ยอดสตรีฉางอิ๋ง - ตอนที่ 161-1 ยังไม่งามเท่าแม่ข้าเลย!
ยอดสตรีฉางอิ๋ง ภาคที่สอง – ตอนที่ 161-1 ยังไม่งามเท่าแม่ข้าเลย!
แม้ว่าหลังจากเว่ยฉางอิ๋งส่งนางหลิวไปแล้ว ก็ให้นางหวงไปเตือนเว่ยเซิ่งเซียนในทันที แต่อย่างไรก็ยังช้าไปก้าวหนึ่ง
จนฟ้ามืดแล้วนางหวงจึงเพิ่งกลับมาที่เรือนจินถง แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าหนักอึ้งว่า “ตอนที่ข้าน้องไปที่เรือนนายหญิงใหญ่นั้น นายหญิงใหญ่เพิ่งได้รับข่าวเรื่องตระกูลหลิวมาสู่ขอ กำลังจะส่งคนไปสอบถามเรื่องคุณชายหลิวสิบหกกับทางนายหญิงรอง แต่หลังจากได้ยินข้าน้อยพูด นายหญิงใหญ่ก็ร้องไห้ออกมาทันใด บอกว่า…เกรงว่าจะช้าไปเสียแล้ว!”
เว่ยฉางอิ๋งตื่นตกใจ กล่าวว่า “เป็นเช่นใด? นี่แค่เวลาไม่กี่วันเท่านั้น หรือว่าไปถึงขั้นตอนเสี่ยงทายกันแล้ว? จะเป็นไปได้อย่างไร!”
“หมั้นหมายนั้นกลับยังไม่ได้ทำเจ้าค่ะ วานนี้เพิ่งจะถามชื่อ” นางหวงทอดถอนใจพลางว่า
“ในเมื่อเพิ่งจะถามชื่อ หากจะตอบปฏิเสธไปในเวลานี้ก็มิใช่ว่าไม่ได้นี่!” เว่ยฉางอิ๋งเอ่ยอย่างสงสัย “เหตุใดจึงช้าเกินไปเล่า?” พิธีแต่งงานทั้งหกได้แก่ ทาบทาม ถามชื่อ[1] เสี่ยงทาย หมั้นหมาย ดูฤกษ์ รับเจ้าสาว หากดำเนินการมาจนถึงขั้นตอนการเสี่ยงทายแล้วจึงจะนับว่ามีการกำหนดเรื่องแต่งงานเรียบร้อยแล้ว
เวลานี้ก็เพิ่งถึงขั้นตอนถามชื่อ แม้จะส่งมอบวันเดือนปีเกิดทั้งแปดออกไปแล้ว ทว่าหากเวลานี้จะเปลี่ยนใจ ก็ยังไม่นับว่าเป็นการถอนหมั้น
นางหวงยิ้มเจื่อนๆ ว่า “เพราะท่านสมุหกลาโหมมิได้ไปสู่ขอที่นายหญิงใหญ่ และมิได้ไปที่จวนท่านผู้ตรวจการแคว้น….แต่กลับไปสู่ขอที่ท่านปู่ของคุณหนูผู้น้องทั้งสองเจ้าค่ะ!”
สีหน้าของเว่ยฉางอิ๋งเปลี่ยนไปทันใด พลันโพล่งออกมาว่า “แต่ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นท่านปู่และท่านย่าของลูกผู้น้องทั้งสอง แม้ว่า…แม้ว่าจะไม่พอใจที่ท่านอาหญิงใหญ่ไม่มีบุตรชาย แล้วจะต้องมาทำร้ายหลานสาวแท้ๆ ด้วยหรือ?”
นางหวงทอดถอนใจพลางว่า “ฮูหยินน้อย ท่านไม่รู้เรื่องความลำบากใจของท่านเขยของนายหญิงใหญ่! แม่สามีของนายหญิงใหญ่ซึ่งก็คือท่านย่าแท้ๆ ของคุณหนูผู้น้องทั้งสองเสียไปนานแล้ว เวลานี้คุณหนูผู้น้องทั้งสองไม่มีท่านย่า…แต่กลับมีท่านย่าอีกคนหนึ่ง!”
“ท่านย่าอีกคน?” เว่ยฉางอิ๋งตกตะลึง กล่าวว่า “เป็นท่านอาหญิงของท่านอาเขยใหญ่หรือ?”
