ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 637 ย้อนกลับ (1)
บทที่ 637 ย้อนกลับ (1)
ระหว่างคนทั้งสองมีกระแสพลังงานไร้รูปร่างพุ่งกระจายออกมาอย่างบ้าคลั่ง ทำให้เส้นแสงบิดเบี้ยวไปโดยสิ้นเชิง
“คนอ่อนแอหรือ เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นคนแข็งแกร่งหรือ” ดาบสีดำเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นด้านข้างหมีก่วงอิง ก่อนจะฟันใส่เอวของลู่เซิ่งขณะลอยอยู่กลางอากาศ
ตามมาด้วยเล่มที่สองและเล่มที่สาม ดาบดำมากมายโผล่ออกมา แล้วอาศัยเวลาชั่วพริบตาที่ทั้งสองยื้อยันกันอยู่กระหน่ำฟันใส่ร่างของลู่เซิ่งอย่างคลุ้มคลั่ง
ฟ้าว!
เงามารสีดำอ่อนพุ่งออกมาจากด้านหลังลู่เซิ่งอย่างฉับพลัน แขนใหญ่สี่ข้างพุ่งลงมาจากด้านบนอย่างสะเทือนเลื่อนลั่นพร้อมกับตะปบเข้าใส่หมีก่วงอิง
แขนแข็งแกร่งสุดเปรียบปานเหมือนกับสร้างจากโลหะ มีสัญลักษณ์สีเขียวอ่อนนับไม่ถ้วนกะพริบแสงน้อยๆ เพิ่งจะเหวี่ยงลงมาก็กดทับดาบสีดำไว้อย่างแรง
ดาบสีดำพากันระเบิดออกและส่งเสียงดังสนั่น
หมีก่วงอิงจำเป็นต้องถอยหลังเพื่อหลบมือดำ เธอชักดาบดำบนมือกลับมาในพริบตา จากนั้นก็กระโจนไปด้านหน้า พร้อมกับวาดฟันรอยดาบสีดำสนิทด้วยความเร็วยิ่งกว่าเดิม
รอยดาบบิดงอกลางอากาศอย่างฉับพลัน หักเลี้ยวอยู่หลายสิบครั้งเพื่อหลบมือดำเหมือนกับร่องแยกแผ่ขยายและเหมือนกิ่งไม้ซ้อนแยก ก่อนจะฟันใส่ร่างลู่เซิ่งอย่างหนักหน่วง
เปรี้ยง!
ร่างลู่เซิ่งปลิวออกไป เห็นเงาดำขนาดยักษ์กลุ่มหนึ่งรองรับด้านหลังของเขาได้อย่างเลือนราง แถมมันยังหักล้างพลังงานทำลายล้างอันยิ่งใหญ่จากดาบดำที่ทะลักเข้ามาในร่างอย่างต่อเนื่องเหมือนกับเป็นกาฝากในร่างเขาอีกต่างหาก
ในพริบตาที่เขาถอยหลังนั่นเอง หนามแหลมแท่งหนึ่งก็พุ่งออกมาจากด้านหลังเงาดำอย่างรุนแรง ก่อนจะเจาะทะลุไหล่ขวาของหมีก่วงอิงดังสวบ
เดิมหนามแหลมเล็งใส่กลางทรวงอกของเธอ แต่เธอกลับหลบหลีกได้อย่างเส้นอย่างแดงผ่าแปด ทิศทางจึงเบี่ยงออกเล็กน้อย
“เอาอีก!” หมีก่วงอิงเอาจริงแล้ว คมมีดสีดำดีดออกมาจากสองมือสองขา นิ้วมือและนิ้วเท้าของเธอมีมีดดำคมกริบหลายเล่มดีดออกมา คมมีดสีดำแถวหนึ่งที่แน่นขนัดงอกออกมาบนหลังเหมือนกับครีบปลา ดูเหมือนกับปลาฉลามและสเตโกซอรัส
“หมื่นโยชน์ เก้าทัณฑ์สังหาร!”
