ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1014 สัญลักษณ์
ตอนที่ 1014 สัญลักษณ์
เสียงของฉู่หลิวเยว่ชะงักค้างไป
หลังจากไข่มุกธาราสั่นสะท้านอยู่สักพัก มันก็ยังไม่ยอมหยุด แต่มันกลับกระเพื่อมเป็นจังหวะแทน
พลังภายในของนางก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน และเริ่มรั่วไหลอย่างรวดเร็ว!
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
ไข่มุกธาราเม็ดนี้นิ่งเงียบดั่งขุนเขา
ถ้าไม่เจอสถานการณ์พิเศษ เดิมทีมันจะไม่มีทางเคลื่อนไหว
เหตุใดตอนนี้ถึง…
“นังหนู เป็นอันใดไปหรือ?”
เมื่อสัมผัสได้ว่าฉู่หลิวเยว่มีอันใดบางอย่างผิดปกติไป องค์ปฐมกษัตริย์จึงถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
ฉู่หลิวเยว่ยังไม่ทันได้ตอบ ไข่มุกธาราที่อยู่ในตันเถียนของนางนั้น ก็เปลี่ยนเป็นหน้าหนังสือที่ไม่สมบูรณ์มีลักษณะโปร่งแสง
มันลอยอยู่อย่างเงียบๆ ลวดลายทั้งเจ็ดที่บ่งบอกว่าเป็นจอมยุทธ์ระดับที่เจ็ดก็หายไปเช่นกัน
ทันใดนั้นเอง ตำแหน่งตรงกลางของหน้ากระดาษหนังสือแผ่นนั้น ก็ปรากฏอักขระยันต์สีเลือดตัวหนึ่งออกมา!
ฉู่หลิวเยว่คุ้นตากับสิ่งนี้อย่างมาก
เพราะว่าหลังจากนางมาเกิดใหม่ นางเคยเห็นอักขระยันต์สีเลือดแบบนี้ ปรากฏอยู่ที่กลางฝ่ามือของนาง!
แต่ตอนนี้ เหตุใดมันถึงปรากฏขึ้นอีกครั้ง…
เหมือนกับฉู่หลิวเยว่ได้รับแรงกระตุ้นอันใดบางอย่าง จึงยื่นมือออกไป
ทันทีที่ปลายนิ้วสัมผัสกับคราบเลือดที่แห้งกรังนั้น คาดไม่ถึงว่าคราบเลือดนั้น จะ “มีชีวิต” ขึ้นมา!
มันรวมตัวกันเป็นก้อน จากนั้นก็ค่อยๆ ลอยขึ้น!
ก่อนจะตกลงกลางฝ่ามือของฉู่หลิวเยว่ จากนั้นรูปร่างของมันก็เหมือนกับอักขระยันต์ไม่มีผิดเพี้ยน!
ขณะเดียวกันนั้นเอง ฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกเจ็บที่ขมับอย่างกะทันหัน!
ภาพความทรงจำจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นในสมองของนาง
ทั้งคุุ้นเคย และไม่คุ้นเคย
ทั้งจำได้ และจำไม่ได้
ราวกับว่ามีอันใดบางอย่างกำลังขุดที่สมองของนาง!
“นังหนู! นังหนู!? เจ้าเป็นอันใดไป!?”
เมื่อเห็นฉู่หลิวเยว่มีท่าทางเช่นนั้น องค์ปฐมกษัตริย์ก็ร้อนใจอย่างมาก
แต่ในตอนนั้นฉู่หลิวเยว่ไม่มีทางได้ยินเสียงเรียกของเขาเลย
มีเสียงเดียวเท่านั้นที่ดังขึ้นอย่างชัดเจน
“เยว่เอ๋อ”
นั่นคือเสียงของหรงซิว!
เหมือนว่าเขากำลังพูดอันใดบางอย่างกับนางอยู่ แต่ฉู่หลิวเยว่ได้ยินไม่ชัด
องค์ปฐมกษัตริย์เห็นว่าสถานการณ์ผิดปกติ ในช่วงเวลาที่เร่งรีบ เขากำลังจะลงมือ แต่กลับเห็นว่าร่างกายของนางอ่อนตัวลง แล้วล้มลงที่พื้น
“นังหนู!”
องค์ปฐมกษัตริย์รีบเดินเข้าไป พร้อมตะโกนเสียงดังอยู่หลายครั้ง
ยังดีที่ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้สูญสิ้นสติสัมปชัญญะไปทั้งหมด เมื่อเห็นท่าทางร้อนรนขององค์ปฐมกษัตริย์ นางก็รีบยันตัวขึ้น
“องค์ไท่จู่วางใจเถอะ ข้า…ข้าไม่เป็นไร…”
“จะไม่เป็นไรได้อย่างใด! น้ำเสียงของเจ้าอ่อนแรงยิ่งนัก”
องค์ปฐมกษัตริย์อดพูดขึ้นเสียงดังไม่ได้
ในตอนนี้แล้ว นังหนูยังจะแสร้งทำเป็นแข็งแกร่งอยู่อีกเหตุใด?
