ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1034 เลือกพระชายาหรือ
ตอนที่ 1034 เลือกพระชายาหรือ
ทั่วทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ
ฉู่หลิวเยว่กลั้นหายใจแล้วตั้งสมาธิ ก่อนจะดึงพลังปราณดั้งเดิมออกมาแล้วถ่ายมันเข้าไปในร่างกายของหลินจือเฟย
พลังปราณสายนี้เบาบางนัก แต่มันกลับบริสุทธิ์มากกว่าที่คิด อีกทั้งยังมีสัมผัสรับรู้ที่เฉียบแหลมมาก
ส่วนชีพจรดั้งเดิมของหลินจือเฟยนั้น คือชีพจรตี้จิง และถือว่าเป็นชีพจรที่จัดอยู่ในระดับที่ยอดเยี่ยม
เรียกว่าเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะเลยก็ว่าได้
แต่ด้วยสาเหตุบางอย่าง การไหลเวียนของพลังปราณดั้งเดิมในร่างกายเขากลับไม่ราบรื่นเอาเสียเลย ราวกับถูกปิดกั้นด้วยบางสิ่ง
ฉู่หลิวเยว่ตรวจสอบระบบภายในต่อไปเรื่อยๆ และในตอนนั้นเอง นางก็สัมผัสได้ถึงบางอย่างที่เกาะติดอยู่ที่ชีพจรดั้งเดิมของเขา เสมือนลูกกลมเล็กๆ ที่กระจัดกระจายไปมา
การดำรงอยู่ของสิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือนเก้อนหินที่กระจายอยู่ในลำธาร แล้วปิดกั้นสายน้ำไว้ไม่ให้ไหลผ่าน
และถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ไปปิดกั้นการทำงานพลังปราณดั้งเดิมอย่างสมบูรณ์ แต่ก็ทำให้ระบบภายในเกิดการต่อต้านอย่างมาก
ด้วยเหตุนี้แล้ว แม้ว่าหลินจือเฟยจะแข็งแกร่งมากเพียงใด ทว่าลมปราณของเขากลับอ่อนแรงอยู่ตลอดเวลา
และสิ่งแปลกประหลาดเหล่านี้ยังสะสมอยู่ในอวัยวะสำคัญภายในทั้งห้าของเขาด้วย
โดยเฉพาะที่ปอด
มันคือสาเหตุหลักที่ทำให้เขาไอเป็นเลือด
ฉู่หลิวเยว่วินิจฉัยสภาพภายในของเขาอย่างละเอียด จากนั้นก็ดึงพลังปราณดั้งเดิมออกมาและปล่อยมือของเขา
“เป็นอย่างใดบ้าง?”
หลินเทียนเฟิงที่รออยู่ด้วยความประหม่าถามขึ้นทันควัน
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“มันแย่กว่าที่ข้าคิดไว้”
สีหน้าของหลินเทียนเฟิงแข็งทื่อทันที
“นะ… นี่มันหมายความว่ากระไร?”
ฉู่หลิวเยว่เหลือบมองหลินเทียนเฟิงแวบหนึ่ง
“หมายความว่า…การที่คุณชายสี่สามารถยืนหยัดได้จนถึงทุกวันนี้นั้น ช่างโชคดีเกินคาด”
นางเดาว่าร่างกายของหลินจือเฟยคงป่วยสั่งสมเช่นนี้มานาน และการจัดการกับมันคงเป็นเรื่องที่ยากลำบากเกินไป
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ทั้งๆ ที่สั่งสมมาขนาดนี้แล้ว แต่ภายนอกตัวเขากลับยังดูสุขุมและเป็นปกติมาก!
เรียกได้ว่าคุณชายผู้นี้ช่างเสแสร้งได้อย่างแยบยลจริงๆ
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาไม่อยากให้คนอื่นๆ เห็นสภาพที่แท้จริงของเขา หรือว่า…
“จริงหรือ?”
หลินเทียนเฟิงหันไปมองหลินจือเฟย
“จือเฟย ที่นางพูดมานั่นจริงหรือเปล่า?”
หลินจือเฟยยิ้มเยาะหนึ่งที พร้อมสีหน้าเรียบเฉย
“ตู๋กูเยว่ก็พูดเกินจริงไป ตัวข้านั้นไม่ได้มีอันใด”
“ถ้าเจ้าไม่รีบจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นในกายเจ้าให้ทันเวลา มากสุดเจ้าอาจอยู่ได้แค่สามปี”
ฉู่หลิวเยว่ขัดจังหวะเขาฉับพลัน
“ก็อย่างที่เจ้าพูด คุณชายสี่ มันคือร่างกายของเจ้า เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะไม่รู้เรื่องสภาพร่างกายของตัวเองหรอก จริงหรือไม่?”
