ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1002 กษัตริย์ผู้หวนกลับคืน
ตอนที่ 1002 กษัตริย์ผู้หวนกลับคืน
ตูม!
พลังสองสายปะทะเข้าหากันอย่างรุนแรง ตามมาด้วยสุ้มเสียงดังก้องกังวานสนั่นลั่นฟ้าดินสายหนึ่ง กระแสพลังบ้าคลั่งอันน่าหวาดหวั่นกระเพื่อมปรวนแปรแล้วเริ่มแผ่ขยายไปทั่วทุกทิศ!
ทำลายจนพังพินาศย่อยยับไปอย่างง่ายดาย!
เทือกเขาที่ถูกทำลายเสียจนเละเทะไม่เป็นรูปเป็นร่างอยู่ก่อนแล้ว ถูกกระแสพลังสายนี้บดขยี้เข้าเต็มที่เสียจนราบเป็นหน้ากลองโดยสมบูรณ์แบบ!
ภูเขาหินที่แข็งแกร่งถูกป่นอย่างเงียบเชียบจนกลายเป็นผุยผง ฝุ่นผงกระจายไปทั่ว!
ผืนดินเต็มไปด้วยรอยแตกระแหง ปรากฏร่องเหวกระจายไปทั่ว!
…
ครืน…
สายฟ้าจำนวนหนึ่งรวมตัวกัน ก่อให้เกิดเป็นมวลแสงสีเงินขนาดใหญ่ ทันใดนั้นมันก็ถูกฉีกกระชากออกจนเป็นโพรงโพรงหนึ่ง!
หลังจากนั้นไม่นานนัก ฝูงชนก็มองเห็นเงาร่างร่างหนึ่งพุ่งทะยานขึ้นไปราวกับว่าต้องการท้าทายกฎธรรมชาติ!
ความเร็วของนางว่องไวยิ่ง กระบี่ในมือตวัดขึ้น ภายในชั่วพริบตา ทุกคนก็พบว่าโพรงนั้นแผ่ขยายออกด้วยความเร็วสุดขีด!
นางผ่าสายอัสนีบาตนี้เป็นสองซีกซ้ำๆ ลงมือโหดเหี้ยมเสียจนบังเกิดเป็นหนทางอันนองเลือด
กระแสพลังอันรุนแรงเข้าปะทะประชิดติดพัน ทิ้งบาดแผลมากมายนับไม่ถ้วนไว้บนร่างของฉู่หลิวเยว่
บนร่างของนางมีเลือดหยดซึมออกมามิหยุด ทว่านางกลับมิได้ให้ความสนใจเลยแม้แต่น้อย
ทั้งสี่ทิศมีพลังสายฟ้าที่คอยส่งเสียงเปรี๊ยะๆ กำลังรุดเข้ามาใกล้ด้วยความเร็วสูง! ตามด้วยโพรงที่แปรสภาพเป็นรูปร่างวงกลม ทำให้ฉู่หลิวเยว่ตกอยู่ภายใต้วงล้อมของมัน!
ฉู่หลิวเยว่กวาดสายตามองโดยรอบคราหนึ่ง มุมปากก็กระตุกรอยยิ้มเยาะขึ้นมา
คิดจะล้อมจับนางหรือ…
ก็ดูเสียด้วยว่านางยินยอมหรือไม่!
แขนของนางกระตุกคราหนึ่ง เปลวเพลิงสองสายพลันพวยพุ่งออกมาจากฝ่ามือของนางอย่างรวดเร็ว!
สายหนึ่งสีแดงชาด อีกสายหนึ่งโปร่งใส!
เปลวเพลิงทั้งสองชนิดผสมผสานกันเข้าห่อหุ้มตัวกระบี่หลงหยวนอย่างรวดเร็ว!
สายฟ้านับไม่ถ้วนล้วนพากันรุดเข้ามาใกล้!
ในนัยน์ตาของฉู่หลิวเยว่พลันปรากฏความกระหายเลือดอันบ้าคลั่งวาบหนึ่งเคลื่อนผ่าน
“มาได้จังหวะเสียจริง!”
ยังพูดไม่ทันจบคำ นางก็ลงมือไปก่อนแล้ว
คมกระบี่แหลมหาสิ่งใดเปรียบแทงทะลุใจกลางกระแสพลังสายฟ้าที่รุดเข้ามาใกล้อย่างต่อเนื่อง!
ทุกที่ที่เคยก้าวย่างผ่านล้วนมีเปลวเพลิงโหมกระหน่ำขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง!
