ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1038 สิทธิ์ของข้า
ตอนที่ 1038 สิทธิ์ของข้า
เสียงตะโกนนั่นเต็มไปด้วยโทสะ พลันมีร่างสองร่างพุ่งเข้ามาจากด้านนอก!
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นมองคนที่พุ่งเข้ามาอย่างไว!
ก่อนจะเห็นชายฉกรรจ์ร่างกายกำยำสองคน พวกเขาสวมชุดคลุมสีดำทมิฬ กล้ามเนื้อที่โผล่พ้นชายเสื้อนั่นปูดโปนเกินมนุษย์มนา พร้อมใบหน้าถมึงทึง เต็มไปด้วยความดุร้าย
ข้างนอกประตู บริกรของโรงเตี้ยมกำลังมองมาทางนี้อย่างกระวนกระวาย เขาเป็นกังวลกับภาพตรงหน้า แต่ก็ไม่กล้าขยับเขยื้อนแต่อย่างใด
และเมื่อเห็นการจู่โจมเช่นนี้ ฉู่หลิวเยว่ก็รู้เบื้องหน้าเบื้องหลังของผู้ที่บุกเข้ามาทันที
“สมุนของหลู่อี้?”
ฉู่หลิวเยว่ถามอย่างเย็นชา
“เหอะ! แม่สาวน้อยนี่ฉลาดเหมือนกันนะ!”
ชายคนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำประหนึ่งเสียงระฆัง
ทว่าครั้นได้ยิน มันกลับทำให้หัวใจของคนฟังอึดอัดราวกับถูกทุบลงด้วยบางสิ่ง
ชายทั้งสองแข็งแกร่งกว่านาง!
ฉู่หลิวเยว่ประเมินสถานการณ์ตรงหน้าอย่างรวดเร็ว นางดันให้ตู๋กูโม่เป่าหลบอยู่หลังอย่างเงียบเชียบ และเปิดการหมุนเวียนของพลังปราณดั้งเดิมในร่างกายของตนอย่างรวดเร็ว พลันยิ้มเยาะ
“เขาปิดกั้นการใช้งานค่ายกลเคลื่อนย้ายของแดนสวรรค์ แล้วบังคับไม่ให้พวกข้าใช้มัน แค่นี้ยังไม่พอใจอีกหรือ? นี่เขาคิดจะกดดันพวกข้าไปถึงไหนกัน ถึงจะยอมเลิกราวีเสียที?”
“เหอะ! ไปยั่วโทสะผู้ที่ไม่ควรแตะต้อง แล้วคิดจะหนีไปเสียดื้อๆ อย่างเจ้า ยังจะหวังเรื่องดีๆ อีกอย่างนั้นหรือ?”
ชายที่อยู่ข้างๆ เขากล่าวอย่างเย้ยหยัน
“ลูกพี่ของพวกข้า ไม่ได้มีความอดทนมากขนาดนั้นหรอกนะ!”
เดิมทีหลู่อี้คิดว่าหลังจากปิดกั้นค่ายกลเคลื่อนย้ายทั้งหมดแล้ว ตู๋กูเยว่จะหมดหนทางและสิ้นหวัง จนต้องกลับมาขอขมาเขาแน่นอน
แต่คิดไม่ถึงว่าหลังจากรออยู่ทั้งวันทั้งคืน ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของคนที่คิดไว้!
และมันยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดมากขึ้นกว่าเดิม
ตู๋กูเยว่ไม่เหมือนกับคนอื่นๆ เพราะนางเป็นคนนอก!
ถ้านางต้องการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ นางจะต้องเผชิญกับความยากลำบากมากกว่าคนอื่น!
นางเองก็ต้องเข้าใจในจุดจุดนี้!
ทว่าพอทุกอย่างเลยเถิดมาถึงขั้นนี้แล้วจริงๆ นางกลับยังดื้อรั้นและยึดมั่นในจุดยืนของตัวเอง ราวกับไม่สะทกท้านแต่อย่างใด…
ซึ่งมันทำให้หลู่อี้รู้สึกอับอายขายขี้หน้าเป็นอย่างมาก
และสุดท้าย เหตุการณ์เหล่านี้ก็ยิ่งปานปลายขึ้นเรื่อยๆ หลายคนในแดนสวรรค์รู้ว่าเขาพุ่งเป้าไปที่ตู๋กูเยว่ ฉะนั้นหากให้เวลาล่วงเลยไปโดยที่นางยังชูหน้าชูตาเย้ยหยันเขาได้เช่นนี้ แล้วในอนาคตเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?
ดังนั้นหลู่อี้ผู้ไม่สามารถกลืนน้ำลายตัวเองได้ จึงส่งสมุนมาพังประตูห้องนาง
“ไปกับพวกเราเสียดีๆ!”
