ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1030 คำสั่งนี้ข้าไม่ยอมรับ(2)
ตอนที่ 1030 คำสั่งนี้ข้าไม่ยอมรับ(2)
“เหตุใดล่ะ?”
ฉู่หลิวเยว่หันไปมองคนที่จ่ายเงินแล้วได้เข้าไปในค่ายกล
“พวกเขาขึ้นได้ แล้วเหตุใดข้าถึงขึ้นไม่ได้?”
นายทหารคนนั้นแค่นหัวเราะออกมา รอยยิ้มประชดประชัน
“เรื่องนี้ข้าต้องถามเจ้าแล้ว ว่าเจ้าได้ไปล่วงเกินคนที่ไม่ควรล่วงเกินมาหรือไม่? เจ้าจะมาถามข้าเหตุใด?”
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วมุ่น แล้วเข้าใจในทันที
ดูเหมือนว่าหลู่อี้จะเป็นคนก่อเรื่องสินะ…
ฉู่หลิวเยว่คาดเดาเอาไว้อยู่แล้วว่าเขาจะต้องกัดไม่ปล่อย แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะมีอำนาจถึงขนาดนี้ เพียงแค่ในเวลาสั้นๆ ก็สามารถห้ามพวกนางไม่ให้ขึ้นค่ายกลเคลื่อนย้ายไปได้!
ตามหลักแล้ว ค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้น่าจะเป็นของตระกูลหลิน หลู่อี้คนนั้นเป็นใครกันแน่ คาดไม่ถึงว่าจะมีอำนาจขนาดนี้?
ฉู่หลิวเยว่ทำใจให้สงบ
“ข้าจะจ่ายให้เจ้าสองเท่า”
นายทหารคนนั้นไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมา
“เลิกคิดไปได้แล้ว ไม่ว่าอย่างใดพวกเราก็ไม่ให้เจ้าขึ้นไปในค่ายกล เจ้ายอมแพ้เสียเถอะ!”
“ข้า…”
“คนต่อไป!”
“ห้าเท่า!”
ฉู่หลิวเยว่สาวเท้าเดินไปด้านหน้า
“หากห้าเท่าไม่พอ ข้าจะเพิ่มให้สิบเท่า!”
คนที่อยู่รอบข้างเงียบเสียงลง แล้วหันมามองอย่างแปลกใจ
“หน้าใหญ่นักนะ! คาดไม่ถึงว่าจะจ่ายสิบเท่า!? นางรู้หรือไม่ว่าการขึ้นค่ายกลเคลื่อนย้ายหนึ่งครั้งจะต้องจ่ายเงินเท่าไร ถ้ารู้แล้วยังจะกล้าอวดดีขนาดนี้อยู่หรือไม่?”
“ข้ารู้สึกคุ้นหน้านางนะ…เอ๋ เหมือนว่าพวกนางเป็นคนภายนอกพรมแดนที่เพิ่งเดินทางเข้ามาในอาณาจักรเสิ่นซวี่วันนี้! เจ้าเด็กผมม่วงตาม่วงคนนั้นไม่ใช่หรือ?”
“ถูกต้อง! ข้าก็เคยได้ยินมาเช่นกัน เป็นพวกนางนั่นแหละ!”
“ดูเหมือนได้ล่วงเกินใครเข้าจริงๆ …พวกนางจะต้องอยู่ในหน้าผาแดนสวรรค์อย่างยากลำบากแล้ว”
ผู้คนที่อยู่รอบข้างซุบซิบกันขึ้นมา
หัวใจของฉู่หลิวเยว่ดำดิ่งเล็กน้อย
และยามฝ่ายตรงข้าม กลับยักไหล่ขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจ
“ข้าบอกแล้วว่าต่อให้เจ้าจ่ายอีกกี่เท่า…ก็ไม่มีประโยชน์! เจ้าเอาเวลานี้ไปขอโทษคนผู้นั้นจะดีกว่า สุดท้ายเรื่องจะได้ไม่ย่ำแย่เกินไป!”
เมื่อพูดจบ เขาก็โบกเรียกคนข้างหลังขึ้นมา
“คนข้างหลังจะเหม่ออันใดอยู่? อยากจะขึ้นค่ายกลหรือไม่? เร็วหน่อย!”
คนที่ต่อแถวอยู่ด้านหลังของฉู่หลิวเยว่ ผลักนางออกไปอย่างแรง
“มาแล้ว!”
