ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1078 ยั่วยุ
ตอนที่ 1078 ยั่วยุ
นางยกมือขึ้น
“เอ๋ นั่นมัน…”
พรึ่บ!
นางยังไม่ทันได้พูดจบคำ ถวนจื่อก็บินออกไปแล้ว
เสวี่ยเสวี่ยเองก็กระโดดพุ่งตัวออกมา
ทั้งสองตัวต่อสู้โรมรัน ชั่วพริบตาเดียวก็รวมกันเป็นก้อน!
…อยากจะมาแย่งนายท่านกับข้าหรือ? ฝันไปเถอะ!
…เรื่องดีๆ เจ้าก็ทำไปทั้งหมดแล้ว ยังจะมาบอกให้อสูรตัวอื่นฝันอีกหรือ!? ข้าจะเอา!
…ถุ้ย! เจ้านี่มันหน้าไม่อาย! เจ้านายที่แท้จริงของเจ้ายังนั่งอยู่บนนั้นนะ!
…ชนะก่อนแล้วค่อยว่ากัน!
หนึ่งขาวหิมะ หนึ่งแดงชาด เงาทั้งสองร่างต่อสู้พัวพันกัน แพ้ชนะยากตัดสิน
ฉู่หลิวเยว่งอแขน เก็บมือลงมาด้วยความเก้อกระดาก
นี่มัน…เหมือนว่านางจะไม่ต้องลงมืออันใดเลย?
นางเงยหน้าขึ้นไปมองครู่หนึ่ง
เขามีแววตารังเกียจอย่างโจ่งแจ้งเป็นปกติ และยังมีรอยยิ้มเย็นชาอยู่ที่มุมปาก
เขาเหลือบสายตาไปมองเสวี่ยเสวี่ยอยู่หลายครั้ง แล้วยังมีประกายเย็นเยียบแผ่ออกมาอีกด้วย
ฉู่หลิวเยว่คร่ำครวญถึงเสวี่ยเสวี่ยในใจ จากนั้นก็เลือกที่จะชมการแสดงต่อ
ไม่ว่าอย่างใดนี่ก็ไม่ใช่การทะเลาะกันครั้งแรก เมื่อสู้กันเสร็จก็จบแล้ว
…
ฉู่หลิวเยว่กำลังรับชมอย่างผ่อนคลาย แต่คนอื่นที่เห็นเหตุการณ์นั้นเช่นกัน ก็ต่างรู้สึกตกตะลึงไป ราวกับว่าไม่อยากจะเชื่อกับภาพที่อยู่ตรงหน้า
อสูรศักดิ์สิทธิ์ของตู๋กูเยว่ คาดไม่ถึงว่าจะเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับเดียวกันกับฝ่าบาท!?
…
“นั่นมันกษายะหางวายุ! ในข่าวลือกล่าวว่าสายเลือดของมันใกล้เคียงกับอสูรศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลหงส์ทองคำ!”
ไม่รู้ว่าใครเป็นคนตะโกนเรื่องนี้ขึ้นมา
แต่นับจากระดับและฝีมือ การที่จะมีพลังต่อสู้ระดับนี้นั้นเป็นเรื่องปกติมาก
แต่คำอธิบายนี้ ไม่เพียงแต่คลายความสงสัยของทุกคน แต่กลับเพิ่มความตกใจมากขึ้น
“กษายะหางวายุ? อสูรศักดิ์สิทธิ์ที่ล้ำค่าเช่นนั้น ทุกเผ่าไม่อาจมีมันได้ ตู๋กูเยว่ผู้นี้…โชคดีมากเลยทีเดียว?”
“ไม่เพียงแค่โชคดีเท่านั้น! ฐานะของตู๋กูเยว่นั่นสูงส่ง หากจะทำให้เชื่องนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก ถ้าไม่มีฝีมือ ก็ไม่มีทางทำให้มันยอมทำพันธสัญญาด้วยได้แน่! สำหรับข้าแล้ว ข้าคิดว่าตู๋กูเยว่ผู้นี้มีกึ๋นจริงๆ…”
“เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมียอดคน! แม้ว่านางจะเกิดมาในฐานะธรรมดา แต่ความสามารถระดับนี้ พูดอันใดไม่ออกจริงๆ!”
