ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 642-2 จ้าวเซิ่งอิง (2)
บทที่ 642 จ้าวเซิ่งอิง (2)
ลู่เซิ่งฟังคำสั่งไปพลาง กวาดตามองคุณหนูเล็กที่ยืนอยู่ด้านข้างไปพลาง หญิงสาวคนนี้ควรเป็นจ้าวเซิ่งอิงที่มีชื่อเสียงของตระกูลจ้าว ตามที่ได้ยินมานางสนใจศาสตร์การแพทย์มาก แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด
ตามคำสั่ง อีกประเดี๋ยวพวกเขาสามคนต้องเข้าไปแทนที่กับหมอสามคนที่ประคับประคองสถานการณ์มาเป็นเวลานานแล้ว
ลู่เซิ่งดูดซับหมอกสีดำสนิทคำโตโดยไม่ปิดบัง มองไปไม่ว่าจะเป็นความเร็วหรือปริมาณ ต่างก็เหนือกว่าหมอคนอื่นที่อยู่รอบๆ
เพิ่งจะเริ่มต้นได้ไม่ถึงสิบกว่าอึดใจ ผลงานของลู่เซิ่งก็ดึงดูดความสนใจของผู้ดูแลเรื่องราวอู๋กับจ้าวเซิ่งอิงทันที
ช่วงนี้จ้าวเซิ่งอิงหงุดหงิดใจมาก พี่ใหญ่หวังผู้เป็นเพื่อนสมัยเด็กถูกลอบฆ่ากลางถนนจนได้รับบาดเจ็บไม่น้อย
น่าแค้นตรงที่หลินจวินเวยซึ่งเป็นคู่แข่งของนางฉกฉวยโอกาส อาศัยระดับศาสตร์การแพทย์ที่ไม่ดีเด่นของนางบรรเทาอาการบาดเจ็บให้แก่พี่ใหญ่หวังในนาทีสำคัญ จึงทำให้อาการบาดเจ็บไม่เลวร้ายขึ้นทันเวลา
จ้าวเซิ่งอิงที่เห็นเหตุการณ์จดจำไว้ในใจ
พี่ใหญ่หวังยังพอว่า จางซือคงเองก็ใช่ ชิวจงหลินยิ่งแล้วใหญ่!
หนุ่มหล่อกับคุณชายตระกูลขุนนางคนไหนที่นางถูกใจ เป็นต้องถูกนังแพศยาหลินจวินเวยแย่งไปหมด!
‘วิชาแพทย์สุนัขอะไรกัน! หัตถ์ศักดิ์สิทธิ์สุนัขอะไรกัน! อัจฉริยะหมอวิเศษสุนัขอะไรกัน! ข้าไม่เชื่อหรอก!’ หลังจากว่าที่คู่รักคนที่เจ็ดถูกแย่งไป จ้าวเซิ่งอิงก็เริ่มศึกษาศาสตร์การแพทย์ด้วยความโมโห โดยสาบานว่าจะก้าวข้ามนังขี้ริ้วที่แต่งตัวอย่างกับดอกบัวขาว[1]นั่นให้จงได้!
แค่หัตถ์ศักดิ์สิทธิ์อันดับสามของนครหลวงเอง นางเชื่อว่าด้วยพรสวรรค์ของตัวเอง ขอแค่ต้องการ นางสามารถก้าวข้ามนางแพศยานั่นได้ภายในสามปี!