ฉู่หลิวเยว่ถอยหลังลงไปสองก้าว แต่ยังคงดึงตัวตู๋กูโม่เป่ามาปกป้องไว้ที่ด้านหลัง
นางยืนอยู่ที่เดิมสักพักหนึ่ง จากนั้นก็หมุนตัวเดินออกมา
“พวกเราไปดูที่ค่ายกลอื่นกันเถอะ”
…
ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาด
ค่ายกลอีกค่ายกลหนึ่งก็ยืนยันที่จะปฏิเสธฉู่หลิวเยว่เช่นกัน
แม้แต่ค่ายกลระดับสาม ทั้งสามแห่งก็เหมือนกัน
นั่นก็หมายความว่า ตอนนี้ฉู่หลิวเยว่กับตู๋กูโม่เป่า ไม่มีทางออกจากที่นี่ได้เลย ชั่วพริบตาเดี๋ยวก็ถึงเวลากลางคืนแล้ว ฉู่หลิวเยว่หาโรงเตี๊ยมพักผ่อน แต่ก็ไม่สามารถนอนหลับได้
“ดูเหมือนว่าหลู่อี้คนนี้จะไม่ธรรมดาเลย…”
เขามีกลวิธีในการกลั่นแกล้งมากกว่าที่นางคิดไว้เสียอีก!
ถ้าเป็นระดับนี้ เกรงว่านางได้มาเจอกับเจ้าถิ่นแล้ว
“เขาจะต้องมีอันใดบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับตระกูลหลินอย่างแน่นอน”
ตู๋กูโม่เป่านั่งอยู่บนเก้าอี้ แล้วพูดขึ้นเสียงเรียบ
“สำนักแต่ละสำนักมีหน้าที่ดูแลค่ายกลเคลื่อนย้ายของอาณาเขตตนเอง อีกด้านหนึ่ง การสร้างค่ายกลเคลื่อนย้ายแบบนี้ จำเป็นจะต้องใช้ยอดฝีมือหลายคนร่วมมือกัน ส่วนอีกด้านหนึ่งค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาก็สูงมากเช่นกัน ดังนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลที่พวกเขาจะต้องส่งคนของสำนักเข้าไปดูแล และคุ้มกัน ส่วนเรื่องการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม ก็สามารถรักษากำไรได้”
“ในสถานการณ์ปกติแล้ว พวกเขาไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงิน ดังนั้นคนที่สามารถระดมพลทหารเหล่านั้นได้ และทำให้พวกเขายืนหยัดที่จะปฏิเสธไม่ให้พวกเราขึ้นไปยังค่ายกลนั้น คนผู้นั้นจะต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน”
ฉู่หลิวเยว่ตกอยู่ในความเงียบ
ก๊อกๆ
ทันใดนั้นเองเสียงเคาะประตูก็ดังมาจากด้านนอก
ฉู่หลิวเยว่เดินออกไปเปิดประตู เสี่ยวเอ้อยื่นจดหมายมาให้ฉบับหนึ่ง
“จดหมายของท่านขอรับ”
ในสถานที่แบบนี้ ใครจะมาส่งจดหมายให้นางได้?
ฉู่หลิวเยว่เดาอันใดบางอย่างได้เลือนรางแล้ว จึงฉีกจดหมายออก
นางกวาดสายตามองอย่างรวดเร็ว
“หากคิดได้แล้ว ก็ไปคุกเข่ายอมรับผิดต่อหน้าจวนตระกูลหลู่”
ลายมือเขียนหวัด ท่าทางสูงส่ง
แม้ว่าจะไม่มีตราประทับ แต่นางก็สามารถเดาออกได้อย่างง่ายดาย นี่จะต้องเป็นจดหมายของหลู่อี้อย่างแน่นอน
สายตาของฉู่หลิวเยว่เย็นชาไปเล็กน้อย แต่ก็ตะโกนเรียกเสี่ยวเอ้อที่กำลังจะจากไป
“ช้าก่อน”
เสี่ยวเอ้อคนนั้นหมุนตัวกลับมา
“ไม่ทราบว่าท่านต้องการอันใดอีกหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่ยกจดหมายในมือขึ้น
“หลู่อี้ผู้นี้คือใครกันแน่?”