…
เสียงสนทนาทุกประเภทล้วนดังขึ้น
เสียงเหล่านั้นดังเข้ามาในหูของเจียงจื่อหยวนอย่างต่อเนื่อง
นางกัดฟันกรอด ที่หลังมือของนางมีเส้นเลือดปูดโปนขึ้น
กษายะหางวายุ…
กษายะหางวายุ!
อสูรศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้นมีระดับสูงกว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่ทำพันธสัญญากับนางจริงๆ!
หากนางไม่ได้เห็นด้วยตาตนเอง นางก็คงไม่เชื่อ แม่นางคนหนึ่งที่หน้าตาธรรมดาไม่ทราบที่มาอย่างชัดเจน คาดไม่ถึงว่าจะสามารถทำพันธสัญญากับอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับนี้ได้!
นางคิดมากเสมอว่าเสือดาวดาราทมิฬสองปีกที่ทำพันธสัญญากับนางนั้นดีมาก
มีเพียงหรงซิวเท่านั้นที่จะสามารถหาอสูรศักดิ์สิทธิ์ในพันธสัญญาอย่างเสวี่ยเสวี่ยได้
แต่ว่าตู๋กูเยว่คนนี้…
น่าโมโหมากที่สุด ขณะที่อสูรศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองประมือกัน นางกลับนั่งอยู่ด้านข้างด้วยใบหน้าเกียจคร้าน ราวกับว่านางไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย!
ทันใดนั้นเจียงจื่อหยวนก็ชะงักไป ในใจคาดเดาอันใดได้บางส่วน
ตู๋กูเยว่คนนี้ดูมีความมั่นใจอย่างมาก หรือนางคิดว่าตัวเองจะชนะ?
นางรู้จักหรงซิว รู้จักผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหก
อีกทั้งท่าทางที่สองคนนั้นปฏิบัติต่อนาง ก็ไม่เหมือนกับคนอื่นเลย…
จะว่าไปแล้ว เสวี่ยเสวี่ยเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ในพันธสัญญาของหรงซิว
หากเขาต้องการ…
เสวี่ยเสวี่ยจะแพ้หรือชนะ เขาก็สามารถสั่งได้ไม่ใช่หรือ?!
…
แกว๊ก!
ตามด้วยเสียงร้องดังชัดเจนของถวนจื่อ ทั้งสองตัวพัวพันกันจนแยกไม่ออก!
ผมเพ้าของเสวี่ยเสวี่ยพันกันยุ่งเหยิง บนร่างกายมีคราบเลือดอยู่เล็กน้อย โดยเฉพาะตรงจมูก มันถูกถวนจื่อจิกด้วยปากอันแหลมคม และมีเลือดไหลออกมา
ท่าทางดูอนาถอย่างมาก
ถวนจื่อก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไร รอบตัวของมันมีขนหลุดออกไปหลายเส้น แม้ตรงที่หางก็โล้นไปนิดหน่อย
ทั้งสองตัวจ้องอีกฝ่ายตาเขม็ง หอบแฮก เห็นได้ชัดว่าต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน
ไม่ว่าใครก็ตามที่มีสายตาที่เฉียบแหลมต่างก็มองออก ว่าการแข่งขันครั้งนี้ทั้งคู่จะเสมอกัน
แต่ผลลัพธ์แบบนี้ มันทำให้ทุกคนตกใจอย่างมาก!
สามารถเสมอกับอสูรศักดิ์สิทธิ์ของฝ่าบาทได้
เหมือนว่าในพระราชวังเมฆาสวรรค์จะไม่สามารถหาใครที่เหมือนได้อีกแล้ว
ตอนนี้ทั้งสองตัวเตรียมจะต่อสู้กันต่อไป แต่ในที่สุดฉู่หลิวเยว่ก็พูดขึ้นมา
“ถวนจื่อ กลับมา”
ถวนจื่อถึงกางปีกออก เปลี่ยนรูปลักษณ์ตัวเองให้มีขนาดเล็ก แล้วก็ลงบนไหล่ของฉู่หลิวเยว่
จากนั้นมันก็เงยหน้ามอง พร้อมกับแววตาที่เย็นชา
นายท่านคนนี้ควรจะเป็นของใคร ก็ต้องเป็นของคนนั้น!
