ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1047 อักขระ
ตอนที่ 1047 อักขระ
ตุบ!
เสียงคมชัดดังลอยมา
ไข่มุกเม็ดนั้นพยายามจะหลบหนี แต่ท้ายที่สุดก็ถูกค่ายกลของฉู่หลิวเยว่สกัดกั้นไว้ได้!
มันร่วงลงสู่พื้นอีกครั้ง และปะปนไปกับคราบเลือดที่กระจัดกระจาย หากไม่สังเกตให้ดีก็ยากที่จะมองเห็นมัน
ฉู่หลิวเยว่เพียงขยับนิ้วเปลวไฟอันเร่าร้อนก็ลอยออกมา! มันก่อตัวเป็นลูกไฟทรงกลมขนาดเท่ากำปั้น แล้วเข้าดักมันไว้ภายใน!
จากนั้น ลูกไฟอันงดงามก็ลอยขึ้น ก่อนจะตกลงไปบนฝ่ามือของฉู่หลิวเยว่
ฉู่หลิวเยว่มองดูไข่มุกที่อยู่ข้างในอย่างพินิจพิเคราะห์
มันมีขนาดเพียงแค่เมล็ดถั่วเหลือง และเหตุเพราะมันเปื้อนไปด้วยคราบเลือด จึงไม่สามารถมองเห็นรายละเอียดลักษณะของมันได้
แต่ฉู่หลิวเยว่สัมผัสได้ถึงพลังอันน่าทึ่งที่อยู่ในตัวมันได้อย่างชัดเจน!
และสิ่งนี้แหละคือตัวการหลักที่ทำให้หลินจือเฟยเจ็บหนัก!
“แค่ก แค่ก แค่ก”!
จู่ๆ หลินจือเฟยก็ไอโขลกออกมา
ฉู่หลิวเยว่หันกลับมามอง
“คุณชายสี่ ตอนนี้ท่านรู้สึกอย่างใด?”
หลินจือเฟยไออยู่พักหนึ่ง ก่อนจะหยัดตัวตรง
ใบหน้าของเขาเปลี่ยนจากสีแดงฝาดเป็นสีขาวซีด คราบเลือดที่เหลืออยู่ตรงมุมปากและคางทำให้หน้าตาเขาดูซีดเซียวยิ่งขึ้นไปอีก
แต่ทว่าดวงตาที่จ้องมองมานั้น กลับดูทรงพลังมากกว่าเดิมยิ่งนัก
“ข้า…ข้าไม่เป็นไร…”
หลินจือเฟยว่าพลางโบกมือและมองไปยังฝ่ามือนาง
เมื่อเห็นไข่มุกประหลาดเม็ดนั้นที่ติดอยู่ในลูกไฟ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
“นี่…นี่มันอันใด?”
“คุณชายสี่น่าจะคุ้นเคยกับสิ่งนี้สิเจ้าคะ อย่างใดเสีย มันก็อยู่ในร่างกายของท่านมาหลายสิบปีแล้ว”
คำพูดของฉู่หลิวเยว่ทำให้ดวงตาของหลินจือเฟยเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
“เจ้าหมายความว่า?”
“ใช่แล้ว การดำรงอยู่ของมันทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติในชีพจรดั้งเดิมของท่าน”
ฉู่หลิวเยว่เบนสายตามองไปยังไข่มุก และหรี่ตาลงด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
“ดูเหมือนสิ่งนี้จะสามารถกลืนกินชีพจรดั้งเดิมได้ จึงส่งผลให้เลือดลมติดขัด เคราะห์ดีที่คุณชายสี่มี
ชีพจรตี้จิงระดับสูง มิเช่นนั้น…เกรงว่าในตอนนี้แม้แต่หยัดตัวขึ้นคงทำไม่ได้เป็นแน่”
หลินจือเฟยขมวดคิ้วเป็นปม
“นี่…นี่มันหมายความว่าอย่างใดกันแน่?”
ฉู่หลิวเยว่ส่ายหน้า
“ข้าเองก็หารู้ไม่ ก่อนหน้านี้ตอนที่ลองสัมผัสชีพจร ข้าเองก็คาดเดาได้ไม่แน่ชัดนัก ว่ามันเหมือนจะมีสิ่งนี้ ในตอนนั้นข้าคิดว่าจะเอามันออกมาเสียให้สิ้นซาก เพียงแต่เคราะห์ร้ายตรงที่มันว่องไวผิดปกติยิ่งนัก มัน ‘แยกตัว’ ออกมามากมายนับไม่ถ้วนและเกาะอยู่ในชีพจรดั้งเดิมของท่าน เปลวไฟเพียงน้อยนิดจึงไม่สามารถต้านมันไว้ได้ ดังนั้น…”
“ดังนั้น ในบรรดายาอายุวัฒนะที่เจ้าช่วยกลั่นให้ข้าเมื่อครู่ สิ่งสำคัญที่สุดคือ…พลังปราณดั้งเดิมของเจ้าหรือ?”
