ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1067 ตู๋กูเยว่
ตอนที่ 1067 ตู๋กูเยว่
“องค์ชาย ท่าน…มิเป็นไรนะขอรับ?”
หลังจากหรงซิวเดินจากมา อวี๋มั่วที่ยืนรอรับใช้อยู่ด้านข้างก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามเสียงเบา
น่ากลัวเกินไปแล้ว!
ฉากเมื่อครู่นี้น่ากลัวเกินไปจริงๆ!
คุณหนูหลิวเยว่จัดการเรื่องเช่นนี้ได้ยอดเยี่ยมเสียจริง!
ต่อหน้าผู้คนมากมายเพียงนี้ กระทั่งที่ว่างเพียงเล็กน้อยก็ไม่หลงเหลือให้องค์ชายของเขาเลยแม้แต่น้อย
ทว่าองค์ชายเองก็ยังลังเลนัก ว่าจะปฏิบัติต่อนางอย่างใดกันแน่ จึงทำได้เพียงแค่ไกล่เกลี่ยระงับความขัดแย้งเพียงเท่านั้น
เยี่ยนชิงที่ยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งมิได้แสดงท่าทีใดออกมา ยามได้ยินคำพูดนี้ก็อดไม่ได้ที่จะครางอยู่ในลำคอ
ทำผิดเองจะไปโทษใครได้!?
คราแรกก็แนะนำให้องค์ชายเอ่ยออกไปเร็วๆ แล้ว เขาก็ไม่ยอมพูด
ช่างพอดิบพอดีเสียจริง!
สรุปแล้วเจ้าตัวก็มาหาเองถึงหน้าประตูโดยตรงเลยอย่างใดล่ะ!
แล้วต่อจากนี้น่ะหรือ?
พูดไว้เสียดิบดีว่าจะไปรับด้วยตนเอง สุดท้ายก็ไม่ได้ไป
หากคนผู้นั้นมิโกรธเคืองอันใด นั่นเรียกได้ว่าประเสริฐแล้ว!
สีหน้าของหรงซิวยังคงเป็นปกติ
“ทุกอย่างดำเนินเป็นไปตามแผน”
อวี๋มั่วรีบขานรับโดยพลัน
“ขอรับ!”
พูดจบ เมื่อเห็นว่าองค์ชายดูจะไร้ซึ่งแผนการอื่นแล้วจริงๆ ในใจของอวี๋มั่วพลันกระวนกระวายก่อนจะใช้ศอกถองใส่เยี่ยนชิง
…นี่ ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้องค์ชายให้เจ้าไปรับคุณหนูหลิวเยว่มาก่อนหรอกหรือ แล้วเหตุใดสุดท้ายถึงมากับตระกูลหลินได้? เจ้าดูสินั่น คนผู้นั้นโกรธจะตายอยู่แล้ว! ถ้าเจ้าทำงานดี ตอนนี้องค์ชายจะอยู่ในสภาพตกต่ำถึงเพียงนี้หรืออย่างใด!?
เยี่ยนชิงฉีกยิ้มเย็นเยียบ
เขาไปแล้วจะมีประโยชน์อันใด? เขาทั้งคุกเข่าขอร้องอ้อนวอนก็แล้ว คนผู้นั้นก็ไม่ได้สนใจกันเลยแม้สักนิด
พูดถึงตรงนี้แล้ว ไม่ใช่เพราะว่าองค์ชายเป็นคนผิดแต่แรกหรือไร!?
ต่อให้เขาเป็นหน่วยกล้าตายแล้วอย่างใดต่อ จะให้เขาไปดับเพลิงโทสะคนผู้นั้นด้วยตัวเองหรือ?
องค์ชายยังทำเองไม่รอด นับประสาอันใดกับเขา!
สรุปก็คือองค์ชายสมควรได้รับสิ่งนี้แล้วนั่นแหละ!
เมื่อเห็นว่าองค์ชายยังคงสงบนิ่งดังเคย เยี่ยนชิงก็นั่งลงอย่างไม่สนใจพระองค์ อวี๋มั่วเกาศีรษะแกรก รู้สึกได้ว่าปวดศีรษะอย่างมาก
คิดไปคิดมาก็คิดอันใดไม่ออก จึงทำได้แค่ถอนหายใจออกมายาวเหยียดอยู่ในใจ
เฮ้อ!
ช่างมันแล้วกัน!
จะไปกังวลอันใดขนาดนั้นกันเล่า!
ในเมื่อองค์ชายไม่รีบร้อน เช่นนั้นก็คงคิดหาวิธีจัดการได้แล้วกระมัง?
