ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1071 หมากรุก
ตอนที่ 1071 หมากรุก
“คุณหนูตู๋กู ที่แท้เจ้าก็รู้จักกับ…ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกด้วยหรือนี่?”
ความรู้สึกของหลินเทียนเฟิงไม่สามารถใช้คำว่าตกใจมาบรรยายได้อีกแล้ว
ก่อนหน้าก็คือ ใต้เท้าเยี่ยนชิง แล้วก็เป็นฝ่าบาท ตอนนี้แม้กระทั่งผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกที่รักสันโดษมากที่สุด นางก็สนิทสนมด้วย…
นางเป็นเพียงคนภายนอกพรมแดนธรรมดาจริงหรือ?
ตอนนี้มาฆ่าเขาให้ตายเขาก็ไม่เชื่อ!
“หื้อ?”
ฉู่หลิวเยว่ดึงสติกลับมา จากนั้นก็พยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ
“ก็ไม่นับว่าสนิทมาก ก็แค่…เคยเจอกันไม่กี่ครั้ง”
แววตาของหลินเทียนเฟิงโศกเศร้า
เจอกันไม่กี่ครั้ง จะมีท่าทางเช่นนี้ได้หรือ?!
ตามข่าวลือแล้ว ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกไม่สนใจกับงานตระกูลหมิงมากนัก
ถ้าไม่มีอันใดจริงๆ เขาจะออกมาแล้วพูดกับนางแบบนี้ได้หรือ?
หลินเทียนเฟิงยิ่งรู้สึกไม่เข้าใจผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ
นางดูเหมือนเป็นคนธรรมดา แต่ด้วย ฐานะของหมอเทวดาระดับแปด กลับสามารถรักษาโรคของจือเฟยได้ ดูเหมือนไม่มีเบื้องหลัง แต่กลับรู้จักบุคคลผู้สูงศักดิ์ของพระราชวังเมฆาสวรรค์
เหมือนว่านางจะซ่อนความลับไว้มากเลยทีเดียว จนไม่มีใครสามารถล่วงรู้ได้
หลินจือเฟยมองนางด้วยสายตาสื่อความหมาย จากนั้นก็กวาดสายตาไปมองทางตู๋กูโม่เป่า
บางที…สิ่งที่เขาคาดเดาอาจจะเป็นเรื่องจริง…
…
หลังจากนั้น ในที่สุดเยี่ยนชิงก็สามารถอ่านรายชื่อต่อได้อย่างราบรื่น
โชคดีที่หลังจากนั้นไม่มีเรื่องราวอันใดแปลกประหลาดอีก
รอจนกระทั่งเขาอ่านจบ แล้วปิดสมุดลง เขาจึงลอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
หรงซิวเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ท่าทางเกียจคร้าน และเฉื่อยชา แต่รัศมีสูงส่งแผ่กระจายออกมาตั้งแต่ในกระดูก
“ปกติแล้วข้าชอบเล่นหมาก และชอบผู้หญิงที่เล่นหมากเก่ง ดังนั้นในด่านแรก คือการเล่นหมากรุก”
ขณะที่พูด เขาก็สะบัดชายเสื้อ แสงสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งทะยานออกมา!
แสงสว่างเหล่านั้นรวมตัวพัวพันกันอยู่กลางอากาศ และหยุดอยู่ตำแหน่งกลางท้องพระโรง กลายเป็นกระดานหมากขนาดใหญ่!
“ใครสามารถเล่นหมากกับข้าจนถึงคนสุดท้ายได้ ผู้นั้นจะเป็นผู้ชนะ!”
…
ท้องพระโรงเงียบไปครู่หนึ่ง
จากนั้นก็มีเสียงกระซิบกระซาบดังขึ้น
ไม่มีใครคาดคิดว่า การที่ฝ่าบาทจะคัดเลือกพระชายานั้น ด่านแรกคือ การเล่นหมากรุก!?
แต่เรื่องที่ฝ่าบาทชอบเล่นหมากนั้น แน่นอนว่ามีคนจำนวนไม่น้อยรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว
การทำแบบนี้ ก็ใช่ว่าจะไม่ถูกต้อง…
เจียงเห่อเทียนยิ้มแล้วหันมองเจียงจื่อหยวน
“นี่คือสิ่งที่เจ้าชอบ และถนัดที่สุดเลยไม่ใช่หรือ เห็นได้ชัดว่า ในใจของฝ่าบาทก็ยังมีเจ้าอยู่เสมอนะ”
เจียงจื่อหยวนใบหน้าร้อนผ่าว ท่าทางเขินอายเล็กน้อย
“ท่านพ่อหยุดหยอกล้อข้าเล่นได้แล้ว!”
