ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 662 ขอบเขตลวงตา (2)
บทที่ 662 ขอบเขตลวงตา (2)
โลกรูปจิตเหมือนกับผ้าผืนหนึ่ง กฎเหมือนกับเส้นเส้นหนึ่ง ส่วนเหล่าสิ่งมีชีวิตเหมือนกับเศษผ้าเล็กๆ จำนวนมาก
ยิ่งมีกฎมาก เศษผ้าเล็กๆ ที่เย็บได้ก็จะยิ่งมีมาก ผ้าผืนใหญ่จะหนาหนักขึ้นเรื่อยๆ
ตอนนี้ลู่เซิ่งเป็นแบบนี้ ส่วนโลกรูปจิตมารสวรรค์ทั่วไปมีการกล่าวถึงในเคล็ดโปรยน้ำค้างกลางสวนบูรพาในสารทฤดูอยู่แล้ว
ขอบเขตลวงตาแบ่งเป็นสามระดับ ระดับแรก โลกรูปจิตมารสวรรค์จะรองรับสิ่งมีชีวิตได้สามร้อยถึงห้าร้อย
ระดับสองรองรับได้ราวสองสามพัน
ระดับสามรองรับได้หลายหมื่นหรือมากกว่านั้น ถึงจจะนับได้ว่าเกิดวัฏจักรของตัวเอง
แต่ลู่เซิ่งไปถึงระดับสามตั้งแต่แรกเริ่ม
เขามีกฎที่บรรลุในโลกรูปจิตมากเกินไป กฎทุกกฎของคนทั่วไปต้องใกล้เคียงกับระดับตราสัญญะ ต้องทำความเข้าใจหลายปีหรือหลายสิบปีเป็นอย่างต่ำ
แต่เขาทำความเข้าใจกฎหลายร้อยกฎในพริบตา หากแปลงเป็นขอบเขตลวงตาของคนอื่นๆ นี่เท่ากับไม่ต้องฝึกฝนเป็นเวลาหลายพันปี
ในช่วงเวลาต่อจากนั้น ลู่เซิ่งปรับเปลี่ยนและติดตั้งโครงสร้างสมบูรณ์ของโลกรูปจิตตามเคล็ดโปรยน้ำค้างกลางสวนบูรพาในสารทฤดูไปพลาง เตรียมค่ายกลกลับบ้านพลาง
หลังจากวางฐานศิลาทั้งเก้าเรียบร้อยแล้ว วิชามายาพิศวงอย่างเคล็ดโปรยน้ำค้างกลางสวนบูรพาในสารทฤดูก็เลื่อนไปถึงระดับสาม และเข้าสู่ระดับสี่ระดับห้าอย่างรวดเร็วหลังจากลู่เซิ่งดูดซับสิ่งมีชีวิตเข้าไป
พอสิ่งมีชีวิตเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นวัฏจักรธรรมชาติ เคล็ดวิชานี้ก็เลื่อนสู่ระดับที่ห้าโดยอัตโนมัติ
ความจริงหน้าที่หลักๆ ที่วิชานี้ส่งผลต่อลู่เซิ่งยังอยู่ที่วิธีการสร้างระบบวัฏจักรธรรมชาติของโลกรูปจิตโดยทำให้พลังจากโลกด้านนอกหลอมรวมเข้าสู่โลกรูปจิต แต่ไม่ส่งผลเสียต่อสิ่งมีชีวิตกับโครงสร้างด้านใน
ส่วนต่อจากนั้นคือการยกระดับจานประกายโรจน์ โดยทำให้ตราสัญญะทั้งหมดรวมเป็นหนึ่งจนเกิดเป็นเทวลักษณ์หนึ่งเดียวของตัวเอง จากนั้นก็ใช้สิ่งนี้สร้างวัฏจักรการเกิดการตายในโลกรูปจิต
แต่ว่าขั้นตอนนี้ยากลำบากสุดขีด ลู่เซิ่งทดลองหลอมรวมตามเคล็ดวิชาดู แต่ก็ล้มเหลวหลายครั้ง
อัตราความสำเร็จต่ำสุดขีด
หนำซ้ำเหมือนยังต้องการพลังจิตวิญญาณของตนเองที่แข็งแกร่งถึงขีดสุดด้วย ทุกอย่างจึงกลับไปสู่บนเส้นทางเริ่มต้น
ยกระดับจิตวิญญาณ และหลอมรวมพลังจิตวิญญาณจำนวนมาก!
