ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1102 ข้ามีหลายผืน
ตอนที่ 1102 ข้ามีหลายผืน
ทุกคนรู้ว่าโหรวหรูไห่ล้ำเส้นนาง
ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ต่อไป จะไม่มีใครมองนางในแง่ดี แต่จะคิดว่านางขี้ขลาดและเจ้าเล่ห์แทน
…โดนคนกล่าวหากลางงานมงคล ชี้หน้าด่านางจนขายหน้ากลางสาธารณชน เรื่องแบบนี้ ต่อให้ทนได้ก็ไม่ควรทน!
และถ้าพวกเขารู้ว่า แม้แต่คนอย่างโหรวหรูไห่ก็ยังรอดพ้นไม่ถูกนางลงโทษ เช่นนั้นในอนาคตย่อมเกิดปัญหามากมายตามมาแน่นอน!
ฉู่หลิวเยว่ยังจำได้ดีว่าตอนที่นางมาถึงที่นี่เมื่อครู่ก่อน คนจากหุบเขาหานซานเหล่านั้นยังพูดเรื่องวิธีที่ผู้คนจากเผ่าเซียนสุ่ยหลิงเจียงจะจัดการกับนางอยู่เลย
แม้แต่คนอย่างพวกเขายังมีความคิดเช่นนี้ ฉะนั้นคนอื่นเองก็กล้าคิดเช่นนี้เหมือนกัน
ฉู่หลิวเยว่มาจากนอกพรมแดน แม้ว่าก่อนหน้านี้นางจะทำได้ดี แต่พออยู่บนยอดเขาและเผชิญหน้ากับนาฬิกาไร้กาลเวลา ผลลัพธ์ที่ได้กลับน่าทึ่งยิ่งกว่า
ทว่าเบื้องหลังนางนั้นไม่มีสำนักวิชา หรือเผ่าใดที่ทรงพลังพอจะสนับสนุนนางเลย
ต่อให้เป็นจักรพรรดิแห่งราชวงศ์เทียนลิ่งแล้วอย่างใด?
สำหรับคนเหล่านี้มันแทบไม่มีค่าให้เอ่ยถึงด้วยซ้ำ!
ดังนั้น นางจะต้องทำให้คนเหล่านี้ตระหนักว่า นางมิใช่คนที่พวกเขาจะล้ำเส้นได้ง่ายๆ!
นอกจากนี้ นางก็มาที่นี่เพื่อเค้นโหรวหรูไห่อีกเรื่อง
นางอยากรู้ว่าคนที่คอยช่วยหลู่อวี้เออร์อย่างลับๆ นั่นเป็นใคร และหากอีกฝ่ายยังอยู่ในเงามืดทั้งๆ ที่นางยืนอยู่ท่ามกลางแสงสว่างแบบนี้ ก็ไม่รู้เลยว่านางจะโดนตลบหลังเมื่อไร
ตอนนี้นางลงเรือเดียวกันกับหลินจือเฟยแล้ว
หากสามารถสร้างค่ายกลเคลื่อนย้ายเชื่อมผ่านระหว่างผาแดนสวรรค์และราชวงศ์เทียนลิ่งได้จริง หลังจากนี้มันจะสะดวกสำหรับนาง ในการเดินทางระหว่างสองพรมแดนอย่างมาก
ยิ่งไปกว่านั้น มันไม่ใช่แค่นางคนเดียว!
ถ้าอิงจากสถานะของนางในปัจจุบัน แน่นอนว่านางสามารถเข้าออกอาณาจักรเสิ่นซวี่ได้ตามต้องการ แต่ก็มีข้อจำกัดอย่างมากเช่นกัน
หรงซิวคือโอรสสวรรค์ที่ถูกผู้คนมากมายจับตามอง ซึ่งในอนาคตนางเองก็จะต้องได้รับการปฏิบัติแบบเดียวกันอย่างแน่นอน
เมื่อเป็นเช่นนี้ ฉู่หลิวเยว่ยิ่งหวังให้ตัวเองยืนหยัดได้โดยมิลำบากหรงซิว และสร้างอิทธิพลและอำนาจของนางเอง
อย่างนี้ก็ถือเป็นทางออกอีกทาง
“รีบสารภาพออกมาได้แล้ว ผู้อาวุโสโหรว ท่านเองก็เจ็บเหมือนกันมิใช่หรือ?”
ฉู่หลิวเยว่ค่อยๆ ฉีกยิ้มช้าๆ
ริมฝีปากสวยของนางแย้มยิ้ม แต่มันกลับทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวโดยไม่รู้ตัว!
โหรวหรูไห่หลบตา
“ข้า ข้าไม่รู้…ข้าไม่รู้จริงๆ…”
“เยี่ยนชิง เจ้าช่วยเรียกความทรงจำให้ผู้อาวุโสโหรวหรูไห่ที ดูสิว่าเขาจะจำอันใดได้บ้าง”
ฉู่หลิวเยว่เชิดคางขึ้น
“ขอรับ!”
เยี่ยนชิงตอบรับทันทีและก้าวไปข้างหน้าเพื่อโจมตีอีกครั้ง!
