ยอดสตรีฉางอิ๋ง - ตอนที่ 159-2 เพิ่มคน
ยอดสตรีฉางอิ๋ง ภาคที่สอง – ตอนที่ 159-2 เพิ่มคน
ฮูหยินซูพลันเกิดความคิดขึ้นมาในใจ กล่าวว่า “ท่านพี่ไตร่ตรองได้ลึกซึ้งนัก ความจริงแล้วการไม่มีผู้สืบสกุลมาจนบัดนี้ก็ไม่เข้าทีจริงดังว่า แม้ไม่มีบุตรชายจากบ้านใหญ่ก็น่าจะมีจากอนุเพื่อจักได้สืบสกุลต่อไป …เช่นนี้ อาศัยโอกาสตอนปีใหม่ที่เขาได้หยุดพัก ช่วยเลือกคนจำนวนหนึ่งมาปรนนิบัติเขาดีหรือไม่?”
เสิ่นเซวียนรู้สึกพึงพอใจในความเป็นห่วงเป็นใยที่ภรรยามีต่อบุตรชายของอนุ “เรื่องเหล่านี้เจ้าตัดสินใจก็แล้วกัน”
คิดสักพักก็บอกอีกว่า “รอนางเว่ยคลอดได้ครบเดือนแล้ว เจ้าก็ให้นางหลิวและ นางตวนมู่พักสักหน่อย แล้วให้นางมาดูแลเรื่องต่างๆ ในเรือนเถิด อย่างไรเสียแม้ว่าบ้านใหญ่จะมีซูจิ่ง แต่ผู้สืบสกุลก็ยังมีไม่มาก ให้สะใภ้ใหญ่และสะใภ้รองว่างลงจะได้แตกกิ่งก้านสาขาให้พวกเรามากยิ่งขึ้น”
ฮูหยินซูรู้ว่านี่คือการอาศัยโอกาสที่เว่ยฉางอิ๋งให้กำเนิดหลานชาย และมอบจวนราชครูให้เว่ยฉางอิ๋งดูแลอย่างเป็นทางการเสียเลย ที่บอกว่าแตกกิ่งก้านสาขานั้นก็เป็นเพียงการพูดจาอย่างไว้หน้านางหลิวและนางตวนมู่เท่านั้น เรื่องนี้ก็เป็นการบ่งบอกว่าหมิงเพ่ยถังเริ่มลงแรงบ่มเพาะบ้านสามแล้ว …ซึ่งนางย่อมยินดีที่ได้เห็นว่าเรื่องนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ จึงพยักหน้าบอกว่า “ข้าเองก็คิดเช่นนี้เช่นกัน”
ในเมื่อสองสามีภรรยาตัดสินใจได้ดังนี้ ฮูหยินซูจึงได้มีท่าทีขึงขังเคร่งเครียดขึ้นมา เมื่อมาอยู่ต่อหน้านางหลิวและนางตวนมู่ แรกเริ่มก็อาศัยที่เว่ยฉางอิ๋งตั้งท้อง มาเอ่ยเรื่องทายาทผู้สืบสกุล คำพูดนี้ นางหลิวได้ยินแล้วก็ยังไม่เป็นไร เพราะอย่างไรหลานชายบ้านใหญ่ที่มีเพียงคนเดียวในจวนราชครูในเวลานี้ก็เป็นบุตรของนาง แม้ฮูหยินซูจะเอ่ยถึงเรื่องผู้สืบสกุลในบ้านมีไม่มากพอ นางหลิวก็ยังมี นางตวนมู่เป็นคนรับเรื่องนี้ไป …ต่อให้ เว่ยฉางอิ๋งให้กำเนิดบุตรชายคนโตของบ้านสาม นางหลิวก็ยังมีเสิ่นซูจิ่งบุตรสาวคนโตคอยช่วยอยู่!