ฉู่หลิวเยว่เมินเฉย
“ขอโทษนะ แต่วันนี้ข้ามีธุระสำคัญ ต้องขออภัยที่ข้าไม่สามารถไปกับพวกเจ้าได้”
แม้นางจะเอ่ยอย่างนุ่มนวล แต่น้ำเสียงของนางกลับหนักแน่นเสียจนมิอาจแย้งได้
และท่าทางเช่นนี้ส่งผลให้บุรุษทั้งสองหงุดหงิดทันควัน
“เช่นนั้นก็มิต้องอ้อมค้อมแล้ว! วันนี้พี่ชายจะสอนบทเรียนให้เจ้าเอง!”
ทันทีที่พูดจบ ชายร่างใหญ่ก็พุ่งตัวเข้ามา!
พร้อมปล่อยหมัดใส่นาง!
เพียงพริบตา! หมัดนั่นก็พุ่งมาอยู่ตรงหน้านางแล้ว!
ฉู่หลิวเยว่สร้างค่ายกลบังตัวเองไว้อย่างรวดเร็ว!
ตูม!
ค่ายกลรับแรงปะทะได้เพียงแวบเดียว ก่อนจะแตกออกในไม่ช้า!
แต่ฉู่หลิวเยว่ได้ฉวยโอกาสจากช่วงเวลาสั้นๆ นี้ ดึงตู่กูโมเป่าออกมา แล้วกระโดดลงจากหน้าต่างด้านหลังเขา!
และร่างของทั้งสองก็หายไปในทันที!
“ตามมันไป!”
…
บนท้องถนนที่เต็มไปด้วยผู้คนขวักไขว่
พวกของฉู่หลิวเยว่กระโดดลงมาจากชั้นบน ดึงดูดสายตาของผู้คนมากมายให้หันไปจับจ้อง
“หายไปไหนแล้ว!”
ในขณะที่ปลายเท้าเพิ่งจะแตะพื้น นางก็ได้ยินเสียงตะโกนดังขึ้นไม่ไกล!
พลันหันขวับไปมองทางนั้นอย่างรวดเร็ว
ตู๋กูโม่เป่ากระซิบเสียงต่ำ
“สามคนทางทิศเหนือ และสองคนทางทิศใต้ พวกเขาทั้งหมดแข็งแกร่งกว่าจอมยุทธระดับแปด”
ปรากฏว่าครานี้หลู่อี้ส่งคนมาไล่ล่านางและสกัดกั้นนางไว้ทุกทาง!
ถนนสายนี้ใช้สัญจรสำหรับเดินทางไปยังทิศเหนือและทิศใต้เท่านั้น และตอนนี้พวกเขาได้ขวางทางนางไว้หมดแล้ว!
“ดูซิว่าเจ้าจะหนีไปไหน!”
ทันใดนั้นเอง ชายสองคนที่อยู่ชั้นบนก็กระโดดลงมาพร้อมกัน!
พอรวมกันแล้วก็มีถึงแปดคน!
ฉู่หลิวเยว่เปลี่ยนความคิดทันควัน นางกัดฟันแน่นแล้วมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกแทน!
“หลู่อี้ผู้นี้ จักดูถูกข้าเกินไปแล้ว!”
“เขารู้แล้วว่าเจ้านั้นปราดเปรียววราวหายตัวได้ จึงย่อมระแวดระวังเจ้ามากขึ้นเป็นธรรมดา”
ตู๋กูโม่เป่าเข้าใจสถานการณ์อันฉุกละหุกนี่ดี เขาจึงมิได้ขุ่นเคืองใจยามถูกฉู่หลิวเยว่ดึงไปกอดไว้อีกครั้ง
แต่เขาจะเอาความแค้นเคืองเหล่านี้ไปลงที่หัวของหลู่อี้แทน!
ทั้งสองคนแทรกกายไปตามท้องถนน จนผู้คนต่างพากันหลบหลีกพัลวัน
และที่ด้านหลัง ฉู่หลิวเยว่ก็ยังได้ยินเสียงฝีเท้าที่กำลังไล่ตามมาไม่ขาด!
ทุกคนล้วนทำหน้าตกอกตกใจ แต่ก็ไม่มีใครคิดจะยื่นมือเข้าช่วยสักคน แถมยังเปิดทางให้งูได้เข้ามาฉกแมงป่องง่ายๆ อีก
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มเยาะ แต่มิได้แปลกใจอันใด
พวกเขารู้ดีว่าคนเหล่านี้เป็นคนของหลู่อี้ ฉะนั้นแล้วจะมีใครกล้าหือกันล่ะ?
และความจริงแล้ว พวกเขายังต้องการผลประโยชน์จากเมืองนี้อยู่ จึงไม่กล้ากระโตกกระตากขัดแข้งขัดขาใคร
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเส้นทางที่พวกเขาเลือกนั้น จะไร้ประโยชน์เสียแล้ว
ทั้งหลู่อี้และแม้แต่ลูกสมุนของเขา ล้วนจองหองยิ่งนัก! พวกเขาไม่สนใจเรื่องผลประโยชน์พรรค์นี้สักนิด!
ในเมื่อนางใช้ถนนเส้นนี้ไม่ได้…ก็ต้องหาวิธีอื่น!