ใบหน้าของเสี่ยวเอ้อคนนั้นมีร่องรอยของความประหม่า
ฉู่หลิวเยว่โยนจดหมายเข้าไปในถุง
“แต่ถ้าจะให้พูดอย่างชัดเจนละก็…”
แม้ว่าเสี่ยวเอ้อคนนั้นจะรู้สึกหวาดกลัว แต่เขาก็ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง แววตาสั่นคลอน
“ความจริงแล้วชายผู้นี้เป็นคนที่มีชื่อเสียงมากในหน้าผาแดนสวรรค์ นั่นก็เพราะ…พี่สาวของเขา”
ฉู่หลิวเยว่โยนถุงลงไปอีกหนึ่งใบ
“พูดต่อ”
…
มีเงินใช้ผีโม่แป้ง
หลังจากฉู่หลิวเยว่จ่ายเงินอย่างมือเติบแล้ว ก็สามารถง้างปากของเสี่ยวเอ้อได้จริงๆ และได้ข้อมูลมาไม่น้อย
พี่สาวแท้ๆ ของหลู่อี้ มีนามว่า หลู่อวี้เออร์ และตอนนี้นางเป็นนายหญิงของตระกูลหลิน
เดิมทีหลู่อวี้เออร์มีฐานะธรรมดา แต่เมื่อได้แต่งงานเข้าตระกูลหลิน นางก็เหมือนได้ติดปีก
แม้กระทั่งคนของตระกูลหลู่ ก็ได้ติดปีกตามนางไปด้วย
หลู่อวี้เออร์มีน้องชายแท้ๆ เพียงคนเดียว ดังนั้นนางจึงรักมาก นางเลี้ยงเขาจนตอนนี้เขามีนิสัยกำเริบเสิบสาน อวดดี
เดิมทีการบำเพ็ญเพียรของเขาก็ไม่ได้โดดเด่น อาศัยเพียงแค่หลู่อวี้เออร์มอบของล้ำค่าให้เขาไม่น้อย และไม่รู้ว่าใช้ของไปทั้งหมดเท่าไร จนในที่สุดตอนนี้เขาสามารถอยู่ในระดับครึ่งเทพได้แล้ว
แต่หลู่อี้คนนี้เป็นคนที่ชอบก่อเรื่อง ในเมื่อมีคนสนับสนุนเขาเช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย
โดยปกติแล้ว เขาจะชอบปล้นสมบัติของคนอื่นอยู่เป็นนิจ
มีคนจำนวนไม่น้อยที่อาศัยอยู่ในในหน้าผาแดนสวรรค์ได้รับความเดือดร้อน แต่พวกเขาไม่กล้าหือไม่กล้าอื้อ
ท้ายที่สุดแล้ว หน้าผาแดนสวรรค์นี้ก็มีตระกูลหลินปกครอง ใครจะกล้าสู้กับพวกเขา?
สำหรับฉู่หลิวเยว่ที่เป็นผู้บำเพ็ญเพียรมาจากนอกพรมแดน เขาก็ยิ่งรังแกมากยิ่งขึ้น
ครั้งนี้เขาถูกฉู่หลิวเยว่ปั่นหัว เขาจะลงมือโหดเหี้ยมยิ่งกว่าเดิม เขาไปปิดกั้นค่ายกลเคลื่อนย้ายทุกค่ายกล!
เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการให้ฉู่หลิวเยว่ก้มหัวยอมจำนน! และบีบบังคับให้นางไม่มีหนทางเดิน!
ก่อนที่เสี่ยวเอ้อจะออกไป เขายังไม่ลืมเกลี้ยกล่อมฉู่หลิวเยว่อีกหนึ่งประโยค ให้นางรีบไปขออ้อนวอนอีกฝ่าย
ไม่เช่นนั้นนางจะต้องอยู่ที่นี่อย่างยากลำบากแน่นอน
ฉู่หลิวเยว่ไม่ตอบรับ รอจนกระทั่งในห้องไม่มีคนแล้ว นางก็หยิบจดหมายออกมาเผา
“อยากให้ข้าก้มหัวยอมรับผิด เจ้าก็ทำเองเลยสิ!”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มเย็น
ในตอนแรกที่นางอยู่ที่หุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวง ตอนที่นางได้เจอกับองค์รัชทายาทราชวงศ์เป่ยหมิง นางก็ยังไม่ยอมถอย
ยิ่งไปกว่านั้นคนผู้นี้ก็เป็นแค่ผู้ลากมากดีที่เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ
ตู๋กูโม่เป่าชำเลืองสายตาขึ้นเล็กน้อย รูม่านตาสีม่วงส่องประกายแสงจางๆ
“หรือว่าจะให้ข้าลงมือ?”
ฉู่หลิวเยว่ส่ายหน้า
“ไม่ต้อง ข้ามีวิธีจัดการเขา”
ตู๋กูโม่เป่ารู้สึกกังวลเล็กน้อย เรื่องนี้นางรู้ดี
แม้ว่านางจะไม่รู้ว่าเพราะอันใด แต่ถ้าไม่ถึงจุดอันตรายจริงๆ นางจะไม่มีทางรบกวนเขา
“วิธีอันใด?”
ตู๋กูโม่เป่าขมวดคิ้วเล็กน้อย
“อาศัยเพียงแค่พลังของเจ้า เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา”
ฉู่หลิวเยว่ขยับริมฝีปากเล็กน้อย
“เขามีคนให้การสนับสนุน พวกเราก็หาคนสนับสนุนที่ยิ่งใหญ่กว่าเขาสิ”