ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1068 เจ้าอยากให้ แต่ข้าไม่ต้องการ
ตอนที่ 1068 เจ้าอยากให้ แต่ข้าไม่ต้องการ
ตู๋กูเยว่!
เมื่อหลินเทียนเฟิงได้ยินชื่อสามคำนี้ เขาก็รู้สึกตกใจอย่างมาก
เหตุใดชื่อของนางถึงปรากฏอยู่บนนั้นได้!?
ด้านข้างของฉู่หลิวเยว่เป็นแม่นางคนหนึ่ง ท่าทางรนรานมากกว่า นางทิ้งแก้วสุราลงพื้นจนตกแตก
เพล้ง!
เสียงแก้วแตกดังสะท้อนก้อง และดึงดูดความสนใจของทุกคนทันที
ภายในท้องพระโรงเงียบกริบ
หรงซิวมองมาทางนี้แล้วเลิกคิ้วขึ้น
“ประมุขตระกูลหลินเป็นอันใดไปหรือ?”
หลินเทียนเฟิงรีบลุกขึ้นยืนแล้วพูดขึ้นว่า
“ฝ่าบาท คือว่า…คุณหนูตู๋กูไม่ได้อยู่ในรายชื่อผู้คัดเลือกของหน้าผาแดนสวรรค์! นี่มัน…”
“อ่า?”
เหมือนว่าหรงซิวจะตกใจเล็กน้อย เขาเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะหันไปพูดกับเยี่ยนชิง
“เอามาให้ข้าดูหน่อย”
เยี่ยนชิงรีบหยิบฎีกานั้นออกมาถวายด้วยสองมือ
หรงซิวรับมา ก่อนจะกวาดสายตาอย่างละเอียด จากนั้นก็เงยหน้าขึ้น แล้วพูดเสียงเรียบ
“บนหน้านี้ได้เขียนชื่อของตู๋กูเยว่เอาไว้อย่างชัดเจน หากประมุขตระกูลหลินไม่เชื่อ ก็เข้ามาดูเองสิ”
หลินเทียนเฟิงสำลักไป
คำพูดของฝ่าบาทมีค่าดั่งหยก ดั่งทองคำ เขาจะกล้าไม่เชื่อได้อย่างใด?
แต่ว่าแบบนี้มันไม่ถูกต้องสิ! ชื่อตู๋กูเยว่เป็นชื่อที่หน้าผาแดนสวรรค์เป็นคนส่งไป แต่ยิ่งไปกว่านั้น เขารู้ดีว่า ตู๋กูเยว่พาลูกมาตามหาสามี แล้วเขาจะกล้าใส่ชื่อนางไปได้อย่างใด!?
“คือว่า…นี่จะต้องเป็นเรื่องผิดพลาดอย่างแน่นอน…”
หลินเทียนเฟิงกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ใบหน้าตึงเครียด ร่างกายเกร็ง
ต่อให้เขาเคยเจอลมพายุมามากน้อยแค่ไหน แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบนี้ เขาก็รู้สึกมึนไปเหมือนกัน
คนเหล่านี้ไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับตู๋กูเยว่ แต่เขากลับรู้เป็นอย่างดี
หากถูกคนพวกนี้ตรวจสอบได้ คงจะไม่…
“ประมุขตระกูลหลินหมายความว่า คนของหน้าผาแดนสวรรค์ทำผิดพลาดหรือ?”
หรงซิวเอนหลังพิงพนัก แล้วถามอย่างเกียจค้าน
แม้ว่าน้ำเสียงจะผ่อนคลาย แต่หลินเทียนเฟิงจะกล้ายอมรับได้อย่างใด!?
“ข้า…ข้าไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น”
น้ำเสียงของหลินเทียนเฟิงอ่อนลงอย่างมาก
หรงซิวหัวเราะออกมา จากนั้นก็โยนสมุดเล่มนั้นให้เยี่ยนชิง
“ช่างเถอะ เรื่องนี้ยังไม่สามารถตรวจสอบได้อย่างชัดเจน ก็เอาแบบนี้ไปก่อน รอให้เรื่องจบแล้วค่อยตรวจสอบก็ยังไม่สาย”
ทุกคน “???”
นี่คือรายชื่อคัดเลือกพระชายาของท่านนะ เหตุใดมันถึงผ่อนคลายเช่นนี้?!
