ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1109 เยว่ไหนนะ
ตอนที่ 1109 เยว่ไหนนะ
และเหมือนฉู่หลิวเยว่จะสัมผัสได้ นางเงยหน้าขึ้นมองกลับไป
ก่อนจะพบกับชายชราคนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงนั้นและกำลังจ้องมองมาที่นาง ฉู่หลิวเยว่ชะงักไปนิดแล้วส่งยิ้มกลับไป
ยามนี้นางคือชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งหน้าตาหล่อเหลาที่เวลายิ้มแล้วดูสุภาพอ่อนโยน ราวกับคุณชายผู้สูงศักดิ์ บริสุทธิ์ผุดผ่องมิเป็นพิษเป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อม
เมื่อรวมกับความมีสัมมาคารวะและความเป็นสุภาพบุรุษที่เผยออกมาแล้ว ก็ยิ่งทำให้นางเป็นที่ชื่นชอบมากขึ้น
ครั้นผู้อาวุโสฮวาเฟิงเห็นว่าคนผู้นั้นมิใช่เจ้าของใบหน้าในความทรงจำ ก็พลันถอนหายใจด้วยความ
โล่งอก
แต่ไม่รู้เหตุใด เขาถึงรู้สึกคุ้นเคยกับชายหนุ่มผู้นี้แปลกๆ
ผู้อาวุโสเหวินซีที่อยู่ข้างๆ เขาเองก็มองตามสายตาของเขาเช่นกัน แต่บังเอิญว่าคนที่ต่อแถวอยู่ด้านหน้าขยับตัวบังร่างของหนุ่มน้อยผู้นั้นไว้เสียก่อน ทำให้เขามองไม่เห็นอีกฝ่าย
ฉู่หลิวเยว่หลบสายตา
และยามนี้ก็ถึงคราวทดสอบของจัวเซิงแล้ว
“คารวะท่านผู้อาวุโสทั้งสอง ข้าน้อยมีนามว่าจัวเซิง ต้องการทดสอบสมรรถภาพประเภทจอมยุทธ์ขอรับ”
ผู้อาวุโสเหวินซีดึงสายตากลับมา พลางชำเลืองมองชายหนุ่มตรงหน้า ดวงตาของเขาเป็นประกายพลันเชิดคางขึ้น
“ทำแบบทดสอบตามคนก่อนหน้าเจ้าได้เลย”
“ขอรับ”
จัวเซิงพยายามเก็บซ่อนความกังวลและความหวังของตนไว้อย่างสุดความสามารถ แล้ววางมือลงบนผลึกสีขาวตรงหน้า!
หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีข้อความปรากฏขึ้นช้าๆ
“อายุยี่สิบสาม ระดับเก้าขั้นต้น!”
ฝูงชนโดยรอบถึงกับเงียบเสียงลงทันตา
เพราะมันหมายความว่า เขาผ่านมาตรฐานการคัดเลือกเข้าศึกษาที่สำนักหลิงเซียวแล้ว!
แถมยังถือได้ว่าเขาคือหนึ่งในผู้ที่มีทักษะโดดเด่นอีกด้วย!
สำหรับคนที่นี่แล้ว ยิ่งทะลวงขึ้นสู่ระดับเก้าได้เร็วเท่าไร หลังจากเข้าไปศึกษาในสำนักหลิงเซียวแล้ว ก็จะยิ่งได้รับทรัพยากรมากขึ้นเท่านั้น! รวมทั้งค่าตอบแทนที่มากกว่าเดิมด้วย!
ผู้อาวุโสเหวินซีระบายยิ้มอย่างพอใจ
“ไม่เลวเลย”
เขากล่าวพลางพลิกฝ่ามือ และหยิบแผ่นหยกสีดำออกมา
ทั่วทั้งแผ่นหยกนี้เป็นสีดำสนิท และมีลวดลายสีทองสลักอยู่
นั่นคือตราราชโองการของสำนักหลิงเซียว! สัญลักษณ์ของพวกเขาด้วย!