จากนั้นนางก็ได้ยินว่ามียอดฝีมือศาสตร์การแพทย์มารวมตัวที่บ้านของลูกผู้พี่เป็นจำนวนมาก จึงสงบจิตสงบใจมาสังเกตการณ์เพื่อหาตัวยอดฝีมือศาสตร์การแพทย์ที่ร้ายกาจมาเป็นอาจารย์ให้ตัวเอง
ถึงแม้จะไม่พอใจในตัวนังขี้ริ้วผู้นั้น แต่ความจริงจ้าวเซิ่งอิงก็ทราบเช่นกันว่า หลินจวินเวยนั่นเป็นบุตรีของราชาโอสถอริยแพทย์ กอปรกับอีกฝ่ายมีพรสวรรค์ด้านวิชาแพทย์น่าตกตะลึง อายุยังน้อยก็บรรลุถึงระดับที่คนรุ่นเดียวกันไม่มีใครไปถึงได้แล้ว นางเลยตัดสินใจเด็ดขาด แต่พอถึงเวลาจริงๆ หลังจากความโกรธทุเลาลง ก็เริ่มขลาดกลัวขึ้นมา
แต่ว่าข่าวหลุดออกไปแล้ว ถ้าหากว่ายอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่ม ไม่รู้ว่าจะโดนนังขี้ริ้วผู้นั้นล้อขนาดไหน!
จ้าวเซิ่งอิงยิ่งคิดยิ่งแค้น นอกจากนี้นางยังมั่นใจว่าตนงามล้ำเหนือใคร เหตุใดหนุ่มหล่อเหล่านั้นจึงไม่อยากจะคบหากับตนกันนะ
นางก็แค่หน้าอกใหญ่ไปหน่อย โมโหง่ายไปหน่อยเท่านั้นเองไม่ใช่หรือ แค่ทุบตีคนรักจนปางตายสองสามครั้งเองไม่ใช่หรือ
ไม่ใช่ว่ารักษาไม่ได้สักหน่อยนี่ ขอแค่ไม่ตาย สิ่งเหล่านี้ควรเป็นสิ่งที่คนรักรับได้สิ
นางนึกได้ว่าครั้งหนึ่งมีมือสังหารมาโจมตี นางก็เลยเผลอผลักคนรักออกไปช่วยรับมีดแทนตัวเองสองสามมีดเท่านั้น
ไอ้ตัวบัดซบนั้นเลิกกับนางทันที แถมยังไปคุยจี๋จ๋ากับนังแพศยาหลินจวินเวยต่ออีก
ยิ่งคิดยิ่งแค้นจริงๆ!
“คุณหนูเล็ก! คุณหนูเล็กขอรับ?”
อยู่ๆ เสียงของผู้ดูแลอู๋ที่อยู่ด้านข้างก็ดังมาอย่างต่อเนื่อง
จ้าวเซิ่งอิงค่อยรู้สึกตัวอย่างหงุดหงิด
“ทำอะไรเนี่ย!?”
“ท่านต้องการตามหายอดฝีมือด้านการแพทย์ บางทีคนผู้นี้อาจสอดคล้องกับมาตรฐานของท่านก็ได้” ผู้ดูแลอู๋ชี้ลู่เซิ่งที่นั่งอยู่บนตำแหน่งค่งทางขวามือโดยไม่แสดงสีหน้า
จ้าวเซิ่งอิงมองไป ก่อนจะงุนงง
ตอนนี้ในบ้านมีหมอกสีดำอย่างน้อยครึ่งหนึ่งถูกคนหนุ่มท่าทางอ่อนโยนที่กำลังนั่งอยู่ใช้มือดูดซับเข้าไป
“ความสามารถด้านการแพทย์ระดับนี้ไม่ธรรมดาอย่างที่คิด! ต่อให้นางขี้ริ้วนั่นก็ยังทำแบบนี้ไม่ได้ ไม่เลวๆ แถมยังหน้าตาใช้ได้อีกต่างหาก” จ้าวเซิ่งอิงลูบคาง
“อย่างนั้นอีกประเดี๋ยวข้าจะไปปรึกษากับคนผู้นั้น แล้วต่อจากนั้นจะให้อีกฝ่ายไปยังลานเรือนของท่านเอง” ผู้ดูแลเรื่องราวอู๋กล่าวอย่างนอบน้อม
“ไม่เลว! ลองดูก่อน” จ้าวเซิ่งอิงเริ่มมีหวังบ้างแล้ว แม้จะบอกว่าวิชาแพทย์ไม่ใช่วัดกันที่การชำระล้างสารมลพิษดวงดาวเพียงอย่างเดียว แต่อย่างน้อยคนผู้นี้ก็เก่งกาจกว่านางขี้ริ้วนั่นในด้านนี้
ถ้าหากอาจารย์ที่หาเจอยังสู้นังขี้ริ้วนั่นไม่ได้ด้วยซ้ำ อย่างนั้นต่อให้นางจะมีพรสวรรค์สูงส่งอย่างไรก็ไม่อาจเอาชนะอีกฝ่ายได้