“เป็นดังนั้นเจ้าค่ะ” นางหวงเอ่ย “ท่านอาแม่เฒ่าซ่งผู้นี้ครองตัวเป็นม่ายตั้งแต่ยังสาว เพราะนางไร้บุตรชายจึงกลับมาอยู่ที่บ้านฝั่งแม่ ได้ยินว่าดูแลปรนนิบัติบิดามารดาอย่างตั้งใจนัก ข้างนอกจวนซ่งจึงตั้งป้ายคุณธรรมให้นางว่าเป็นผู้รักษาความบริสุทธิ์และบุตรสาวยอดกตัญญูด้วยเจ้าค่ะ! ด้วยเหตุนี้นางมีชื่อเรื่องการรักษาความบริสุทธิ์อย่างเคร่งครัด นางจึงถูกเชิญให้มาอบรมสั่งสอนบุตรสาวในตระกูลซ่งตลอดมาเจ้าค่ะ จะยกเว้นก็แต่เพียงคุณหนูผู้น้องซึ่งเป็นบุตรสาวของนายหญิงใหญ่เท่านั้น ซึ่งนั้นก็เป็นเพราะว่านายหญิงใหญ่ต้องติดตามสามีไปรับตำแหน่งที่ต่างถิ่นตั้งแต่ต้น ระหว่างนั้นหลังจากให้กำเนิดคุณหนูผู้น้องทั้งสองแล้ว ท่านอาแม่เฒ่าซ่งจึงเขียนจดหมายไปหา บอกให้นางส่งคุณหนูผู้น้องทั้งสองกลับมา เพื่อให้ท่านอาแม่เฒ่าซ่งเป็นคนอบรมสอนสั่งด้วยตนเอง …แต่นายหญิงใหญ่ตัดใจจากบุตรสาวทั้งสองไม่ได้ และคิดว่าท่านอาแม่เฒ่าซ่งอบรมบรรดาคุณหนูในบ้านอย่างเข้มงวดเกินไป จึงไม่ตอบตกลง! เมื่อทำเช่นนี้จึงเป็นการล่วงเกินท่านอาแม่เฒ่าซ่งท่านนี้อย่างมากเจ้าค่ะ!”
เว่ยฉางอิ๋งขมวดคิ้วพลางว่า “แม้ท่านอาหญิงใหญ่มิได้ตอบตกลง แต่คาดว่าก็คงจะพูดไปอย่างอ้อมค้อมยิ่งนักกระมัง? เหตุใดจึงไปล่วงเกินนางอย่างมากได้เล่า? อีกประการหนึ่ง เวลานั้นลูกผู้น้องทั้งสองเพิ่งอายุเท่าใด ต้องเดินทางนับพันลี้ มีผู้ใหญ่คนใดไม่เห็นอกเห็นใจพวกนางเช่นนี้กัน!”
นางหวงเม้มปาก “ฮูหยินน้อยยังเด็ก จึงไม่เข้าใจความคิดอ่านของสตรีหัวโบราณเหล่านี้เจ้าค่ะ คนเช่นนี้เอาอกเอาใจยากเป็นที่สุดแต่กลับล่วงเกินพวกนางได้ง่ายเป็นที่สุด…เฮ่อ ฮูหยินน้อยไม่จำเป็นต้องสนใจพวกนาง ว่าไปแล้วหลังจากนายหญิงใหญ่ติดตามสามีและกลับมาที่เมืองหลวงแล้ว นางกลับยอมซื้อคฤหาสน์เพื่อแยกออกมาอยู่ตามลำพังไม่ยอมกลับไปอยู่ด้วย ก็เพราะว่ารับท่านอาแม่เฒ่าซ่งผู้นี้ไม่ได้นั่นเอง! ครานี้เมื่อท่านสมุหกลาโหมส่งคนไปขอหมั้นหมายกับท่านปู่ของคุณหนูผู้น้องทั้งสอง ท่านปู่ของคุณหนูผู้น้องทั้งสองจึงรับปากไปแล้ว เวลานี้แม้นายหญิงใหญ่จะกลับไปร้องขอว่าไม่ยินยอม ท่านอาแม่เฒ่าซ่งก็จะต้องขัดขวางเป็นแน่เจ้าค่ะ!”
“นางก็เป็นเพียงแค่หญิงม่ายผู้หนึ่ง” เว่ยฉางอิ๋งเอ่ยอย่างไม่ยี่หระ “ผู้มีอำนาจตัดสินใจจริงๆ ก็คือท่านปู่ของลูกผู้น้องทั้งสองต่างหาก! หลานสาวแท้ๆ หรือจะยอมตัดใจทั้งเช่นนี้?”