สายฟ้าที่แผลงฤทธิ์อาละวาดอย่างบ้าคลั่งไปทั่วก่อนหน้านี้ บัดนี้ประหนึ่งสัมผัสได้ถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามา มันเริ่มพุ่งเข้าโรมรันอย่างดุร้าย!
ทว่ายิ่งพวกมันทำเช่นนี้ เปลวเพลิงเหล่านั้นก็ยิ่งโหมกระหน่ำรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก ซ้ำร้ายทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างถูกเผาจนเหี้ยน!
“เปลวเพลิงของซั่งกวนเยว่ต่อกรได้ทัดเทียมกับกระแสพลังของสายอัสนีบาตเลยหรือนี่!?”
กงซุนเซียวที่อยู่ไกลออกไปตกตะลึงเสียจนเสียงแหบแห้ง
“ไม่! เห็นได้ชัดเลยว่าเพลิงของนาง… กลืนกินกระแสพลังเหล่านี้เข้าไปทั้งหมดเลยต่างหาก!”
หนิงหยวนที่ไม่รู้ว่ามาปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อไรลอยอยู่กลางอากาศ สายตาจดจ้องไปยังทิศทางเบื้องหน้า เปิดปากเอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำ
ชั่วขณะหนึ่ง ความลุ่มลึกในนัยน์ตาอันไร้กังวลก็ราวกับว่ามีกระแสคลื่นลมกระพือโหมขึ้นมา
พอเห็นซั่งกวนเยว่ประสบความสำเร็จในการบุกทะลวงกลายเป็นจอมยุทธ์ระดับเจ็ดภายใต้สถานการณ์เช่นนี้แล้ว เขาก็คาดเดาได้แล้วว่า ผลลัพธ์ของการแข่งขันครั้งนี้ย่อมจบลงที่นางเป็นผู้ชนะ
เพียงแต่ว่า สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงก็คือ สมรรถนะในการต่อสู้ของซั่งกวนเยว่นั้นน่าประหลาดใจยิ่งกว่าที่ตนคาดไว้เสียอีก!
นี่สิจึงจะเป็น…ไพ่ตายในมือของนางอย่างแท้จริง!
ผู้คนโดยรอบล้วนจดจ้องไปยังพื้นที่ตรงนั้นด้วยอาการนิ่งงัน ต่างก็ตะลึงเสียจนพูดอันใดไม่ออก
ทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้าล้วนอยู่เหนือความเข้าใจของพวกเขาทั้งสิ้น
ทุกๆ ฉากล้วนเป็นดั่งอภินิหารมหัศจรรย์!
ในระยะเวลาชั่วขณะนั้น ทุกสายตาล้วนเห็นเพียงฉู่หลิวเยว่หมุนกายรอบหนึ่ง และกระบี่หลงหยวนที่หุ้มไปด้วยเปลวเพลิงอันน่าหวาดหวั่น ก็ทำให้กระแสพลังของสายฟ้าที่อยู่โดยรอบลุกไหม้ขึ้นมาทั้งหมดแล้ว!
ตูม!
เปลวเพลิงลุกโหมและระเบิดออกอย่างรุนแรง!
ทะเลเพลิงฉาบไปทั่วผืนฟ้า สะเก็ดไฟปลิวกระจัดกระจายไปทั่ว!
…
พลังของสายฟ้าถูกกลืนกินจนหมดอย่างรวดเร็ว
ผ่านไปได้ไม่นานนัก บนผืนฟ้าก็เหลือเพียงแค่ทะเลเพลิงที่ยังลุกไหม้โหมกระหน่ำอยู่เพียงเท่านั้น
ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็มีร่างเงาร่างหนึ่งโผล่พรวดออกมา!
ท่ามกลางสวรรค์และพสุธา ฉากละครทั้งหมดทั้งมวลในขณะนั้นพลันสูญเสียสีสันไปสิ้น!
มีเพียงสตรีผู้สวมชุดคลุมสีแดงที่กำลังสะบัดปลิว เรือนผมดำดั่งเส้นไหมของนางที่พลิ้วไหว ในมือถือกระบี่สีดำเอาไว้ดูราวกับเทพสงครามผู้มาเยือน! ทั้งยังเหมือนทวยเทพสังหารผู้หวนกลับคืน!
ดวงหน้าของนางเต็มไปด้วยรอยแผลมากมาย ทั้งบนใบหน้าและบนร่างของนางเต็มไปด้วยคราบเลือดที่เปรอะเปื้อน ทว่ามีเพียงดวงตาคู่นั้นที่ส่องประกายเย็นเยียบและแน่วแน่!