หลินจือเฟยถามกลับ
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะและยอมรับอย่างตรงไปตรงมา
“คุณชายสี่ช่างหัวไวนัก!”
แท้จริงแล้วนางได้อัดฉีดเปลวไฟเข้าไปในยาเม็ด
และบทบาทหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสมนุไพรเหล่านั้นก็คือ ช่วยลดแรงปะทะจากพลังของเปลวไฟที่นางทิ้งไว้
หากใช้แค่ยาเม็ดระดับแปดขั้นต่ำอย่างเดียว แล้วสามารถรักษาอาการเจ็บป่วยของหลินจือเฟยให้หายได้ เช่นนั้นพวกเซียนหมอของตระกูลหลิน คงทำสำเร็จไปนานแล้ว
เหตุใดยังต้องตกมาถึงมือนางอีกเล่า
นางจงใจให้หลินเทียนเฟิงไปเอาสมนุไพรมา และขอให้เขาเป็นผู้คอยรักษาความปลอดภัยขณะที่นางกลั่นยา ซึ่งจริงๆ แล้วนั่นเป็นเพียงการแสดงกลอุบายเท่านั้น
เลยไม่มีผู้ใดรู้ว่านางนำเรื่องเม็ดยามาใช้บังหน้า และการอัดลูกเพลิงเข้าไปขับไข่มุกออกมาต่างหากที่เป็นเรื่องจริง!
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่า เหตุใดนางเอาแต่กระตุ้นให้หลินจือเฟยพยายามหมุนเวียนพลังปราณดั้งเดิม
มีเพียงการบีบบังคับจากทั้งสองทางเท่านั้นที่จะสามารถทำให้สิ่งนี้หมดหนทางหนี!
แววตาของหลินจือเฟยฉายแววเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง แต่ขณะเดียวกันก็มีร่องรอยของความแคลงใจปรากฏขึ้น
“จะบอกว่า คุณหนูตู๋กูรู้ตั้งแต่มาเหยียบหน้าประตูเรือนแล้วหรือ ว่าวิธีนี้สามารถช่วยข้าได้?”
เสียงของเขายังฟังดูอ่อนแรงอยู่บ้าง แต่ประโยคคำถามกลับมีความสำคัญนัก
ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาปริบๆ
“คุณชายสี่สงสัยในตัวข้าอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่มีทางอย่างแน่นอน”
หลินจือเฟยรีบปฏิเสธทันควัน
“ข้า…ข้าเพียงแค่มีเรื่องแคลงใจเล็กน้อย…”
ในเมื่อนางไม่ได้สัมผัสชีพจรดั้งเดิมของเขาโดยตรง แล้วนางแน่ใจได้อย่างใดว่าวิธีของนางจะสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
ฉู่หลิวเยว่เพียงยิ้มโดยไม่พูดอันใดสักคำ
นางคงบอกไม่ได้ว่า เป็นเพราะนางรู้ดีแก่ใจว่าพลังของไข่มุกธาราในตัวนางนั้นแกร่งกล้าเพียงใด มันเลยทำให้นางมั่นใจได้ถึงเพียงนี้
แต่เมื่อเห็นปฏิกิริยาของนางเช่นนี้ หลินจือเฟยจึงว่าต่อทันควัน
“แต่หากคุณหนูตู๋กูไม่สะดวกใจที่จะบอกข้า วันหลังข้าก็จะไม่ถามอีก”
เขาเหมือนจะเดาได้เป็นนัยว่า ในตัวแม่นางตรงหน้าเขานั้นมีพลังพิเศษซ่อนอยู่เป็นแน่
ฉะนั้นการที่นางไม่ยอมบอกก็เป็นเรื่องปกติ
ฉู่หลิวเยว่ค่อนข้างชื่นชมการวางตัวของหลินจือเฟย
การคบค้าสมาคมผู้ที่มีปัญญานั้น มักทำให้คนรอบข้างผ่อนคลายลงมาก
“สิ่งนี้ถูกกำจัดออกไปแล้ว ที่เหลืออยู่ก็เป็นเพียงปัญหาเล็กน้อยเท่านั้น มีบางส่วนที่หลงเหลือในชีพจรดั้งเดิมของท่าน อีกหน่อยมันจะค่อยๆ หายไปเอง ตราบใดที่ท่านดูแลตัวเองเป็นอย่างดี คุณชายสี่ก็จะฟื้นตัวในเร็ววัน”
หลินจือเฟยมองไปยังใบหน้าที่ผ่อนคลายและนิ่งเฉยของแม่นางตรงหน้า เมื่อได้ยินนางเอ่ยคำพูดเหล่านั้นไปเรื่อยๆ เขาก็รู้สึกเคลิบเคลิ้มไปชั่วขณะ
และอดไม่ได้ที่จะกำมือแน่น
“เท่า…นี้หรือ?”