ลู่เซิ่งเข้าใจแล้วว่าเหตุใดผู้เข้มแข็งขอบเขตลวงตาถึงยังคงจุติต่อไป
ที่แท้วิธีการนี้ยังคงมีผลต่อขอบเขตลวงตา การเลื่อนถึงระดับขอบเขตลวงตาหมายความว่าได้ยกระดับโครงสร้างชีวิตของตัวเองและทำลายพันธนาการการยกระดับไปแล้วเท่านั้น
เวลาสามเดือนผ่านไปในพริบตา…
ซู่…ซู่…ซู่…
เส้นพลังงานสีแดงเข้มหลายสายเรืองรองและเส้นแสงไหลเวียนอยู่ในเส้นสายค่ายกลบนพื้น
ลู่เซิ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงกลางค่ายกลโดยกำอัญมณีทรงรีที่เหมือนกับเพชรเอาไว้ก้อนหนึ่ง พลังงานสีแดงเข้มหลายสายถูกดึงออกมาจากด้านในอัญมณีอย่างต่อเนื่อง
ลู่เซิ่งเคลื่อยย้ายตำแหน่งอัญมณีตลอดเวลา เพื่อให้เส้นสายพลังงานที่ไหลออกมาเร็วและสมดุลกว่าเดิม
‘ครั้งนี้หลังจากกลับไปเลื่อนระดับ ก็จะไปยังดาวปรภพได้สักที’
ผู้เข้มแข็งขอบเขตลวงตา ต่อให้เป็นสถานที่ที่มีผู้เข้มแข็งรวมตัวกันอย่างนครตราชั่ง ก็ยังเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งอันดับสองซึ่งมีจำนวนไม่มากอยู่ดี
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงชนบทอย่างระบบดาวปรภพ ตอนที่อยู่ในต้าอิน หากมีขอบเขตลวงตาโผล่มาสักคน นอกจากคนกลุ่มเล็กๆ ที่แข็งแกร่งที่สุดใต้อาณัติของมารดาแห่งความเจ็บปวดลงมือแล้ว คนอื่นๆ ล้วนสู้ไม่ได้
ทว่าอาณาเขตในสังกัดของมารดาแห่งความเจ็บปวดใหญ่ปานนั้น แถมยังมีดาวเคราะห์ไม่น้อย ต่อให้มีขอบเขตลวงตาดูแลดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง แต่ว่าต้าอินก็เป็นแค่เขตเล็กๆ เขตหนึ่งบนดาวปรภพเท่านั้น
หากชั่งน้ำหนักดู สามารถมีเจ้าแห่งอาวุธได้ก็นับว่าต้าอินรุ่งเรืองสุดขีดแล้ว
ลู่เซิ่งเชื่อว่าขอแค่ตัวเองกลับไปเดินเล่นโดยไม่หาที่ตายเอง เรื่องแบบนี้น่าจะทำได้สบายๆ
นอกจากนั้นก่อนหน้านี้เขายังได้ไหว้วานให้หมี่ก่วงอิงไปรับคนแทนตนแล้ว หมีก่วงอิงที่เป็นขอบเขตลวงตาเหมือนกัน มีลุงในระดับมายาพิศวงอยู่เบื้องหลัง พลังจึงยิ่งใหญ่กว่าเขามาก น่าจะไม่เกิดปัญหาอะไร
ชิ้ง!