เสวี่ยเสวี่ยคำรามอย่างไม่ยอมแพ้
ถวนจื่อหัวเราะเสียงเย็น จากนั้นก็ซบเข้าที่ไหล่ของฉู่หลิวเยว่ สัมผัสที่ใบหน้าของนางอย่างรักใคร่
ก่อนจะเหลือบสายตามองเสวี่ยเสวี่ยอย่างเหยียดหยาม
…ฮึ น่าโมโหอย่างมาก
เสวี่ยเสวี่ยโกรธมาก จากนั้นก็มองไปที่ฉู่หลิวเยว่ด้วยความเสียใจ
“อะแฮ่ม”
ฉู่หลิวเยว่กระแอมไอหนึ่งเสียง
“พวกเจ้ายังจะ…สู้กันอีกหรือ?”
เหอะ!
เสวี่ยเสวี่ยหมุนกายออกมาด้วยความไม่พอใจ
เสียใจยิ่งนัก!
มันเดินกลับไปที่ข้างกายของหรงซิว ก่อนจะนอนลงอย่างหมดแรง
ทุกคน “…”
นี่มัน…
ยอมแพ้แล้วหรือ?!
…
หรงซิวเหลือบสายตามองมัน
การต่อสู้เมื่อครู่นี้ เหมือนว่ามันจะไม่ได้ตั้งใจปล่อยไป?
จะว่าไปแล้ว ฝีมือของถวนจื่อ นั้นมันสามารถบินได้เร็วขึ้น อีกทั้งยังสามารถแข่งขันกับเสวี่ยเสวี่ยได้อย่างแท้จริง
เหมือนว่ามันจะถูกมองออก เสวี่ยเสวี่ยจึงฝังศีรษะลงกับพื้น
ไม่ฟังไม่ฟัง!
หรงซิวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย จากนั้นถึงได้ถอนสายตาออกมา
“ดูเหมือนว่า การประลองในครั้งนี้คุณหนูตู๋กูก็ชนะเช่นเดิม…”
“ช้าก่อน!”
หรงซิวยังพูดไม่ทันจบ ก็มีคนกล่าวขัดจังหวะขึ้นมา
คนที่พูดขึ้นคือ เจียงจื่อหยวนที่ลงจากสนามไปอย่างจนตรอกเมื่อครู่นี้
นางลุกขึ้นยืน
“ฝ่าบาท ข้ามีเรื่องไม่เข้าใจ”
สีหน้าของหรงซิวราบเรียบ
“คุณหนูใหญ่เจียงเชิญพูด”
เจียงจื่อหยวนเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาชี้ที่ฉู่หลิวเยว่
“ข้าอยากทราบว่า การแข่งขันเมื่อครู่นี้ เสวี่ยเสวี่ยตั้งใจให้นางชนะหรือไม่?!”
ทุกคนฮือฮาขึ้น!
เจียงจื่อหยวนใจกล้าเกินไปแล้วที่จะถามขึ้นตรงๆ เช่นนี้!?
หรงซิวคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
“คุณหนูใหญ่เจียงกำลังสงสัยว่าข้าไม่ยุติธรรมอย่างนั้นหรือ?”
เสวี่ยเสวี่ยคืออสูรในพันธสัญญาของเขา
เมื่อสงสัยเสวี่ยเสวี่ย ย่อมต้องสงสัยเขาด้วย!
เจียงจื่อหยวนเม้มริมฝีปาก
“จื่อหยวนไม่กล้า! จื่อหยวนเพียงแค่อยากจะขอโอกาสจากฝ่าบาทสักครั้ง หากคุณหนูตู๋กูสามารถชนะข้าได้ ข้าก็จะยอมแพ้!”
ขณะที่พูด นางก็หันไปมองฉู่หลิวเยว่ แล้วกล่าวถามขึ้น
“ไม่ทราบว่าคุณหนูตู๋กู จะกล้ายอมรับคำท้าหรือไม่?!”
ทุกอย่างเงียบกริบ
สายตาจำนวนนับไม่ถ้วนหันไปมองทางฉู่หลิวเยว่
ความจริงแล้วไม่ใช่แค่เจียงจื่อหยวนที่สงสัย ในใจของพวกนางก็รู้สึกสงสัยเช่นกัน
บรรยากาศที่ทำให้คนแทบจะหายใจไม่ออก ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้วค่อยๆ ยิ้มออกมา แววตาเหมือนมีดวงดาวพร่างพราวอยู่ด้านใน
นางพยักหน้ารับอย่างผ่อนคลาย
“ได้สิ”