ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1017 รอไม่ได้
ตอนที่ 1017 รอไม่ได้
ฉู่หลิวเยว่กวาดอากาศ
กายเนื้อของเจียงอวี่เฉิงถูกทำลายอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็เหลือเพียงกองเลือดสีดำเท่านั้น
มีอันใดบางอย่างพวยพุ่งอยู่ภายใน อีกทั้งหายไปอย่างรวดเร็ว
ตอนที่ฉู่หลิวเยว่รีบเข้ามา กองเลือดนั้นก็แห้งกรังหมดแล้ว มีเพียงกลิ่นอายของความตายที่กระจายอย่างเข้มข้น!
“ดูเหมือนว่าฝ่ายตรงข้ามจะเตรียมการมาเป็นเวลานาน เขาถึงสามารถพรากวิญญาณของเจียงอวี่เฉิงไปได้โดยตรง และทำให้เขาหนีไปได้อย่างรวดเร็ว”
องค์ปฐมกษัตริย์พูดขึ้นเสียงเรียบ
นางจ้องมองมันตาเขม็ง แววตาเย็นชามากขึ้น
“ลงมือได้รวดเร็วมาก…”
ฝั่งของนางเพิ่งสังเกตเห็นถึงสัญญาณ แต่อีกฝ่ายก็ลงมืออย่างไม่ลังเลเลย!
เห็นได้อย่างชัดเจนว่า อีกฝ่ายนั้นแข็งแกร่งกว่าที่นางคิดไว้เสียอีก อีกทั้งยังมีความระวังตัวสูงมาก!
ไม่อย่างนั้นเจียงอวี่เฉิงจะไม่มีทางถูกจัดการได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้!
เบาะแสนี้ ถูกตัดขาดไปอีกแล้ว!
“นังหนูไม่ต้องกังวลไป กายเนื้อของเจียงอวี่เฉิงถูกทำลาย ต่อให้มีวิญญาณ แต่พลังปราณตั้งต้นก็ได้รับความเสียหายร้ายแรง หากไม่สามารถเลี้ยงดูอย่างดี ต่อให้เจอกายเนื้อที่เหมาะสม ชาตินี้ทั้งชาติเขาก็จะต้องกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนที่โดดเดี่ยวแล้ว”
“น่าเสียดายที่ไม่สามารถฆ่าเขาได้ด้วยมือตัวเอง…”
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วพึมพำเสียงเบา
“ตอนนี้การฆ่าเขาหรือไม่นั้นไม่สำคัญ ที่สำคัญก็คือ…ต้องค้นหาว่าใครอยู่เบื้องหลัง! เพราะนั่นคือคนที่คิดจะทำร้ายเจ้าตัวจริง!”
ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจออกมาเบาๆ และพยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นก็ถามขึ้นว่า
“องค์ไท่จู่ นอกจากที่นี่แล้ว ท่านสามารถมองเห็นอันใดได้บ้าง?”
“ฝ่ายตรงข้ามอำพรางวิธีลงมืออย่างมาก อีกทั้งเห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนไม่ธรรมดา…หากต้องการจะสืบค้น เกรงว่าจะเป็นเรื่องยาก”
น้ำเสียงขององค์ปฐมกษัตริย์เคร่งขรึม
“เลือดสีดำและกลิ่นอายความตายเข้มข้นนั้น เป็นกุญแจดอกสำคัญ หากต้องการตามหาสถานที่ ก็มีเพียงหนทางเดียวเท่านั้น บางที…อาจจะต้องไปอาณาจักรเสิ่นซวี่ด้วยตัวเอง”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
ต่อให้องค์ปฐมกษัตริย์ไม่พูด นางก็จะไปอยู่แล้ว
นางมีลางสังหรณ์บางอย่าง ในช่วงเวลาที่นางสูญเสียความทรงจำ น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาณาจักรเสิ่นซวี่แน่นอน!