ทันใดนั้นมีร่องแยกสีเทาสายหนึ่งกางออกเหนือศีรษะลู่เซิ่ง
เขามองยังไม่มอง ร่างกายหดเล็กลงจนมีขนาดเท่าแตงโม จากนั้นก็พุ่งเข้าไปในร่องแยกสีเทาดังฟิ้ว พร้อมกับหายสาปสูญไป
ในกระแสวังวนมิติเวลาสายรุ้งที่บิดเบี้ยว ลู่เซิ่งหดตัวเป็นก้อน ร่างกายลอยไปด้านหน้าอย่างต่อเนื่องโดยที่ด้านหลังมีแรงผลักดันจากค่ายกล
ทว่าครั้งนี้แตกต่างจากหลายครั้งก่อนหน้า ลู่เซิ่งสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า บนร่างของตนเองมีแสงอ่อนๆ สีรุ้งชั้นหนึ่งกระจายออกมาโดยอัตโนมัติเพื่อป้องกันการรุกล้ำของแสงรุ้งรอบนอก
ขณะเดียวกันเขาเองก็สัมผัสได้ว่า พลังจิตวิญญาณอันมหาศาลของตนกำลังหายไปด้วยความเร็วสูงในขณะที่แสงสีรุ้งชั้นนี้ก่อตัว
‘นี่หมายความว่าเราเดินทางข้ามกระแสวังวนมิติเวลาได้โดยตรงแล้วอย่างนั้นเหรอ’ ลู่เซิ่งงุนงง ยังไม่รอให้เขาได้สติ ตรงหน้าก็เป็นห้องในเรือนของตัวเองที่นครตราชั่งแล้ว
เพิ่งจะนั่งนิ่ง ขอบของร่องแยกบนศีรษะของเขาก็เริ่มหดตัวด้วยความเร็วสูง
ลู่เซิ่งนั่งขัดสมาธิในค่ายกลใหญ่และเข้าสู่โลกรูปจิตในทันที เขาต้องการดูว่าการข้ามมิติในครั้งนี้ทำให้สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ปรับตัวเข้ากับกฎของโลกได้หรือไม่
โลกรูปจิตสงบเรียบร้อยดี
ไม่ได้สนใจการเปลี่ยนแปลงใหญ่ของกฎในโลกด้านนอกแม้แต่น้อย นี่สร้างความวางใจให้แก่ลู่เซิ่งเล็กน้อย
เขาสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงทางคุณสมบัติตั้งแต่ระดับเจ้าแห่งอาวุธถึงขอบเขตลวงตาได้ตลอดเวลา นอกจากกายเนื้อแล้ว ก็มีคลื่นเล็กๆ หลายสายปรากฏในโลกรูปจิตอย่างเลือนราง
คลื่นสายนี้เป็นควันลวงเทพที่จะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติหลังจากผู้เข้มแข็งไปถึงขอบเขตลวงตา
ตามบันทึกในวิชา ลู่เซิ่งใช้ของขลังที่ทำขึ้นพิเศษชนิดหนึ่งรวบรวมคลื่นเหล่านี้ หลังจากใช้ไฟหยินหลอมสร้างแล้ว ค่อยวางกลับไปในโลกรูปจิตใหม่
เมื่อเป็นแบบนี้ก็จะทำให้การหลอมสร้างควันลวงเทพสำเร็จ ทั้งยังถือเป็นสมาชิกของขอบเขตลวงตาอย่างแท้จริง