ร่างหมีก่วงอิงสั่นไหว มีดดำทั้งหมดบนร่างพุ่งออกไปสู่ฟากฟ้า แล้วโจมตีใส่ลู่เซิ่งจากทุกทิศทุกทางเหมือนกับถูกเงาคนไร้รูปร่างมากมายถืออยู่
เคร้งๆๆๆ!
เสียงโลหะนับไม่ถ้วนปะทะกันดังกระหึ่ม
หลายอึดใจต่อมา เสียงก็ค่อยๆ เงียบลง ทุ่งหญ้าในรัศมีหลายร้อยเมตรที่ลู่เซิ่งยืนอยู่ถูกเฉือนเป็นหลุมใหญ่ครึ่งวงกลมที่ลึกหลายสิบเมตร
เศษหินดินทรายทั้งหมดในหลุมหายไปอย่างไร้ร่องรอย มีดดำนี้เหมือนกับมีผลทำลายล้างพิเศษที่กัดกร่อนและแยกส่วนวัตถุที่โดนฟันได้โดยสมบูรณ์
“การฟันครั้งสุดท้าย วิญญาณอสรพิษดาราพร่างพราย…”
“เอาล่ะ พอได้แล้ว” อยู่ๆ เสียงอันยิ่งใหญ่ก็ขัดขวางการสั่งสมพลังของหมีก่วงอิง
กลางอากาศเหนือหลุมยักษ์ มนุษย์ที่เป็นเงาดำขนาดยักษ์ช้อนตัวลู่เซิ่งให้ลอยอยู่กลางอากาศ
บนตัวลู่เซิ่งนอกจากรอยดาบสีขาวอมเทากลุ่มใหญ่แล้ว ก็ไม่มีอาการบาดเจ็บใดๆ อีก ดวงตาของเขาฉายแววพึงพอใจขณะจ้องมองหมีก่วงอิงที่อยู่บนพื้นด้านล่าง
“แค่การทดสอบเล็กๆ เท่านั้นเอง คุณคงไม่ได้คิดเป็นจริงเป็นจังหรอกนะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย
บนร่างนอกจากเสื้อผ้าที่กลายเป็นชิ้นๆ บางส่วน ที่เหลือกลับไม่มีความเสียหายใดๆ แม้แต่น้อย
หมีก่วงอิงกำลังจะใช้ท่าไม้ตาย อยู่ๆ ลู่เซิ่งก็ทำท่าละทิ้งการป้องกันโดยสิ้นเชิง เธอจึงฝืนเก็บกระบวนท่าที่กำลังสะสมพลังกลับมา ลองลูบบาดแผลบนไหล่ดู ในใจเธอกลับเกิดความคับข้องอย่างบอกไม่ถูก
“เจ้าเด็กผู้นี้!”