ในนัยน์ตาดุจดั่งหยกสีนิลประหนึ่งว่ารีดเอาความสว่างจ้าทั้งหมดจากโลกมนุษย์มาครอง สุกใสสกาวพราวตานัก!
เป็นประกายยิ่งกว่าสมบัติเลอค่านานัปการบนโลกใบนี้เสียอีก!
ในผืนฉากหลังของเปลวเพลิงอันเป็นประกายแสนอบอุ่น เป็นดั่งการไปสู่นิรวาณเพื่อถือกำเนิดขึ้นอีกครั้ง!
…
ร่างของนางขยับคราหนึ่ง จากนั้นก็ร่อนลงอย่างอ่อนช้อย
ชั่วพริบตาที่ปลายเท้าแตะลงบนยอดเขา…ครืน!
เทือกเขาก็พังทลายลง!
ท้ายที่สุดหน้าผาที่ยังคงเหลือรอดตระหง่านก็ทลายลงอย่างสมบูรณ์แบบ!
นางยังคงหยุดยืนอยู่ตรงนั้น นิ่งงันมิไหวติงดุจขุนเขา
นางตวัดข้อมือครั้งหนึ่ง ทะเลเพลิงที่ฉาบเต็มผืนฟ้าอยู่เบื้องหลังก็หลั่งไหลกลับเข้าไปในร่างของนางอย่างรวดเร็ว
ไม่นาน นางก็เลื่อนสายตามองขึ้นมา
ระยะทางนั้นห่างไกลกันมากอย่างเห็นได้ชัด และแน่นอนว่ายังมีค่ายกลอันหนึ่งขวางกั้นไว้ ทว่าในใจของจวินฉีจือและผู้อื่นล้วนเต้นรัวแลสั่นระริก
ท่วงท่าสง่าผ่าเผยเช่นนี้ แรงกดดันอันมหาศาลเยี่ยงนี้… เป็นเพียง… จอมยุทธ์ระดับเจ็ดจริงๆ หรือ!?
ฉู่หลิวเยว่เงื้อมือขึ้น แล้วตวัดกระบี่ฟันลงมา!
ฉึ่บ…
ค่ายกลของหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงถูกผ่าออกในพริบตา!
ร่างของฉู่หลิวเยว่ขยับคราหนึ่ง แล้วทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว!
…
กระทั่งฉู่หลิวเยว่ก้าวข้ามค่ายกลออกไปแล้ว ผู้คนก็ยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าเกิดอันใดขึ้นเสียด้วยซ้ำ
ยามมองไปยังสตรีที่ดูราวกับสามารถมาปรากฏตัวต่อหน้าได้ในพริบตาผู้นั้น คนจำนวนมากล้วนเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง ทั่วทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกที่เหลือเชื่อ
ท่ามกลางความเงียบสงัด เฉินอีเป็นคนแรกที่ก้าวออกไป
เขาปราดตามองฉู่หลิวเยว่ตั้งแต่หัวจรดเท้ารอบหนึ่งอย่างนิ่งสงบ ไม่นานนักมุมปากของเขาหยักยกขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตาที่ติดจะเฉยชาอยู่เสมอแฝงไปด้วยความพึงพอใจและชื่นชอบอย่างไม่คิดจะปิดบังเลยแม้แต่น้อย
มือข้างหนึ่งของเขาวางไว้ตรงอกซ้าย ก้มศีรษะลงเล็กน้อย แล้วเอ่ยด้วยความเคารพนอบน้อมอย่างถึงที่สุดว่า
“ยินดีต้อนรับกลับมาพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
ฉู่หลิวเยว่เองก็คลี่ยิ้มออกมาเช่นกัน
สายตาของเฉินอีนั้นเยี่ยมยอดมาโดยตลอด ย่อมต้องดูออกว่านางได้ทำการฟื้นฟูชีพจรเทียนจิงเรียบร้อยแล้ว
ได้หวนกลับมาเกิดใหม่ เรื่องทุกข์ใจเดียวของนางคือการสูญเสียชีพจรเทียนจิง
ทว่าบัดนี้ เรื่องทุกข์ใจนี้ของนางเองก็ได้รับการสะสางเสร็จสิ้นเสียที ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเรียกได้ว่าสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี!