แต่ในเมื่อหรงซิวพูดออกมาเช่นนี้แล้ว แน่นอนว่าคนอื่นๆ ก็ไม่มีทางพูดอันใด
ยิ่งไปกว่านั้น คนที่เข้าร่วมงานคัดเลือกพระชายาในครั้งนี้มีจำนวนไม่น้อย จะเพิ่มหรือจะลดไปสักคนหนึ่ง ก็ไม่เป็นไร
ผู้หญิงที่ไม่มีเบื้องหลังเช่นนี้ มีอันใดให้กังวล
เยี่ยนชิงรับสมุดเล่มนั้นมา และรู้สึกว่าสองมือของเขานั้นร้อนผ่าว
เขาหลุบสายตามองต่ำ เมื่อมองเห็นชื่อ “ตู๋กูเยว่” ที่เพิ่งใส่เข้าไป ในใจของเขาก็พองโตขึ้นมา
มิน่าล่ะก่อนหน้านี้ฝ่าบาทถึงไม่รีบร้อนเลยแม้แต่น้อย ที่แท้เขาก็กำลังรออยู่นี่เอง!
หรงซิวเคาะนิ้วเรียวยาว
“ต่อไป”
…
เยี่ยนชิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็เริ่มอ่านหน้าต่อไป
“หาน…”
“ช้าก่อน!”
เยี่ยนชิงเพิ่งจะเริ่มอ่าน แต่ก็ถูกคนขัดจังหวะเสียได้
ทุกคนหันไปมองตามต้นเสียงนั้น คนที่พูดไม่ใช่ใครอื่น คนผู้นั้นคือ เจียงจื่อหยวนที่ติดตามหรงซิวเข้ามา
นางหันไปมองหรงซิวที่นั่งอยู่ตำแหน่งด้านบน นางขมวดคิ้วเข้มขึ้นเล็กน้อย ความไม่เห็นด้วยฉายชัดอยู่บนใบหน้า
“ฝ่าบาท การกระทำของท่านเช่นนี้ มีอันใดบางอย่างผิดปกติไป”
ทุกคนเงียบเสียงลงทันที
“จื่อหยวน”
เจียงเห่อเทียนที่นั่งอยู่ด้านข้างก็ขมวดคิ้วขึ้นทันที พร้อมเรียกกล่าวเตือนนางหนึ่งเสียง
เจียงจื่อหยวนไม่ได้สนใจเขา นางเม้มริมฝีปาก แล้วพูดต่อว่า
“ทางด้านประมุขตระกูลหลินได้พูดออกมาแล้ว ว่าคุณหนูตู๋กูไม่ใช่คนของพระราชวังเมฆาสวรรค์ หากตามหลักการแล้วนางไม่มีสิทธิ์ที่จะอยู่ในรายชื่อนี้ด้วยซ้ำ ฝ่าบาทไม่คิดเล็กคิดน้อยเช่นนี้ มันคงจะไม่เหมาะสมนะเพคะ?”
ทุกคนต่างมองหน้ากัน สิ่งที่เจียงจื่อหยวนพูดก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล
หญิงสาวที่มาอยู่ที่นี่ ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่โดดเด่นยอดเยี่ยม แต่ทันใดนั้นก็มีตู๋กูเยว่ปรากฏขึ้นมาในรายชื่ออย่างไม่ทราบสาเหตุ และกลายเป็นหนึ่งในผู้คัดเลือก เรื่องนี้ย่อมมีอันใดแปลกไป
หรงซิวมองนางด้วยสายตาเรียบเฉย
“ทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่ล้วนแล้วแต่ไม่ใช่คนของอาณาจักรข้า หากทำตามที่เจ้าว่า เช่นนั้นข้าก็ควรคัดรายชื่อพวกนางออกไปให้หมดใช่หรือไม่?”
เจียงจื่อหยวนพูดไม่ออก นางกัดริมฝีปากแน่น
“ข้า…ฝ่าบาททราบดีอยู่แล้วว่าข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น…”
“คุณหนูใหญ่เจียงหมายความว่าอย่างใด มีเพียงคุณหนูใหญ่เท่านั้นที่รู้ ข้านั้นจะไปรู้ได้อย่างใด”
เหมือนว่าหรงซิวจะยิ้มออกมา แต่แววตาไม่มีรอยยิ้มเลยแม้แต่น้อย
ผู้ใดที่มีตาก็ย่อมเห็นว่าความแปลกประหลาดได้อยู่แล้ว
เจียงจื่อหยวนชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นในแววตามีร่องรอยของความลำบากใจปรากฏขึ้น
หลังจากที่นางได้พบกับหรงซิวในวันนี้ เดิมทีนางชอบเขาอยู่แล้ว แต่เมื่อได้เจอ ก็พบว่าอีกฝ่ายไม่ค่อยจะสนใจนางเสียเท่าไร
แต่นางก็ไม่ได้สนใจ เพราะว่าเขามีนิสัยเย็นชาเป็นทุนเดิม
แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ คาดไม่ถึงว่าเขาจะไม่ไว้หน้านางเลยแม้แต่น้อย…
เจียงจื่อหยวนรู้สึกไม่เป็นธรรมอย่างมาก
ในตอนที่นางอยากจะพูดอันใดบางอย่างอีก เจียงเห่อเทียนกลับพูดขึ้นว่า
“จื่อหยวนล่วงเกินฝ่าบาทแล้ว ได้โปรดประทานอภัย”
เขาหัวเราะหึๆ
“ฝ่าบาทก็ทราบดีว่า เด็กน้อยคนนี้ถูกท่านประมุขเลี้ยงดูตั้งแต่เล็กจนเสียคน เวลาพูดอันใดก็ไม่มีความเกรงใจ ฝ่าบาทได้โปรดอภัยโทษให้ด้วย กลับไปข้าจะสั่งสอนนางให้ดี!”