“คุณอยากจะชวนฉันเข้าร่วมสมาคมธวัชเหล็กไม่ใช่เหรอไง ก่อนหน้านี้ฉันเข้าร่วมสาวกจันทราแดงแล้ว จะมีผลกระทบอะไรไหม” ลู่เซิ่งพูดตรงๆ โดยไม่ปิดบังแม้แต่น้อย
“สาวกจันทราแดงหรือ” ความสนใจของหมีก่วงอิงถูกหันเห พลังบนร่างจึงลดลง
“ไม่เป็นไร ผู้ปกครองจันทราแดงมีไม่เกินสองคน ไม่มีปัญหาใหญ่อะไรนัก”
“หือ” ลู่เซิ่งเลิกคิ้วน้อยๆ ฟังดูเหมือนกับผู้ปกครองจันทราแดงจะไม่ใช่ฉายา หากคล้ายกับระดับขั้นในองค์กรแบบรวมๆ มากกว่า
“แย่แล้ว ข้าอยู่ที่นี่ได้อีกไม่นานแล้ว เพราะใช้พลังเกินขีดจำกัดของโลกไป เลยจำเป็นต้องกลับในอีกหนึ่งชั่วโมง เจ้ามีอะไรอยากถามก็รีบหน่อย” หมีก่วงอิงโยนมีดสั้นสีเขียวมรกตเล่มหนึ่งออกมาอย่างหงุดหงิด
“รับไว้ นี่เป็นเครื่องยืนยันขององค์กร เจ้ามีศักยภาพไม่เลว แต่หากต้องการหาผลประโยชน์ที่จับต้องได้หลังจากเข้าร่วมองค์กร จะต้องสร้างความดีความชอบของตัวเอง ในโลกใบเล็กมีขีดจำกัดของพลัง ข้าจึงทดสอบเจ้าไม่ได้ แต่ถ้าเจ้ามั่นใจว่าตัวเองมีดีพอ ก็สามารถช่วยสมาชิกฝึกฝน กำจัดไล่ล่า และช่วยสู้ได้เช่นกัน ถ้าเจ้ามีพลังไม่พอแต่มีจุดเด่นในด้านอื่นๆ ก็สามารถหาค่าความดีความชอบได้เหมือนกัน สมาคมธวัชเหล็กไม่ต้องการแค่สมาชิกด้านการต่อสู้เท่านั้น บุคลากรด้านอื่นๆ ก็มีความต้องการเช่นกัน”
ลู่เซิ่งรับมีดสั้นไว้ ตอนแรกยังรู้สึกว่าสาวกจันทราแดงพึ่งพาไม่ค่อยได้ นึกไม่ถึงว่าการมายังโลกใบเล็กกลับทำให้คว้าโอกาสที่เหมือนจะไม่เลวได้โดยบังเอิญ
สมาคมธวัชเหล็กนี้จะเป็นอย่างไร ยังต้องรอดูต่อไป
“ตอนออกจากโลก เจ้าจงถือมีดสั้นไว้ แล้วไปตามสัญลักษณ์นำทางบนนั้น จะมีพลังงานชักนำเจ้าเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่ของพวกเรา เจ้าเป็นมารสวรรค์ ร่างหลักกับร่างจุติไม่แน่ว่าจะเหมือนกัน ดังนั้นอย่าลืมวางมีดสั้นไว้ในตำแหน่งที่สะดุดตาที่สุดด้วย” หมีก่วงอิงกำชับ “ครั้งนี้เจ้าช่วยข้าไว้ ข้าจำบุญคุณไว้แล้ว ไว้จะใช้คืนให้”
“ได้” ลู่เซิ่งไม่เกรงใจเช่นกัน
“ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว เจ้าจะไปกับข้าเลยก็ได้ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาฉีกมิติอีก” หมีก่วงอิงใคร่ครวญเล็กน้อย สุดท้ายก็ชวนลู่เซิ่งร่วมทาง