“หรือว่าพ่อพูดผิดไปหรือ? ตอนเจ้าอายุสามขวบเจ้าได้เรียนหมากรุกกับยอดปรมาจารย์ มีทักษะชั้นยอด บนโลกนี้น้อยคนนักที่จะสามารถชนะเจ้าได้ ที่หนึ่งนี้ คงต้องเป็นของเจ้าแล้ว?”
เจียงจื่อหยวนหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม แล้วหันมองไปทางกระดานหมากรุกที่ส่องแสง ในแววตามีประกายความตื่นเต้น และดีใจ
ดูเหมือนว่า เขาจะจำได้จริงๆ…
เยี่ยนชิงถามขึ้น
“ใครอยากจะเป็นคนขึ้นมาประลองคนแรก?”
ทุกคนเงียบเสียงลงทันที
หลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงดังขึ้นภายในฝูงชน
“เผยเพ่ยจากภูเขาอวิ๋นอู้ยินดีจะลองดู”
ทุกคนต่างมองตามเสียงนั้น
เป็นผู้หญิงคนหนึ่งรูปร่างสูงเพรียว สวมชุดสีเลือดหมู
นางมีใบหน้าเมล็ดแตงโม ขาวเกลี้ยงเกลา องค์ประกอบทั้งห้า*ของใบหน้างดงาม ในบรรดาคนที่แต่งตัวดี นางถือว่าไม่ได้สวยระดับต้นๆ
แต่ว่าระหว่างคิ้วมีประกายความห้าวหาญ ซึ่งทำให้นางดูแตกต่างจากคนอื่น
ที่เอวของนางห้อยดาบไว้เล่มหนึ่ง ราวกับว่าพร้อมจะชักออกมาต่อสู้อยู่ตลอดเวลา
หลังจากที่นางพูดจบ นางก็เดินไปตรงกลางท้องพระโรง และหยุดยืนบนกระดานหมากรุกขนาดใหญ่
“คุณหนูใหญ่แห่งภูเขาอวิ๋นอู้…ตามข่าวลือกล่าวว่านางมีนิสัยร้อนแรง ไม่ว่าจะทำสิ่งใดล้วนวุ่นวายได้มาเจอกันวันนี้ และข้าก็คิดว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ!”
“คนที่กล้าขึ้นมาคนแรก ใจกล้ามากเลยทีเดียว! แต่ไม่รู้ว่านางจะเดินไปได้สักกี่ก้าว ทักษะในการวางหมากของฝ่าบาท ได้ยินมาว่ายอดเยี่ยมอย่างมาก…”
“ไม่ว่าจะเดินไปกี่ก้าว แต่เมื่อมาปรากฏกายที่ด้านหน้าของฝ่าบาท! ก็ดีกว่าพวกที่แข็งแกร่งแต่ไร้ชื่อเสียงไม่ใช่หรือ?”
คนรอบข้างซุบซิบกันขนาดนี้ แต่เผยเพ่ยทำเหมือนไม่ได้ยิน นางเชิดคางขึ้น แล้วมองไปทางหรงซิว
หรงซิวกล่าวว่า
“เชิญคุณหนูเผยเดินก่อน”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท!”
เผยเพ่ยตอบรับหนึ่งเสียง จากนั้นก็เริ่มต้นอย่างกระฉับกระเฉง
นางรวบรวมพลังดั้งเดิมไว้กลางฝ่ามือ จากนั้นก็สะบัดข้อมือออก แล้วตกลงไปที่กระดานหมากรุกอย่างแรง!
พรึ่บ!
มีความผันผวนเกิดขึ้นเล็กน้อย ชั่วพริบตาเดียว ก็มีตัวหมากสีแดง ลักษณะกลม ปรากฏขึ้น!
“ฝ่าบาทเชิญ!”
ทันทีที่สิ้นเสียง บนกระดานก็มีตัวหมากสีทองปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว!
หรงซิวพูดเสียงเรียบ
“บนกระดานหมากนี้ หากเป็นหมากที่ข้าเคยวางมาก่อนหรือเคยเห็นมาก่อน มันจะวางลงเองทันที”
เผยเพ่ยชะงักไป
“นั่นก็หมายความว่า หากไม่รู้วิธีการวางหมากแบบใหม่ ฝ่าบาทก็ไม่มีทางลงมือเองเลยหรือ?”
หรงซิวพยักหน้า
เมื่อทั่วทั้งท้องพระโรงได้ยินดังนั้นก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา
เดิมทีเหล่าผู้หญิงที่ต้องการจะเคลื่อนไหว ก็หยุดชะงักทันที
นี่ไม่ได้หมายความว่า หากมีทักษะในการวางหมากไม่ถึงระดับเดียวกับฝ่าบาท แม้กระทั่งโอกาสประมือก็จะไม่มีเลย?