“นายท่านผู้เฒ่าซ่งนี้ยกย่องชายดูแคลนหญิงเป็นนักหนา จึงดูแคลนที่บ้านของนายหญิงใหญ่ไร้บุตรชายยิ่งนัก แม้แต่คุณหนูผู้น้องทั้งสองก็ยังพลอยไม่ชื่นชอบไปด้วยเจ้าค่ะ” นางหวงยิ้มแล้วว่า “ยิ่งไปกว่านั้นท่านก็ไม่ทราบว่าท่านอาแม่เฒ่าซ่งผู้นี้ …นายหญิงใหญ่บอกว่า ครั้งนางเพิ่งกลับมาจากเจ๋อโจวตอนแรกนั้น ได้เตรียมของกำนัลล้ำค่าให้แก่ญาติฝั่งบ้านสามีทุกคน ปรากฏว่าเมื่อถึงคราวของท่านอาแม่เฒ่าซ่ง นางรับการคารวะแล้วแต่กลับถือถ้วยชาเอาไว้ แล้วแสดงสีหน้าท่าทีประหลาดบอกให้คุณหนูผู้น้องทั้งสองแสดงความเคารพตามพิธีให้ดู บอกว่า ‘เป็นคุณหนูผู้ดีมีตระกูล ก็ไม่ควรจะกร่ำกรายออกนอกประตูเรือน มาร่อนไปร่อนมากับบิดามารดาอยู่ข้างนอกส่งเดชไปหมด เช่นนี้นับว่าเป็นสิ่งใด? ให้ข้าดูไวๆ หน่อยซิว่าวันนี้ยังพอมีทางช่วยอีกหรือไม่? หากหนักหนาเกินไปจริงๆ ไปข้างนอกก็อย่าได้มาบอกว่าเป็นหลานสาวข้า! ข้าน่ะ จะมาเสียคนด้วยเรื่องนี้ไม่ได้!’ ”
“ครานี้ หลังจากทางนั้นตกปากรับคำแล้ว ก็มิใช่ว่าส่งคนไปบอกทางนายหญิงใหญ่หรอกหรือเจ้าคะ? ได้ยินมาว่าท่านอาแม่เฒ่าซ่งผู้นั้นยังบอกอีกว่า ‘บุตรสาวทั้งสองคนของบ้านสี่นี้ ล้วนถูกสะใภ้สี่ทำให้เสียเวลา พาติดตามไปรับตำแหน่งเสียทั่วไปหมด แล้วจะสอนเรื่องดีใดให้ได้? เวลานี้โชคดียังได้มาแต่งกับตระกูลสูงศักดิ์ เพราะบรรพบุรุษของบ้านเราสร้างสมบารมีเอาไว้ ต้องคอยควบคุมดูแลสะใภ้สี่ไว้ให้จงหนัก ให้อยู่ในจารีตประเพณี อย่าได้เอาใจกันจนเสียผู้เสียคนไม่รู้จักกตัญญู จนตระกูลซ่งแห่งเจียงหนานของเราไม่เหลือหน้าตา’ ฮูหยินน้อยท่านว่าคนเช่นนี้…”
เว่ยฉางอิ๋งเอ่ยอย่างชิงชังรังเกียจขึ้นมาว่า “ยายแก่ปากไม่มีหูรูด!” แล้วถามว่า “แล้วท่านอาหญิงใหญ่ยังทนฟังไปได้?”
“ทนฟังไม่ได้แล้วจะทำอันใดได้เจ้าคะ?” นางหวงเอ่ย “ก็ผู้ใดให้ฮูหยินผู้เฒ่าของเรากลับไปเฟิ่งโจวเล่า? หากฮูหยินผู้เฒ่ายังอยู่ที่นี่ ต่อให้นางมีความกล้าอีกสิบเท่าก็ไม่มีทางกล้ามาสร้างความลำบากใจให้แก่นายหญิงใหญ่ที่ฮูหยินผู้เฒ่าอบรมเลี้ยงดูมาจนโตด้วยตนเองเช่นนี้หรอกเจ้าค่ะ แต่เวลานี้รุ่ยอวี่ถังของเราล้วนไม่มีผู้ใหญ่ในเมืองหลวงมาคอยช่วยพูด นายหญิงใหญ่ถูกนางใช้ฐานะของคนในรุ่นที่เหนือกว่ามาข่ม…ต่อให้เป็นนายหญิงรองก็ยังจนปัญญาเจ้าค่ะ เพราะอย่างไรนายหญิงใหญ่ก็เป็น สะใภ้บ้านซ่ง คนเป็นอาอบรมหลานสะใภ้และหลานย่าสองสามคำ หากคนรุ่นหลังในบ้านฝั่งมารดามาวิพากษ์วิจารณ์ เมื่อย้อนกลับมาก็ยังเป็นรุ่ยอวี่ถังของเราต้องเสียเปรียบเจ้าค่ะ”
เว่ยฉางอิ๋งรีบถามว่า “เช่นนั้นยามนี้ก็เขียนจดหมายหาท่านย่า?”
“ไม่ทันแล้วเจ้าค่ะ!” นางหวงเอ่ยอย่างลำบากใจ “ต่อให้ใช้นกพิราบส่งสารก็ไม่ได้ ท่านลองคิดดู คุณหนูผู้น้องทั้งสองแซ่ซ่งมิใช่แซ่เว่ย เมื่อท่านปู่ของพวกนางตัดสินใจแล้ว แม้แต่บิดาของนางก็ยังแก้ไขอันใดไม่ได้ แล้วประสาอะไรกับท่านยายเล่าเจ้าคะ?”
————————————–
[1] ถามชื่อ หมายถึง การนำชื่อ วันเดือนปีเกิดของฝ่ายหญิงให้ฝ่ายชาย เพื่อไปทำการเสี่ยงทายในขั้นตอนต่อไป ว่าทั้งคู่อยู่ด้วยกันแล้วจะเป็นมงคลหรือไม่