“เพียงแต่…ข้า…นึกเรื่องอันใดบางอย่างขึ้นมาได้…”
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วขึ้น
ในที่สุดความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงหัวใจก็ค่อยๆ จางหายไป แต่อานุภาพนั้นยังหลงเหลืออยู่ ซึ่งมันยากจะรับไหวจริงๆ
องค์ปฐมกษัตริย์ได้ยินดังนั้น หัวใจของเขาก็เต้นแรงขึ้น
“…เจ้า เจ้านึกอันใดขึ้นมาได้หรือ?”
เขาพอจะรู้ว่าได้สูญเสียความทรงจำส่วนที่สำคัญที่สุดไป อีกทั้งความทรงจำเหล่านั้น ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณที่ถูกขังอยู่ในเจดีย์ฐานสี่เหลี่ยมสีดำอันนั้นที่อยู่ภายในร่างกายของนาง
หากนางนึกขึ้นมาได้แล้ว…
“ตอนนี้ยังค่อนข้างสับสน”
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะขมขื่นอย่างช่วยไม่ได้
เมื่อครู่นี้ในสมองของนางปรากฏภาพความทรงจำมากมายที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน
เพียงแต่ภาพความทรงจำเหล่านั้นส่วนใหญ่แล้ว ทั้งเลือนรางและกะพริบผ่านไปมาอย่างรวดเร็ว ยากหนักที่นางจากนึกออกขึ้นมาอีกรอบ ตอนนี้นางจึงจำได้เพียงส่วนเล็กๆ เท่านั้น
อีกทั้งภาพความทรงจำส่วนนั้นที่นางนึกออก ไม่ได้ปรากฏภาพของใครคนใดคนหนึ่ง ส่วนใหญ่แล้วมันเป็นภาพเหตุการณ์ที่เลือนราง
“ข้า…ตอนนี้ยังคิดไม่ค่อยออก”
“ไม่เป็นไรๆ เรื่องเหล่านี้จะรีบร้อนไม่ได้ ตอนนี้ความทรงจำของเจ้าค่อยๆ กลับคืนมาแล้วไม่ใช่หรือ? หลังจากนี้จะต้องสามารถจำเรื่องราวทั้งหมดได้อย่างแน่นอน”
องค์ปฐมกษัตริย์เห็นว่านางไม่เป็นไร จึงถอนหายใจออกมา
สำหรับเขาแล้ว ชีวิตและความปลอดภัยของฉู่หลิวเยว่สำคัญที่สุด
ส่วนเรื่องอื่นๆ นั้น…สามารถจัดการในภายหลังได้
เมื่อเห็นใบหน้าที่เหนื่อยล้าของฉู่หลิวเยว่ องค์ปฐมกษัตริย์ก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจ เขากวาดสายตามองไปยังฝ่ามือของนาง และลังเลเล็กน้อยที่จะพูด
ฉู่หลิวเยว่สังเกตเห็นได้ถึงความผิดปกติเหล่านี้ นางจึงเงยหน้าขึ้นมา จากนั้นก็มองที่กลางฝ่ามือของตนเอง
อักขระยันต์โลหิตตัวนั้นหายไปตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบ คราบเลือดที่อยู่มุมโต๊ะ ก็หายไปนานแล้ว
นอกเสียจากรอยหักของมุมตกนั้น ที่บันทึกเอาไว้ว่าก่อนหน้านี้ได้เกิดเรื่องอันใดขึ้น ส่วนอื่นๆ ที่เหลือได้จางหายไปหมดแล้ว
หากฉู่หลิวเยว่ไม่ได้ทิ้งร่องรอยนั้นด้วยตนเอง และเมื่อครู่นี้ไม่ได้เห็นด้วยตาตนเอง
เกรงว่านางจะคิดว่า โต๊ะตัวนี้เป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว สะอาดและไม่มีคราบเลือด
“องค์ไท่จู่ ท่านมีอันใดจะพูดหรือไม่?”
องค์ปฐมกษัตริย์รีบส่ายหน้า
“ไม่มี”
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ
“ตอนนี้ข้าไม่เป็นอันใดแล้ว ท่านมีอันใด ก็พูดมาตามตรงเถอะ!”
องค์ปฐมกษัตริย์ลอบถอนหายใจ นังหนูคนนี้ฉลาดเป็นกรด หากคิดจะปิดบังนาง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
เขากวาดสายตามองไปโดยรอบอย่างระมัดระวัง ก่อนจะสาวเท้าก้าวเข้ามาหนึ่งก้าว และสบสายตากับฉู่หลิวเยว่
“นังหนูเยว่เออร์ อักขระยันต์สีโลหิตที่ปรากฏอยู่บนตัวของเจ้านั้น…เจ้ามีของสิ่งนี้ได้อย่างใด?”