นี่เป็นจุดสำคัญที่ทำให้ผู้เข้มแข็งขอบเขตลวงตาแตกต่างจากเจ้าแห่งอาวุธ เกิดว่าถูกลากเข้าไปในโลกรูปจิตของขอบเขตลวงตา นอกจากระดับเดียวกัน ไม่อย่างนั้นเมื่อเจอควันลวงเทพเข้า พอเข้าไปเสร็จแล้วก็จะสูญเสียความทรงจำ แล้วกลายเป็นสิ่งมีชีวิตในโลกรูปจิตอย่างว่าง่ายทันที นับแต่นั้นจะลืมเลือนทุกสิ่ง ลืมเลือนอดีต และใช้ชีวิตอยู่ในนั้นอย่างสงบสุข
จนกระทั่งผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ ครั้นจัดการเรื่องราวทุกอย่างจนเรียบร้อยดีแล้ว ลู่เซิ่งค่อยได้รับข่าวจากหมี่ก่วงอิง
…
“ถูกขวางไว้หรือ”
ลู่เซิ่งนิ่วหน้าขณะอ่านจดหมายในมือ รู้สึกหงุดหงิดใจอยู่บ้าง
เงาลวงของหมีก่วงอิงลอยออกมาจากจดหมาย
“กฎเกณฑ์ตาข่ายดำของมารดาแห่งความเจ็บปวดกางอยู่ใกล้ๆ ดาวปรภพที่สาม ป้องกันไม่ให้สิ่งมีชีวิตใดๆ เข้าออก ข้ากับสหายไม่กล้าทะลวง ได้แต่รอคอยอยู่รอบนอก เพียงแต่รอมานานขนาดนี้ก็ยังเข้าไปไม่ได้อยู่ดี”
“เป็นเพราะความขัดแย้งกับสำนักนทีครามหรืออย่างไร” ลู่เซิ่งถามกลับ
“ใช่ ก่อนหน้านี้สำนักนทีครามเคยบั่นเศียรไปหลายครั้ง ฆ่าขุนพลขอบเขตลวงตาใต้สังกัดมารดาแห่งความเจ็บปวดไปหลายคน กลุ่มทัพเบื้องล่างยิ่งบาดเจ็บล้มตายสาหัส ทั้งยังเสียดาวเคราะห์ไปแล้วสองดวง” หมีก่วงอิงกล่าวอย่างจนปัญญา นางที่ไม่อาจทำเรื่องที่รับปากดิบดีให้สำเร็จลงได้ก็ไม่พอใจเช่นกัน
“นอกจากฎเกณฑ์ตาข่ายดำแล้ว ยังมีวิธีอะไรที่ใช้เข้าออกดาวปรภพที่สามได้อีกหรือไม่” ลู่เซิ่งถามต่อ
“นึกไม่ออก” หมีก่วงอิงส่ายหน้า “ทว่าดาวปรภพที่สามถือเป็นหนึ่งในดาวเคราะห์แกนหลักของมารดาแห่งความเจ็บปวดแล้ว สิ่งที่สูญเสียไปก่อนหน้านี้ล้วนเป็นดาวเคราะห์รอบนอก คาดว่านอกจากสงครามใหญ่ ที่นี่ไม่น่าจะเจออันตรายอะไรอีก”
ลู่เซิ่งเงียบเสียง แม้จะรู้เหตุผล แต่ไม่ว่าอย่างไรครอบครัวและบริวารก็ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของคนอื่นๆ เขาจึงยังไม่วางใจ
“ถ้าหากฝืนทะลวงไปจะเกิดผลลัพธ์อะไรขึ้น” หลังเงียบลงสักพักเขาก็ถามต่อทันที
หมีก่วงอิงงุนงงก่อนจะตอบทันที “กลไกเตือนภัยจะแจ้งเตือน ขุนพลประจำการของมารดาแห่งความเจ็บปวดจะนำทัพออกศึก ถ้าหากพวกเราจัดการปัญหาได้ในหนึ่งชั่วยาม ก็จะไม่ถูกขุนพลขอบเขตลวงตาที่จะตามมาล้อมเอาไว้”