“ใส่ปราณดั้งเดิมของเจ้าเข้าไปในนั้นและเปิดใช้งานบัตรผ่าน แล้วเจ้าจะได้ลูกศิษย์อย่างเป็นทางการของสำนักวิชา”
ผู้อาวุโสเหวินซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ทุกวันนี้มีผู้คนมมากมายในฝางโจว ที่พยายามสอบเข้าไปเรียนในสำนักหลิงเซียว แต่ก็มีเพียงไม่กี่คนที่ประสบความสำเร็จ
บางครั้งเดือนหนึ่งก็อาจไม่มีเลยสักคน
เดิมทีเขาคิดว่าวันนี้ก็อาจจะคว้าน้ำเหลว แต่กลับคิดไม่ถึงว่ามันจะจบลงเร็วเช่นนี้ และได้ศิษย์หน้าใหม่มาแล้วหนึ่งคน!
และ…อาจจะมีมากกว่าหนึ่งคนก็ได้!
เพื่อนร่วมทางอีกสองคนที่มาพร้อมจัวเซิงเองก็ดูไม่เลวเช่นกัน!
จัวเซิงถ่ายพลังปราณของเขาเข้าไปอย่างระมัดระวัง
ตราสัญลักษณ์บนแผ่นหยกสีดำพลันส่องแสงสว่างวาบ!
จากนั้นก็มีนามของ “จัวเซิง” ปรากฏขึ้นด้านบน!
“เอาล่ะ! ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าได้เป็นศิษย์ของสำนักวิชาแล้ว!”
ผู้อาวุโสเหวินซีหัวเราะ
ครั้นเสียงประกาศเงียบลง ทุกคนที่อยู่รอบๆ ก็ต่างส่งสายตาอิจฉาริษยาให้เขา
จัวเซิงจ้องมองตราหยกสีดำในมือ พลันฉีกยิ้มกว้างอย่างอดไม่ได้
ก่อนมาถึงฝางโจวเขาคิดไว้แล้วว่ามันต้องเป็นเช่นนี้ แต่พอเป็นจริงขึ้นมา เขากลับไม่สามารถซ่อนความตื่นเต้นดีใจของตนไว้ได้เลย!
“ออกไปนั่งรอด้านข้างก่อน หลังเสร็จสิ้นการทดสอบแล้วค่อยกลับไปพร้อมข้า”
ผู้อาวุโสเหวินซีหัวเราะเบาๆ พลางเอ่ย
“คนต่อไป!”
คราวนี้เป็นตาของหลัวเยี่ยนหมิง
“คารวะท่านผู้อาวุโสทั้งสองท่าน ข้าน้อยมีนามว่า หลัวเยี่ยนหมิง ต้องการทดสอบสมรรถภาพประเภทปรมาจารย์ขอรับ”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงพลันเอ่ยแทรก
“คนตระกูลหลัวหรือ? เจ้ารู้จักหลัวเยี่ยนหลินหรือไม่?”
หลัวเยี่ยนหมิงยิ้มและตอบว่า
“เขาคือพี่ชายข้า ขอรับ”
“ไม่น่าล่ะ!”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงหัวเราะออกมาทันที
“ก็พวกเจ้าหน้าตาคล้ายกันเพียงนั้น! เจ้าเด็กนั่นเก่งมาก แสดงว่าพวกเจ้าเองก็เก่งกาจไม่ต่างกันสินะ!? เร็วเข้า! รีบมาทดสอบดูสิ!”
หลัวเยี่ยนหมิงขานรับหนึ่งที แล้ววางมือบนผลึกสีดำที่อยู่ด้านข้าง
ไม่นานก็มีตัวอักษรปรากฏขึ้นอีกครั้ง!
“อายุยี่สิบสาม ปรมาจารย์ขั้นที่เก้า!”
ฝูงชนรอบข้างส่งเสียงโห่ร้องดังสนั่น!
เด็กนี่เพิ่งจะยี่สิบสาม แต่กลับเป็นถึงปรมาจารย์ขั้นเก้าเชียวหรือ!?