“แล้วให้เขาหนีไปแบบนี้หรือ น่าเสียดายออก”
ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้น จากนั้นก็ใช้เปลวไฟทำความสะอาดบริเวณนั้นทันที
…
ภายในวันเดียวกัน ซั่งกวนหว่านเสียชีวิต เจียงอวี่เฉิงระเบิดตัวเองและหนีไป
นักโทษทั้งสองคนที่ถูกคุมขังอยู่ในตำหนักฮวาหยาง หายไปโดยไร้ร่องรอย
ตอนที่ฉู่หลิวเยว่กลับมายังตำหนักของตัวเองก็ดึกมากแล้ว
หลังจากนางล้างเนื้อล้างตัว เดิมทีนางคิดจะพักผ่อน แต่เมื่อล้มตัวนอนลงบนเตียง กลับนอนไม่หลับ
นางพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงครู่หนึ่ง จากนั้นก็ลุกขึ้นมานั่ง
อันที่จริงวันนี้วันเดียว นางผ่านเรื่องราวมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นจิตวิญญาณหรือร่างกาย ต่างรู้สึกเหนื่อยล้าอย่างมาก
แต่ภายในสมองของนาง กลับเหมือนเชือกที่ตึง ไม่ว่าอย่างใดก็ไม่สามารถผ่อนลงได้
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หยิบหนังสือออกมา
มันเป็นบันทึกชีวิตประจำวันแปลกๆ ที่นางเจอบนชั้นหนังสือในตอนนั้น
นางรู้สึกอยู่เสมอว่าหนังสือเล่มนี้มีความสำคัญต่อนางมาก
ดังนั้นตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา นางจึงพกหนังสือเล่มนี้ติดตัวไปด้วยเสมอ
นางพลิกอ่านอย่างละเอียด แต่ก็ยังไม่เข้าใจ
ตอนที่นางพลิกไปหน้าสุดท้าย นางก็เห็นตัวอักษรบรรทัดหนึ่งอีกแล้ว
“รัชศกซินหยวนลี่…”
ฉู่หลิวเยว่พึมพำเสียงต่ำ
หรือว่าจะเป็นรัชศกของอาณาจักรเสิ่นซวี่…
เมื่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฉู่หลิวเยว่ก็วางหนังสือกลับไป และกลับไปนั่งสมาธิ เริ่มต้นบำเพ็ญเพียรอีกครั้ง
หลังจากพลังดั้งเดิมภายในร่างกายเริ่มโคจรจักรวาล[1]แล้ว ความวุ่นวายในใจของนางก็สงบลง
…
เช้าวันรุ่งขึ้น ซั่งกวนโหยวก็มาหานางที่ตำหนักเจาเยว่
เมื่อเขาเห็นฉู่หลิวเยว่ ซั่งกวนโหยวก็ถามขึ้นมาทันที
“เยว่เอ๋อเมื่อวานพ่อได้ยินว่าที่ตำหนักฮวาหยางเกิดเรื่องขึ้น”
สีหน้าของเขาดูกระวนกระวายเล็กน้อย ในใจของฉู่หลิวเยว่จึงรู้สึกแปลกใจ แต่ก็ยังพยักหน้าเบาๆ
“เพคะ”
เมื่อเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้น คนทั่วไปไม่รู้ ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ซั่งกวนโหยวจะต้องรู้อย่างแน่นอน
ฉู่หลิวเยว่ก็ไม่ได้ปิดบังอันใด และเล่าเรื่องให้เขาฟังอย่างคร่าวๆ
“…ที่แท้เบื้องหลังของเขาคือคนของอาณาจักรเสิ่นซวี่นี่เอง…”
เมื่อซั่งกวนโหยวฟังจบ สีหน้าก็ซับซ้อนอย่างมาก
คิ้วของฉู่หลิวเยว่ขมวดขึ้นเล็กน้อย
“เสด็จพ่อ ท่านรู้จักอาณาจักรเสิ่นซวี่มานานแล้วหรือ?”
เมื่อครู่นางไม่ได้พูดถึงคำนี้เลย
ซั่งกวนโหยวชะงักไปเล็กน้อย
“พ่อเป็นจักรพรรดิของราชวงศ์เทียนลิ่ง ย่อมรู้จักแน่นอน ไม่เพียงแต่ข้าเท่านั้น จักรพรรดิของราชวงศ์อื่นๆ ส่วนใหญ่แล้วล้วนเคยได้ยินชื่อนี้ผ่านหูมาทั้งนั้น แต่เจ้าเพิ่งได้ขึ้นของราชย์ อีกทั้งยังมีเรื่องให้ทำมากมาย และยังไม่มีเวลาว่าง ดังนั้นข้าจึงไม่ได้เล่าให้เจ้าฟัง แต่เจ้า…เหมือนว่าจะรู้จักอยู่แล้ว? องค์ไท่จู่เป็นคนบอกเจ้าหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดเล็กน้อย
“ใช่แล้วเพคะ เมื่อวานองค์ไท่จู่เพิ่งบอกเรื่องนี้กับลูกด้วยตัวเอง”
ดูจากท่าทางของเสด็จพ่อ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่รู้ว่านางเคยไปที่อาณาจักรเสิ่นซวี่มาก่อน
นางจึงไม่ได้พูดเรื่องนั้นขึ้นมา
“อย่างนี้นี่เอง”
ซั่งกวนโหยวไม่สงสัยในตัวเขาเลย
ความจริงแล้วที่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยพูดขึ้นเลย เพราะเขาคิดว่าฝีมือของนางในตอนนั้นยังไม่เพียงพอ
ส่วนตอนนี้นางได้เลื่อนขั้นเป็นจอมยุทธ์ระดับเจ็ดแล้ว และยิ่งสามารถฟื้นฟูชีพจรเทียนจิงได้อีก เขาจึงวางใจขึ้นหลายส่วน
“ตอนนี้เจ้าก็ขึ้นครองราชย์แล้ว ก็สมควรบอกเจ้าเสียที”
ซั่งกวนโหยวถอนหายใจออกมา สายตาทอดมองออกไป ราวกับว่ากำลังครุ่นคิด
ฉู่หลิวเยว่นั่งรออยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ
“เยว่เอ๋อ เจ้าต้องรู้ก่อนว่า แคว้นเย่าเฉินที่เจ้าอยู่ในตอนแรก กับราชวงศ์เทียนลิ่งของพวกเรา มีอันใดแตกต่างกัน?”