หากไม่มีฝีมือ ก้าวขึ้นไปด้านบนก็ไม่มีประโยชน์ จะทำให้ขายหน้าเปล่าๆ
ใบหน้าของเผยเพ่ยมีประกายความประหลาดใจ แต่หลังจากนั้นไม่นานก็กลับคืนสู่ปกติ
นางไม่ได้พูดอันใดมาก จากนั้นก็เริ่มวางหมากต่อ
อย่างใดก็ตามทุกครั้งที่นางวางหมาก กระดานหมากรุกจะตอบสนองอย่างรวดเร็ว โดยมีตัวที่จะต้องจัดการเพิ่มขึ้นหนึ่งตัว
แต่มีประเด็นสำคัญกว่านั้น นางเดินหนึ่งก้าว แรงกดดันบนกระดานก็เพิ่มขึ้นหนึ่งส่วน!
เผยเพ่ยค่อยๆ รับรู้ถึงแรงกดดันนั้น การวางหมากของนางก็ช้าลงเรื่อยๆ
ในที่สุด เวลาก็ผ่านไปครึ่งเค่อ เผยเพ่ยไม่สามารถทนรับแรงกดดันที่น่ากลัวนั้นได้อีกแล้ว
ไม่ว่านางจะลองอย่างใด เมื่อปล่อยพลังดั้งเดิมออกมา มันก็หายลงไปในกระดานหมากรุกทันที!
นางไม่สามารถวางหมากได้เลย!
ในตอนนั้นทุกคนก็มองออก ว่ากระดานหมากรุกแผ่นนี้ มันซับซ้อนกว่าที่พวกเขาคิดเอาไว้มาก!
หลังจากความพยายามล้มเหลว เผยเพ่ยก็เลือกที่จะยอมแพ้
“ข้ายอมแพ้!”
อวี๋มั่วจดบันทึกสถิติอยู่ด้านข้าง
“เผยเพ่ยภูเขาอวิ๋นอู้ : สิบเอ็ดก้าว!”
สีหน้าของทุกคนแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ความจริงแล้วในบรรดาสาวงาม เผยเพ่ยน้องว่าเป็นคนที่โดดเด่นคนหนึ่ง
และแม้ว่าภูเขาอวิ๋นอู้จะไม่ได้ยิ่งใหญ่เทียบเท่าหุบเขาเซียนสุ่ยหลิง แต่ฝีมือเมื่อเทียบกับต้นตระกูลถือว่าเป็นตระกูลชั้นยอดเช่นกัน
อีกทั้ง เผยเพ่ยก็เป็นอัจฉริยะที่ภูเขาอวิ๋นอู้เลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี นางอายุไม่ถึงยี่สิบเอ็ดปี แต่กลับสามารถขึ้นไปอยู่เป็นจอมยุทธ์ระดับเก้าขั้นสูงสุดได้แล้ว
แม้กระทั่งนางยังทำได้แค่สิบเอ็ดก้าว…แล้วคนอื่นเล่า?
เหมือนว่าเผยเพ่ยจะไม่ได้สนใจ หลังจากที่นางโค้งคำนับทำความเคารพหรงซิวแล้ว นางก็ลงไปในทันที
“คนต่อไป!”
เยี่ยนชิงตะโกนเรียก
ทุกคนต่างมองหน้ากัน
ในตอนนั้นพวกนางต่างรู้สึกลังเลอยู่เล็กน้อย แต่ตำแหน่งพระชายานั้นเย้ายวนมากเกินไป
หลังจากที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าจะไปลอง
แต่ในจำนวนคนส่วนใหญ่นั้น ฝีมือยังต่ำกว่าเผยเพ่ยด้วยซ้ำ
มีบางคนแม้กระทั่งวางหมากยังไม่สามารถทำได้
แม้ว่าจะมีคนลองพยายามอยู่หลายคน แต่มันก็ไม่ได้กินเวลาไปมากนัก
หลังจากนั้นไม่นาน ทุกคนก็ค่อยๆ เงียบเสียงลง
ในเวลานี้ คนที่กล้าขึ้นไป ก็ขึ้นไปหมดแล้ว มีเพียงสองคนเท่านั้นที่โดดเด่นกว่า แต่นางก็เดินได้ไม่ถึงยี่สิบก้าว
ท่ามกลางความเงียบ คนจำนวนไม่น้อยจึงมองไปทางเจียงจื่อหยวน
องค์ประกอบทั้งห้า ได้แก่ หู ตา ริมฝีปาก จมูก ลิ้น
—————————-