รูม่านตาของฉู่หลิวเยว่หดเล็กลง แววตาสว่างวาบ!
“ท่านเคยเห็นของสิ่งนั้นมาก่อนหรือ?”
องค์ปฐมกษัตริย์สบสายตากับนาง หลังจากผ่านไปสักพักเขาถึงพยักหน้าขึ้นลง
“เคยเห็นหนึ่งครั้ง”
มิน่าล่ะ!
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกตื่นเต้นขึ้นทันที
“ของสิ่งนี้มีความเป็นมาอย่างใดกันแน่?”
แต่องค์ปฐมกษัตริย์กลับส่ายหน้า
“เจ้าพูดมาก่อน ว่าเจ้าได้ของชิ้นนี้มาได้อย่างใด”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่เคร่งเครียดขึ้นขององค์ปฐมกษัตริย์ หัวใจของฉู่หลิวเยว่ก็กระตุกวูบ
อักขระยันต์สีโลหิตนี้ เกรงว่าจะมีที่มาไม่ธรรมดา!
“ข้าเองก็ไม่รู้ ตั้งแต่ข้ากลับมาเกิดใหม่ ของชิ้นนี้ก็อยู่กับข้ามาโดยตลอด”
ฉู่หลิวเยว่พูดพร้อมยกมือขึ้น
ในตอนนั้นเอง กลางฝ่ามือของนางก็กลายเป็นสีขาวโพลน
“ตอนนั้นมันปรากฏตัวขึ้นที่นี่ แต่ว่าก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว และหลังจากนั้น…มันก็แทบจะไม่ได้ปรากฏตัวออกมาอีกเลย จนกระทั่งครั้งนี้ เหตุใดมันถึงตอบสนองกับคราบเลือดที่ทิ้งอยู่บนโต๊ะตัวนั้น…ข้าเองก็ไม่รู้”
นางเคยคิดถึงปัญหานี้มาก่อน แต่ว่าก็คิดไม่ออก เมื่อเวลาผ่านไป นางจึงไม่ได้คิดมากแล้ว
แต่ความเป็นจริงแล้ว กระดาษหนังสือที่ฉีกขาดภายในตันเถียนของนางนั้น ได้กลับมาสู่รูปลักษณ์ของไข่มุกธาราอีกครั้งแล้ว
ราวกับว่าเรื่องราวก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
แต่หลังจากที่ฉู่หลิวเยว่อธิบายจบ องค์ปฐมกษัตริย์ก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้น และเงียบไปอยู่นาน
“…องค์ไท่จู่?”
ฉู่หลิวเยว่ตะโกนเรียกหนึ่งครั้ง
องค์ปฐมกษัตริย์จึงมองมาที่นางด้วยสายตาสับสน ก่อนจะพูดว่า
“อักขระยันต์สีโลหิตนี้ ข้าเคยเจอเพียงครั้งเดียวอีกทั้งยังเจอบนร่างกายของมหาเซียนเทพผู้ยิ่งใหญ่”
ฉู่หลิวเยว่เบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย
“มหาเซียนเทพผู้ยิ่งใหญ่? คนแบบนั้น…เขาเป็นคนแบบไหนกันแน่?”
องค์ปฐมกษัตริย์ส่ายหน้า ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย ราวกับกำลังนึกถึงภาพความทรงจำในสมัยนั้น
“ตอนนั้น ข้าได้สถาปนาราชวงศ์เทียนลิ่งแล้ว ในใจของข้าเต็มไปด้วยความต้องการที่จะเลื่อนขั้นไปสู่จอมยุทธระดับเก้า หลักก้าวข้ามระดับที่สูงกว่านั้น! ดังนั้นจึงสละตำแหน่งจักรพรรดิ แล้วตั้งใจไปทะลวงด่านด้วยตัวคนเดียว! ระหว่างขั้นตอนเหล่านั้น ข้าได้เจอกับยอดฝีมือจำนวนนับไม่ถ้วน! เมื่อเทียบกับพวกเขาแล้ว ข้า…ไม่มีค่าพอให้พูดถึงด้วยซ้ำ!”
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกตกใจอย่างยิ่ง
คนที่สามารถทำให้องค์ปฐมกษัตริย์พูดเช่นนี้ออกมาได้ ต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งจนยากจะจินตนาการออก!
“อีกทั้งในตอนนั้น ข้าก็ได้เจอคนหนึ่งที่มีอักขระยันต์สีเลือดแบบเดียวกันนี้”
องค์ปฐมกษัตริย์พูดถึงเท่านี้ เขาก็หยุดชะงักไป ก่อนจะมองหน้าฉู่หลิวเยว่ด้วยสายตาสับสน
“ความจริงแล้วของชิ้นนี้ ไม่ใช่อักขระยันต์ธรรมดา แต่มันคือ…สัญลักษณ์!”
**********************************