ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1013 ร่องรอยในปีนั้น
ตอนที่ 1013 ร่องรอยในปีนั้น
ที่นี่เป็นสถานที่ที่เผาตัวนางในเมื่อชาติที่แล้ว ไม่มีใครรู้จักที่นี่ดีไปมากกว่านางอีกแล้ว!
อากาศเหมือนจะมีกลิ่นเผาไหม้อยู่บางๆ มันทั้งหนักหน่วงและอ้างว้าง
ฉู่หลิวเยว่สาวเท้าไปด้านหน้า
หลังจากเดินไปสักพัก ตรงด้านหน้าของนางก็คือบันได
ด้านข้างบันไดมีไข่มุกธาราประทีปฝังเอาไว้อยู่หนึ่งเม็ด นั่นคือแสงสว่างที่พวกเขาเห็นเมื่อครู่นี้
หากเดินต่อไปอีกไม่นาน จะเจอกระเบื้องหยก
กระเบื้องหยกนี้มีลักษณะทรงกลมและมีรูอยู่ด้านบน
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ใช้มือกดเข้าที่ไข่มุกธาราประทีปเม็ดนั้น
แกร๊ก!
กระเบื้องหยกค่อยๆ เคลื่อนตัวออกอย่างช้าๆ
แสงสว่างปรากฏออกมาจากรอยแยกนั้น!
ฉู่หลิวเยว่ยกมือขึ้นมาบังดวงตา เมื่อกระเบื้องหยกถูกผลักออกไปจนหมด นางก็กระโดดเข้าไปทันที!
ชีหานและคนอื่นๆ ตามเข้าไปอย่างรวดเร็ว!
…
ทันใดนั้นพวกเขาก็สามารถออกจากอุโมงค์ที่คับแคบได้แล้ว หลังจากที่สายตาปรับแสงได้แล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็มองไปรอบๆ นางมั่นใจว่า ที่นี่คือหอบรรพกษัตริย์ของตำหนักตะวันตกแน่นอน
เนื่องจากเกิดเหตุไฟไหม้เมื่อสองปีก่อน ที่นี่จึงเหลือเพียงแต่ซากปรักหักพัง
ร่องรอยความสูญเสียมากมาย สภาพทรุดโทรม รกร้างว่างเปล่า
หลังจากที่ฉู่หลิวเยว่เกิดใหม่ นี่คือครั้งแรกที่นางมาที่นี่
นางเม้มริมฝีปาก
ในตอนนั้นนางคิดเพียงแต่ว่า นางต้องการจะตายไปพร้อมกับเจียงอวี่เฉิง แต่คิดไม่ถึงว่าเปลวเพลิงเหล่านั้นจะทำลายหอบรรพชนทั้งหมดโดยตรง
“ที่แท้อุโมงค์นี้ เป็นเส้นทางตัดผ่านจากตำหนักฮวาหยางไปยังหอบรรพกษัตริย์…”
หลังจากชีหานออกมา เขาก็มาหยุดยืนอยู่ด้านหลังของฉู่หลิวเยว่ พร้อมมองไปรอบๆ และอดพึมพำเสียงเบาไม่ได้
ที่พวกเขาทำเช่นนี้จะต้องมีจุดประสงค์อย่างแน่นอน แต่ว่า…จุดประสงค์เหล่านั้นคืออันใด?
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดถึงคำถามนี้
นางก้มหน้ามองกระเบื้องหยกแผ่นนั้นอย่างละเอียด นางสามารถมองเห็นเพราะขอบที่สึกหรอได้อย่างชัดเจน
อุโมงค์นี้…บางทีอาจจะมีก่อนหน้านี้มานานแล้ว!
หอบรรพชน โดยเฉพาะหอบรรพกษัตริย์ คนทั่วไปไม่สามารถเข้าใกล้ได้
แล้วเหตุใดพวกเขาถึงเสี่ยงขุดอุโมงค์เส้นทางนี้ขึ้นมา?