“ไม่ล่ะ ฉันยังมีธุระที่ต้องจัดการที่นี่” ลู่เซิ่งส่ายหน้าปฏิเสธอย่างละมุนละม่อม ล้อเล่นหรือไง อุตส่าห์มาที่นี่ทั้งที หากไม่เอาอะไรกลับไป คงไม่คุ้มกับอัตราการไหลของเวลาที่ใกล้เคียงกันขนาดนี้
“ก็ได้…แต่เจ้าระวังตัวไว้ด้วย โลกใบนี้เกี่ยวข้องกับคู่แค้นของข้าล้ำลึกมาก ยังมีสถานที่ลึกลับบางส่วนที่ซุกซ่อนความลับใหญ่เอาไว้ ต่อให้เจ้าเป็นมารสวรรค์ ไม่ได้เอาร่างหลักมา แต่ก็อาจจะเจออันตรายได้อยู่ดี” หมีก่วงอิงเตือนอย่างหวังดี เธอมองคนที่พลัง ลู่เซิ่งสามารถสู้กับเธอซึ่งหน้าได้หลายกระบวนท่า แม้จะยังไม่อาจแบ่งผลแพ้ชนะ แต่ก็ได้รับการยอมรับจากเธอแล้ว
“ได้” ลู่เซิ่งพยักหน้าอย่างจริงจัง
“ไม่ส่งแล้ว” หมีก่วงอิงหมุนตัวหายไปในนาฬิกาเทพอย่างรวดเร็ว
ลู่เซิ่งไม่ได้ตามไป หากลอยไปทิ้งตัวลงบนทุ่งหญ้าใกล้ๆ อย่างแผ่วเบา เขาคลำพลังของหมีก่วงอิงออกบางส่วนแล้ว แต่เป็นเพราะขีดจำกัดของโลก อีกฝ่ายจึงจำเป็นต้องตกเป็นฝ่ายรับ ไม่อาจใช้พลังมากเกินไป ถูกถ่วงมือถ่วงเท้า
แต่เขาต่างกัน ร่างขีดจำกัดคงกระพันที่ใช้ระบบพลังดั้งเดิมยกระดับขึ้นทีละก้าวๆ ไม่เกรงกลัวสิ่งใด จึงแสดงพลังทั้งหมดของตนออกมาได้อย่างสมบูรณ์ อีกทั้งยังใช้พลังของร่างหลักมาประสานภายในเป็นระยะเวลาสั้นๆ ใต้การอำพรางของร่างกายร่างนี้ได้ด้วย
‘ตัวตนที่จุติเดินทางในโลกด้านนอกหาเรื่องไม่ได้สักคนเดียวจริงๆ’ ลู่เซิ่งทอดถอนใจ ผู้จุติมายังโลกด้านนอกทุกคนที่เขาได้เจอจนกระทั่งถึงวันนี้ บ้างก็เป็นมารสวรรค์ บ้างก็เป็นผู้เข้มแข็งในระบบอื่นๆ หรือไม่ก็มีสถานะอื่นๆ
แต่ว่าพวกเขาทั้งหมดมีจุดร่วมเดียวกัน นั่นก็คือแข็งแกร่งมาก
‘ช่างเถอะ รีบเก็บรวบรวมผลลัพธ์กลับไปให้เร็วที่สุดดีกว่า สมาคมธวัชเหล็กอาจจะช่วยเราได้ในระดับหนึ่ง เพียงแต่ไม่รู้ว่ามีพลังถึงระดับไหน สามารถเทียบเคียงกับอสูรอินทรีราชสีห์แปดเศียรได้หรือไม่’
หลังจากกลับจากทุ่งหญ้า ลู่เซิ่งก็ดูดซับพลังแห่งเก๋อซาของตู้ชิวและตู้เซี่ย ส่วนเก๋อซาคนอื่นๆ ไม่เกี่ยวข้องกับเขาแล้ว
สองสามวันถัดจากนั้น หลังจากใช้จิตโน้มน้าวข้าราชการระดับสูงหลายคนของสหพันธรัฐ ลู่เซิ่งก็ขยายขุมอำนาจยิ่งใหญ่ที่มีพวกหลินชือชือเป็นผู้นำไปทั่วทั้งสหพันธรัฐสำเร็จ
จากนั้นเขาก็เริ่มรับหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ฝึกอบรมพิเศษในหงส์จักพรรรดิ ช่วยฝึกอบรมพนักงานเพื่อแก้ไขปัญหาทางจิตทุกรูปแบบ
