ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1079 ช่วยคุณหนูใหญ่เจียงได้ยืดเส้นยืดสาย
ตอนที่ 1079 ช่วยคุณหนูใหญ่เจียงได้ยืดเส้นยืดสาย
เมื่อพูดจบ สายตาของฉู่หลิวเยว่ก็เคลื่อนไหวไปเล็กน้อย
นางมองไปยังเสือดาวดาราทมิฬสองปีกที่มีเลือดไหลออกโซมกาย
“อสูรศักดิ์สิทธิ์ในพันธสัญญาของคุณหนูใหญ่เจียงเหมือนว่าจะไม่สามารถต่อสู้ได้แล้ว”
“มันไม่ไหว แต่ก็ยังมีข้า”
เจียงจื่อหยวนพูดขึ้น สาวเท้าขึ้นมาด้านหน้า
ทั้งสองคนเผชิญหน้ากันในระยะไกล
“ขอเพียงเจ้าและอสูรศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าสามารถเอาชนะข้าได้ ข้าก็จะยอมรับการพ่ายแพ้นี้!”
เมื่อสิ้นเสียงของเจียงจื่อหยวน นางก็หลับตาลง พร้อมมีม่านแสงจางๆ ปรากฏขึ้น
หลังจากนั้นลมปราณที่น่าประหลาดใจก็ระเบิดออกมาจากตัวนาง!
“ครึ่งเซียน!”
เสียงสูดลมหายใจเข้าจากกลุ่มคนดังขึ้นหลายครั้ง!
“นางได้ทะลวงเข้าสู่อาณาเขตครึ่งเซียนตามข่าวลือจริงๆ ด้วย!”
“อายุยี่สิบสองเป็นครึ่งเซียน นางน่าจะเป็นอัจฉริยะที่รองลงมาแค่ฝ่าบาทเท่านั้นสินะ?”
“ได้ยินมาว่าในขณะเดียวกันนั้นนางยังได้ฝึกวิชาลึกลับ นางช่างเป็นคนที่โดดเด่นจริงๆ!”
“ไม่รู้ว่าตู๋กูเยว่ผู้นั้นจะอยู่ในระดับใด?”
…
เมื่อได้ยินเสียงสนทนารอบกาย ฉู่หลิวเยว่ก็หันศีรษะไปมองหรงซิว
ระดับพลังของเขานั้นก้าวผ่านครึ่งเซียนมานานแล้ว ตอนนี้น่าจะมีระดับที่สูงกว่านั้น!
หากนางต้องการตามให้ทัน อาจจะต้องใช้เวลาและพลังมากกว่าเดิมเล็กน้อย…
“คุณหนูตู๋กู เชิญ!”
เจียงจื่อหยวนพูดขึ้น
ฉู่หลิวเยว่ดึงสายตากลับมา แล้วยิ้มเล็กน้อย
จากนั้นก็เอื้อมมือไปสัมผัสกับสร้อยที่อยู่บนคอ
นั่นคืออาวุธโบราณที่ตู๋กูโม่เป่ามอบให้นางในการปกปิดระดับพลัง
แค่การสัมผัสเพียงครั้งเดียว ม่านที่ปกคลุมร่างกายของนางเอาไว้ก็สลายไปทันที
โคจรพลังดั้งเดิม ลมปราณที่แท้จริงก็ปรากฏขึ้น!
ทั่วทั้งท้องพระโรงเงียบกริบ เจียงจื่อหยวนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“จอมยุทธ์ระดับเจ็ด?!”
ไม่ได้มีอันใดผิดพลาดไปใช่หรือไม่!
ตู๋กูเยว่ที่แสดงฝีมือได้อย่างยอดเยี่ยมมาโดยตลอด แต่สุดท้ายกลับเป็นเพียงแค่จอมยุทธ์ระดับเจ็ดน่ะหรือ!?
นางคิดว่าอย่างน้อยอีกฝ่ายก็จะต้องเป็นจอมยุทธ์ระดับเก้า!
ไม่อย่างนั้นนางจะกล้าทำเรื่องกำเริบเสิบสานได้อย่างใด!?
ฉู่หลิวเยว่ไม่รู้สึกว่าเรื่องนี้มีอันใดผิดปกติ นางยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วถามกลับว่า
“เหตุใด มีปัญหาอันใดหรือ?”
นี่เท่ากับยอมรับแล้วใช่หรือไม่!
เพราะว่าเป็นเรื่องที่น่าตกใจเกินไป เจียงจื่อหยวนจึงไม่สามารถตอบสนองได้ชั่วคราว
นางเกือบจะหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ในแววตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ และไร้เหตุผล
“…จอมยุทธ์ระดับเจ็ด? เจ้าแน่ใจหรือว่าจะสู้กับข้าต่อ?”