เดิมทีนางไม่ใช่คนแถวนี้ ดังนั้นต่อให้ล่วงเกินมารดาแห่งความเจ็บปวดไปก็หาเป็นไรไม่ แถมพอทำเสร็จแล้วก็ยังได้ชดใช้บุญคุณอีกต่างหาก นอกจากนี้นางก็สามารถกลับผ่านค่ายกลส่งตัวของสมาคมธวัชเหล็กได้โดยตรงด้วย นางจึงกล่าวได้อย่างสบายๆ
“หนึ่งชั่วโมงอย่างนั้นหรือ” ลู่เซิ่งใคร่ครวญ
“เจ้าต้องคิดให้ดีนะ ครั้งนี้ไปรับคน มารดาแห่งความเจ็บปวดจะต้องพบแน่ ต่อจากนั้นจะเป็นการเปิดเผยตัวตนของตัวเองอย่างสมบูรณ์ ถ้าหากเจ้าไม่แน่ใจว่าตัวเองรับผลพวงที่ตามมาได้หรือไม่ เช่นนั้นก็อย่าเคลื่อนไหวจะดีกว่า” หมีก่วงอิงเตือนด้วยเจตนาดี
“ข้าทราบความหมายที่ท่านว่า แต่ว่าเวลาไม่คอยคน…” ลู่เซิ่งเอ่ยพลางขมวดคิ้ว
“ข้ากลับมีวิธีอยู่” หมีก่วงอิงยิ้ม
“หือ ท่านลองบอกดู” ลู่เซิ่งนึกฉงน อีกฝ่ายไม่ใช่คนในเขตดาวเขตนี้ จะหาวิธีอะไรดีๆ ได้กัน
“บนตัวเจ้ามีเมล็ดแห่งสายน้ำสีชาดอยู่ไม่ใช่หรือ น่าจะเข้าร่วมกับสาวกจันทราแดงแล้วกระมัง ลัทธินอกรีตจันทราแดงไม่ใช่ขุมกำลังที่จะหาเรื่องได้ง่ายๆ ถ้าหากเจ้าไต่ไปถึงตำแหน่งเจ้าลัทธิหรือตำแหน่งที่อยู่ต่ำกว่าผู้ปกครองหนึ่งขั้นได้ ก็จะรับคนไปได้อย่างง่ายดายเหมือนปลอกกล้วยเข้าปากเชียวล่ะ” หมีก่วงอิงพูดพร้อมกับยิ้ม
“เจ้าอาจจะไม่รู้ ลัทธินอกรีตจันทราแดงมีอยู่ทั่วทุกที่ บางคนเล่าว่าพวกเขามีความเกี่ยวข้องกับรากแห่งความว่างเปล่าในเทพนิยายอยู่บ้าง เป็นหนึ่งในขุมกำลังที่ลึกลับที่สุดของจักรวาลมารสวรรค์เรา อย่าว่าแต่มารดาแห่งความเจ็บปวด ต่อให้เป็นสัตว์โบราณเผ่าใหญ่ก็ไม่กล้าหาเรื่องลัทธิชั่วร้ายนี้”
ลู่เซิ่งจิตใจหวั่นไหว
“เดี๋ยวข้าจะลองดู” หลังจากเขาเข้าร่วมกับสาวกจันทราแดง ก็ยังไม่ได้หลอมรวมเข้าไปด้านในอย่างแท้จริงมาก่อน
เพียงแค่ไปเข้าร่วมการชุมนุมเป็นบางครั้งบางคราวเท่านั้น แต่การชุมนุมไม่ได้มีเรื่องใหญ่อะไร
ตอนนี้ได้ยินหมีก่วงอิงเล่า ที่แท้ลัทธินี้ก็มีที่มายิ่งใหญ่ทีเดียว
ลัทธิที่เห็นอะไรก็เป็นเงินไปหมดนี้ ดูเหมือนจะไม่ได้เข้าร่วมอย่างสูญเปล่าแล้ว
“ตกลง ข้าจะลองดู ถ้าหากพวกท่านไม่มีเรื่องอะไรก็กลับเถอะ ครั้งนี้ลำบากพวกท่านแล้ว ถือว่าใช้คืนน้ำใจข้าครั้งหนึ่ง”
“คิดมากไปแล้ว ครั้งนี้ไม่ได้ช่วยอะไรเจ้าสักอย่าง ไม่นับ” หมีก่วงอิงหงุดหงิดเล็กน้อย “อย่างไรข้าก็ติดค้างเจ้าสองครั้ง รออยู่นี่ก่อนก็แล้วกัน เจ้ามีอะไรสามารถเรียกข้าได้เลย”
“ได้!”