เมื่อได้ยินคำว่า “ประมุข” ดวงตาของหรงซิวก็ดำมืดขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากบางยกยิ้มขึ้น
“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างใด”
“น่าเสียดายที่ตอนนี้ท่านประมุขกำลังปิดด่านฝึก ไม่เช่นนั้นหากได้เจอกับคุณหนูใหญ่เจียง เขาจะต้องมีความสุขอย่างแน่นอน”
ใบหน้าของเจียงเห่อเทียนประดับด้วยรอยยิ้ม
และไม่รู้ว่าเหตุใด ประมุขปิดด่านฝึกมาตั้งหลายปีแล้ว ก็ยังไม่ยอมออกมาสักที
ยิ่งเฉพาะในตอนนี้ ตอนที่หรงซิวสามารถครอบครองอำนาจในพระราชวังเมฆาสวรรค์อย่างเบ็ดเสร็จ!
หลายปีผ่านมานี้ เขาหลบเลี่ยงสายตาของหรงซิวมาโดยตลอด แต่คิดไม่ถึงว่าอำนาจของเขาจะเหนือกว่าที่คิดเอาไว้เสียอีก!
เจียงเห่อเทียนหัวเราะขึ้นมาอย่างกระดากอาย และไม่ได้พูดอันใดต่อ
“ท่านพ่อ! เหตุใดท่านถึงไม่ยอมให้ข้าพูดต่อไปล่ะ?”
เจียงจื่อหยวนอดถามขึ้นมาไม่ได้ เจียงเห่อเทียนขมวดคิ้ว
“เจ้ายังอยากจะพูดอันใดอีก!? ความหมายของฝ่าบาท เจ้ายังฟังไม่ออกอีกหรือ?”
“แต่แล้วเหตุใดเล่า! ตู๋กูเยว่ผู้นั้นไม่มีคุณสมบัติอันใดแท้ๆ ยิ่งไปกว่านั้นประมุขตระกูลหลินยังพูดออกมาเองว่า ไม่ได้ใส่ชื่อของนางลงไป ประโยคเดียวก็สามารถอธิบายได้ทุกอย่างแล้ว เหตุใดฝ่าบาทจะต้องเพิ่มปัญหาเช่นนี้?”
เจียงเห่อเทียนรู้สึกหมดความอดทนขึ้นมาเล็กน้อย
“เจ้าจะหมกมุ่นกับปัญหานี้อยู่ไปเหตุใด? ก็แค่ตู๋กูเยว่คนเดียวไม่ใช่หรือ? ต่อให้เพิ่มนางเข้ามา มันจะส่งผลต่อผลลัพธ์ครั้งสุดท้ายหรือไม่? ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น ดูเพียงแค่รูปร่างหน้าตาของนาง ก็ไม่สามารถแข่งขันได้อยู่แล้ว! เพื่อคนไร้ค่าคนหนึ่ง แต่เจ้ากลับทำให้ฝ่าบาทต้องขุ่นเคือง มันคุ้มแล้วหรือ?”
“ข้า…”
เจียงจื่อหยวนพูดอันใดไม่ออก
“ขอเพียงเจ้าทำตัวดีๆ ตำแหน่งพระชายาก็จะต้องตกเป็นของเจ้า ในที่แห่งนี้ไม่มีใครเหมาะสมไปมากกว่าเจ้าอีกแล้ว”
เจียงเห่อเทียนพูดเกลี้ยกล่อมนางอย่างจริงจัง
เจียงจื่อหยวนได้แต่พยักหน้า
แต่ไม่รู้ว่าเหตุใด เมื่อนางนึกถึงคำพูดของฝ่าบาทกับแม่นางคนนั้น นางจึงรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
เยี่ยนชิงอ่านต่อไป
“หาน–”
“ช้าก่อน”
มีอีกเสียงดังขึ้นมา
ทุกคนจึงหันไปมอง แต่คาดไม่ถึงว่าครั้งนี้คนที่พูดนั้นกลับเป็นตู๋กูเยว่!
นางยกริมฝีปากขึ้น จากนั้นก็พูดว่า
“ข้าคิดว่าคำพูดของคุณหนูใหญ่เจียง กล่าวได้ถูกต้อง”
“ฝ่าบาทได้โปรดขีดฆ่าชื่อของหม่อมฉันเถิดเพคะ”
—————————-