นางคิดเล็กน้อยและส่งกระแสเสียงให้แก่ผู้จัดการเรื่องราวอู๋อีกสองสามประโยคเพื่อกำชับเรื่องสำคัญ จากนั้นก็หมุนตัวออกไป
หางตาลู่เซิ่งเหลือบเห็นจ้าวเซิ่งอิงออกไป ในใจก็ตื่นเต้นเล็กน้อย ทราบว่าบรรลุเป้าหมายที่ตนจงใจแสดงผลงานให้ผ่านเกณฑ์แล้ว
ด้วยพลังฝึกปรือของเขาและระยะห่างที่ใกล้ขนาดนั้นเมื่อครู่นี้ ลู่เซิ่งย่อมเห็นการขยับปากของจ้าวเซิ่งอิง จึงแยกแยะคำพูดที่นางพูดได้
ระยะห่างแค่นี้ ต่อให้มีข่ายอาคมกั้นเสียง ก็ไม่อาจหลุดรอดจากการจับตาของยอดฝีมือ
เวลารักษาผ่านไปอย่างรวดเร็ว หมอกดำของสารมลพิษที่ปรากฏชัดค่อยๆ หายไป
พวกลู่เซิ่งพากันลุกขึ้น เขายังไม่ทันได้สนทนากับคนอื่นๆ ก็มีคนมาพาออกจากบ้านเหล็กทันที
ลู่เซิ่งรู้แน่แก่ใจว่าเป็นเพราะอะไร ผู้ดูแลอู๋คนนั้นยังได้บอกเล่าเงื่อนไขการเชิญของตระกูลจ้าวกับเขารอบหนึ่งด้วย
ทำให้คนปฏิเสธไม่ได้จริงๆ
หากกลายเป็นอาจารย์ของจ้าวเซิ่งอิงแล้ว อย่างนั้นหากรวมกับค่าจ้างที่เขาช่วยขจัดสารมลพิษดวงดาวให้แก่คุณหนูใหญ่ด้วย ตระกูลจ้าวจะจ่ายเงินน้ำแข็งยี่สิบหมื่นให้เขาทุกเดือน
ต้องบอกก่อนว่าเงินน้ำแข็งสามพันก็มากพอให้เขาจุติครั้งหนึ่งแล้ว เงินน้ำแข็งจำนวนยี่สิบหมื่นนี้ ขอแค่เอามาได้แน่ๆ ทำไปสักสองสามเดือน ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายในการจุติอีกต่อไป แถมยังจะมีค่าใช้จ่ายสำหรับวัตถุดิบในการพัฒนาวิชาไร้ของเขตด้วย
ลู่เซิ่งทราบแก่ใจว่า นอกจากจะเกี่ยวข้องกับจ้าวเซิ่งอิงแล้ว ตระกูลจ้าวน่าจะเห็นว่าเขาคนเดียวแทนที่หมอหกเจ็ดคนได้ ปริมาณที่เขาคนเดียวชำระล้างเป็นจำนวนหลายเท่าตัวของหมอทั่วไปแล้ว ดังนั้นจึงเสนอราคาที่สูงขนาดนี้
แต่นี่ก็ตรงกับความต้องการของเขาพอดี
หลังตอบรับผู้ดูแลเรื่องราวอู๋แล้ว ลู่เซิ่งก็ถูกพาไปยังคฤหาสน์อีกหลังที่เชื่อมติดกันอย่างรวดเร็ว
ในลานเรือนมีโต๊ะหินสีดำทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าวางอยู่ตัวหนึ่ง อาหารโอชะมากมายวางเต็มโต๊ะ ไอน้ำที่ลอยออกมาจากอาหารแต่ละจานต่างรวมตัวเป็นอักขระ ลวดลาย และรูปภาพอย่างเลือนราง
สารกายที่บริสุทธิ์จนน่าเหลือเชื่อฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศ
จ้าวเซิ่งอิงนั่งอยู่อีกด้านหนึ่งของโต๊ะอาหาร พอเห็นลู่เซิ่งถูกพามา ก็พลันลุกขึ้นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“อาจารย์ลู่โปรดนั่ง ในเมื่อเข้ามาในลานแห่งนี้ ก็หมายความว่าท่านได้ตอบรับความสัมพันธ์ศิษย์อาจารย์กับข้าแล้ว อย่างอื่นไม่พูดถึง นี่เป็นงานเลี้ยงกราบอาจารย์ที่จัดขึ้นเพื่อท่าน โปรดรับไว้ด้วย!”