ผู้อาวุโสเฉินเค่อและคนอื่นเองก็รู้สึกตัวในที่สุด ทุกคนล้วนยากจะปกปิดความตื่นเต้นของตนเอาไว้
นางไม่เพียงยังมีชีวิตอยู่ แต่ยังบุกทะลวงได้อย่างราบรื่นจนกลายเป็นจอมยุทธ์ระดับเจ็ดอีกด้วย!
เรื่องที่สำคัญยิ่งกว่าคือ นางยังสามารถอดทนต่อสายฟ้าทั้งเก้าได้!
อนาคตต่อจากนี้ ย่อมต้องก้าวหน้าไร้ที่สิ้นสุด!
พวกมู่หงอวี่เองก็ทยอยวิ่งตามกันมาทีละคน
หากมิใช่ว่ายังมีความยั้งคิดอยู่บ้าง มู่หงอวี่ก็อาจจะโถมตัวเข้าไปหาตรงๆ แล้วก็เป็นได้
“หลิวเยว่! หลิวเยว่! เจ้าช่างเยี่ยมยอดนัก! ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าต้องทำได้!”
แม้ว่าใบหน้านางจะเปี่ยมไปด้วยความเปรมปรีดิ์เหลือล้น ทว่าขอบตากลับแดงก่ำ เห็นได้ชัดเลยว่าเพิ่งผ่านการร้องไห้มา
ฉู่หลิวเยว่คลี่ยิ้มปลอบประโลม
“วางใจเถอะ ตอนนี้ข้าก็สบายดีไม่ใช่หรือไร?”
แค่สบายดีเฉยๆ น่ะหรือ?
ต้องเรียกว่าได้รับกำไรมาเต็มเม็ดเต็มหน่วยเลยต่างหาก!
เดิมทีคนทุกคนล้วนเปี่ยมไปด้วยความทะเยอทะยาน มักใหญ่ใฝ่สูง ต่างก็อยากเข้าไปพิชิตชัยเหนือหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงด้วยกันทั้งนั้น
ทว่าท้ายที่สุด ผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดกลับเป็นผู้ที่ไม่เคยคาดคิดจะเข้าไปในหุบเขาตั้งแต่แรกอย่างฉู่หลิวเยว่!
แบบนี้ผู้ใดบ้างจะมิคิดอิจฉา?
เจี่ยนเฟิงฉือคลี่พัดออก คิ้วกระบี่เลิกคิ้วเล็กน้อย
“เจ้านี่ช่างดวงแข็งเสียจริง”
แม้จะเอ่ยคำพูดออกไปเช่นนั้น ทว่าขอบตาแลหางคิ้วของเขาแฝงด้วยรอยยิ้ม บ่งบอกว่าเขายินดีกับฉู่หลิวเยว่ด้วยใจจริง
ฉู่หลิวเยว่เองก็เล่นคล้อยตามน้ำไป
“ขอบคุณที่ชม”
สุดท้ายเจี่ยนเฟิงฉือก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
กายเนื้อของนางเปลี่ยนไปแล้วก็จริง แต่นิสัยนี่จะอย่างใดก็ไม่เปลี่ยนเลยแม้แต่น้อย
โดยรวมแล้ว ทุกคนจากราชวงศ์เทียนลิ่งต่างก็คึกคักและมีความสุข
ทว่าคนจากราชวงศ์อื่นย่อมรู้สึกไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก
“ซั่งกวนเยว่”
สุ้มเสียงทุ้มต่ำขุ่นมัวแสนเย็นเยียบเสียงหนึ่งลอยแว่วเข้ามา
ฉู่หลิวเยว่เหลือบสายตาไปมองเล็กน้อย
ที่แท้ก็เป็นถานไถเฉินนั่นเอง
เมื่อเทียบกับตอนที่เจอกันก่อนหน้านี้ ใบหน้าของเขานั้นซีดเซียวและหม่นหมองลงไปมาก นัยน์ตาของเขาแฝงไปด้วยความเย็นชาและมืดมนที่มิอาจลบเลือนออกไปได้
“ตอนนี้… สาแก่ใจแล้วสินะ?”
สิ้นเสียงคำพูด รอบข้างพลันเงียบลงในบัดดล
ทุกคนล้วนรู้สึกได้ถึงความผิดปกติจึงพากันมองไปทางทิศทางนั้น
น้ำเสียงของเขาแฝงไว้ด้วยความโกรธแค้นฝังลึกอย่างปิดไม่มิด
“เจ้าสังหารลูกสาวสุดที่รักของข้า แล้วยังจะจบชีวิตคนของราชวงศ์ไท่อวี่คนอื่นๆ อีก! เจ้า…คิดจะรับผิดชอบอย่างใด?”