ยอดสตรีฉางอิ๋ง - ตอนที่ 189-2 ฮูหยินกู้
“ฮูหยินกู้ ท่านเกรงใจเกินไปแล้ว ฉางอิ๋งเคยติดตามสามีไปและได้พบกับคุณชายทั้งสองของบ้านท่านคราหนึ่ง นับเป็นผู้มีจิตใจดีงามอ่อนโยนนัก นับว่าเป็นหน้าเป็นตาแก่วงศ์ตระกูลเจ้าค่ะ” เว่ยฉางอิ๋งย่อมต้องยกยอไปสักคำหนึ่ง
เมื่อต่างฝ่ายต่างพูดจาเกรงอกเกรงใจกันไปตามพิธีเสร็จแล้ว จู่ๆ ฮั่วชิงหลิงก็เอ่ยถึงเรื่องเกี่ยวกับนกแก้วที่ซ่งไจ้สุ่ยเลี้ยงเอาดูเล่นในจวน ซึ่งความหมายของนางก็คือกำลังรอให้ซ่งไจ้สุ่ยเชิญนางออกไปชมด้วยกัน
เมื่อเป็นการล่อเสือออกจากถ้ำที่ชัดเจนเพียงนี้ ซ่งไจ้สุ่ยย่อมไม่หลงกล นางหัวเราะตาหยีแล้วเรียกให้ชุนจิ่งและเซี่ยจิ่งซึ่งเป็นสาวใช้ที่โตแล้วเข้ามาแล้วพูดอย่างกระตือรือร้นว่า “นี่หากเป็นผู้อื่นข้าจะต้องพาไปชมด้วยตนเอง แต่น้องฮั่วเป็น ลูกผู้น้องแท้ๆ ของพี่สะใภ้ของข้า หาใช่คนอื่นคนไกลไม่ เช่นนั้นข้าก็จะไม่เกรงใจแล้ว เจ้าโปรดไปเที่ยวชมในเรือนข้าได้ตามสบาย”
แล้วยิ้มหวานพลางว่า “ทางนี้ข้าเพิ่งจะได้มาพบกับฮูหยินกู้เป็นคราแรก ได้ยินมานานแล้วว่าฮูหยินกู้เป็นสตรีที่ดีงามนัก ทว่าฮูหยินก็มีกิจยุ่ง ข้าอยู่ว่างๆ ก็ไม่กล้าไปเป็นแขกที่จวนท่าน เวลานี้อุตส่าห์ได้มาพบแล้ว ข้าจะต้องขอคำชี้แนะให้ดีๆ หากมีที่ใดละเลยน้องฮั่ว โปรดให้ข้าชดเชยให้ในภายหลัง”
ในเมื่อนางก็พูดเช่นนี้แล้ว ฮูหยินกู้ นางฮั่ว และฮั่วชิงหลิงจึงทำได้เพียงบอกพร้อมกันว่านางเกรงใจเกินไปแล้ว …ฮั่วชิงหลิงพานางแยกตัวออกไปไม่สำเร็จ ชุนจิ่งและเซี่ยจิ่งกลับมาเชิญนางตรงหน้าอย่างนอบน้อม ตนเองจึงไม่อาจไม่ออกไปได้…
เมื่อฮูหยินกู้เห็นว่าไม่อาจทำให้คุณหนูใหญ่ตระกูลซ่งที่จะต้องอยู่เป็นคนคอยช่วยเหลือเว่ยฉางอิ๋ง อีกทั้งยังเป็นที่รู้กันว่านางทั้งหลักแหลมทั้งเก่งกาจแยกตัวออกไปได้ นางจึงไม่อ้อมค้อมอีกแล้ว “วันก่อนฃองค์หญิงหลิงเซียนถูกเรียกตัวเข้าในวัง เมื่อกลับมาที่จวนแล้วก็สั่งให้ขุนนางธุรการมาที่บ้านของข้า เพื่อเอ่ยถึงเรื่องแต่งงาน…”