หากต้องการให้คนเขาสอนความสามารถก้นหีบให้แก่ตน เช่นนั้นก็ต้องลงทุนอย่างเต็มที่
อย่างอื่นไม่พูดถึง นางเป็นคนจริงจังในเรื่องจำนวนของขวัญอยู่แล้ว
ลู่เซิ่งยิ้มรับพร้อมกับคำนับจ้าวเซิ่งอิงน้อยๆ ก่อนจะนั่งลงภายใต้การปรนนิบัติของหญิงรับใช้ที่อยู่ด้านข้าง
จากนั้นจ้าวเซิ่งอิงก็เริ่มสาธยายความลำเค็ญและความโศกเศร้าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาของตนอย่างละเอียด
ระหว่างที่พูดยังได้บรรยายภาพลักษณ์ของสตรีที่ชื่อหลินจวินเวยให้เป็นคนชั่วช้าเช่นดอกบัวขาวหรือไม่ก็คนตีสองหน้าด้วย
“ก็เพราะว่าข้าหน้าอกใหญ่ไม่ใช่หรือไง! ตอนแรกเจ้าผู้ชายชั่วพวกนั้นต่างเข้าหาข้าเพราะตำแหน่งและสถานะของข้าทั้งนั้น จากนั้นก็วิ่งไปเลียเท้าเหม็นๆ ของหลินจวินเวยต่อ!” จ้าวเซิ่งอิงตบโต๊ะพร้อมกับแสดงความโมโห
“หน้าอกใหญ่แล้วมันเป็นความผิดของข้าหรือไง!? บิดามาดาให้กำเนิดอย่างไรก็เป็นอย่างนั้นนี่!? ก็แค่มีก้อนเนื้อเพิ่มมาไม่ใช่หรอกหรือ ดูเจ้าพวกผู้ชายบัดซบในเมืองสิ หน้าอกเล็กมีประโยชน์ตรงไหน! ผู้หญิงหน้าอกใหญ่ควรโดนรังเกียจหรือไง!? เอาตาไปไว้ที่ไหนกันยะ!”