ลู่เซิ่งพยักหน้าแล้วตัดการติดต่อกับหมีก่วงอิง
หลังจากตัดการติดต่อแล้ว เขาก็ยกมือขึ้น เมล็ดแห่งสายน้ำสีชาดยังอยู่บนแขนท่อนปลาย
‘จะว่าไป ปีนี้เรายังไม่ได้ทำการช่วยเหลือไล่ล่าเลยนี่นา ในเมื่อคิดจะยกระดับตำแหน่งในลัทธิ ตอนนี้ก็ควรเริ่มลงมือได้แล้ว’
การอาศัยชื่อของสาวกจันทราแดงลงมือฆ่าคน ต่อให้เป็นนครตราชั่งก็ทำอะไรไม่ได้
พอตัดสินใจได้ก็ทำทันที ลู่เซิ่งกดลงบนเมล็ดแห่งสายน้ำสีชาด
แวบ!
จอกว้างทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าดีดออกมาลอยอยู่กลางอากาศด้านหน้าเขา ข้อมูลมากมายกะพริบอยู่บนจออย่างแน่นขนัด
บางข้อมูลเพิ่งโผล่มาก็หายไปทันที บางข้อมูลหยุดอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน
ลู่เซิ่งลองดูเล่นๆ ด้านบนคือการช่วยเหลือไล่ล่าหลากหลายประเภทและข้อมูลชนิดต่างๆ เช่นการซื้อขายแลกเปลี่ยน ยุ่งเหยิงกว่าสมาคมธวัชเหล็ก ทั้งยังไม่มีคุณสมบัติจัดเรียงคัดสรร ทำให้หยาบกว่ามาก
เขาค้นหาดูเล็กน้อย ก่อนจะเจอภารกิจช่วยเหลือไล่ล่าสองสามภารกิจบนจอ
ภารกิจประเภทนี้หยุดอยู่ที่เดิมมาโดยตลอด ส่วนใหญ่เป็นการไล่ล่าสมาชิกในขุมกำลังใหญ่ๆ
ส่วนน้อยเป็นการฆ่าล้างแค้น
ภารกิจที่ง่ายๆ เพิ่งโผล่มาก็ถูกแย่งไปทันที ลู่เซิ่งหาอยู่ครึ่งวัน ค่อยแย่งภารกิจฆ่าล้างแค้นที่เหมาะกับตัวเองมากมาได้หนึ่งภารกิจอย่างยากลำบาก
‘มีสมาชิกสูญหายใกล้ๆ สำนักนทีคราม บุตรลัทธิคนหนึ่งออกเคลื่อนไหวแล้ว ต้องการสมาชิกลัทธิอย่างน้อยห้าคนร่วมมือกัน’
สมาชิกลัทธิเป็นสาวกจันทราแดงระดับต่ำสุด นี่เป็นแค่คำเรียกในลัทธิเท่านั้น
ส่วนบุตรลัทธิเป็นยอดฝีมือหรือหัวหน้ากลุ่มย่อยที่อยู่เหนือกว่าสาวกขั้นหนึ่ง
สูงขึ้นไปกว่านี้คือหัวหน้าลัทธิ จากนั้นค่อยเป็นเจ้าลัทธิ
การกลายเป็นสมาชิกลัทธิทั่วไปในสาวกจันทราแดงไม่มีปัญหาอะไร แต่หากคิดจะยกระดับ ถ้าไม่มีเงินพิเศษ อย่างนั้นก็ต้องแข็งแกร่งเป็นพิเศษ
“พลังของเราเลื่อนระดับพอดี ออกไปทดลองดูหน่อยว่าจะหาของดีๆ ได้ไหม” สาวกจันทราแดงมีพฤติกรรมแบบใด บอกว่าห่านป่าผ่านทางจับมาถอนขนจนไม่เหลือยังน้อยไป ขณะที่ช่วยเหลือไล่ล่า จุดสำคัญย่อมเป็นการหาเงิน