หลังจากนั้นไม่นาน อวี๋มั่วก็เลิกสนใจความคิดเหล่านี้ แล้วเริ่มหันไปยุ่งวุ่นวายกับงานฉลองพระชนมพรรษาแทน
…
หรงซิวมาถึงไวกว่าที่คาดไว้เล็กน้อย หลังจากที่เขาเข้ามาก็ยังมีตระกูลอื่นๆ ทยอยมาถึง
ทว่าเนื่องจากการมีอยู่ของเขา บรรยากาศภายในโถงตำหนักใหญ่จึงเคร่งขรึมกว่าเดิมอยู่บ้างอย่างเห็นได้ชัด
ต่อให้เขาจะพูดไปแล้วก็ตามว่าให้ทุกคนทำตัวตามสบาย แต่ก็ไม่มีใครกล้าทำตามสบายจริงๆ หรอก!
โดยเฉพาะเหล่าบรรดาคุณหนูทั้งหลายที่อวดโฉมใส่กัน ต่างก็สง่างามและเอื้อเฟื้อใจกว้าง ทุกคำพูดทุกกิริยาล้วนสงวนท่าทีสิ้น ด้วยเกรงว่าจะสร้างความรำคาญแก่ผู้ที่อยู่สูงกว่า
ต่อมา คนของหุบเขาหานซานก็มาถึง
หลังจากเข้ามาแล้ว ขบวนคนกลุ่มหนึ่งเห็นหรงซิวนั่งอยู่ด้านบนก่อน ก็เพิ่งระลึกได้ว่าตนเองมาสาย จึงรีบคุกเข่าลงคำนับ
หรงซิวปล่อยให้พวกเขานั่งลงอย่างมิใส่ใจอันใด
ทว่าใบหน้าของหานเฉวียนและคนอื่นๆ ก็ยังคงซีดเผือดอยู่ดี
พวกเขาล้วนรู้แจ้งแก่ใจว่าความผิดพลาดเล็กน้อยเช่นนี้ อาจหมายถึงไม่มีโอกาสครั้งที่สองอีก
มีเพียงหานจื่อจูและคนอีกส่วนหนึ่งที่มิได้ตอบสนองอันใด ทำเพียงแค่มองไปยังหรงซิวที่นั่งอยู่ด้านบนเพียงเท่านั้น
ปกครองดั่งมังกร รูปลักษณ์เยี่ยงวิหคเพลิง ซุ่มเสียงใสน่าลุ่มหลงราวมารปีศาจยั่วยวน
การที่คนเช่นนี้จะทำให้ใจของผู้คนหวั่นไหวนั้นเป็นเรื่องที่ปกติหาได้ทั่วไป
กระทั่งหรงซิวมองมา นัยน์ตาฉาบด้วยแววเย็นเยียบ แรงกดดันมหาศาลก็ถาโถมเข้าทันที! ทำเอาคนของพวกนางรู้สึกตัวได้สติกันในที่สุด!
“ถ้าไม่อยากมีตาไว้ใช้กันแล้วก็แค่พูดออกมา”
หรงซิวเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา
หานจื่อจูและคนอื่นๆ ต่างก็รีบก้มศีรษะลงร้องวอนขอความเมตตา
ครั้นเกิดภาพนี้ขึ้นภายในโถงตำหนักใหญ่ ก็ทำเอาใจของผู้คนที่เห็นสับสนอย่างมาก
ครั้นตู๋กูเยว่ที่อยู่ตรงหน้าเขากล่าวว่าไม่เห็นเขา เขาก็ยืนกรานจะให้นางเห็นเสียให้ได้
บัดนี้แม่นางบางนางจากหุบเขาหานซานจ้องเขาตาค้าง เขากลับคิดจะควักลูกตาพวกนางออกมาแทน
ความจริงแล้วเรื่องแบบนี้นั้นมิเคยเกิดขึ้นกับโอรสสวรรค์มาก่อน
แค่เรื่องอันเต็มไปด้วยลับลมคมในเมื่อครู่ก่อน ไหนจะเห็นเรื่องนี้อีก ก็รู้สึกว่ามันจะแปลกประหลาดเกินไปหน่อยแล้ว
ทั้งสองต่างก็เป็นสตรี… แต่เหตุใดถึงมีความแตกต่างมากมายเพียงนี้!?
หลังจากพยายามทุกทางแล้ว ในที่สุดคนของหุบเขาหานซานก็ได้รับการให้อภัย ก่อนจะไปยืนอยู่ที่มุมด้านหลังผู้คนอย่างสับสน
หานจื่อจูมีสีหน้าตกใจยิ่ง และกำลังคิดที่จะเปิดปาก ทว่าถูกหานเฉวียนที่อยู่ด้านข้างจับเอาไว้เสียก่อน
ตอนนี้พวกเขาดูแลตัวเองแทบจะยังไม่ได้ จะเอาอันใดไปยุ่งวุ่นวายผู้อื่นอีก?