“อย่า…อ๊าก!”
โหรวหรูไห่แทบไม่มีโอกาสแม้แต่จะป้องกันตัวเอง เขาถูกเยี่ยนชิงเตะออกไปจนตัวลอย! และชนเข้ากับผนังอย่างแรง!
เยี่ยนชิงพุ่งตัวตามไปอย่างรวดเร็ว พลันเลือกจุดที่เปราะบางและเจ็บปวดที่บนร่างกายคน แล้วบีบลงไปสุดแรง
ไม่นานโหรวหรูไห่ก็ค่อยๆ เปลี่ยนจากการขัดขืนในตอนแรก เป็นร้องขอความเมตตาแทน และสุดท้ายก็เหลือเพียงเสียงคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดและไร้เรี่ยวแรง
เซียนหมอระดับเก้าขั้นสูงสุด พูดออกไปก็เหมือนสถานภาพอันสูงส่ง ที่สามารถดึงดูดเสียงเยินยอ และยอดฝีมือมากมายให้เข้ามาพักดีต่อเขา
แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้เขาทำได้เพียงนอนราบกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง พร้อมลมหายใจอันรวยริน
โหรวหรูไห่หูอื้อ สมองขาวโพลน ร่างกายของเขาเจ็บปวดและชาวาบไปทั่ว
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าแม่นางที่กำลังระบายยิ้มอยู่ตรงหน้านั้น ตั้งใจฆ่าเขาจริงๆ!
“ข้า…ข้าพูดแล้ว…”
โหรวหรูไห่รวบรวมกำลังที่เหลือแล้วเอ่ยออกมาสองสามคำ
ฉู่หลิวเยว่ยกมือขึ้น
เยี่ยนชิงพลันหยุดการกระทำ
“พูดมา”
โหรวหรูไห่อ้าปากที่เต็มไปด้วยลิ่มเลือด พลางกล่าวว่า
“นาง…นางคือ…เซิน…เซิน…”
พรวด!
พูดยังไม่ทันจบ เขาก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก ดวงตาสองคู่เหลือกขึ้น ร่างกายกระตุกอย่างรุนแรง ก่อนจะล้มลงกับพื้นและไม่ขยับเขยื้อนอีก
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้ว
แต่ในขณะที่เยี่ยนชิงกำลังจะเคลื่อนไหว ก็ถูกนางรั้งไว้เสียก่อน
“อย่าโดนตัวเขา!”
เยี่ยนชิงผงะไปครู่หนึ่ง พลันเห็นร่างของโหรวหรูไห่ที่แห้งเหี่ยวลงแล้วเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็ว!
และสุดท้ายก็กลายเป็นแอ่งเลือด!
“ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนของพวกนั้นสินะ”
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิด
“เขากับหลู่อวี้เออร์ร่วมมือกัน แต่ไม่แน่ใจว่าเขารับคำสั่งจากหลู่อวี้เออร์ หรือว่าพวกเขาสองคนมีนายคนเดียวกัน…ข้อมูลเหล่านี้ คงต้องรบกวนประมุขหลินตรวจสอบอีกทีหลังจากกลับไปแล้ว”
หลินเทียนเฟิงพยักหน้าด้วยสีหน้าซับซ้อน
“วิธีการของฝ่ายตรงข้ามนั้นร้ายกาจมาก เกรงว่า…ทางหลู่อวี้เออร์คงเตรียมการรับมือไว้แล้ว”
“ไม่เป็นไร”
ฉู่หลิวเยว่ผุดลุกขึ้นยืน
“สักวันเดี๋ยวนางก็หลุดพูดความจริงออกมาเอง ยามนี้ก็เริ่มสายแล้ว เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน ส่วนโหรวหรูไห่…”
“ข้าจะจัดการเอง พระชายาวางใจได้”
หลินจือเฟยกล่าวอย่างนุ่มนวล
ตั้งแต่ต้นจนจบ ตัวเขานั้นสงบและเยือกเย็นกว่าหลินเทียนเฟิงมาก
และสิ่งนี้สร้างความพอใจให้ฉู่หลิวเยว่มากกว่าเดิม นางพยักหน้ารับแล้วจากไปพร้อมเยี่ยนชิง
…
กว่าฉู่หลิวเยว่จะกลับมาถึงตำหนักสักการะเทพ ก็เป็นเพลาของราตรีกาลแล้ว
ทันทีที่สาวเท้าเข้าไปในห้อง สายตาก็พลันเบนไปเห็นร่างที่คุ้นเคย
นั่นคือหรงซิว
เขาเอนกายลงบนเตียง และถือตำราเล่มหนึ่งไว้ในมือ
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า เขาก็เงยหน้าขึ้น
ทว่าก่อนจะทันได้เอ่ยปากถาม กลับมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของสมุนไพรโชยมาแตะปลายจมูกเสียก่อน
เขาหรี่ตาลงทันควัน แล้ววางตำราลงพร้อมทำทีป้องปากกะแอมไอ
ฉู่หลิวเยว่ชำเลืองมองเขาเล็กน้อย
“ฝ่าบาท ท่านมีพลานามัยแข็งแรงอยู่เสมอ ไฉนถึงไอเช่นนั้น?”
