ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1023 คนที่มาเป็นใครกัน
ตอนที่ 1023 คนที่มาเป็นใครกัน
เดิมทีฉู่หลิวเยว่วางแผนว่าจะไปหาหรงซิว เพื่อถามเรื่องราวในอดีต
แต่หลังจากที่รู้เรื่องอาณาจักรเสิ่นซวี่ นางก็อยากจะถามเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
เมื่อรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ดังนั้นนางจึงไม่เสียเวลา และให้เสวี่ยเสวี่ยพาพวกนางไปที่นั่นทันที
เดิมทีเสวี่ยเสวี่ยอยากจะคัดค้าน แต่หลังจากที่รู้ว่าตู๋กูโม่เป่าจะเดินทางมาด้วยกัน มันก็ล้มเลิกความคิดนี้โดยสิ้นเชิง พร้อมกับพาทั้งสองคนไปที่นั่นอย่างว่าง่าย
แน่นอนว่าเสวี่ยเสวี่ยให้แค่ฉู่หลิวเยว่ขี่หลังคนเดียวเท่านั้น
ตอนนี้ตู๋กูโม่เป่าหลอมร่างศักดิ์สิทธิ์สำเร็จแล้ว ความเร็วของเขานั้นจึงมากกว่าเสวี่ยเสวี่ยด้วยซ้ำ ดังนั้นเขาจึงรุดหน้าไปเอง
ดังนั้นคนสองคน สัตว์อสูรหนึ่งตัวจึงเดินทางด้วยวิธีนี้
…
“อาณาจักรเสิ่นซวี่อยู่ห่างจากที่นี่หลายหมื่นลี้ ต่อให้พวกเราใช้ความเร็วเต็มพิกัด ก็ยังต้องใช้เวลาเกือบสิบวัน”
ระหว่างทางตู๋กูโม่เป่าก็ช่วยอธิบายเรื่องราวบางอย่างให้กับฉู่หลิวเยว่ฟังเป็นครั้งคราว
ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับอาณาจักรเสิ่นซวี่
ระหว่างนั้น ฉู่หลิวเยว่ก็ลองพยายามถามคำถามที่เกี่ยวกับตัวเองในปีนั้น แต่ตู๋กูโม่เป่าก็ปิดปากสนิทไม่ยอมพูดยอมจา
หลังจากลองมาสองครั้งแล้ว ฉู่หลิวเยว่จึงยอมแพ้
“หากใช้ค่ายกลเคลื่อนย้าย ก็ใช้เวลานานขนาดนี้หรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่ถามขึ้น
เท้าของตู๋กูโม่เป่าเหยียบอยู่บนกระบี่สั้นสีม่วง สองมือไพล่หลัง เดินทางต้านลม เสื้อผ้าปลิวไสว
แน่นอนว่าท่าทางของเขาดูเย็นชาสูงส่ง
ถ้ามองข้ามใบหน้าอ้วนกลม ข้อมือสั้นๆ ที่เอาไพล่หลัง และหน้าท้องเล็กๆ ที่ยื่นออกมา ซึ่งก็ดูมีมาดอย่างมาก
เมื่อได้ยินคำถามของฉู่หลิวเยว่ เขาก็ร้องเหอะออกมาเบาๆ
“ระหว่างพรมแดนม่านฟ้าและอาณาจักรเสิ่นซวี่ไม่มีค่ายกลเคลื่อนย้ายหรอก หากต้องการจะเข้าไปในอาณาจักรเสิ่นซวี่ จำเป็นจะต้องไปที่ชายแดนของอาณาจักรเสิ่นซวี่ อีกทั้งมันไม่เหมือนทางเข้าทางออกทั่วไป”
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกตกใจเล็กน้อย หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก นางก็เข้าใจอันใดได้บางอย่าง
“…ดูเหมือนว่าคนอาณาจักรเสิ่นซวี่ จะเป็นคนที่เย่อหยิ่งและสูงส่งมากทีเดียว…”
แม้กระทั่งค่ายกลเคลื่อนย้ายยังไม่ยอมติดตั้ง เหมือนว่าไม่ต้องการจะติดต่อกับโลกภายนอก!
คนในอยากจะออก ก็ไม่มีอันใดจะพูด แต่ถ้าคนนอกอยากจะเข้า ก็ต้องข้ามน้ำข้ามภูเขามาเป็นหมื่นๆ ลูก และผ่านความยากลำบากมามากมาย
“มันแน่นอนอยู่แล้ว”
ตู๋กูโม่เป่าพูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ
“ผู้ที่สามารถตั้งหลักในอาณาจักรเสิ่นซวี่ได้ ล้วนเป็นสำนักชั้นยอดของแผ่นดินใหญ่ พวกเขามีทุนให้หยิ่งยโส จึงคิดว่าตนเองสูงส่งกว่าคนอื่นเสมอ”
“ต่อให้ถึงชายแดนของอาณาจักรเสิ่นซวี่ หากต้องการจะเข้าไปมันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ทางเข้าทางออกเหล่านั้น ถูกควบคุมด้วยกองกำลังต่างๆ อีกทั้งยังเฝ้ากันอย่างเข้มงวด”
ขณะที่พูด สายตาของตู๋กูโม่เป่าก็เหลือบไปมองฉู่หลิวเยว่ที่อยู่ด้านข้าง
“หากไม่ได้เป็นคนจากอาณาจักรเสิ่นซวี่ต้องการเข้าไปด้านใน อย่างน้อยจะต้องเป็นจอมยุทธ์ระดับเก้า ด้วยระดับพลังของเจ้าในตอนนี้ เดิมทีไม่สามารถเข้าไปด้านในได้ แต่ว่ายังดีที่ภายในร่างกายของเจ้ามีพลังศักดิ์สิทธิ์ เมื่อถึงตอนนั้น อาจจะพอให้เข้าไปได้”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าเบาๆ กำหมัดกรอดโดยไร้เสียง
คำพูดของตู๋กูโม่เป่าเป็นความจริงอย่างมาก
นางในตอนนี้ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปด้านใน
เมื่อเทียบกับผู้แข็งแกร่งระดับสูงที่อยู่ในแผ่นดินใหญ่ นางในตอนนี้ เป็นเพียงแค่มดตัวหนึ่งเท่านั้น
ผู้ที่แข็งแกร่งเป็นใหญ่!