ช่างเป็นความสามารถที่โดดเด่นจริงๆ!
“ฮ่าฮ่า! บอกแล้วว่าข้ามองไม่เคยพลาด!”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงหันไปยิ้มโอ้อวดใส่ผู้อาวุโสเหวินซีหนึ่งที
“เด็กคนนี้มีพรสวรรค์ที่โดดเด่นเช่นเดียวกับพี่ชายของเขา!”
และสาเหตุที่เขามีความสุข ก็เพราะเขาเป็นปรมาจารย์ และผู้อาวุโสเหวินซีเป็นจอมยุทธ์
ลูกศิษย์ของพวกเขาทั้งสองคนอายุยี่สิบสามหนาวเท่ากัน แต่ปรมาจารย์ขั้นเก้าจะต้องแข็งแกร่งกว่าจอมยุทธ์ระดับเก้าแน่นอน!
ทว่าผู้อาวุโสเหวินซีมิได้สนใจทำสงครามประสาทกับเขา และยิ้มเยาะกลับไปเบาๆ
อย่างใดเสียเด็กเหล่านี้ก็เข้ามาในพลัดของเขา ไม่ว่าผลการทดสอบจะเป็นอย่างใด ความดีความชอบทั้งหมดล้วนตกเป็นของเขา!
“ยังมีสาวน้อยนั่นอีกคน เข้ามาสิ!”
เมื่อเผชิญหน้ากับหลัวซือซือ ผู้อาวุโสเหวินซีและผู้อาวุโสฮวาเฟิงก็ปรับการวางตัวให้ดูเป็นมิตรมากขึ้น
หลัวซือซือก้าวไปข้างหน้าและโค้งคำนับด้วยความเคารพ
“คารวะท่านผู้อาวุโสทั้งสองเจ้าค่ะ ข้าน้อยมีนามว่า หลัวซือซือ ต้องการทดสอบสมรรถภาพประเภทจอมยุทธ์เจ้าค่ะ”
ผู้อาวุโสเหวินซีหัวเราะอย่างพอใจ
“เริ่มทดสอบได้เลย!”
หลัวซือซือเม้มปากแล้วยิ้มรับ และวางมือลงผลึกสีขาว
สักพักก็มีตัวอักษรปรากฏขึ้น
“อายุยี่สิบหนาว จอมยุทธ์ระดับเก้า!”
ฝูงชนโดยรอบเงียบเสียงลงทันที!
สีหน้าของผู้อาวุโสทั้งสองเปลี่ยนไปทันควัน! พร้อมความประหลาดใจที่ปรากฏขึ้นในดวงตาวาวโรจน์คู่นั้น!
จอมยุทธ์ระดับเก้าที่อายุยี่สิบหนาวหรือ!
ถือได้ว่าเป็นศิษย์อันดับต้นๆ ในสำนักวิชาแห่งนี้เลย!
ผู้อาวุโสเหวินซีมีความสุขมาก
ช่างเป็นวันที่น่ายินดีอันใดเช่นนี้!?
คนอื่นอาจต้องรอเป็นเดือนถึงได้ผู้สมัครที่มีคุณสมบัติเหมาะสม แต่วันนี้เขากลับได้มาตั้งสามคน!
เขารู้สึกได้ทันทีว่า หัวใจที่เคยชอกช้ำเพราะคิดถึงเจ้าคนมหันตภัยเมื่อครู่ก่อนนั้น ได้รับการเยียวยาแล้ว!
“ตระกูลหลัวนี่เต็มไปด้วยอัจฉริยะจริงๆ! ลูกหลานของตระกูลนี้ล้วนมีทักษะที่โดดเด่นกันทั้งสิ้น!”
หลัวซือซือหน้าแดงเรื่อ
“ผู้อาวุโสทั้งสองก็พูดเกินไปเจ้าค่ะ”
นางรับตราหยกสีดำของตนมา และสัมผัสได้ถึงอายเย็นเฉียบของมัน พลันรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย
“หากว่าตามความสามารถของพวกเจ้า ความจริงพวกเจ้าน่าจะมาถึงที่นี่ตั้งนานแล้ว ไฉนถึงใช้เวลานานนัก?”