“เจ้าค่ะ!”
ฉู่หลิวเยว่มองท่าทีของเขาอย่างพิจารณา
หาได้ยากที่เขาจะเผยสีหน้าท่าทางว่างเปล่าและเปราะบางเช่นนี้ ให้ผู้คนสามารถมองทะลุปรุโปร่งความคิดของเขา
“แม้พูดอาจดูง่าย แต่เรื่องแบบนี้ก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก จากนี้ไปข้าจะคอยอยู่เคียงข้างคุณชายสี่พักหนึ่ง ดังนั้นท่านไม่ต้องกังวล พักผ่อนให้เพียงพอเถิด”
หลินจือเฟยพยักหน้าไปตามสัญชาตญาณ
“ขอบใจเจ้ามาก…ที่จริงข้าแค่…แค่รู้สึกว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วไปหมด…”
หลายปีมานี้เขาคิดอยู่เสมอว่าเขาคงจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน จึงได้แต่เมินเฉยต่อสิ่งรอบตัวทุกอย่าง
แม้แต่ครั้งนี้เองที่เขากลับมาจากข้างนอก ก็ได้มีการเตรียมตัวเตรียมใจพร้อมที่จะจากไปอยู่ทุกเมื่อ
ผู้ใดจะรู้เล่าว่ามันจะเกิดอันใดขึ้นบ้าง…
แต่ขณะที่เขาจ้องมองไข่มุกเม็ดนั้น ก็พลันนึกอันใดบ้างขึ้นมาได้ และเอ่ยถามเบาๆ
“จะว่าไปแล้ว จริงๆ แล้วอาการป่วยนี้ไม่ได้ติดตัวข้ามาตั้งแต่กำเนิดหรอกหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“หากไม่ผิดจากที่ข้าคิดไว้ ไข่มุกนี้น่าจะเข้าไปในร่างกายท่านหลังจากที่ท่านเกิดได้ไม่นาน มันหลบซ่อนอยู่นานหลายปี และพาท่านมาพบกับเหตุการณ์ในปัจจุบันนี้โดยไม่รู้ตัว แต่อย่างใดเสีย…”
นางหยุดลงชั่วขณะและยกเปลือกตาขึ้นเล็กน้อย
“นี่ไม่ใช่โรคที่มาจากครรภ์อย่างแน่นอน”
หลินจือเฟยก้มหน้าลงเล็กน้อย
ใบหน้าซีดเซียวและซูบผอมนั้นดูโรยราและโดดเดี่ยวมากเป็นพิเศษในเพลานี้
เพลาล่วงเลยผ่านไปครู่ใหญ่ ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจออกมายาวๆ
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง…”
เขาคิดมาตลอดว่า มันเป็นความผิดของเขาที่ทำให้ท่านแม่เกิดโศกนาฏกรรมในครานั้น ไม่คิดเลยว่า…
ทันใดนั้นเอง ก้อนหินอันหนักอึ้งที่ทับถมอยู่ในใจเขามานานหลายปีก็ถูกยกออกไปจนหมด ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายไปทั้งร่างกาย
เรื่องนี้ต้องมีใครบางคนวางแผนลับๆ ไว้ล่วงหน้าเป็นแน่!
และไม่นาน ใบหน้าของเขาก็หมองหม่นลงอีกครั้ง
หากไม่ใช่เขา ก็ต้องมีผู้อื่นที่แอบวางแผนทั้งหมดนี้ไว้แน่นอน!
การตายของท่านแม่ และความเจ็บป่วยของเขา!
“ไม่ทราบว่าคุณหนูตู๋กูพอจะทราบที่มาที่ไปของไข่มุกเม็ดนี้หรือไม่?”
เขากวาดตาขึ้นมองพลันเอ่ยถาม
พอได้ยินเช่นนั้น ฉู่หลิวเยว่ก็จดจ้องไปยังไข่มุกอีกครา
ขณะนี้ เปลวไฟได้แผดเผาล้างคราบเลือดด้านบนออกไปจนหมดสิ้นแล้ว
นี่เป็นไข่มุกที่มีสีดำขลับทั่วทั้งเม็ด และนอกเหนือจากนั้นก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีสิ่งใดพิเศษ…
แต่แล้วในขณะที่สายตาของฉู่หลิวเยว่กำลังจับจ้องมองมันอยู่นั้น
“เหมือนว่าบนผิวของมันจะมีรูปภาพบางอย่าง ไม่สิ! เหมือนจะเป็นลายสลักมากกว่า!”