มีเพียงแค่ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งมากขึ้น ถึงจะมีสิทธิ์ในการพูด!
ไม่เช่นนั้นก็จะต้องถูกคนอื่นเหยียบย่ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า! แม้กระทั่งเงยหน้าขึ้นมายังไม่มีสิทธิ์!
เหมือนว่าเขาสามารถอ่านใจของฉู่หลิวเยว่ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง สีหน้าของตู๋กูโม่เป่าเปลี่ยนไปเล็กน้อย น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนขึ้นหลายส่วน
“แม้ว่าระดับพลังของเจ้าในตอนนี้จะยังไม่สูง แต่ว่าเจ้าได้ฟื้นฟูชีพจรเทียนจิงแล้ว แล้วยังมีไพ่ไม้ตายอีกจำนวนมาก ถือว่าเทียบได้กับลูกศิษย์ของตระกูลเหล่านั้นในอาณาจักรเสิ่นซวี่แล้ว”
ฉู่หลิวเยว่รู้ว่าเขาพยายามปลอบใจนางอยู่ ดวงตาโค้งขึ้นเล็กน้อย และพยักหน้าอย่างจริงจัง
“อื้อ ข้าเข้าใจแล้ว”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นนางก็นึกอันใดขึ้นมาได้ แล้วถามขึ้นมาว่า
“จริงสิ ข้ายังไม่เคยถามท่านมาก่อนเลย หรงซิวอยู่สำนักไหนหรือ?”
ก่อนหน้านี้หรงซิวเคยพูดว่าตระกูลฝั่งมารดาของเขาอยู่ในพรมแดนม่านฟ้า แต่เมื่อดูจากตอนนี้แล้ว เหมือนว่าจะอยู่ที่อาณาจักรเสิ่นซวี่มากกว่า!
นางมีความรู้สึกว่า ตระกูลของเขาจะต้องเป็นตระกูลขนาดใหญ่แน่นอน แต่นางไม่เคยถามรายละเอียด ดังนั้นจึงไม่ค่อยมั่นใจ
ในเมื่อตอนนี้จะไปที่อาณาจักรเสิ่นซวี่แล้ว เช่นนั้นก็ควรจะทำความเข้าใจกับเรื่องนี้บ้าง
สีหน้าของตู๋กูโม่เป่าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“เมื่อถึงแล้ว เดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง”
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไป
นี่…พวกเขาใกล้จะถึงแล้ว พี่เป่ายังจะเก็บความลับอีกหรือ?
…
สิบวันต่อมา ในที่สุดฉู่หลิวเยว่ และตู๋กูโม่เป่าก็เดินทางมาถึงชายแดนอาณาจักรเสิ่นซวี่
ที่นี่เป็นพื้นที่โล่ง เตียน ไกลสุดลูกหูลูกตา
เพียงแต่ว่า แรงกดดันนั้นแข็งแกร่งกว่าพรมแดนม่านฟ้าตั้งไม่รู้กี่เท่า
บางครั้งก็สามารถเห็นเงาคนผ่านไปผ่านมาได้เป็นครั้งคราว
คนพวกนั้นน่าจะเป็นทหารปกป้องชายแดนของอาณาจักรเสิ่นซวี่
ในตอนนั้นยังไม่ทันได้เข้าใกล้ ฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกแน่นหน้าอกแล้ว
ถ้าไม่ใช่เพราะนางเพิ่งเลื่อนขั้นเป็นจอมยุทธ์ระดับเจ็ด อีกทั้งภายในร่างกายยังมีพลังดั้งเดิมจำนวนมาก และพลังศักดิ์สิทธิ์หนึ่งสาย เกรงว่าตอนนี้นางจะต้องคุกเข่าล้มลงไปที่พื้นแล้ว!
นางกวาดสายตามองโดยรอบ บนดินแดนรกร้างไร้ขอบเขต มีคนเดินผ่านไปผ่านมาไม่มาก
ตู๋กูโม่เป่าเก็บลมปราณของตนเอง จากนั้นก็ร่อนลงพื้น
“ตั้งแต่ที่นี่เป็นต้นไป ทุกคนจะต้องเดินเท้าเข้าไปด้านใน”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
“ตามข้ามา”
ตู๋กูโม่เป่าพูดขึ้น แล้วสาวเท้าเดินไปข้างหน้า
ฉู่หลิวเยว่เดินตามไปอย่างรวดเร็ว
ยิ่งเข้าใกล้ แรงกดดันเหล่านั้นยิ่งแข็งแกร่ง!
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกว่าไหล่ทั้งสองข้างหนักอึ้ง แต่โชคดีที่ยังอยู่ในขอบเขตที่นางสามารถรับไหว
ตอนที่ทั้งสองคนเดินไปถึงตำแหน่งหนึ่ง ทันใดนั้นเงาร่างสายหนึ่งก็ลอยออกมาจากม่านแสง!
ในขณะเดียวกันนั้นเอง อักขระยันต์ขนาดยักษ์ตัวหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนม่านแสง!
“ที่นี่คือประตูแดนสวรรค์ ผู้ที่เข้ามาคือใครกัน!”
—————————-