัวบนพื้น ร่างกายชักกระตุกสองสามที ดิ้นอยู่สักพัก จึงค่อยๆ สูญเสียพลังชีวิตไป

สำหรับลู่เซิ่ง สัตว์ป่าที่อาศัยแค่สัญชาติญาณนี้ไม่มีความสามารถโต้ตอบแม้แต่น้อย เหมือนเขาเผชิญหน้ากับคนธรรมดาที่ใช้วรยุทธ์ไม่เป็น

เขามองดูรูเลือดที่น่ากลัวบนคอของงูที่มีเลือดไหลออกมา แม้แต่ศีรษะของงูก็เกือบถูกกระชากขาด

จากนั้นก็หมุนตัวเดินเข้าโพรงไม้โดยไม่แสดงสีหน้า

กระต่ายไม่มีอวัยวะและฟันสำหรับย่อยเนื้อ ดังนั้นเขาจึงกินเนื้อไม่ได้ ต้องจำใจปล่อยให้เสียเปล่าอยู่ตรงนี้

เมื่อครู่เขาเพียงแค่ใช้ความเร็วและปฏิกิริยาของร่างกายร่างนี้สร้างสภาพสังหารในการโจมตีเพียงครั้งเดียวขึ้นอย่างแม่นยำเท่านั้น เขามีพละกำลังในการโจมตีเพียงครั้งเดียว เพราะโครงสร้างร่างกายของกระต่ายได้ตัดสินแล้วว่าเขาไม่อาจสู้ศึกยืดเยื้อกับงูพิษได้

ครั้งนี้เจ้างูพิษน้อยมาลอบโจมตี เขายังรับมือได้ แต่เกิดรอจนมีสัตว์ที่เคลื่อนไหวปราดเปรียว แถมยังมีพละกำลังและความเร็วมากกว่าอย่างเสือดาวมาโจมตี พละกำลังอันน้อยนิดของเขาคงสู้กับการพุ่งมั่วๆ ของอีกฝ่ายไม่ได้ด้วยซ้ำ

ถึงอย่างไรขนาดของร่างกายก็แตกต่างกันเกินไป

พอกลับไปถึงโพรงไม้ ลู่เซิ่งก็เห็นเจ้าเหยินที่ตกใจจนไม่กล้าขยับเขยื้อน

“ไปเถอะ หาที่อยู่แห่งอื่น ที่นี่อยู่ไม่ได้แล้ว” เขากล่าวตามตรง

มีงูมาตายที่นี่ กลิ่นคาวเลือดจะต้องล่อสัตว์ดุร้ายจำนวนมากกว่านี้มาแน่ ยังมีเลือดบนขาเขาที่ต้องจัดการอีก

นอกจากนี้ หากต้องการสะสางผลกรรมของกระต่ายตัวนี้ เขาจะต้องหาสถานที่ที่เหมาะสมและเริ่มแผนการอย่างเป็นทางการของตัวเอง

เจ้าเหยินตกใจแทบตาย จึงถูกลู่เซิ่งดึงหูออกจากโพรงไม้อย่างมึนงง

ในป่ายามกลางวัน กระต่ายเทาสองตัวที่ตัวหนึ่งเดินด้วยสองขา อีกตัวหนึ่งติดตามอยู่ด้านหลังเร่งรุดออกจากโพรงไม้

ไม่นาน หลังจากพวกเขาเดินออกไปได้ยี่สิบสามสิบหมี่ ก็เห็นหนังกระต่ายเทาผืนหนึ่งและเศษกระดูกเปื้อนเลือดส่วนหนึ่งกระจัดกระจายอยู่ใต้ต้นไม้ที่มีกิ่งยาวมากต้นหนึ่ง

ลู่เซิ่งดมกลิ่นออก เป็นกระต่ายเทาอีกตัวนั่นเอง

……………………………………….

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "บทที่ 605 ปราชญ์ (1)"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์