คนที่นั่งไม่เป็นสุขก็คือ ตวนมู่เยี่ยนอวี่ เดิมทีนางให้กำเนิดบุตรสาวบ้านใหญ่ติดต่อกันสองคน อนุก็ให้กำเนิดบุตรสาวหนึ่งคน อนุที่ก่อนหน้านี้แน่ใจว่าตั้งท้องบุตรชายก็มาแท้งไปเสียแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ก็ทำให้สามีและมารดาแท้ๆ ของสามีไม่พอใจอย่างมาก ครั้งนั้นเพราะเสิ่นเหลี่ยนสือเชื่อคำยุยงของนางกัว แม่แท้ๆ ของเขา พลันบัลดาลโทสะอย่างหนักขึ้นมาครั้งหนึ่ง เมื่อตวนมู่เยี่ยนอวี่แสดงหลักฐานว่าอนุกลัวว่าตนจะถูกลงโทษหลังจากแท้งลูกจึงหันมาให้ร้ายนาง ที่สุดจึงทำให้ฮูหยินซูมายืนข้างนางได้
ปรากฏว่าแม้แต่แม่ใหญ่ของสามีก็ยังไม่พอใจที่บ้านสองไม่มีผู้สืบสกุล …ตวนมู่เยี่ยนอวี่รู้สึกเจ็บปวดอยู่เต็มหัวใจ ทว่าคุณหนูหลานรองเสิ่นซูโหร่วก็อายุเจ็ดขวบแล้ว คุณหนูหลานสี่เสิ่นซูเหยียนซึ่งเป็นคนน้องที่สุดในรุ่นหลานก็ย่างห้าขวบแล้ว …จนบัดนี้บ้านสองก็มีบุตรสาวบ้านใหญ่สองคนจากอนุอีกหนึ่งรวมสามคน แต่ก็ยังไม่มีบุตรชาย ต่อให้ผู้ใหญ่ฝ่ายแม่ของตวนมู่เยี่ยนอวี่อยู่ที่นี่ก็ไม่อาจบอกได้ว่าเสิ่นเหลี่ยนสือไม่ควรเพิ่มคนเข้ามาในเรือนหลัง
ตวนมู่เยี่ยนอวี่รู้ว่าคำพูดนี้ของแม่สามี ที่แท้ก็พูดให้ตนฟัง จึงทำได้เพียงเอ่ยปากออกมาเองว่าจะหาอนุให้สามีเพื่อให้ได้ผู้สืบสกุล …เพราะอย่างไรความหมายของแม่ใหญ่ของสามีก็ชัดเจนออกเพียงนี้แล้ว เรื่องการหาคนมาเพิ่มนี้ แต่ไรก็มิใช่ว่าหากนางไม่ต้องการ ก็จะเป็นดังนั้นได้ มิสู้ทำใจให้กว้างสักหน่อยดีกว่า
ฮูหยินซูพึงพอใจกับความใจกว้างของนางมาก จึงบอกว่า “เจ้ามีตัวเลือกแล้วหรือไม่?”
ตวนมู่เยี่ยนอวี่บอกว่า “จนบัดนี้ท่านพี่ก็ยังไม่มีบุตรชาย ชุ่ยเฉียวคนก่อนนี้ก็…ทุกครั้งที่สะใภ้นึกขึ้นมาก็รู้สึกว่าเป็นเพราะตนเองไม่ดีพอ ฉะนั้นหลังจากชุ่ยเฉียวแท้ง สะใภ้ก็เลือกคนไว้อยู่เหมือนกันเจ้าค่ะ ทว่าตอนนั้นท่านพี่ก็กำลังยุ่งกับงานราชการ สะใภ้เองก็ต้องดูแลพวกของโหรวเอ๋อร์ จึงไม่มีเวลานึกถึงอีก ปรากฏว่าทำให้ท่านแม่ต้องเป็นกังวลเสียแล้ว” เมื่อนางเอ่ยคำตามมารยาทไปแล้ว ครานี้จึงว่า “ท่านแม่ท่านว่าหงม่ายและหงเหลียนที่ปรนนิบัติอยู่ข้างกายสะใภ้เป็นเช่นใดเจ้าคะ?”