ระดับผู้บำเพ็ญเพียรขั้นนี้ นางแค่ใช้กระบวนท่าเดียว ก็สามารถจัดการกับอีกฝ่ายโดยตรงได้แล้ว!
ฉู่หลิวเยว่กะพริบตา
“เรื่องนี้คุณหนูใหญ่เจียงเป็นคนพูดขึ้นมาเองไม่ใช่หรือ หรือว่าเจ้าเสียใจแล้ว?”
เจียงจื่อหยวนได้ยินเช่นนั้น ก็รู้สึกว่ามันน่าขันอย่างมาก
ตู๋กูเยว่ผู้นี้ เป็นบ้าไปแล้วหรือ?
นางไม่รู้จริงๆ หรือว่า ความแตกต่างจากจอมยุทธระดับเจ็ดและครึ่งเซียนนั้นมันห่างไกลกันมากแค่ไหน?
ในตอนนั้นเองทุกคนที่อยู่รอบข้างก็ค่อยๆ ดึงสติกลับมา สายตาที่มองไปทางฉู่หลิวเยว่พูดอันใดไม่ออก เหมือนกำลังมองตัวตลกที่โง่เขาคนหนึ่ง
“คาดไม่ถึงว่าเป็นจอมยุทธ์ระดับเจ็ดแล้วจะกำเริบเสิบสานได้ขนาดนี้?”
“น่าเสียดายที่เมื่อครู่ข้าคิดว่านางจะสามารถต่อสู้กับคุณหนูใหญ่เจียงได้! ถุ้ย!”
“ผู้บำเพ็ญเพียรระดับพลังเช่นนี้ข้ามผ่านพรมแดนมาได้อย่างใด? ทุกคนที่อยู่ในตำหนักศักดิ์สิทธิ์ น่าจะมีระดับสูงกว่านางทั้งนั้น”
ทุกคนต่างซุบซิบขึ้นมา มีบางคนจงใจหันไปถามหลินเทียนเฟิง
“ประมุขหลิน หน้าผาแดนสวรรค์ของพวกท่านหละหลวมจนสามารถปล่อยให้จอมยุทธ์ระดับเจ็ดเข้ามาได้ตั้งแต่เมื่อไร?”
คำพูดเหล่านั้นแฝงด้วยน้ำเสียงประชดประชันอย่างเห็นได้ชัด
อาณาจักรเสิ่นซวี่ผู้ที่แข็งแกร่งถือเป็นใหญ่!
ฉู่หลิวเยว่เป็นเพียงแค่จอมยุทธ์ระดับเจ็ด นางไม่มีคุณสมบัติที่จะอยู่ที่นี่ มิน่าล่ะทุกคนจึงมีท่าทีเช่นนี้
หลินเทียนเฟิงขมวดคิ้วเป็นปม
“แม้ว่าคุณหนูตู๋กูจะมีระดับพลังยุทธ์ไม่สูง แต่นางก็เป็นหมอเทวดาระดับแปด! อีกทั้งยังสามารถรักษาจือเฟย ลูกชายของข้าได้จนหายขาด! นางมีบุญคุณต่อตระกูลหลินของข้า และเป็นแขกผู้มีเกียรติของหน้าผาแดนสวรรค์ หวังว่าทุกท่านจะระวังคำพูดด้วย!”
ทันทีที่เขาพูดคำนั้นออกไป บางคนก็สงบลง
ตู๋กูเยว่ผู้นี้ ยังเป็นหมอเทวดาอีกด้วยหรือ?
แปลว่าในสายตาคนทั่วไปหมอเทวดาระดับแปดจะไม่ได้มีตำแหน่งสูงสุด แต่ฐานะของหมอเทวดาก็สูงกว่าคนทั่วไป
หากนางยังมีพรสวรรค์ชั้นยอดด้านหมอเทวดาด้วย ก็สามารถทำให้คนเชื่อถือได้
แต่ว่าอย่างใดก็ตามก็ยังมีคนไม่เห็นด้วย
“หึ หลินเทียนเฟิง ต่อให้เจ้าอยากจะพูดแทนนาง แต่ก็ไม่จำเป็นที่จะโกหกเช่นนี้สิ? พวกเจ้าหน้าผาแดนสวรรค์ก็มีหมอเทวดาระดับเก้า หลายปีที่ผ่านมานี้ พวกเขายังไม่มีหนทางรักษาเลย แล้วจะนับประสาอันใดกับหมอเทวดาระดับแปด?”