ฉู่หลิวเยว่ใช้ความคิดอยู่ครู่ใหญ่ ทันใดนั้นแววตาของนางก็สว่างขึ้น
“…พรมแดนม่านฟ้า?”
“ถูกต้อง”
ซั่งกวนโหยวพยักหน้า
“ภายในพรมแดนม่านฟ้า ไม่ว่าจะเป็นพลังฟ้าดินก็อยู่ในระดับเข้มข้น หรือว่าจะเป็นทรัพยากรด้านวัตถุดิบวิเศษ ก็อุดมสมบูรณ์มากกว่าด้านนอกพรมแดนม่านฟ้า! สิ่งนี้ทำให้ผู้บำเพ็ญเพียรที่อยู่ด้านในพรมแดนม่านฟ้าแข็งแกร่งกว่าด้านนอก!”
“แต่ในความเป็นจริงแล้ว บนแผ่นดินกว้างใหญ่นี้ นอกจากราชวงศ์เหล่านี้ ยังมีตระกูลลับอีกมากมาย! พวกเขา…เป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า! อาณาจักรเสิ่นซวี่สำหรับพวกเราแล้ว เราก็เหมือนเย่าเฉินที่อยู่ด้านนอกพรมแดนม่านฟ้า จะต้องเป็นผู้ที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง ถึงจะข้ามผ่านประตูนั้น แล้วเข้าไปสู่อาณาจักรเสิ่นซวี่ได้!”
ฉู่หลิวเยว่ถามขึ้นทันที
“เช่นนั้นจะต้องอยู่ระดับใด ถึงจะมีสิทธิ์เข้าไปในอาณาจักรเสิ่นซวี่?”
ซั่งกวนโหยวเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ ก่อนจะยิ้มแล้วส่ายหน้าอย่างจนปัญญา เขายื่นมือออกมาแล้วชี้ไปด้านบน
“แน่นอนว่า…จะต้องเลื่อนขั้นเป็นจอมยุทธ์ระดับเก้า ถึงจะข้ามไปสู่อาณาจักรเสิ่นซวี่ได้!”
ความจริงแล้วก่อนหน้านี้นางก็สามารถเดาได้คร่าวๆ แล้ว แต่ตอนนี้เมื่อนางได้ยินคำตอบที่ชัดเจน ภายในใจก็ยังรู้สึกปั่นป่วนอยู่ดี!
ถ้าเป็นตามมาตรฐานนี้จริงๆ ละก็ แล้วในตอนนั้น…นางเข้าไปที่นั่นได้อย่างใด? อีกทั้งตอนที่นางอยู่ที่นั่น นางเจอเรื่องอันใดมากันแน่?
“ก่อนหน้านี้ เจ้าเกือบจะเลื่อนขั้นได้สำเร็จแล้ว พ่อก็ตั้งความหวังกับเจ้าไว้มาก เดิมทีคิดว่าหลังจากนั้นอีกไม่นานเจ้าจะต้องทำสำเร็จ! แต่คิดไม่ถึงเลยว่า…”
คิดไม่ถึงเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันแบบนั้น แผนการทุกอย่างวุ่นวายไปเสียหมด
“ยังดี ยังดีที่ตอนนี้เจ้ากลับมาแล้ว…”
ซั่งกวนโหยวมองไปที่นางด้วยสายตาแห่งความรัก
“เจ้าตั้งใจฝึกต่อไป รอจนกระทั่งเจ้าเลื่อนขั้นได้ถึงจอมยุทธ์ระดับเก้า เมื่อก้าวข้ามระดับตำนาน ก็สามารถเข้าไปที่อาณาจักรเสิ่นซวี่ได้แล้ว”
ฉู่หลิวเยว่หลับตาลง นางปิดซ่อนประกายแสงในแววตา
ต้องรอจนถึงตอนนั้น?
เกรงว่านางจะรอไม่ไหวแล้ว!
[1] โคจรจักรวาล คือ วิธีทะลวงทางเดินชีพจรช่วยปรับแก้สภาพผิดปกติของร่างกาย ทำให้ร่างกายกลับคืนสู่สภาพเดิม ทางเดินชีพจรทั่วร่างกายเปิดโล่งไม่ติดขัด วิธีการฝึกจะต้องฝึกสมาธิแล้วเพ่งความสนใจไปที่จุดต่างๆ ในร่างกายจนสามารถเปิดจุดนั้นได้หมด