ประสิทธิผลของวิชาจิตโน้มนำโดดเด่นยิ่ง เจ้าหน้าที่ทั้งหมดที่ได้รับการฝึกอบรมต่างก็มีความกระตือรือร้นต่อหน้าที่ ร่างกายเองก็กำยำขึ้นมากเช่นกัน
องค์กรที่ได้รับการฝึกอบรมต่างก็ได้รับประโยชน์ แล้วเริ่มต้นดึงดูดขุมกำลังหรือองค์กรจำนวนมากกว่าเดิมเพื่อเข้ารับการอบรมต่อไป
ไม่นานชื่อเสียงของลู่เซิ่งก็โด่งดังขึ้นเรื่อยๆ เขาเริ่มออกเดินทางไปทั่วโลกเพื่ออบรมและบรรยาย
แฟนคลับของลู่เซิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้การชี้นำของวิชาจิตโน้มนำ ขอแค่เป็นคนที่มาฟังคำบรรยาย ทุกคนต่างก็กลายเป็นผู้พิทักษ์ที่ซื่อสัตย์ของเขาโดยสมบูรณ์
กล้ามเนื้อ…ไม่สิ แฟนคลับเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ งานบรรยายระดับหมี่นคนถูกจัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ชื่อของตู้สยงเริ่มขจรขจายไปทั่วโลก
บางคนเรียกเขาว่าจักรพรรดิมวยนักบุญ บางคนเรียกเขาว่าประกายแสงเทพเจ้า แต่คนจำนวนมากชอบเรียกเขาว่าผู้แสวงบุญเสียงศักดิ์สิทธิ์มากกว่า
วีรชนแห่งสังคมจำนวนมากถูกวิชาจิตโน้มนำของลู่เซิ่งชี้ทางให้ พวกเขากลายเป็นหูเป็นตานับไม่ถ้วนโดยไม่รู้สึกตัว และมุ่งหน้าไปยังทั่วทุกมุมโลกเพื่อรวบรวมพลังอาวรณ์ให้กับลู่เซิ่ง สร้างความดีความชอบให้กับตัวเองโดยควบคุมตัวเองไม่ได้
วัตถุโบราณจำนวนเหนือคณานับถูกเก็บรวบรวม ก่อนจะมีการขนย้ายเข้าไปในเมืองต้นบุปผา
สมาชิกของหงส์จักรพรรดิและหมอกกัดกร่อนสร้างคลังขนาดใหญ่เก้าแห่งในเมืองต้นบุปผาภายใต้การร่วมมือของหน่วยงานรัฐ ด้านในมีวัตถุโบราณและมรดกทางวัฒนธรรมจากหลายแห่งบนโลกถูกส่งเข้ามาอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย
ทุกๆ วันลู่เซิ่งจะไปที่คลัง จากนั้นก็ย้ายของที่ไม่มีประโยชน์ออก แล้วเปลี่ยนเป็นกลุ่มใหม่
อย่างไรวัตถุโบราณที่มีพลังอาวรณ์ก็มีน้อยเต็มที หนำซ้ำแต่ละชิ้นยังมีแค่สองสามร้อยหรือสิบยี่สิบหน่วยเท่านั้น
ลู่เซิ่งใช้เวลาเกือบสามวันกว่าๆ จึงค่อยดูดซับพลังอาวรณ์ได้สามหมื่นกว่าหน่วย แต่ในที่สุดแกนหลักแห่งเก๋อซาจากหมีเซิงหลงก็ได้ถูกเขาผสมเข้ากับจิตวิญญาณอย่างสมบูรณ์ในช่วงเวลานี้เอง
พูดอีกอย่างก็คือ ในที่สุดแกนหลักของเก๋อซาก็กลายเป็นของเขาโดยสมบูรณ์ เขาสามารถเรียกใช้พลังแห่งเก๋อซาที่อยู่ด้านในได้ตามใจชอบ