เว่ยฉางอิ๋งพลันนั่งไม่ติดขึ้นมาทันใด เค้นสมองคิดว่าอีกประเดี๋ยวจะต้องขอขมาอย่างไรให้บ้านฮั่วบรรเทาโทสะลงได้ …ฮูหยินกู้นิ่งไปสักพัก แล้วพูดต่อว่า “แรกเริ่มนั้นบ้านข้าไม่เข้าใจถึงต้นสายปลายเหตุ บุตรชายก็มีความสามารถพื้นๆ จะไปเข้าตาราชสำนักได้เช่นได้? ภายหลังเฉินยวนบุตรชายคนรองก็เอ่ยถึงเรื่องหนึ่งซึ่งเกี่ยวพันกับฮูหยินเว่ยขึ้นมา เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงเรื่องสำคัญในชีวิตของบุตรชายข้า ฉะนั้นบ้านข้าจึงไม่อาจไม่มาสอบถามกับฮูหยินดูสักน้อย หวังว่าฮูหยินโปรดอย่าได้คิดเห็นเป็นอื่น”
“ฮูหยินกู้กล่าวหนักไปแล้วเจ้าค่ะ จะว่าไปแล้วเรื่องนี้ฉางอิ๋งคิดการผลีผลามเหลือเกิน” เว่ยฉางอิ๋งเอ่ยติดๆ ขัดๆ ทั้งหน้าแดงไปหมด
ใจนางเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ ไม่รู้ว่าจะชี้แจงกับคนบ้านฮั่วอย่างไร กลับเป็นซ่งไจ้สุ่ยที่มีสติ เอ่ยถามแทนนางไปคำหนึ่งว่า “ฮูหยินกู้เจ้าคะ ไม่ทราบว่าเรื่องที่คุณชายรองบ้านท่านเอ่ยคือเรื่องใด?”
ฮูหยินกู้ยิ้มเรียบๆ กล่าวว่า “จะว่าไปแล้วก็เป็นเฉินยวนไร้มารยาท เรื่องเป็นดังนี้ …ปีก่อนครั้งพระธิดาเฉิงเสียนออกเรือน ด้วยพระธิดาเป็นหลายตาแท้ๆ ของท่านเสนาบดีปกครอง เฉินยวนจึงต้องไปถวายพระพรที่จวนรุ่นอ๋องด้วย ทว่าเขาพูดไม่เก่ง ทั้งไม่ชอบคนพลุกพล่าน จึงอาศัยโอกาสนี้ขึ้นไปอยู่บนต้นไม้ริมทะเลสาบในอุทยานเพื่อหลบผู้คน ไม่คิดว่า …ไม่นานจากนั้น องค์หญิงอันจี๋และฮูหยินเว่ยก็มาสนทนากันที่ใต้ตนไม้พอดี ด้วยองค์หญิงและฮูหยินเว่ยไม่ได้พาผู้ติดตามมาด้วย เฉินยวนกังวลว่าจะถูกคนเข้าใจผิดเอา จึงเงียบไม่กล้าส่งเสียง และรอจนทั้งสองท่านจากไปก่อน จึงค่อยลงมาจากต้นไม้
“….”
ในโถงพลันเงียบสงัด ซ่งไจ้สุ่ยมองไปทางเว่ยฉางอิ๋งด้วยความเห็นใจอย่างยิ่งหนหนึ่ง นี่เรียกว่าหากไม่ต้องการให้คนรู้ก็จงอย่าทำผิดเสียจริงๆ เพียงคิดก็รู้แล้วว่า องค์หญิงอันจี๋และเว่ยฉางอิ๋งแยกตัวออกมาจากบ่าวติดตาม และมาสนทนากันที่ริมทะเลสาบก็เพื่อหลบเร้นจากหูตาผู้คน ที่ที่พวกนางเลือกกลับคือใต้ต้นไม้ที่ฮั่วเฉินยวนขึ้นไปหลบคน เรื่องนี้ก็ยังแล้วไป แต่เรื่องที่พวกนางพูดกลับเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันตระกูลฮั่วเสียด้วย…
เอาเถิด เวลานี้ก็รู้แล้วว่าบางทีองค์หญิงอันจี๋อาจไม่ได้เป็นคนเอาเว่ยฉางอิ๋งมาขาย
ทว่าคำขององค์หญิงก็ไม่แน่ว่าอาจยังสามารถแก้ต่างได้ คำที่ฮั่วเฉินยวนแอบไปได้ฟังมาโดยไม่ตั้งใจนี้ …แม้แต่ซ่งไจ้สุ่ยเองก็ยังคิดไม่ออกว่านอกจากเว่ยฉางอิ๋งจะยอมรับผิดและขอขมาแล้วยังจะทำสิ่งใดได้อีก?