สีหน้าของลู่เซิ่งพิลึกเล็กน้อย
เขาได้รู้คร่าวๆ จากปากของจ้าวเซิ่งอิงว่า สังคมระดับบนในนครตราชั่งเห็นว่าหน้าอกเล็กเป็นสิ่งสวยงาม จ้าวเซิ่งอิงจึงกลายเป็นพวกกาดำไป
นางหน้าอกใหญ่เกินไปจริงๆ ถึงขั้นใหญ่กว่าขนาดทั่วไปด้วยซ้ำ ถึงแม้ลู่เซิ่งจะเห็นว่าปกติ เพียงแค่ใหญ่ไปนิดหน่อยก็ตาม แต่ที่นี่สิ่งนี้เป็นพวกกาดำ
จ้าวเซิ่งอิงจึงถูกคนปฏิเสธการหมั้นหมายหลายครั้งเพราะสาเหตุนี้ ตรงกันข้าม หลินจวินเวยที่โตมาพร้อมกับนางกลับแตกต่างโดยสิ้นเชิง นางปฏิเสธการหมั้นหมายของคนอื่นๆ ไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว
คนเราไม่ควรเอาไปเทียบกันจริงๆ
เดิมทีจ้าวเซิ่งอิงกับหลินจวินเวยเป็นเพื่อนสมัยเด็กและสนิทกันมาก แต่หลังจากการเจริญเติบโตของหน้าอกเกิดความแตกต่าง สภาพของทั้งสองคนก็ต่างกันราวฟ้ากับเหวทันที
“ท่านลองบอกมาที! การที่หน้าอกข้าใหญ่มันเป็นความผิดของข้าหรือ ทุกคนต่างก็เมินข้า! หมั้นหมายตั้งแปดครั้ง แปดครั้งเชียวนะ! มารดามันกลับไม่มีใครอยากแต่งกับข้าสักคน!” จ้าวเซิ่งอิงตบโต๊ะ เห็นได้ชัดว่าดื่มไปหนักแล้ว
“ข้าอยากจะเฉือนก้อนเนื้อสองก้อนนี้ทิ้งตั้งหลายครั้ง ต่อให้ไม่เฉือนทิ้งก็อยากทำให้มันเล็กลงสักหน่อย แต่…” จ้าวเซิ่งอิงทำหน้าทุกข์ตรม ใบหน้างามนุ่มนิ่มขมวดกลายเป็นก้อน วางหน้าอกไว้บนโต๊ะด้านหน้า ดูท่าใกล้จะเมาปลิ้นเต็มที
ลู่เซิ่งหมดคำพูด แต่เปลือกนอกกลับแสดงสีหน้าเข้าอกเข้าใจ
“ความจริง…ข้าเข้าใจสถานการณ์ของคุณหนูเล็กเหมือนกัน” เขาแสดงสีหน้าจนปัญญา
“ข้าเองก็เคยเป็นเหมือนท่าน ถูกคนหวาดกลัวเพราะกินเยอะเกินไป คนรอบๆ ต่างก็กลัวข้า อยากตีตัวออกห่างจากข้า อย่าว่าแต่หมั้นหมายเลย แม้แต่เพื่อนสักคนก็ไม่มี ต่อมา เพื่อทำให้ทุกคนยอมรับข้า ข้าจึงเริ่มเรียนวิชาแพทย์ จนกระทั่งข้ามีความสำเร็จในด้านการแพทย์ หลังจากช่วยรักษาให้คนรอบๆ ตัวแล้ว สุดท้ายทุกคนก็ยอมรับข้า จากนั้น ขอแค่มีคนดูถูกข้า ไม่ยอมรับข้า ข้าก็จะไปช่วยรักษาให้เขา หลังการรักษา ทุกคนต่างก็กลายเป็นเพื่อนกับข้า ไม่มีใครดูแคลนข้าอีกต่อไป” ลู่เซิ่งกล่าวอย่างเชื่องช้า
“ดังนั้น ความจริงหากสืบสาวเรื่องของคุณหนูเล็กถึงที่สุด สาเหตุเป็นเพราะพวกเขาต้องการการรักษา ขอแค่ท่านมีความสำเร็จในวิชาแพทย์ แล้วรักษาให้แก่คนที่ดูถูกท่านสักครั้ง ทุกอย่างก็จะสมบูรณ์แบบเอง”
“จริงหรือ ท่านอย่าหลอกข้านะ” แม้จ้าวเซิ่งอิงจะเมาแล้ว แต่ก็ยังรักษาสติไว้ได้ระดับหนึ่ง
“ข้าน้อยจะกล้าหลอกคุณหนูเล็กได้อย่างไร กล่าวไป เส้นทางวิชาแพทย์เป็นเส้นทางที่สมบูรณ์ที่สุดในมหามรรคาหมื่นพันแล้ว ขอแค่ท่านมีศาสตร์การแพทย์สูงส่ง ทุกคนก็จะเข้าหาท่านเอง ขอแค่ศาสตร์การแพทย์ของท่านร้ายกาจพอ ทุกคนก็จะเลื่อมใสท่าน ท่านสามารถรักษาสิ่งเลวร้ายให้กลายเป็นสิ่งที่ดี และสามารถรักษาสิ่งที่ดีให้กลายเป็นสิ่งที่ดียิ่งกว่าได้ ทุกคนจะชอบท่าน คนที่ไม่ชอบท่านจะชอบท่านยิ่งกว่าเดิมหลังจากได้รับการรักษาจากท่าน ไม่ต้องกลัวจะไม่สบาย ไม่ต้องกลัวว่าจะต้องพิษ วิชาการต่อสู้เองก็มีอานุภาพน่าดูชม การที่คุณหนูเล็กเลือกฝึกศาสตร์การแพทย์จะต้องเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนเป็นแน่!”