เสียงดังแข็งมาจากมุมหนึ่ง
หลินเทียนเฟิงหันกลับไปมอง
และเห็นว่าคนที่พูดนั้นคือหานเฉวียนจากหุบเขาหานซาน เขาพูดเสียงเรียบ
“ฝ่าบาท ข้าขอย้ำอีกครั้ง ผู้น้อยแซ่หลินไม่กล้าโป้ปด”
“เจ้า…”
หานเฉวียนสำลัก
หลินเทียนเฟิงกล่าวถึงฝ่าบาท ใครเล่าจะกล้าพูดต่อ
เขาสะบัดแขนเสื้ออย่างรุนแรง
“ต่อให้นางเป็นหมอเทวดาระดับแปด เดี๋ยวเย็นนี้การแข่งขันในรอบนี้นางต้องแพ้อย่างแน่นอน!”
…
เจียงจื่อหยวนเชิดคางขึ้นเล็กน้อย
“หากเจ้ายอมแพ้ในตอนนี้ ข้าก็จะปล่อยเจ้าไป”
ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส และจองหอง
ราวกับว่าฉู่หลิวเยว่ที่อยู่ตรงหน้านางนั้นเป็นเพียงแค่มดปลวกธรรมดาเท่านั้น
น้ำเสียงแบบนี้ทำให้ฉู่หลิวเยว่ไม่พอใจอย่างมาก
นางยักไหล่
“ขอโทษด้วยจริงๆ ข้ายังไม่มีแผนนั้น”
เจียงจื่อหยวนลอบหัวเราะเสียงเย็นในใจ แกว่งเท้าหาเสี้ยน!
“ดี ในเมื่อเป็นเช่นนั้น งั้นพวกเราก็มาเริ่มกันเลยเถอะ! หวังว่าอีกเดี๋ยว…แม่นางตู๋กูจะไม่เสียใจภายหลัง!”
ในความเป็นจริงแล้วเจียงจื่อหยวนก็ไม่ได้อยากให้ตู๋กูเยว่ยอมแพ้
นางต้องการใช้โอกาสนี้ มอบบทเรียนให้แก่อีกฝ่าย!
ไม่ว่าอย่างใดก็ตามนางได้หลีกทางให้แล้ว แต่ตู๋กูเยว่ไม่คว้าโอกาสนั้นไว้ เช่นนั้นหลังจากนี้…
ต่อให้นางจะเสียใจก็ไม่มีโอกาสแล้ว!
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
จากนั้นก็เดินถอยหลังออกไปหนึ่งก้าว
เจียงจื่อหยวนชะงักไป
ฉู่หลิวเยว่ลูบถวนจื่อที่เกาะอยู่บนไหล่ของนางเบาๆ
“ถวนจื่อ ไปช่วยคุณหนูใหญ่เจียงยืดเส้นยืดสายหน่อย”
เจียงจื่อหยวนดึงสติกลับคืนมา แล้วเยาะเย้ยเหยียดหยามนางในใจ
นางรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า ดังนั้นจึงจะส่งอสูรศักดิ์สิทธิ์มาต่อสู้?
นับว่าเป็นแผนการที่ดี!
น่าเสียดายที่ตู๋กูเยว่ไร้เดียงสาเกินไป!
ฝีมือของอสูรศักดิ์สิทธิ์นั้นแข็งแกร่ง โดยเฉพาะพลังที่สูงส่งอย่างกษายะหางวายุ!
น่าเสียดายที่มันจะต้องมาเป็นอสูรในพันธสัญญาของตู๋กูเยว่!
อสูรศักดิ์สิทธิ์กับจอมยุทธ์ระดับเจ็ด…ช่างเป็นเรื่องที่น่าขันจริงๆ!
พรึ่บ!
เจียงจื่อหยวนโบกมือ ผ้าคล้องแขนสีน้ำเงินก็ลอยออกมา!
ผ้าคล้องแขนทั้งเบา และพลิ้ว ตอนที่มันลอยไปตามลม มีแสงสีเงินประกายออกมาจางๆ
แรงกดดันที่น่าตกใจแผ่กระจายออกมา!
“อาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับกลาง…ไหมคงวายุ!?”
“รากฐานของเซียนสุ่ยหลิงนั้นลึกซึ้งจริงๆ สามารถหยิบอาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับกลางออกมาได้…”
“เกรงว่ากษายะหางวายุจะตกอยู่ในอันตรายแล้ว!”
เจียงจื่อหยวนหมุนเอวเรียวเล็ก ในขณะเดียวกันก็โบกไหมคงวายุขึ้น!
พรึ่บ!
เสียงดังทะลุฟ้า!
มันพริ้วไหวราวกับสายน้ำ ชั่วพริบตาเดียวก็บินหายไป!
พรึ่บ!
ถวนจื่อสยายปีกออก!
เปลวเพลิงสีแดงฉานพุ่งออกมาด้วยความรวดเร็ว!
อุณหภูมิสูงร้อนแผดเผา ชั่วพริบตาเดียวทั่วทั้งท้องพระโรงนี้ก็อุณหภูมิสูงขึ้นในทันที