เว่ยฉางอิ๋งยิ้มอย่างขัดเขินทั้งแข็งทื่อ ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรจึงจะดี?
ดีที่ฮูหยินกู้ยังพูดต่อไปว่า “เฉินยวนบอกว่าครั้งนั้น องค์หญิงอันจี๋ไหว้วานให้ฮูหยินเว่ยช่วยมองหาตัวเลือกพระสวามีให้นาง เพื่อมิให้เลือกคนผิด ทว่าฮูหยินเว่ยบอกว่าคนที่มีคุณสมบัติตามที่องค์หญิงต้องการ น่าจะเป็นคนผู้หนึ่งที่เหมาะสมยิ่งนัก ฟังเฉินยวนบอกว่า องค์หญิงเชื่อใจฮูหยินเว่ยยิ่ง …ยามนี้ทางราชสำนักไหว้วานให้ องค์หญิงหลิงเซียนมาสอบถามกับบ้านข้า จึงขอบังอาจสอบถามฮูหยินเว่ยว่า บุตรชายข้านั้นเป็นฮูหยินแนะนำไปหรือไม่เจ้าคะ?”
เว่ยฉางอิ๋งหน้าแดงหูแดงพลางพยักหน้าหนแล้วหนเล่า พูดติดๆ ขัดๆ ไปว่า “เรื่องนี้เป็นฉางอิ๋งทำไม่ถูก หากฮูหยินจะตำหนิ ฉางอิ๋งขอยอมรับอย่างเต็มใจ และไม่ขอโต้แย้งแม้สักคำเจ้าคะ”
นางยอมรับอย่างง่ายดายเพียงนี้ ทันใดนั้น ฮูหยินกู้กลับไม่รู้จะพูดสิ่งใดแล้ว สักพักจากนั้นจึงบอกว่า “องค์หญิงเป็นกิ่งทองใบหยก บุตรชายข้าต่ำต้อย จะคู่ควรได้อย่างไร?”
เว่ยฉางอิ๋งไม่มีคำจะตอบ บอกได้แต่เพียง “ฉางอิ๋งรู้ผิด สมควรได้รับโทษเจ้าค่ะ”
ฮูหยินกู้พลันหลั่งน้ำตา กล่าวว่า “บ้านข้ากลับไม่ได้มีเจตนาจะตำหนิฮูหยินเว่ย ทว่าบุตรชายข้าไม่คู่ควรกับองค์หญิง เวลานี้ราชสำนักเอ่ยเรื่องแต่งงานขึ้นมา แล้วจะทำเช่นใด?”