ตอนนี้นาฬิกาเทพค่อยๆ จางหายไปแล้ว เก๋อซาทั่วโลกเริ่มแก่ชราลงอย่างรวดเร็วในระดับที่แตกต่างกัน นอกจากพวกที่ลู่เซิ่งช่วยไว้ เก๋อซาทุกคนต่างก็พร่ามัวและหายไปอย่างรวดเร็วในเวลาสั้นๆ แค่ห้าวัน
ไม่ใช่หายไปธรรมดาๆ แต่ไม่ได้ทิ้งร่องรอยใดๆ ไว้หลังจากหายไปด้วย พ่อแม่และเพื่อนๆ ในอดีตต่างลืมเลือนพวกเขาโดยอัตโนมัติ
ผู้ที่ไม่ได้รับผลกระทบเพียงคนเดียวมีแค่ลู่เซิ่ง
หลังจากเก๋อซาหายไป แกนหลักแห่งเก๋อซาบนร่างเขาก็ได้รับพลังแห่งเก๋อซาที่ยิ่งใหญ่ไพศาลในเวลาที่สั้นสุดขีด
ความแข็งแกร่งของพลังสายนี้ไปถึงระดับร่างหลักของลู่เซิ่งแล้ว
สถานที่บางส่วนในโลกใบนี้เหมือนจะปรากฏเค้าลางพิเศษบางส่วน เป็นความกระสับกระส่ายที่เกิดขึ้นจากการล่อลวงของแกนหลักแห่งเก๋อซาในมือลู่เซิ่ง
พอถึงเวลานี้ ลู่เซิ่งจึงค่อยตัดสินใจว่าถึงเวลากลับแล้ว
…
เมืองต้นบุปผา
ลู่เซิ่งนั่งอยู่ในร้านกาแฟริมถนน อ่านหนังสือพิมพ์ไปพลาง ยกแก้วขึ้นดื่มไปพลาง
ตู้เซี่ยกับตู้ชิวนั่งอยู่ด้านหน้าเขาด้วยท่าทางน่ารักเชื่อฟัง มีชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนสองคนเฝ้าประตูร้านกาแฟอยู่ไม่ไกลออกไป ไม่ขยับเขยื้อนเหมือนกับทวารบาล
ร้านกาแฟถูกเหมา ลูกค้าทุกคนถูกเคลียร์ออกไปในตอนที่พวกลู่เซิ่งเข้ามา
“อีกไม่นานพี่อาจจะต้องเดินทางไกลนะ” ลู่เซิ่งวางหนังสือพิมพ์ลงแล้วกล่าวกับน้องชายน้องสาวที่อยู่ตรงหน้า
หลังจากตู้เซี่ยกับตู้ชิวถูกขจัดพลังแห่งเก๋อซาออกไป ทั้งสองคนก็ออกจากโลกอันแสนลี้ลับพิสดารใบนั้นโดยสิ้นเชิง แล้วเริ่มใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดา
ปัจจุบันเก๋อซาทั้งหมดสูญเสียพลังไปโดยสิ้นเชิง โลกคล้ายกลับสู่ครรลองที่ถูกต้อง ไม่ได้บิดเบี้ยวเอนเอียงเหมือนเมื่อก่อนหน้านี้อีกแล้ว
ตู้ชิวกับตู้เซี่ยเหมือนกับกลายเป็นนักเรียนมัธยมต้นธรรมดาๆ อย่างแท้จริง ทุกๆ วันจะไปเรียนและกลับบ้านมาทำการบ้าน รวมถึงเตรียมบทเรียนด้วยตัวเอง
พวกเขาไม่รู้เช่นกันว่าต่อจากนี้พี่ชายจะทำอะไรต่อ
“จะกลับมาเมื่อไหร่คะ” ตู้เซี่ยที่ยังคงมีนิสัยเงียบขรึมถามด้วยท่าทางเป็นผู้ใหญ่
“ไม่รู้เหมือนกัน” ลู่เซิ่งส่ายหน้า “ที่ที่พี่จะไป พวกเธอไปด้วยไม่ได้ เพราะอันตรายมาก”
ตู้ชิวกับตู้เซี่ยสบตากัน
“ไม่ไปได้ไหมครับ” ตู้ชิวถาม
“ไม่ได้” ลู่เซิ่งส่ายหน้าน้อยๆ
“งั้นหนูจะไปด้วย” ตู้เซี่ยกล่าวอย่างแน่วแน่
“ผมก็เหมือนกัน” ตู้ชิวไม่ยอมแพ้
……………………………………….