ผู้อาวุโสเหวินซีถามด้วยความสงสัย
หลัวซือซือตอบกลับด้วยความลำบากใจ
“อันที่จริง ก่อนหน้านี้พี่ชายทั้งสองคนจะมาที่นี่แล้ว แต่เพราะต้องการมาพร้อมกันกับข้า ดังนั้น…”
ส่วนตัวแล้ว นางต้องการรอจนกว่าจะทะลวงไปถึงจอมยุทธ์ระดับเก้าก่อน แล้วค่อยมาที่นี่
อย่างใดเสียสำนักหลิงเซียวก็เป็นถึงสำนักวิชาชั้นนำของอาณาจักรเสิ่นซวี่ นางจึงต้องการพัฒนาให้ตัวเองแข็งแกร่งมากที่สุดเท่าที่จะทำได้เสียก่อน และรอกระทั่งตัวเองพร้อมเฉกเช่นตอนนี้
พวกผู้อาวุโสเหวินซีต่างหัวเราะออกมา แต่ไม่ได้ถามซักไซ้ต่ออีก
“ดีแล้วที่พวกเจ้ารักใคร่ปรองดองกันดี! ไว้ถึงสำนักวิชา ข้าจะให้เจ้าเด็กหลัวเยี่ยนหลินนั่นพาพวกเจ้าไปชมรอบๆ!”
บรรยากาศในตอนนี้เต็มไปด้วยความสุขและความตื่นเต้น
ชวนให้ผู้คนที่เฝ้ามองอยู่อิจฉาตาร้อนกันถ้วนหน้า
หลังจากนั้นก็มีการทดสอบอีกหลายสิบคน แต่ไม่มีใครผ่าน
ทว่าอย่างใดเสีย แค่นี้ผู้อาวุโสทั้งสองก็มีความสุขมากแล้ว
โดยเฉพาะผู้อาวุโสเหวินซี
เด็กสามคนนี้จะต้องอยู่ฝ่ายเขา!
“คนต่อไป!”
ฉู่หลิวเยว่ก้าวไปข้างหน้า
นางคือผู้สมัครคนสุดท้าย
“คารวะท่านผู้อาวุโสทั้งสองขอรับ”
ฉู่หลิวเยว่ทำความเคารพอย่างสุภาพ เสมือนกิริยาของคุณชายในตระกูลขุนนางชั้นสูง ซึ่งทำให้คนมองรู้สึกพอใจอย่างมาก
และสิ่งนี้ยังทำให้หลายคนที่เตรียมล่าถอย จำต้องหยุดดูฉากนี้ต่ออีกครั้ง
เหล่าผู้อาวุโสเหวินซีมองดูชายหนุ่มตรงหน้าพวกเขาอย่างพินิจพิเคราะห์
ไม่สามารถระบุตัวตนได้ แต่ร่างกายกลับเต็มไปด้วยพลังปราณ…ช่างหายากยิ่งนัก
“ข้าน้อยมีนามว่า ฉู่เยว่ ต้องการทดสอบสมรรถภาพประเภทเซียนหมอ ขอรับ”
เพื่อความปลอดภัย ฉู่หลิวเยว่จึงเลือกสมัครประเภทเซียนหมอ
ทว่าสิ้นคำ ผู้อาวุโสสองคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกลับตกตะลึงกันยกใหญ่ ราวกับได้ยินคำพูดแสลงหู
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงถลึงตามองนาง
“ฉู่เยว่? เยว่ไหนนะ!?”
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไปครู่หนึ่ง
และหลุดปากออกไปโดยไม่ทันคิด
“เยว่ ที่มาจากชื่อแคว้นอู๋เยว่ ขอรับ”
ผู้อาวุโสทั้งสองพลันถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ดีแล้ว เช่นนั้นก็ดี!”