ความจริงแล้วในเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ฉู่หลิวเยว่ก็ไม่เข้าใจมาโดยตลอด
หากพวกเขาต้องการจะฆ่านาง ความจริงแล้วก็มีสถานที่มากมายให้ลงมือ แต่เหตุใดถึงต้องเลือกที่หอบรรพกษัตริย์
…
ฉู่หลิวเยว่นิ่งเงียบไปสักพักหนึ่ง แต่ก็ไม่พบเบาะแสอันใด
ทุกอย่างที่นี่ถูกเผาไหม้จนวอดวายไปหมดแล้ว
อีกทั้งหอบรรพกษัตริย์เป็นสถานที่ที่สำคัญ แม้ว่าซั่งกวนหว่านจะเดินออกมาจากอุโมงค์อย่างเงียบ ๆ แต่นางก็ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก
หลังจากมองภายในห้องอยู่ครู่หนึ่ง ฉู่หลิวเยว่ก็เดินออกมา แล้วตรงไปที่ตำหนักใหญ่
หลังจากที่เดินออกมา ฉู่หลิวเยว่ก็พบร่องรอยการซ่อมแซมที่สดใหม่มากอยู่ด้านนอกตำหนักตะวันตก
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นคำสั่งของซั่งกวนหว่าน
เพียงแต่ยังไม่ทันได้ซ่อมแซมเสร็จ ซั่งกวนหว่านก็เกิดเรื่องเสียก่อน เรื่องของฝั่งทางด้านนี้ จึงยืดเยื้อออกไปเช่นนี้
เมื่อกลับมาดูอีกครั้งทำให้คนอื่นรู้สึกปลงตกอย่างมาก
ฉู่หลิวเยว่ยืนอยู่หน้าประตูครู่หนึ่ง จากนั้นนางก็รู้สึกว่ามีอันใดบางอย่างหยดลงบนใบหน้าของนาง
นางเงยหน้าขึ้นไปมอง ไม่รู้ว่าท้องฟ้ากลายเป็นสีมืดครึ้มไปตั้งแต่เมื่อไร อีกทั้งในตอนนี้ฝนก็เริ่มโปรยปรายลงมาแล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน ฝนก็ตกลงมาเป็นสาย เหมือนดั่งเส้นไหมจำนวนนับไม่ถ้วน พร้อมดึงฟ้าดินให้เชื่อมเข้าด้วยกัน
ฉู่หลิวเยว่มองตรงไป
ตำหนักหลักของหอบรรพกษัตริย์ที่เคยถูกไฟเผาไหม้ เมื่อดูจากด้านนอกแล้ว ทุกอย่างยังคงรักษาไว้ได้อย่างดีเยี่ยม
เพราะว่าองค์ปฐมกษัตริย์เคยวางค่ายกลเอาไว้ที่ด้านนอกของหอบรรพชนตั้งแต่ในปีนั้นแล้ว
หากเกิดเรื่องอันตราย ค่ายกลนั้นจะทำงานทันที
น่าเสียดายที่เปลวเพลิงในปีนั้นเกิดขึ้นจากด้านใน
แต่เมื่อมองจากทางนี้ก็ยังเห็นร่องรอยความเสียหายได้อยู่เล็กน้อย
“นายท่าน!”
ชีหานเดินตามขึ้นมา จากนั้นก็มองนางด้วยสายตาซับซ้อน
เขาไม่รู้ว่า ในปีนั้นนางมีความคิดเห็นแบบใดถึงตัดสินใจเผาตัวเอง
เมื่อกลับมามองสถานที่นี้ นางจะรู้สึกสะเทือนใจอย่างใดบ้าง?
สำหรับฝ่าบาทแล้ว ที่นี่คือสถานที่ที่นางได้รับความเจ็บปวดมากที่สุดในชีวิต หากไม่ใช่เพราะต้องการสืบหาความลับของอุโมงค์ประหลาดนั้น ฝ่าบาทก็คงไม่มาที่นี่อีกสินะ?
ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้น
“พวกเจ้าเฝ้าอยู่ที่โถงทางเดินนี้ ข้าจะเข้าไปดูที่ด้านใน”
เดิมทีชีหานต้องการจะตามนางเข้าไปด้วย แต่เมื่อเห็นสีหน้าราบเรียบของนาง เขาจึงพยักหน้าตอบรับ
“พ่ะย่ะค่ะ!”