หลินเทียนเฟิงลุกพรวดขึ้นอย่างเร็ว!
ครืน…ปัง!
การเคลื่อนไหวของเขารุนแรงมาก จนทำให้เก้าอี้คว่ำและกระแทกลงกับพื้นอย่างแรง
“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างใด!?”
สามปีหรือ?
“มุสานัก!”
เขาตะคอกเสียงแข็งกร้าว
“ในคราแรก ผู้อาวุโสเหล่านั้นได้เอ่ยไว้ชัดเจนแล้วว่า ตราบใดที่ดูแลประคบประหงมเขาอย่างดี จักมิเกิดปัญหาใหญ่อันใดขึ้น…”
ฉู่หลิวเยว่ยังคงสงบนิ่ง
“ประมุขหลิน จะจริงหรือหลอก คุณชายสี่ย่อมรู้ดีที่สุดมิใช่หรือ?”
หลินจือเฟยเม้มปากแน่นและเงียบเสียงไปนาน
“คุณชายสี่ ยามนี้เจ้ากล้ากรีดนิ้วตัวเองให้ประมุขหลินเห็นเป็นประจักษ์หรือไม่?”
หากว่าตามสถานการณ์ในปัจจุบันของเขาแล้ว ถ้าเขาได้รับบาดเจ็บและมีบาดแผล เขาจะเสียเลือดมาก! แถมยังห้ามเลือดได้ยาก!
ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น กายของเขาก็จะเหลือเพียงเปลือกบางๆ ไร้ชีวี!
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ในที่สุดท่าทีของหลินจือเฟยก็เปลี่ยนไป
เขาจ้องมองฉู่หลิวเยว่ตาเขม็งด้วยใบหน้าซีดเผือด
ครั้นได้เห็นการแสดงออกของเขา ยังจะมีอันใดที่หลินเทียนเฟิงไม่เข้าใจอีกหรือ?
“… จือเฟย…นี่เจ้า…”
น้ำเสียงของเขาติดขัด พร้อมหัวใจที่เจ็บปวดรวดร้าว
หลังจากสูดหายใจเข้าลึกๆ อยู่หลายครา เขาถึงค่อยๆ สร้างกำลังใจให้ตัวเองแล้วมองไปที่ฉู่หลิวเยว่
“เอาล่ะ ตอนนี้ข้าจะถามเจ้าแค่ข้อเดียว เจ้าแน่ใจเกี่ยวกับโรคที่จือเฟยเผชิญอยู่หรือไม่?”
ไม่มีผู้อาวุโสคนใดสังเกตเห็นพิรุธของจือเฟยเลยสักคน และมีเพียงตู๋กูเยว่ตรงหน้าเขาเท่านั้นที่สังเกตเห็น
นอกจากนางแล้ว ก็เกรงว่าจะไม่มีผู้ใดแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในตอนนี้ได้
“ท่านประมุขหลินอย่าได้ใจร้อน ยามที่ข้ามาเยือนที่นี่ ข้าเคยบอกแล้วว่าคุณชายสี่จะหายเป็นปกติ และแน่นอนว่าตอนนี้ข้าก็ยังยืนกรานเช่นนั้น เพียงแต่ว่า…มันอาจจะยุ่งยากเสียหน่อย”
“ยุ่งยากก็ไม่เป็นไร! ขอแค่ ขอแค่เจ้ามีทางรักษา! ไม่ว่าจะยุ่งยากเช่นไรย่อมไม่มีปัญหา!”