ฉู่หลิวเยว่ขบคิดพลันหันหลังกลับและมุ่งหน้าเข้าไปในตรอกซอกซอยแคบๆ!
…
“มารดามันเถอะ! เหตุใดนังเด็กนี่ถึงเร็วแบบนี้นะ!”
ตอนแรกพวกเขาไม่ได้รีบไล่ล่าจับตัวนางมากนัก เพราะพวกเขามีคนมากกว่า!
ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าฉู่หลิวเยว่จะแข็งแกร่งจนสามารถบุกเข้าไปในอาณาจักรเสิ่นซวี่ได้ แต่การนำเด็กติดสอยห้อยตามไปด้วยย่อมไม่สะดวกอย่างแน่นอน
แต่คิดไม่ถึงว่าจนถึงตอนนี้พวกเขาได้ไล่ตามนางมาพักใหญ่แล้ว โดยที่ระยะห่างระหว่างพวกเขากับฉู่หลิวเยว่นั้นไม่ลดลงเลย!
“วางใจเถอะ นางหนีไปไหนไม่รอดหรอก! ตรอกซอยนี้เต็มไปด้วยคนของเรา ไม่ช้าก็เร็วเดี๋ยวนางก็หมดแรง!”
“ดูเหมือนความเร็วของนางจะช้าลงกว่าเดิมนะ? รีบตามไปเร็ว!”
…
เสียงฝีเท้ารอบข้างค่อยๆ หายไป ฉู่หลิวเยว่ได้พาตัวเองเข้าไปในสถานที่ที่ห่างไกลและเงียบสงัด
ขณะนั้นเองคนที่อยู่ด้านหลังก็ไล่ตามมาทันในที่สุด!
หนึ่งในนั้นลงมือทันที แล้วปล่อยคลื่นพลังปราณดั้งเดิมออกมา!
หลิวเยว่รีบหันไปตั้งรับ พร้อมจัดการกับมันอย่างสะเปะสะปะราวแมลงวันหัวขาด ก่อนจะไถลเข้าไปในตรอกลึกขึ้นกว่าเดิม
“รนหาที่ตายเองแท้ๆ!”
เมื่อเห็นสิ่งนี้ เหล่าสมุนที่ไล่ตามมาก็มองหน้ากันและหัวเราะอย่างมีชัย
พรึบ!
พรึบ!
กลุ่มคนถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม เพื่อโจมตีใส่นางทั้งหน้าและหลัง!
เมื่อฉู่หลิวเยว่ถูกดันเข้าไปในตรอก ก็พลันตระหนักได้ถึงความผิดปกติ ทว่าในขณะที่นางกำลังจะหันหลังกลับ ทางเข้าของตรอกกลับถูกปิดเสียแล้ว!
“คิดจะหนีไปไหน?”
ชายฉกรรจ์ที่แข็งแกร่งหลายคนยืนเรียงแถวขวางทางนางไว้อย่างง่ายดาย!
ท่าทีของฉู่หลิวเยว่เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะหันมองไปข้างหลังทันควัน แต่ก็มีชายหลายคนปรากฏตัวขึ้นทางด้านหลังอย่างเร็วพลัน!
พวกเขาล้อมรอบนางไว้ในตรอกแคบๆ ที่เงียบสงบนี้อย่างสมบูรณ์!
นางเจอกับทางตันเสียแล้ว!
ชายที่เหมือนจะเป็นหัวหน้าลดสายตาลงมองฉู่หลิวเยว่
“เจ้าจะยอมไปเองดีๆ หรือ…ให้พวกข้าพาไป?”
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไปแวบหนึ่ง
“แล้วถ้าข้าไม่เลือก?”
“เช่นนั้นก็ไม่ต้องเลือก!”
เมื่อเห็นฉู่หลิวเยว่ไม่ยอมจำนนง่ายๆ พวกเขาก็หมดความอดทน
หัวหน้ากลุ่มตะโกนโบกมือ
“ถึงนางปางตายก็ต้องพากลับไปให้ได้! แค่ยังมีลมหายใจเพียงนิดก็พอแล้ว!”
หลังจากพูดจบ พวกเขาก็เตรียมจะลงมือ แต่กลับจำต้องชะงักเมื่อเห็นรอยยิ้มของนาง
รอยยิ้มของนางนั้นสดใส ดวงตาคู่สวยทอประกายระยิบระยับดุจดวงดาว ส่งผลให้ใบหน้าที่เดิมทีเฉยชานั้น ดูสดใสและสวยงามขึ้นมาทันตา
“พวกเจ้าจะเข้ามาทีละคน หรือเข้ามาพร้อมกัน?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ชายฉกรรจ์หลายคนต่างตกตะลึง
ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะหัวเราะเยาะราวได้ยินเสียงตลกขบขัน และถามว่า
“นี่เจ้า…คิดจะสู้กับพวกข้าหรือ? เจ้ามีสิทธิ์อันใดกัน!?”
ฉู่หลิวเยว่โคลงศีรษะเบาๆ
“สิทธ์ที่ข้ากำหนดเองอย่างใดล่ะ”
—————————-