…
ฉู่หลิวเยว่ไม่เคยคิดมาก่อน ว่านางจะสามารถกลับมาได้
ต่อให้นางกลับมาเกิดใหม่แล้ว สิ่งที่นางคิดอยู่ตลอดเวลานั้นคือการแก้แค้น นางไม่เคยคิดว่าจะกลับมาที่นี่เลย
นางมักจะหลีกเลี่ยงปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้โดยไม่รู้ตัว
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะนางเคยได้รับการหักหลังที่รุนแรงที่สุด รับความเจ็บปวดถึงกระดูกมาจากที่นี่หรือไม่
ก่อนหน้านี้ด้วยสถานะของนาง นางไม่มีทางเข้าใกล้ที่นี่ได้
ตอนนี้นางได้พระนามเดิมกลับคืนมาแล้ว และยังสามารถเข้าออกที่นี่ได้ทุกเมื่อ แต่นางไม่เคยกลับมาที่นี่เลย
คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้ เพราะช่องทางลับประหลาดช่องทางหนึ่ง จะทำให้นางได้กลับมาเช่นนี้
ฝนตกหนักมากขึ้นเรื่อยๆ เม็ดฝนตกกระทบหลังคา ทำให้เกิดเสียงดังเปาะแปะ
ฉู่หลิวเยว่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็ผลักประตูใหญ่แล้วเดินเข้าไป เหมือนกับการเปิดกล่องที่ถูกปิดตายมานาน กลิ่นอับคละคลุ้งในอากาศ
ฉู่หลิวเยว่เหลือบสายตาไปมอง
ยกเว้นแต่ป้ายวิญญาณของบรรพบุรุษที่อยู่ด้านในสุดเท่านั้นที่ยังอยู่ในสภาพดี ส่วนอื่นๆ แทบจะโดนเผาไหม้ไปทั้งหมดแล้ว
นางเดินเข้าไป จากนั้นก็คุกเข่าด้านหน้าโต๊ะวางป้ายวิญญาณ ก่อนจะทำความเคารพสามครั้ง
ในตอนแรกนางตั้งใจจะตาย แต่ก็เกือบจะทำลายป้ายวิญญาณของบรรพบุรุษ
หากนางทำเช่นนั้นจริงๆ ต่อให้นางเสียใจก็ไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้แล้ว
ร่างโปร่งแสงปรากฏขึ้นที่ด้านข้างของฉู่หลิวเยว่
นั่นคือ องค์ปฐมกษัตริย์นั่นเอง
เขาจ้องป้ายวิญญาณเหล่านั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะมองไปยังฉู่หลิวเยว่ที่นั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น พร้อมถอนหายใจออกมา
“นังหนู ไม่จำเป็นต้องโทษตัวเองขนาดนั้น คนที่ผิดคือเจียงอวี่เฉิงและซั่งกวนหว่าน ต่อให้เป็นการลงโทษ พวกเขาทั้งสองคนก็ควรเป็นคนได้รับ เจ้า…เป็นผู้บริสุทธิ์ ข้าไม่โทษเจ้า ถ้าคนเหล่านี้รู้ ก็ไม่มีทางโทษเจ้าเช่นกัน”
ฉู่หลิวเยว่ยืดตัวตรง ตรงหน้าอกเหมือนมีอันใดพลุ่งพล่านขึ้น
คำพูดนับหมื่นนับพัน สุดท้ายพูดออกมาแค่ประโยคเดียว
“ขอบคุณมากเจ้าค่ะองค์ไท่จู่”
องค์ปฐมกษัตริย์ยิ้มออกมา จากนั้นก็ลูบศีรษะของนาง
“เจ้าเป็นเด็กดี ถือว่าเป็นโชคดีอย่างมากที่ตระกูลซั่งกวนมีเจ้าอยู่”
แม้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นเพียงแค่วิญญาณ สัมผัสไปก็ไม่รู้สึก แต่ฉู่หลิวเยว่รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างมาก
นางมองไปโดยรอบ แล้วถอนหายใจออกมา ราวกับว่าได้ปลดปล่อยอารมณ์ที่สั่งสมมานานออกมาทั้งหมด
“หลังจากกลับไป ข้าจัดส่งคนมาซ่อมแซมหอบรรพกษัตริย์ใหม่อีกครั้ง”
“เรื่องนี้ไม่ต้องรีบ หอบรรพชนนี้มีอันใดน่าสนใจตรงไหน? ข้าว่าข้าติดตามเจ้าไปยังจะสนุกเสียกว่า”
องค์ปฐมกษัตริย์พูดหยอกล้อ
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ความรู้สึกผิดและเศร้าเสียใจที่มีก่อนหน้านี้ ลดจำนวนลงไปมาก
ถือว่าเป็นเรื่องโชคดีมากที่นางได้รับความรักและเอ็นดูจากองค์ปฐมกษัตริย์
“หื้อ? นั่นคืออันใดน่ะ?”
ทันใดนั้นสายตาขององค์ปฐมกษัตริย์ก็ชะงักไป พร้อมมองไปที่มุมโต๊ะ
ที่มุมโต๊ะตัวนั้นมีคราบเลือดสีแดงหลงเหลืออยู่
ฉู่หลิวเยว่มอง
“ตอนแรกข้าได้ชนกับมุมโต๊ะตัวนี้ จากนั้นก็…”
ในตอนที่ฉู่หลิวเยว่กำลังจะอธิบาย ทันใดนั้นเองนางก็รู้สึกว่าไข่มุกธาราที่อยู่ภายในตันเถียนของนางก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง
**********************************