ทว่าขนงเรียวของฉู่หลิวเยว่กลับขดเข้าหากัน ราวกับกังวลใจบางอย่าง
พลันแสงในดวงตาของหลินจือเฟยยามที่ได้ยินนางกล่าวว่ามีวิธีรักษา ก็ค่อยๆ หม่นแสงลง
เขายิ้มเยาะอย่างขมขื่น และพูดเบาๆ ว่า
“ไม่เป็นไร แค่เจ้าวินิจฉัยอาการป่วยของข้าได้ ก็ดีมากแล้ว ถึงท้ายที่สุดข้าจะหายป่วยหรือไม่ ข้าก็รู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของเจ้าแล้ว ข้าเกิดมามีร่างกายอ่อนแอตั้งแต่วัยเยาว์ สามารถมีชีวิตอยู่มาได้หลายปีเช่นนี้ ก็ดีมากพอแล้ว…”
หัวใจของหลินเทียนเฟิงจมดิ่ง พลันหดหู่ใจเป็นอย่างมาก
เขาอยากจะพูดปลอบบุตรชายสักสองสามประโยค แต่เมื่อเห็นสีหน้าระทมราวตายทั้งเป็นของหลินจือเฟยแล้ว ก็ถึงกับอึดอัดในลำคอจนพูดไม่ออก โพรงจมูกทั้งสองเจ็บแสบจนไม่สามารถเอื้อนเอ่ยคำใดออกมาได้เลย
“มีเรื่องหนึ่งที่ข้าอยากจะรบกวนคุณหนูตู๋กู มีไม่กี่คนที่รู้เกี่ยวกับสภาพร่างกายของข้า จากนี้ไปข้าหวังว่าเจ้าจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ อย่าได้…”
“ไม่สิ ข้าไม่ได้กังวลเรื่องนั้น”
ฉู่หลิวเยว่ส่ายหัวของตนเบาๆ
“ข้ากำลังคิดเรื่องอื่นอยู่”
ทั้งหลินเทียนเฟิงและหลินจือเฟยต่างตกตะลึง
“คุณหนูตู๋กู เจ้า…หากเจ้ามีปัญหาอันใด โปรดบอกข้ามาได้มิต้องลังเล หากเป็นเรื่องที่ตระกูลหลินของเราทำได้ ข้าก็ยินดีที่จะทำ!”
ขอแค่นางสามารถรักษาจือเฟยได้ อย่างอื่นย่อมไม่สำคัญอีกแล้ว!
ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจเบาๆ
“ทั้งสองท่านอย่าเพิ่งตีโพยตีพาย สาเหตุที่ข้ากังวลก็เพราะร่างกายของคุณชายสี่นั้น จะต้องใช้เวลาพักฟื้นนานมาก และครั้งนี้ข้าเพียงผ่านมาที่ประตูสวรรค์เท่านั้น มิได้วางแผนใช้เวลาอยู่ที่นี่นานแต่อย่างใด…”
หลินเทียนเฟิงกับหลินจือเฟยอึ้งกว่าเดิม
พวกเขาคิดไม่ถึงว่า สิ่งที่ตู๋กูเยว่เป็นกังวลนั้นจะเป็นเรื่องนี้!
“คะ…คือว่า ถ้าคุณหนูตู๋กูไม่รีบร้อน เช่นนั้นก็พักอยู่ที่นี่ช่วงหนึ่งก่อนเสียประไร?” หลินเทียนเฟิงถามอย่างลังเล “ถ้ามีอันใดที่พวกข้าทำให้ได้ โปรดเอ่ยปากมาได้ทันที!”
ฉู่หลิวเยว่ส่ายหัวและปฏิเสธอย่างสุภาพ
“ต้องขออภัยอย่างยิ่ง ทว่าเรื่องที่รอให้ข้าไปสะสางนั้น สำคัญต่อข้าอย่างยิ่ง ฉะนั้น…ข้าเกรงว่าจะอยู่ที่นี่นานเกินไปไม่ได้…”
“ท่านประมุขขอรับ!”
ทว่าในขณะเดียวกัน ก็มีเสียงร้องเรียกดังมาจากลานด้านนอก
หลินเทียนเฟิงพลันทำหน้าตาขึงขังและเดินออกไป
“มีกระไร!?”
และเพราะถูกรบกวน สีหน้าของเขาจึงดูไม่สบอารมณ์สุดๆ
องค์รักษ์ที่คอยเฝ้าดูความปลอดภัยพุ่งตัวเข้ามารายงาน พลางย่อตัวคุกเข่าลงอย่างรวดเร็ว และมอบสิ่งของในมือให้เขาไปพร้อมกัน
“ท่านประมุข ฝ่ายนั้นส่งจดหมายมาแล้วขอรับ ใจความกล่าวว่าใกล้ถึงวันคล้ายวันประสูติของโอรสสวรรค์แล้ว และถามว่าสาเหตุที่ทางเรายังไม่ไป นั่นเพราะต้องการยกเลิกการเลือกพระชายาใช่หรือไม่? ขอรับ”
ฉู่หลิวเยว่ที่กำลังนั่งอยู่ในห้องพลันหยุดชะงักชั่วคราว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นช้าๆ และมองออกไปนอกประตู
โอรสสวรรค์?
วันคล้ายวันประสูติ?
…เลือกพระชายา?