ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1031 ระดับ
ตอนที่ 1031 ระดับ
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉู่หลิวเยว่พาตู๋กูโม่เป่าไปหยุดยืนที่หน้าประตูจวนตระกูลหลิน
คนสองคนยืนอยู่หน้าประตู คนหนึ่งตัวใหญ่ คนหนึ่งตัวเล็ก ซึ่งมันดูสะดุดตาอย่างมาก
ฉู่หลิวเยว่สาวเท้าเดินไปด้านหน้า แล้วโค้งคำนับให้อย่างมีมารยาท
“รบกวนใต้เท้าทั้งสองไปแจ้งให้ข้าหน่อย ข้าน้อย ตู๋กูเยว่ ต้องการเข้าคารวะประมุขตระกูลหลิน”
ประมุขตระกูลหลิน แน่นอนว่าเขาจะต้องเป็นหัวหน้าที่ปกครองหน้าผาแดนสวรรค์ หลินเทียนเฟิง
ทหารยามทั้งสองคนมองหน้ากันไปมา
หนึ่งในนั้นก็ถามขึ้นว่า
“เจ้าได้นัดเอาไว้ก่อนหรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่ส่ายหน้า
“เปล่า”
“มีเทียบเชิญหรือไม่?”
“ไม่มี”
สีหน้าของทหารสองคนนั้นย่ำแย่อย่างมาก
อันใดก็ไม่มี แล้วมาขอเข้าพบเช่นนี้เนี่ยนะ ช่างใจกล้าเสียจริง!
เขาโบกมือขึ้นอย่างหมดความอดทน
“ไม่มีของเหล่านี้ ห้ามเข้าพบท่านประมุข”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มออกมา
“ข้ารู้ว่าที่มาขอเยี่ยมอย่างกะทันหันเช่นนี้มันเสียมารยาท แต่ที่ข้ามาวันนี้ ข้ามีเรื่องต้องการให้ใต้เท้าช่วยจริงๆ”
“นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกข้าจะช่วยได้หรือไม่ได้ มีคนมากมายต้องการเข้าพบท่านประมุข หากข้าเข้าไปรายงานให้กับทุกคน เช่นนั้นก็คงไม่มีระบบกันแล้ว”
หลินเทียนเฟิงเป็นคนที่สำคัญมากในหน้าผาแดนสวรรค์ หากบอกว่าต้องการพบก็จะได้พบอย่างนั้นหรือ?
เมื่อพูดจบ ทหารยามสองคนนั้นก็บอกให้ฉู่หลิวเยว่ออกไป
ฉู่หลิวเยว่ไม่สนใจ นางพูดต่อว่า
“ใต้เท้าหากท่านนำประโยคหนึ่งไปพูดกับประมุขหลิว เขาจะยอมให้ข้าพบอย่างแน่นอน”
เมื่อทหารเหล่านั้นได้ยินดังนั้นก็หัวเราะออกมา
“หื้อ? เช่นนั้นเจ้าก็ลองพูดออกมาก่อนสิ?”
ฉู่หลิวเยว่เอามือข้างหนึ่งไพล่หลัง ท่าทางผ่อนคลาย
“ข้าสามารถรักษาอาการโรคเรื้อรังของคุณชายสี่ได้”
…
“นางพูดเช่นนั้นจริงๆ หรือ?”
เดิมทีหลินเทียนเฟิงกำลังเอนกายอยู่บนเก้าอี้ตัวเล็ก แต่เมื่อได้ยินดังนั้น เขาก็โบกมือไล่หลู่อวี้เออร์ที่กำลังนวดขมับให้เขาอยู่ พร้อมลุกขึ้นพรวด สีหน้าตื่นเต้นเล็กน้อย
หลู่อวี้เออร์ขมวดคิ้วงาม แต่ก็คลายออกอย่างรวดเร็ว
แม้ว่านางจะอายุสามสิบกว่าปีแล้ว แต่นางยังคงดูแลรักษาตัวเองเป็นอย่างดี ดังนั้นนางจึงดูน่ารักและบอบบางเหมือนแม่นางวัยยี่สิบต้นๆ กอปรกับดวงตาที่งดงาม และยังคงมีเสน่ห์เฉกเช่นผู้ใหญ่ จึงทำให้ใครหลายคนไม่สามารถละสายตาได้
แต่ในตอนนั้นในสายตาหลินเทียนเฟิงมีเพียงคำพูดของทหารยามเหล่านั้นเท่านั้น
“โรคที่ไม่ทราบสาเหตุ นางมีวิธีรักษาจริงๆ หรือ?”
ทหารยามรีบพูดว่า
“ขอรับ นางพูดเช่นนั้นจริงๆ”
“ยังไม่รีบเชิญเข้ามาอีก!”
หลินเทียนเฟิงพูดขึ้นอย่างรีบร้อน
หลายปีผ่านมานี้ สุขภาพของลูกชายคนเล็ก เป็นเรื่องที่หนักอกหนักใจเขามาโดยตลอด
พวกเขาขอคำแนะนำจากแพทย์มาไม่รู้กี่วิธีแล้ว แต่กลับไม่ดีขึ้นเลย
เมื่อได้ยินประโยคนั้นในตอนนี้ เขาจึงไม่สามารถระงับความตื่นเต้นเอาไว้ได้
“นายท่านไม่ต้องรีบร้อน เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับจือเฟย ดังนั้นควรจะต้องระมัดระวังมากขึ้น”
หลู่อวี้เออร์ลุกขึ้นยืน แล้วเดินมาหยุดอยู่ข้างเขา พร้อมเกลี้ยกล่อมด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
“ร้ายดีอย่างใดเจ้าก็ไปถามเขาก่อนว่าเขาเป็นหมอเทวดาระดับใด?”