ลู่เซิ่งล่อหลอกจ้าวเซิ่งอิงด้วยความจริงจัง แม้เขาจะไม่เชื่อคำพูดที่พล่ามออกมาด้วยซ้ำ แต่พอคิดอย่างละเอียด ความจริงวิชาจิตโน้มนำก็เป็นประเภทหนึ่งของวิชาแพทย์มิใช่หรือ
หากคิดแบบนี้ ก็ถือว่าไม่ได้พูดผิดจริงๆ
จ้าวเซิ่งอิงฟังไปฟังมาดวงตายิ่งเป็นประกาย
“เทพขนาดนี้เชียวหรือ”
“แน่นอน มิหนำซ้ำท่านยังเกลียดที่หน้าอกใหญ่เกินไปด้วยไม่ใช่หรือ ถ้าใช้วิชาแพทย์เป็นก็จะลงมือเองได้ด้วยนะ…”
“นี่ทำไม่ได้ กายเนื้อเป็นพื้นฐานการฝึกฝนระดับพื้นฐาน บิดาของข้าไม่อนุญาตหรอก” จ้าวเซิ่งอิงเอ่ยอย่างจนปัญญา
“เอาเถอะ แต่การฝึกวิชาแพทย์ทำให้ท่านงดงามกว่าเดิมได้จริงๆ ตอนนี้สภาพของท่านก็งดงามมากอยู่แล้ว ข้อบกพร่องเพียงหนึ่งเดียวคือมีกล้ามเนื้อน้อยไปหน่อย
ขอแค่ท่านเพิ่มกล้ามเนื้ออีกเล็กน้อย จะต้องหว่านเสน่ห์ให้หนุ่มหล่อและคุณชายจากตระกูลใหญ่ๆ ในเมืองหลงจนหัวปักหัวปำได้แน่” ลู่เซิ่งเกลี้ยกล่อมอย่างจริงจัง
“หือ เป็นแบบนั้นหรอกเหรอ” จ้าวเซิ่งอิงถามอย่างสงสัย
“ท่านคิดดูสิ ในเมื่อเดินบนเส้นทางปกติสู้หลินจวินเวยนั่นไม่ได้ แถมท่านยังไม่อาจปรับเปลี่ยนตัวเองได้ตามใจเพราะเงื่อนไขของตัวท่านเอง เช่นนั้นก็ต้องเดินอ้อมกันหน่อย ความงามของชนชาวโลกเป็นสิ่งตายตัวเสมอมา ท่านสามารถค้นหาจากแง่มุมอื่นได้โดยสมบูรณ์ โจมตีพวกเขาด้วยความงามที่แท้จริงสักครั้งสิ” ลู่เซิ่งเกลี้ยกล่อมอย่างละเอียด
“โจมตีด้วยความงามหรือ” จ้าวเซิ่งอิงลูบคางอย่างลังเล
……………………………………….
[1] ดอกบัว ในที่นี้หมายถึงผู้หญิงที่ใช้มารยาล่อหลอกผู้ชาย
——————————————