หงม่ายและหงเหลียนล้วนเป็นสาวใช้ซึ่งเป็นบ่าวติดตามหลังแต่งงานของ ตวนมู่เยี่ยนอวี่ ยิ่งไปกว่านั้นเวลานี้ก็ได้เลื่อนขึ้นมาเป็นสาวใช้ข้างกายของนางแล้ว หากว่ากันเรื่องรูปโฉมและกริยามารยาทล้วนไม่เลวเลย ประเด็นหลักก็คือครอบครัวของพวกนางทั้งหมดล้วนอยู่ในกำมือของตวนมู่เยี่ยนอวี่ เมื่อตวนมู่เยี่ยนอวี่ยกนางทั้งสองให้แก่สามี ก็ไม่ต้องกลัวว่าพวกนางจะทำให้เกิดคลื่นใต้น้ำใดๆ ขึ้นมา… ความจริงแล้วเดิมทีตระกูลเสิ่นก็ไม่อนุญาตให้หลงอนุทิ้งภรรยา เพียงแต่ ตวนมู่เยี่ยนอวี่แต่งเข้าบ้านมาหลายปีก็ยังไร้บุตรชาย นางรู้ว่านับแต่สามีจนถึงนางกัวแม่แท้ๆ ของสามีไม่มีผู้ใดที่ไม่คาดหวังเรื่องผู้สืบสกุลจนร้อนใจไปหมด แล้วยิ่งหากหลังจากอนุมีผลงาน สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้แล้วเกิดกำเริบเสิบสานขึ้นมา ก็จะต้องเป็นเรื่องที่ทำให้เดือดร้อนรำคาญใจจริงๆ
ยิ่งไปกว่านั้นหากครานี้นางไม่เอ่ยถึงเรื่องตัวเลือก ถ้าเกิดฮูหยินซูมอบคนมาให้เสียเลย จะยิ่งดูและควบคุมได้ยาก
ตวนมู่เยี่ยนอวี่คิดว่าทั้งความสามารถและรูปโฉมของสาวใช้ข้างกายตน เมื่อมาเป็นอนุของเสิ่นเหลี่ยนสือก็คงจะเพียงพอแล้ว และความจริงแล้วแม่สามีก็มิใช่แม่แท้ๆ ของสามี โดยฉากหน้าแล้วก็คงจะผ่านเกณฑ์แล้วกระมัง?
เดิมทีความคิดนี้ของนางก็กลับไม่เลวเลย ถ้าหากว่าฮูหยินซูเองที่เป็นคนเป็นห่วงเรื่องผู้สืบสกุลของบุตรชายจากอนุ เมื่อภรรยาของบุตรชายจากอนุทำได้ถึงเพียงนี้ นางเองก็น่าจะเห็นชอบตามนั้นแล้ว แต่บุตรชายคนแรกของเสิ่นจั้งเฟิงก็กำลังจะเกิดแล้ว แต่เสิ่นเหลี่ยนสือก็ยังไร้บุตรชาย …ซึ่งเรื่องนี้เป็นเสิ่นเซวียนเอ่ยปากออกมาเอง ฮูหยินซูย่อมต้องตั้งอกตั้งใจเป็นพิเศษ
ฉะนั้นเมื่อได้ยินคำของตวนมู่เยี่ยนอวี่ในเวลานี้ นางจึงพยักหน้าน้อยๆ กล่าวว่า “หงม่ายและหงเหลี่ยนล้วนเป็นสาวใช้ที่เป็นบ่าวติดตามของเจ้า และนับจากแต่งเข้าบ้านมาก็คอยดูแลอยู่ข้างกายเจ้า หากยกให้สือเอ๋อร์ในเวลานี้ คิดว่าคงไม่เลว” ในใจของตวนมู่เยี่ยนอวี่ทั้งเจ็บปวดทั้งโล่งอก นางกำลังจะพูดต่อ ไม่คิดว่าฮูหยินซูกลับพูดต่อว่า “ทว่าตอนนี้ใกล้จะสิ้นปีแล้ว หากมีคนมากๆ ก็จะครึกครื้นสักหน่อย ข้าจะเพิ่มคนให้เจ้าอีกสองคน เจ้าให้คนจัดเตรียมห้องไว้สี่ห้องเถิด”
แล้วเรียกคนที่อยู่ข้างนอกพาหญิงสาวหน้าตางดงามสองคนเข้ามา “นี่เป็นคนที่ข้าให้แม่นมเถาไปเลือกหามาเมื่อสองวันก่อน ล้วนเป็นคนในแถบชานเมือง ซึ่งในบ้านพวกนางก็มีพี่น้องผู้ชายมากมาย คาดว่าคงจะมีบุตรชายได้ง่าย”
ตวนมู่เยี่ยนอวี่ตกตะลึงไปสองอึดใจ เมื่อถูกสาวใช้ผลักเบาๆ หนหนึ่งจึงนึกขึ้นได้และเอ่ยคำขอบคุณ
________________