“ถูกต้อง! ให้ตายเถอะ คาดไม่ถึงว่าเรื่องเช่นนี้ข้าก็ลืมสียได้!”
หลินเทียนเฟิงตบมือขึ้น จากนั้นก็ถามซ้ำ
“นางอยู่ระดับใด?”
“คือว่า…นางไม่ได้สวมชุดคลุมของหมอเทวดา ข้าน้อยจึงไม่มั่นใจ…เมื่อนางพูดว่านางสามารถรักษาอาการของคุณชายสี่ได้ ข้าน้อยก็รีบวิ่งมาที่นี่ทันที…”
ทหารยามหลั่งเหงื่อเย็นๆ เต็มแผ่นหลัง
เขามองข้ามเรื่องนี้ไปจริงๆ จึงได้แต่ก้มหน้าแล้วพูดออกมา
ตราบใดที่พูดว่าทำเพื่อคุณชายสี่ ท่านประมุขจะไม่คิดเล็กคิดน้อยขนาดนั้น
และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อหลินเทียนเฟิงได้ยินเช่นนั้น เขาก็ขมวดคิ้วขึ้น แต่ไม่ได้อารมณ์เสีย
หลู่อวี้เออร์ที่อยู่ด้านข้างกลับตำหนิขึ้นมา
“พวกเจ้าทำงานกันอย่างใด? แม้กระทั่งเรื่องสำคัญขนาดนี้ก็ยังไม่ถามมาให้ดีก่อนที่จะมารายงาน”
นายทหารรีบคุกเข่าสำนึกผิด
หลู่อวี้เออร์รีบคว้ามือของหลินเทียนเฟิงเอาไว้ แววตาของนางมีประกายความกังวล
“นายท่าน ข้ารู้ดีว่าท่านหวังดีต่อจือเฟย แต่หลายปีที่ผ่านมานี้ พวกเราล้วนถูกหมอเทวดาหลอกมาตั้งไม่รู้กี่ครั้ง? หากนางพูดออกมาง่ายๆ เช่นนี้ แล้วพวกเราให้นางเข้ามาดูอาการของจือเฟย นั่น…เกรงว่าจะเป็นเรื่องไม่ดี แล้วอีกอย่างจือเฟยกลัวคนแปลกหน้ามากที่สุด”
หลินเทียนเฟิงปวดหัวอย่างมาก
นายทหารคนนั้นก็ถามหยั่งเชิงขึ้นว่า
“เช่นนั้น…จะให้ข้าน้อยไล่นางไปหรือ?”
หลินเทียนเฟิงกัดฟันกรอด
“ให้นางเข้ามาก่อน! ข้าจะเจอนางก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที!”
ไม่ว่าอย่างใดก็ต้องลอง!
ใบหน้าของหลู่อวี้เออร์แข็งค้างไปทันที ก่อนจะรีบซ่อนความริษยาเอาไว้ในสายตาอย่างรวดเร็ว
แม้กระทั่งหนึ่งความหวังก็ยังไม่ยอมปล่อยทิ้ง…นี่เขาใส่ใจหลินจือเฟยมากจริงๆ
…
ยามหน้าประตูนำทางฉู่หลิวเยว่ และตู๋กูโม่เป่าเข้ามาในส่วนตระกูลหลิน
ในฐานะที่เป็นคนที่มีตำแหน่งสูงสุดของหน้าผาแดนสวรรค์ จวนตระกูลหลินจึงมีพื้นที่กว้างขวาง หรูหรา งดงาม ไม่ว่าจะเป็นศาลา พลับพลา หรือสวนดอกไม้ ล้วนแต่แสดงถึงความสง่างาม
นอกจากนี้แล้วยังมีค่ายกลวางเอาไว้มากมาย
ระหว่างทางที่ฉู่หลิวเยว่เดินผ่านไป แม้ว่าจะเจอคนไม่มาก แต่ลมปราณของพวกเขานั้นยากจะหยั่งลึก
นางเดินตามทหารยามด้วยสีหน้าสงบนิ่งมาตลอดทาง พร้อมมองทุกอย่าง และจดจำเอาไว้ในสมองทั้งหมด
ตอนที่นางมาถึงหน้าห้องโถง หลินเทียนเฟิงก็ยืนรออยู่ตรงนั้นแล้ว
ฉู่หลิวเยว่สามารถจดจำเขาได้ในทันที
แม้ว่าเขาจะเป็นวัยกลางคนแล้ว แต่บุคลิกท่าทางยังคงสง่างาม เหมือนว่าสมัยหนุ่มของเขาจะต้องหล่อเหลาอย่างมากแน่นอน
หลินจือเฟยเหมือนเขาอยู่หลายส่วน
ฉู่หลิวเยว่เดินเข้าไป แล้วคารวะหนึ่งครั้ง
“ตู๋กูเยว่คารวะประมุขหลิน”
หลินเทียนเฟิงมองนางด้วยความตกใจ
เมื่อครู่เหล่าทหารบอกว่าเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ไม่คิดว่าจะอ่อนวัยขนาดนี้!
สาวเช่นนี้…จะสามารถรักษาอาการของจือเฟยได้จริงๆ หรือ?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็ถามขึ้นมาโดยตรงว่า
“ไม่ทราบว่าตอนนี้คุณหนูตู๋กูเป็นหมอเทวดาระดับใด?”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มเล็กน้อย
“ระดับเจ็ด”