แม้จะพูดได้ว่าตระกูลสูงศักดิ์และตระกูลใหญ่มีรากฐานมั่นคงในแคว้น ทว่าราชสำนักก็ยังคือราชสำนัก ชาวบ้านทั่วไปมีนิทานเรื่อง ‘หวังและหม่า[1] ครอบครองใต้หล้า’ ซึ่งทำให้เห็นถึงอำนาจอันยิ่งใหญ่ของกษัตริย์ ทว่าหลังจากหวนจี้พระสวามีขององค์หญิงซินอันถูกปลดจากตำแหน่งราชบุตรเขย องค์หญิงก็ต้องการให้หวังเสียนจือมาอภิเษกกับตน ครั้งนั้นหวังเสียนจือและชือเต้าเม่าภรรยาเอกของเขามีความรักที่ลึกซึ้งต่อกัน ดังนั้นแล้วเพื่อปฏิเสธการแต่งงานครั้งนี้ เขาจึงไม่เสียดายที่จะใช้หญ้าอ้ายเฉ่า[2]มาจุดรบควันที่ฝ่าเท้า จนทำให้หลังจากนั้นป่วยโรคที่เท้าอยู่นานหลายปี …ทว่าก็ยังคงถูกบีบให้หย่าร้างกับซือเต้าเม่าและให้ไปสมรสกับองค์หญิง
เวลานี้อิทธิพลของตระกูลฮั่วไม่สู้ตระกูลหวัง ฮ่องเต้เองก็หาใช่ฮ่องเต้เสี้ยวอู่ตี้ที่มีพระชันษาเพียงสิบเอ็ดปีดังในนิทาน ในเมื่อให้องค์หญิงหลิงเซียนซึ่งมีความใกล้ชิดกับตระกูลฮั่วมาสอบถามแล้ว ตระกูลฮั่วจะกล้าปฏิเสธได้ที่ใดกัน? หรือต่อให้กล้าปฏิเสธ …หรือจะเอาเยี่ยงอย่างซ่งไจ้สุ่ย ให้ฮั่วเจ้าอวี้กรีดหน้าตนเองสักสองแผลหรือ? ฮูหยินกู้จะทนได้ที่ใด
ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้ปฏิเสธไปโดยไม่สนใจสิ่งใด …ซ่งไจ้สุ่ยก็เป็นตัวอย่างให้เห็นแล้ว คุณหนูใหญ่ผู้นี้เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าทั้งเก่งกาจและมีใจคอกว้างขวาง ทั้งยังเป็นบุตรสาวจากภรรยาเอก บิดาและพี่ชายรักใคร่เป็นหนักหนา หาไม่แล้วหากนางเอาแต่อยู่ในบ้านฝั่งมารดาก็จะน่าสงสารยิ่งนัก ฮั่วเจ้าอวี้อาจไม่ต้องกังวลว่าจะหาภรรยาแต่งด้วยไม่ได้ อย่างมากก็แต่งกับคนที่ต่ำศักดิ์กว่า ปัญหาก็คือเรื่องอนาคตของเขาจะทำเช่นใด?
เมื่อเห็นว่าเว่ยฉางอิ๋งไม่มีคำใดจะพูด ซ่งไจ้สุ่ยพลันถอนใจอยู่ในใจ แล้วออกปากว่า “ฮูหยินกู้เจ้าคะ เรื่องนี้เป็นเพราะลูกผู้น้องยังเยาว์ไม่รู้ความ พิจารณาเรื่องต่างๆ ไม่รอบด้าน จนทำให้คุณชายบ้านท่านต้องลำบาก ทว่าเวลานี้ก็ทำผิดไปแล้ว ลูกผู้น้องก็รู้สึกเสียใจหนักหนา หวังเพียงจะสามารถชดเชยให้บ้านท่านได้สักน้อยเจ้าค่ะ”
ดีชั่วเรื่องก็มาถึงขั้นนี้แล้ว เว่ยฉางอิ๋งก็ไม่ได้ไม่ยอมรับผิด …ท่านไม่ได้ไปหาที่ ตระกูลเสิ่น หากแต่ไหว้วานให้บ้านซ่งของข้าไปเชิญนางมา เห็นชัดว่าก็มิได้คิดจะทำให้เรื่องนี้ลุกลามใหญ่โต เวลานี้ท่านคิดว่าจะให้ชดเชยเช่นใดก็ว่ามาตามตรงเถิด!
_____________________
[1] หวังและหม่า หวังหมายถึงตระกูลหวัง และหม่าหมายถึง ตระกูลซือหม่า ที่รวมกับปกครองใต้หล้า
[2] หญ้าอ้ายเฉ่า มีชื่อไทยว่า โกฐจุฬาลัมพาจีน มักนำมาปั้นเป็นก้อนเพื่อใช้รมควันบริเวณที่ฝังเข็ม