ยิ่งไปกว่านั้น ถึงหานจื่อจูและคนของพวกนางไม่เข้าใจ แต่หานเฉวียนกับเฉินถิงเข้าใจถึงประโยชน์และโทษดี
แค่หลินเทียนเฟิงและคนอื่นๆ สามารถนั่งอยู่ตรงนี้ได้อย่างสบายใจ ก็อธิบายถึงปัญหาได้ชัดมากพอแล้ว!
ต่อให้จะอยากหาเรื่องพวกเขามากแค่ไหน ก็ต้องสืบข่าวถามสถานการณ์ให้ชัดเจนเสียก่อน!
ด้วยเหตุนั้น คนกลุ่มนี้จึงเก็บความรู้สึกอยุติธรรมเอาลงไป
“เหอะ ดูสิว่าครั้งนี้พวกนางจะหยิ่งผยองได้สักเท่าไร! คุณหนูตู๋กู ครานี้ต้องขอบคุณเจ้ามาก! มิเช่นนั้นแล้วล่ะก็ พวกเราได้มีหวังถูกพวกมันรังแกอีก!”
บรรดาคุณหนูจากผาแดนสวรรค์ต่างก็พากันระบายอารมณ์โมโหออกมา
“ตอนนี้ทุกคนต่างก็รู้เรื่องที่ว่าเจ้ากับโอรสสวรรค์รู้จักกันแล้ว ต่อจากนี้ไปย่อมไม่มีใครกล้ามาตอแยเจ้าอีก!”
ฉู่หลิวเยว่ได้ยินเช่นนั้นก็ฉีกยิ้ม สายตากวาดไปมองโหรวหรูไห่รอบหนึ่งอย่างเงียบงัน
“ก็ขอให้เป็นเช่นนั้นเถอะ”
…
หลังจากอาคันตุกะทั้งหมดมาครบแล้ว งานเลี้ยงฉลองก็ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
เริ่มด้วยคนจากแต่ละตระกูลถวายของขวัญคล้ายวันพระราชสมภพและแสดงความยินดีแก่พระโอรส
คำพูดสวยหรูเป็นกระบุงหลั่งไหลพรั่งพรูออกมา ประหนึ่งสินค้าที่มิต้องการเงินเป็นของตอบแทนใด
ฉู่หลิวเยว่ยืนอยู่ด้านข้างและรับฟังอย่างง่วงงุน
หรงซิวกวาดสายตาคราหนึ่ง ครั้นเห็นท่าทางนางอยู่ในสภาพง่วงเหงาหาวนอนก็เผลอหัวเราะออกมา ขัดจังหวะอวี๋มั่วที่กำลังขานรายชื่อของขวัญ
“พอแล้ว ของเหล่านี้ข้าจะดูภายหลัง วันนี้นอกจากจะเป็นวันเกิดของข้าแล้ว ยังมีพิธีคัดเลือกพระชายาอีกด้วย ได้เวลาที่ข้าจะต้องเลือกพระชายาเสียที ดังนั้นต่อจากนี้เรามาเริ่มกันเลยเถอะ”
ทุกคนล้วนตื่นตกใจ จากนั้นไม่นานต่างก็ตื่นเต้นขึ้นมาโดยพลัน
นี่สิถึงจะเป็นจุดประสงค์หลักของงานในค่ำคืนนี้!
หรงซิวยกมือขึ้น นำสมุดพับเล่มหนึ่งส่งให้เยี่ยนชิงที่ยืนอยู่ด้านข้าง
“ตรวจสอบรายชื่อของผู้เข้าร่วมการคัดเลือกพระชายาก่อนแล้วกัน”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
เยี่ยนชิงเปิดมันด้วยท่าทีนอบน้อมยิ่ง ใบหน้าพลันแข็งทื่อไปในบัดดล
เขาเลื่อนสายตาไปมองหรงซิวอย่างรวดเร็วรอบหนึ่ง
หรงซิวยังคงมีท่าทีสงบนิ่ง
“ขาน”
เยี่ยนชิงกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
“รายชื่อผู้เข้าร่วมการคัดเลือกพระชายามีดังนี้…”
“ผาแดนสวรรค์ส่งหลินเหมียวเอ๋อร์ หลินซวงซวง ซูเสี่ยวเหยียน…ตู๋ ตู๋กูเยว่!”
—————————-