หรงซิวหน้าซีดเซียว
“คงเพราะเมื่อคืนไม่ได้นอน เลยรู้สึกไม่สบายนิดหน่อย”
ทันใดนั้น ฉู่หลิวเยว่ก็จำได้ว่า เมื่อคืนนางผล็อยหลับไปด้วยความงุนงง แต่เหมือนว่าในภาพจำนั้น นางจะถูกใครบางคนกกกอดไว้ตลอดเวลา
นี่เขาไม่ได้นอนทั้งคืนเลยหรือ?
แต่ตอนกลางวันเขาก็ดูหน้าซีดเหมือนกันนะ
เมื่อคิดได้ดังนั้น ฉู่หลิวเยว่ก็เดินเข้าไปวัดชีพจรให้เขา
“ฝ่าบาท ท่านแค่เพลียมิได้ป่วย…”
ฉู่หลิวเยว่กลอกตาแล้วปรายตามองเขาเชิงเตือนกลายๆ
“ครั้งแรกฝ่าบาทหลอกข้าได้ แต่ไม่ใช่กับครั้งที่สอง”
หรงซิวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย พลันพลิกข้อมือมาจับมือบางไว้
“เยว่เอ๋อยังโกรธข้าอยู่หรือ?”
ตัวเขานั้นเป็นคนที่เยือกเย็น สง่างามและมีอากัปกิริยาที่โดดเด่นอยู่เสมอ
แม้ใบหน้าหล่อเหลานั่นจะแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม แต่รอบตัวเขากลับมีกลิ่นอายเย็นยะเยือกแผ่ออกมาจางๆ จนทำให้ผู้คนไม่สามารถเข้าใกล้ได้ ราวกับว่ากลัวจะไปยั่วยุโทสะหรือลบหลู่อีกฝ่ายเข้า
เสมือนว่าเป็นคนที่สูงส่งเกินเอื้อมอย่างใดอย่างนั้น
ทว่าน้ำเสียงอันทุ้มต่ำและแหบพร่าของเขาในยามนี้ ช่างแตกต่างจากท่าทีอ่อนโยนที่เขามักปฏิบัติต่อนาง
มันคันยุบยิบในใจแปลกๆ ราวกับมีบางอย่างฝากรอยขีดข่วนไว้บนหัวใจของนาง
แสงจากคบเพลิงที่อยู่ถัดจาก สะท้อนลงบนใบหน้าอันหล่อเหลาอย่างหาที่เปรียบมิได้ของเขา ขนงเรียวราวคันศรขมวดมุ่นเล็กน้อย ดวงตาคู่คมดุจเหยี่ยวจ้องมองนางอย่างลึกซึ้ง คล้ายจะโอนอ่อนให้กันแต่ก็ไม่ ประหนึ่งว่าเขากำลัง…แอบขุ่นเคืองใจ
ฉู่หลิวเยว่พลันใจอ่อนวูบวาบ ครั้นสัมผัสได้ถึงความหวานอมเปรี้ยวจากบุรุษขี้หวงข้างกาย
ผู้ชายที่เอาแต่เก็บงำความรู้สึกของตัวเอง มักไม่ค่อยแสดงออกเช่นนี้
มันจึงทำให้คนมองอดรู้สึกเอ็นดูไม่ได้
หรงซิวมองนางพลางกล่าวงึมงัม
“นานแล้วที่ข้ามิได้นอนหลับเต็มอิ่ม นับตั้งแต่ไร้ซึ่งเยว่เอ๋อ”
น่าแปลกที่ฉู่หลิวเยว่เดาความนัยของสิ่งที่เขาจะสื่อได้ในทันที
แววตาของนางวูบไหว พลันก้มตัวลงเล็กน้อยและโน้มเข้าไปใกล้ใบหน้าของหรงซิว
คนทั้งสองหายใจไม่ทั่วท้อง หัวใจสองดวงเต้นระรัวจนได้ยินเสียงของกันและกัน
ฉู่หลิวเยว่ระบายยิ้มหวานบางเบา พลางเอ่ยถาม
“ฝ่าบาทต้องการหลับนอนกับข้าหรือ?”
หรงซิวบีบกระชับมือบางตอบไป
“หมายความว่าเยว่เอ๋อ…ยินยอมหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วด้วยความกลัดกลุ้ม
“แต่เรายังมิไม่อภิเษกสมรสกัน เช่นนี้คงดูไม่ดีนัก? อีกอย่าง ในห้องนี้ก็มีแค่เตียงเดียว”
หรงซิวพลันยิ้มเยาะ
“ข้านอนพื้นก็ได้”
สีหน้าของเขาแข็งทื่อในบัดดล ก่อนจะกัดฟันพูดช้าๆ
“ที่นี่มีผ้านวมผืนเดียว”
หรงซิวใช้ปลายนิ้วเรียวยาวของตน เกลี่ยข้อมือของนางเบาๆ
“มิใช่ปัญหา”
“ข้ามีหลายผืน”